ตอนที่258 ทะเลาะกัน

หวานเจียงให้ความสำคัญกับศักดิ์ศรีตัวเองเป็นที่สุด เธอไม่มีทางกลับคำคุกเข่าขอโทษจ้าวเฉียนแน่นอน

แม้ภายในใจเธอจะรู้สึกผิดเพียงใด แต่เธอก็อายกว่าจะขอโทษ ยิ่งไปกว่านั้นเธอทราบนิสัยของจ้าวเฉียนดี เขาจะทำตามที่พูดอย่างแน่นอน หลังจากงานเทศกาลไหว้พระจันทร์สิ้นสุดลง เขาจะกลับมาทวงสิทธิ์การบริหารทั้งหมดของฮวาหยินกรุ๊ปคืนอย่างแน่นอน

และถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ในอนาคตต่อไปเธอยังจะมีหน้าไปเจอจ้าวเฉียนได้ยังไง? แต่เธอจะไม่ต้องทนอยู่ใต้เขาอีกต่อไปเช่นกัน?

หลังจากครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วนแล้ว หวานเจียงก็ตัดสินใจที่จะไม่ไล่ตามจ้าวเฉียนไป ถึงยังไงเธอก็เป็นถึงราชินีน้แข็งแห่งวงการธุรกิจ แล้วเธอจะไปยอมผู้ชายเพียงคนเดียวได้ยังไง?

จ้าวเฉียนขับรถไปสนามบินเหยียบคันเร่งมิดด้วยความรีบร้อน โชคยังดีที่เขาสามารถใช้ช่องทางVIPของสนามบินได้ ตามที่คำนวณเขาไม่น่าตกเครื่องแน่นอน

ประมาณสี่สิบนาทีต่อมา จ้าวเฉียนเดินทางมาถึงสนามบินและขึ้นเครื่องผ่านช่องทางVIPดังกล่าวไปได้ทันเวลา พอหาที่นั่งเจอพลางเก็บสัมภาระเสร็จสรรพ เขาก็นั่งประจำที่ไป

ยังเหลือเวลาอีกกว่ายี่สิบนาทีก่อนเครื่องจะขึ้น พนักงานต้อนรับบนเครื่องออกมาเตือนผู้โดยสารทุกท่านให้ปิดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และคาดเข็มขัดให้เรียบร้อย

จ้าวเฉียนมองหน้าจอโทรศัพท์อย่างว่างเปล่า แต่สีหน้าการแสดงออกดูซับซ้นออย่างมาก ตอนนี้เขาโกรธจริงๆ และพยายามให้โอกาสหวานเจียงแก้ตัวอีกครั้ง

แต่ก็เฝ้าหน้าจออยู่นานสองนาน ก็ไม่มีสายโทรเข้ามาหาเขาเลย

ในเวลานี้เอง พนักงานต้อนรับบนเครื่องก็เดินเข้ามาเตือนจ้าวเฉียนน้ำเสียงสุภาพว่า

“ท่านผู้โดยสาร กรุณาปิดโทรศัพท์มือถือลงไปก่อนนะคะ”

จ้าวเฉียนเงยศีรษะมองพนักงานต้อนรับคนสวย เขาพยักหน้าพลางยิ้มตอบไป

แต่ในขณะเดียวกัน หวานเจียงเพิ่งจะมารู้สึกเสียใจทีหลังกับสิ่งที่ทำลงไป พอคิดได้ดังนั้นเธอจึงรีบคว้ามือถือโทรหาจ้าวเฉียนทันที แต่กลับได้ยินมิสคอลขึ้นเพียงว่า ‘ขอโทษค่ะ ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้’

เธอได้ยินดังนั้นราวกับหัวใจแทบแตกสลาย

อย่างไรก็ตาม เธอยังมีโอกาสแก้ตัวอยู่ ยังไม่สายเกินไปสักทีเดียว ขอเพียงรีบเดินทางไปที่สนามบินและแจ้งเปลี่ยนเป็นเที่ยวบินถัดไป ถึงแม้ว่าเธออาจจะถึงหยางจิ้งช้ากว่า แต่ตราบใดที่ไปถึงที่นั่นได้ นั้นก็เป็นการพิสูจน์ความจริงใจของเธอต่อจ้าวเฉียนได้บ้างไม่มากก็น้อย

หวานเจียงคิดว่านี่เป็นวิธีเดียวแล้วที่จะสามารถประคองความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับจ้าวเฉียนได้ เธอลุกขึ้นพรวดคว้ากระเป๋าเดินทางวิ่งขึ้นรถทันที

ในไม่ช้า เที่ยวบินของจ้าวเฉียนก็ออกเดินทาง เห็นได้ชัดว่าเขาอารมณ์เสียอย่างยิ่ง ทิ้งตัวเอนกายลงบนเก้าอี้ปรับนอนและหลับไปทั้งแบบนั้น

ประมาณสองชั่วโมงต่อมา เครื่องบินที่จ้าวเฉียนโดยสารลงจอดยังท่าอากาศยาน ณ เมืองหยานจิ้งอย่างปลอดภัย

คนขับรถที่ถูกส่งมาโดยจ้าวฝู่กำลังยืนรอรับตั้งแต่หน้าทางออกแล้ว และทันทีที่จ้าวเฉียนเดินออกมา อีกฝ่ายก็จำได้ในทันที

“คุณชายจ้าวครับ! ผมอยู่ทางนี้!”

จ้าวเฉียนหันควับติดตามต้นเสียงไป พลางเห็นอีกฝ่ายไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นคนคุ้นเคยกันอย่างดี ชายคนนี้ชื่อว่าหวางไฮ่ เป็นคนขับรถประจำตัวของจ้าวฝู่

จ้าวเฉียนยิ้มและรีบเดินเข้าไปทักทายทันที

“ลุงหวาง! ไม่ได้พบกันซะนาน หล่อขึ้นรึเปล่าครับเนี่ย?”

หวางไฮ่รีบเดินเข้าไปช่วยถือกระเป๋าเดินทางของจ้าวเฉียน และเอ่ยตอบอย่างยิ้มแย้มว่า

“ฮ่าฮ่า…คุณชายจ้าวสุภาพเกินไปแล้ว ผมไม่ได้เจอหน้าคุณชายมานานแค่ไหนแล้วครับเนี่ย? ประมาณห้าปีเศษเลยมั้งครับ ทีแรกผมก็ใจหาย คิดว่าคุณชายจ้าวจะไม่กลับมาแล้ว”

จ้าวเฉียนหัวเราะตอยไปว่า

“จะให้ฉันทำยังไงได้ล่ะ? ตอนนั้นเล่นเอาซะพ่อโกรธเป็นฝืนเป็นไฟขนาดนั้น ฉันกลับมาที่นี่ไม่ได้เลย”

“แต่ผมได้ยินจากนายท่านมานะครับว่า ตอนนี้คุณชายเติบโตขึ้นราวกับเป็นคนละคนเลยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เรื่องนี้ผมยืนยันด้วยตัวเองเลยครับ คราบคุณชายเอาแต่ใจคนนั้นมันไม่หลงเหลืออยู่เลยจริงๆ พร้อมกลับมาสืบทอดมรดกต่อจากนายท่านรึยังครับ?”

จากที่หวางไฮ่ได้เห็นช้าวเฉียนในตอนนี้ เขามั่นใจอย่างมากว่า ถ้าจ้าวฝู่ได้มาเห็นกับตาตัวเองคงต้องภูมิใจในตัวลูกชายอย่างมาก และมีคุณสมบัติเพียงพอแล้วที่จะสืบทอดอาณาจักรธุรกิจของตระกูลจ้าวต่อเป็นรุ่นต่อไป ซึ่งนี่เป็นเจตนารมณ์ของจ้าวฝู่

“นี่แอบถามเผื่อพ่อใช่ไหมเนี่ย? บอกพ่อหัดไปฟิตร่างกายแล้วมาดูแลต่อเองเถอะ ฮ่าฮ่า…”

“ฮ่าฮ่า…”

ทั้งสองเดินทางกลับไปที่รถพร้อมพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน แต่พอเดินมาถึงตัวรถ หวางไฮ่พลันชะงักฝีเท้าทันที รีบเหลียวศีรษะมองย้อนกลับไปด้วยความงุนงง เขาเอ่ยถามขึ้นทันทีด้วยความสงสัยว่า

“เอ่อ…คุณชายจ้าว ไม่ใช่ว่านายท่านบอกผมมาเหรอว่า คุณชายจะพาแฟนกลับมาด้วย? หรือไม่ได้มาเที่ยวบินเดียวกันเหรอครับ?”

รอยยิ้มบนใบหน้าจ้าวเฉียนจางหายไปฉับพลัน พอเห็นแบบนั้นหวางไฮ่เข้าใจได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น จึงรีบกล่าวปลอบอีกฝ่ายโดยเร็วว่า

“ไม่เป็นไรครับ ไม่เป็นไรหรอกครับคุณชาย ทุกคนกำลังตั้งหน้าตั้งตารอคุณชายกลับมาเยี่ยมอยู่นะครับ เรารีบไปกันดีกว่า”

“อืม…”

จ้าวเฉียนพยายามฝืนยิ้มตอบไป

ทั้งสองขึ้นรถเสร็จสรรพก็ขับตรงไปยังบ้านพักตากอากาศของตระกูลจ้าว

ในฐานะมหาเศรษฐีชื่อดังระดับประเทศ ทรัพทย์สินส่วนตัวทั้งหมดในตระกูลจ้าวมีมูลค่ามหาศาลจนหาประเมินค่าได้ไม่ แน่นอนว่าบ้านพักตากอากาศ…ไม่สิ…คฤหาสน์ของจ้าวฝู่ย่อมไม่ธรรมดาแบบคนรวยทั่วไป ตระกูลจ้าวมีภูเขาส่วนตัวของตัวเอง นอกจากตัวคฤหาสน์ตากอากาศ ณ ยอดเขาส่วนตัวแล้ว พวกเขายังมีสนามกอล์ฟบนภูเขาส่วนตัวอีกด้วย

มีกลุ่มบอดี้การ์ดคอยเฝ้าระวังอยู่ที่เชิงเขาอย่างหนาแน่น จำเป็นต้องได้รับคำเชิญจากจ้าวฝู่และอวีกุ้ยเฟิงเท่านั้นถึงจะสามารถขึ้นภูเขาลูกนี้ได้ แม้แต่บรรดาญาติพี่น้อง เพื่อน และคนใช้ทุกคนของตระกูลจ้าว จำเป็นต้องขออนุญาตทุกครั้ง

จ้าวฝู่และอวีกุ้ยเฟิงพาญาติพี่น้องสิริรวมกว่า15คนมายืนรอจ้าวเฉียนที่เชิงเขา ท้ายที่สุดนี้ ในอนาคตต่อไปจ้าวเฉียนจะกลายมาเป็นหางเสือผู้ขับเคลื่อนและกำหนดทิศทางของตระกูลจ้าวต่อไป ดังนั้นพวกเขาจำต้องพึ่งพาจ้าวเฉียนในภายภาคหน้า

ไม่นาน รถของจ้าวเฉียนก็ปรากฏสู่สายตาของทุกคน

“มาแล้ว! มาแล้ว!”

จ้าวฝู่ร้องอุทานขึ้นอย่างตื่นอกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง

เป็นเวลากว่าห้าปีแล้ว ที่เขาไม่ได้พบหน้าลูกชายคนนี้เลย ที่ผ่านมาได้แต่ติดต่อผ่านการวิดีโอคอลและโทรศัพท์เท่านั้น เขารอคอยช่วงเวลาแบบนี้มานานมากแล้วจริงๆ และในที่สุดก็มทาถึงสักที

บรรดาญาติพี่น้องทั้งหลายรีบวิ่งไปที่รถทันที จ้าวเฉียนที่เห็นแบบนั้นก็วานให้หวางไฮ่หยุดรถก่อน ในฐานะที่เขามีศักดิ์เป็นรุ่นหลาน จะไม่มีทางให้ผู้หลักผู้ใหญ่วิ่งมาทักทายเขาก่อนไม่ได้ และควรจะเป็นเขาที่ต้องออกไปทักทายพวกเขาแทน

เมื่อเห็นจ้าวเฉียนเดินลงมาจากรถ พวกเขาก็โบกมือทักทายทันทีอย่างมีความสุข

จ้าวเฉียนรีบวิ่งมาทักทายทุกคนทันทีอย่างยิ้มแย้ม

“ไอ้หมาน้อย! แกผอมลงเยอะเลยนะ แต่ก็ดูหล่อขึ้นแหะ”

“สุดยอดไปเลยแหะ อยู่ได้ยังไงโดยไม่มีเงินที่บ้าน ถ้าเป็นน้าคงตายตั้งแต่ปีแรกแล้ว ไอ้พี่คนนี้ก็โหดไป ตัดหางปล่อยวัดลูกตัวไปเองไปตั้งห้าปี!”

“แล้วไหนล่ะ? แฟนหลานอยู่ไหน? ป้าได้ยินมาว่า เธอเป็นคุณหนูคนโตของฮวาหยินกรุ๊ป ป้าลองค้นหาภาพในอินเตอร์เน็ตแล้ว สวยเชียวนะ รีบพาเธอลงมาจากรถได้แล้ว ป้าอยากเห็นหน้าเธอจัง! ตัวจริงต้องสวยกว่าในรูปเป็นไหนๆ จริงไหม!”

…………

ทุกคนระเบิดคำพูดออกมาไม่หยุดหย่อน จนจ้าวเฉียนไม่มีโอกาสได้พูดแทรกเลยสักคำ

ในเวลานั้นเอง หวางไฮ่ผู้เป็นคนขับรถต้องรีบเดินลงมาพูดแทรกทุกคนขึ้นทันทีว่า

“ทุกท่านครับ เอ่อ..คือว่า…มีเพียงคุณชายจ้าวเท่านั้นที่มา…”

รอยยิ้มบนใบหน้าของทุกคนพลันค้างแข็งไปโดยพลัน เฉพาะอย่างยิ่งกับจ้าวฝู่ที่ใบหน้ามืดทมิฬดูน่าเกลียดอย่างมาก เขาอุตสาห์โม้กับบรรดาญาติๆจนปากเปียกปากแฉะว่า วันนี้ชูกชายของเขาจะพาคู่หมั่นมาเปิดตัว

“เกิดอะไรขึ้น?”

จ้าวฝู่เอ่ยถามด้วยความโกรธเคือง

จ้าวเฉียนคลี่ยิ้มแห้ง ตรงเข้าไปโอบไหล่พ่อและตอบกลับไปว่า

“พ่อ อย่าโกรธกันเลยนะ ตอนนี้ผมก็กลับมาแล้วไง ผมจะอยู่ฉลองกับทุกคนไปอีกสองสามวัน ครั้งต่อไป ผมสัญญาว่าจะพาเธอมาให้ได้แน่นอน คือ…ก่อนหน้าที่จะมา พวกเราทะเลาะกันน่ะพ่อ…”

“หยุดเลย! แกหยุดทะเลาะกับคนอื่นสักวันไม่ได้รึไง? ทำไมต้องทะเลาะกันวันนี้ด้วย? อดทนไม่ได้เลยเหรอห่ะ?! หรือแฟนแกที่ว่ามันงี่เง่าขนาดนั้นเลย?”

จ้าวเฉียนรีบอธิบายตอบทันทีว่า

“พ่อ ผมก็ไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดเรื่องแบบนี้ไหมล่ะ? เธอเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง เชื่อมั่นในตัวเองสูงมาก ลุยบริหารธุรกิจครอบครัวด้วยตัวเพียงลำพังมาโดยตลอด จึงเป็นธรรมดาที่เธอจะไม่ค่อยอ่อนข้อกับผมเท่าไหร่ แม่เองก็เคยพบเธอมากแล้ว ไม่เชื่อลองถามแม่ได้เลยว่า เธอเป็นผู้หญิงหัวดื้อมาก”

อวีกุ้ยเฟิงรีบก้าวออกมาพูดแทนลูกชายของเธอโดยไวว่า

“ใช่ ฉันของยืนยันแทนเขาได้ สาวน้อยฮวาหยินกรุ๊ปเป็นคนที่หัวดื้อไม่ใช่น้อย แต่ในอีกด้านเธอเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งมาก และไม่ได้ด้อยไปกว่าฉันเลย และเพราะแบบนี่นี่แหละ ฉันถึงถูกใจเธอ ถึงขั้นอยากเธอมาเป็นสะใภ้ของบ้านเราเลยด้วยซ้ำ คุณเองก็ต้องการผู้หญิงที่ดีพอมาอยู่เคียงคู่กับลูกเราไม่ใช่เหรอ?”

เมื่อได้ยินที่อวีกุ้ยเฟิงพูด นี่ก็ดูเหมือนว่าจะยืนยันได้แล้วว่าจะเป็นความจริง หากแฟนของจ้าวเฉียนเป็นผู้หญิงงี่เง่าไร้เหตุผลจริง เขาไม่ยอมปล่อยให้เข้ามาในตระกูลจ้าวเป็นอันขาด

อาณาจักรธุรกิจที่ครอบคลุมไปทั่วประเทศจีนแบบนี้ ในอนาคตต่อไปจ้าวเฉียนคือคนที่ต้องมารับช่วงต่อ ถ้าภรรยาของลูกชายตัวเองไม่สามารถช่วยเข้ามาแบ่งเบาความกดดันได้ แล้วจะแต่งเข้ามาเพื่ออะไร?

การจะหาผู้สืบทอดสืบทอดมรดกนับหมื่นล้านล้าน ถ้าจ้าวฝู่จนปัญญาจริงๆ อย่างมากก็แค่ใช้เงินนำน้ำเชื้อของลูกชายเขาไปผสมเทียม แค่นี้ก็ได้ทายาทมาสืบทอดมรดกต่อแล้ว

แต่อย่างไรตอนนี้จ้าวฝู่พบผู้หญิงที่มีคุณสมบัติมากพอแล้วที่จะแต่งงานและช่วยกันดูแลธุรกิจไปพร้อมกับลูกชายเขา

พอคิดได้อย่างนั้น จ้าวฝู่รู้สึกว่า การที่หวานเจียงกล้าขึ้นเสียงเถียงโต่เถียงกับจ้าวเฉียนนี่ก็เป็นสิ่งที่ดีเช่นกัน

เธอต้องเป็นคนมีจุดยืนที่มั่นคงและความกล้าหาญอย่างมาก ถึงกล้าโต้เถียงกับลูกชายของเขา

แต่ถึงอย่างไร ณ ตอนนี้เธอไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย ทั้งๆที่จ้าวฝู่ชักชวนบรรดาญาติพี่น้องมาขนาดนี้แล้วแท้ๆ จะปล่อยให้ชวดโอกาสไม่พบเจอเธอได้อย่างไร?

เขาหันไปออกคำสั่งกับจ้าวเฉียนทันทีว่า

“รีบโทรหาเธอเดี๋ยวนี้ ฉันจะส่งเครื่องบินส่วนตัวไปรับเธอเอง และฉันไม่สนด้วยว่าแกจะทำยังไง แต่วันนี้เธอจะต้องมาเหยียบบ้านเราให้ได้!”