ภาคที่สาม มิต้อง ตีกรับ ร่ำสุรา จากจอกทอง ตอนที่ 84 ชมบุปผาในหมอก

ยอดสตรีฉางอิ๋ง ภาคที่ 2-3

ความจริงแล้ว เว่ยซินหย่งได้รวบรวมโจรโฉดกลุ่มนี้เอาไว้แล้วตั้งแต่สามปีก่อน และในเวลานี้เขาก็ถูกรับมาเป็นบุตรบุญธรรมในรุ่ยอวี่ถัง ย่อมทำให้คนคิดเชื่อมโยงไปได้ง่ายๆ ว่าเขาไปทำสัญญากับเว่ยฮ่วนไว้นานแล้ว จากนั้นก็ใช้กองโจรเขาเฟิ่งฉีมาช่วงชิง ‘ปี้อู่’ และสังหารเว่ยเจิ้งหย่า… จากนั้นเว่ยซินหย่งก็บังเอิญผ่านเฟิ่งโจวเพื่อไปรับราชการที่อำเภอเฉาอวิ๋นที่อยู่ห่างไกลความเจริญ แล้วพาโจรโฉดนี้ไปด้วยพอดี และนับว่าเป็นการตอบแทน ‘โจรโฉด’ เหล่านี้ที่ทุ่มเททำงานให้เว่ยฮ่วน และหาทางออกให้แก่พวกเขาไปพร้อมกัน

ทว่า แม้ดูไปแล้วความเป็นไปได้เช่นนี้ก็มีเหตุผล แต่ความจริงแล้วกลับไร้แก่นสารนัก

สมมติว่าเพียงเพื่อต้องการจะให้พวกโจรโฉดไปจากเฟิ่งโจว โดยไม่ทำให้ผู้คนเคลือบแคลงว่าเว่ยฮ่วนจงใจทำร้ายหลาชาย ก็สามารถให้เงินทองแก่ทุกคนสักเล็กน้อยและให้แยกย้ายกันออกไปทั่วทิศ เช่นนี้แล้วก็จะทำให้เรื่องเงียบเชียบที่สุด

แม้เมื่อสามปีก่อนเว่ยซินหย่งยังคงไม่มีชื่อเสียงใดๆ แต่เว่ยฮ่วนก็กลับรู้แล้วว่าเขาเป็นผู้คนที่มีความสามารถ กอปรกับความแค้นระหว่างเว่ยซินหย่งและจิ่งเฉิงโหว นอกเสียจากคนผู้นี้จะตายไปแต่ยังเล็ก หาไม่แล้วช้าเร็วก็จะต้องก่อเรื่องใดขึ้นมาเป็นแน่ เว่ยฮ่วนจะเก็บช่องโหว่นี้เอาไว้ทำสิ่งใด?

ตามหลักการแล้ว เมื่อเว่ยเจิ้งหย่าตายและ ‘ปี้อู่’ ก็มาอยู่ในมือของเว่ยฮ่วนแล้ว โจรโฉดแห่งเขาเฟิ่งฉีก็ควรจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย ต่อให้เว่ยซินหย่งต้องการพวกเขา เว่ยฮ่วนก็ควรจะปฏิเสธจึงจะถูก นั่นเพราะหากให้คนกลุ่มนี้ติดตามเว่ยซินหย่งไป วันใดถูกคนสังเกตเห็นขึ้นมาก็เป็นการยากที่ผู้คนจะไม่คาดเดากันไปต่างๆ นานา

ฉะนั้นสิ่งที่เป็นไปได้มากที่สุดก็คือ กลุ่มคนที่เรียกขานว่าโจรโฉดนี้ เดิมทีล้วนเป็นคนสนิทของเว่ยซินหย่ง ยิ่งไปกว่านั้นก็เป็นคนชนิดที่เขาไม่อาจละทิ้งได้ด้วย

เพียงแต่เป็นเพราะเหตุผลบางประการ ตอนแรกนั้นพวกเขาไม่อาจคอยดูแลอยู่ข้างกายเว่ยซินหย่งได้ จึงทำได้เพียงอาศัยโอกาสที่เว่ยซินหย่งเดินทางมารับตำแหน่งและผ่านมาทางเฟิ่งโจว เพื่อจะได้มารับโจรโฉดกลุ่มนี้ โดยบอกว่าพวกเขาเป็นบ่าวในที่ทำการและพากลับไปด้วย

จวนจนหลังจากที่บิดาและพี่สาวแท้ๆ ของเว่ยซินหย่งเสียชีวิตไป และเขาก็เติบโตมาในเมืองหลวงอย่างเงียบๆ แต่แล้วจู่ๆ ก็มีงานให้ไปเป็นนายอำเภอนอกเมือง ซึ่งเป้าหมายที่แท้จริงก็คือจะพาพวกเขากลับไปอยู่ข้างกาย

แต่ไม่ว่าอย่างไร เว่ยซินหย่งก็เป็นคนในตระกูลสูงศักดิ์ หากข้างกายเขาก็มีบ่าวอยู่บ้างสักจำนวนหนึ่งนั่นก็มิได้แปลกอันใด แต่เหตุใดจึงไม่สามารถให้คนเหล่านี้ไปอยู่รับใช้ข้างกาย แต่กลับต้องใช้วิธีอ้อมเป็นวงใหญ่เช่นนี้?

คำตอบที่น่าเชื่อถือที่สุดของคำถามนี้ก็เกรงว่าจะเป็นเพราะฐานะของคนเหล่านี้ไม่ใคร่สะดวกนั่นเอง…

อย่างน้อยก็ไม่สะดวกในเมืองหลวง

ฉะนั้น เมื่อเว่ยซินหย่งออกมาจากเมืองหลวง จึงเอาพวกเขามาไว้ข้างกาย ภายหลังจึงได้พาพวกเขาติดตามไปที่อำเภอเฉาอวิ๋นอย่างเปิดเผย ทว่าเมื่อเขาถูกรับไปที่รุ่ยอวี่ถังและกลับมาเมืองหลวงอีกครั้ง เขาก็ยังคงนำเด็กรับใช้หู่หนูที่เขาพามาจากเมืองหลวงไปด้วยเท่านั้น ส่วนบ่าวคนอื่นๆ ก็ล้วนเป็นเว่ยฮ่วนซึ่งภายหลังเขาต้องเรียกขานใหม่ว่า ‘ท่านลุงรอง’ เป็นคนจัดหาให้เขา

โจรโฉดเขาเฟิ่งฉีกลุ่มนั้น ล้วนหนีห่างจากเมืองหลวงตั้งแต่ต้นจนจบ

ทว่าด้วยฐานะของเว่ยซินหย่ง หากเขาต้องการปกป้องนักโทษธรรมดาสักคนสองคน แม้จะมิได้ง่ายดายเหมือนเช่นที่เสิ่นจั้งเฟิงสามารถตัดสินใจด้วยตนเองว่าจะนิรโทษให้แก่กองโจรเขาเหมิงซานทั้งหมดได้ ทว่าก็มิใช่ว่าจะไม่มีหนทาง อย่างเช่นว่าด้วยความแค้นที่เขามีต่อจิ่งเฉิงโหวเว่ยฉี แล้วไปร่วมมือกับฉางซานกงเว่ยฮ่วน แม้ว่า เว่ยฮ่วนจะเกษียณมานานปี แต่การจะนิรโทษให้แก่พวกโจรโฉดนี้ก็ยังเป็นเรื่องที่พูดจาเพียงไม่กี่คำก็ลุล่วงแล้ว

ก็ผู้ให้ใช้ให้ฮ่องเต้ทรงชิงชังที่จะฟังเหล่าขุนนางรายงานเรื่องกองโจรที่เกิดขึ้นทั่วทิศในบ้านเมืองเป็นที่สุดเล่า? เหล่ากองโจรในแผ่นดินจึงมิเคยอยู่ในรายชื่อที่นำขึ้นทูล ฮ่องเต้ พวกที่ก่อเรื่องมากหน่อยก็จะถูกเหล่าขุนนางขั้นหนึ่งสองสามท่านจัดการแล้ว เว่ยฮ่วนเป็นหนึ่งในเสาหลักของแผ่นดิน แม้ว่าระหว่างหกตระกูลสูงศักดิ์ในเขตทะเลจะปรองดองกับบ้างขัดแย้งกันบ้าง ทว่าก็ไม่ได้ทำให้เกิดเรื่องใหญ่โต อย่างไรก็ต้องไว้หน้ากันและกันอยู่บ้าง

แต่เห็นชัดว่าเว่ยซินหย่งมิได้ประสงค์จะขอความช่วยเหลือจากเว่ยฮ่วน …หรือว่าคนกลุ่มนี้จะมิใช่กองโจร? ทว่ามีบางสิ่งที่ต้องปิดบังตัวตนในเมืองหลวง?

ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อพวกเขากลับมาอยู่ข้างกายเว่ยซินหย่งก็ยังใช้ฐานะว่าเป็นโจรโฉดแห่งเขาเฟิ่งฉี เห็นได้ว่าอย่างน้อยก็ต้องเป็น ‘กองโจร’ ที่เคยอยู่ที่เขาเฟิ่งฉีมาก่อน เสิ่นจั้งเฟิงไม่ได้เอ่ยถึง ‘กองโจร’ กลุ่มนี้ให้ชัดแจ้ง ส้างกวานสืออีฟังเอาจากถ้อยคำและน้ำเสียงก็เดาออกแล้วว่าจะต้องมีความเกี่ยวพันอย่างมากกับเว่ยฮ่วน หาไม่แล้วพวกเขาเพิ่งจะปรากฏตัวที่เขาเฟิ่งฉีได้สามเดือน แล้วเหตุใดจึงพอดีไปปล้นสะดมขบวนรถของรุ่ยอวี่ถัง จนทำให้เว่ยฮ่วน ‘โกรธหนัก’ แล้วต้องไปยืม ‘ปี้อู่’ มาจากเว่ยเจิ้งหย่า แล้วพอดีไปทำให้คนสนิทตั้งมากมายของเว่ยเจิ้งหย่าต้องตายด้วยเล่า?

ทั้งเว่ยซินหย่งและเว่ยฮ่วนล้วนเป็นคนที่มีเล่ห์เหลี่ยมชั้นเชิงเหนือคน โจรโฉดกลุ่มนี้แม้มองคล้ายไม่เป็นที่ดึงดูดความสนใจ แต่นั่นก็จะต้องมีเหตุผลใดแน่…

จู่ๆ ส้างกวานสืออีก็เอ่ยขึ้นมาว่า “กลับไม่ทราบว่า โจรโฉดแห่งเขาเฟิ่งฉีกลุ่มนี้ติดตามโม่ปินอวี่มาที่กว้านโจวด้วยหรือไม่?”

“ทางเรากลับยังไม่อาจมองออก แม้ว่าหากเขียนจดหมายไปสอบถามท่านฉางซานกงที่เฟิ่งโจวก็อาจจะสามารถรู้ได้ ทว่าด้วยระยะทางที่จะส่งไปก็อาจจะไม่ทันการณ์แล้ว” เสิ่นจั้งเฟิงเอ่ยเสียงหนักว่า “พี่ส้างกวาน?”

“เว่ยซินหย่งรับคนกลุ่มนี้เอาไว้ถือว่าไม่ปกติยิ่งนัก หากเป็นฉางซานกงต้องการให้เอาคนมาคอยจับตาดูข้างกายเขา ด้วยฐานะที่เขาเป็นถึงคนในตระกูลเว่ย หากเลือกองครักษ์สักสองคนมาก็ยังนับว่าเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล ทั้งยังเห็นชัดด้วยว่า ฉางซานกงเอาใจใส่ลูกหลาน?” ส้างกวานสืออีเอ่ย “แล้วคนกลุ่มนี้ก็จงใจอยู่ห่างจาก เมืองหลวง หากพวกเขามิใช่พวกโจรที่ไม่เหมาะจะอยู่ในที่แจ้งแล้ว เช่นนั้นก็ต้องมีงานที่จำเพาะเจาะจงที่จะใช้สอยพวกเขา… เมื่อเว่ยซินหย่งได้พวกเขามาก็ออกเดินทางไปรับตำแหน่งที่อำเภอเฉาอวิ๋นในชิงโจวทันใด หลังจากเป็นนายอำเภอที่อำเภอเฉาอวิ๋นสองปี จึงถูกรับมาอยู่ในรุ่ยอวี่ถัง ทางฝั่งของรุ่ยอวี่ถังนั้นยังไม่ต้องเอ่ยถึง ยามนี้โม่ปินอวี่ที่อยู่ในอาณัติของเว่ยซินหย่ง และพาคนเดินทางขึ้นมาตามเขาเหมิงซาน เดินหน้าโจมตีจนมาถึงกว้านโจว …อำเภอเฉาอวิ๋นก็มิใช่ว่าอยู่ที่ตีนเขาเหมิงซานหรอกหรือ?”

ตระกูลเสิ่นเป็นตระกูลฝ่ายบู๊ แม้ว่าล้วนจดจ่ออยู่ที่การต่อกรกับชิวตี๋เป็นส่วนใหญ่ แต่เสิ่นจั้งเฟิงก็เข้าใจหลักการทั่วไปของใต้หล้า เดิมทีอำเภอเฉาอวิ๋นเป็นอำเภอเล็กๆ ที่ไม่สะดุดตา คนทั่วไปล้วนไม่ใคร่สนใจที่แห่งนี้ ทว่าเพราะเว่ยซินหย่งเคยรับราชการอยู่ในเมืองนี้ หลังจากเว่ยฉางอิ๋งนำจดหมายของเว่ยซินหย่งมาให้ เสิ่นจั้งเฟิงก็ไปตรวจสอบมาเป็นการเฉพาะ จึงจดจำที่แห่งนี้ได้เป็นอย่างดี

ส่วนเหตุที่พอส้างกวานสืออีเอ่ยปากก็บอกที่ตั้งของอำเภอนี้ได้ในทันที นั่นกลับเป็นเพราะเขามีความจำที่ดีมาก

เสิ่นจั้งเฟิงไตร่ตรองในใจหนหนึ่ง แล้วขมวดคิ้วน้อยๆ “หากว่าเดิมทีตั้งแต่ท่านอาหกของภรรยาข้าวางแผนไปรับตำแหน่งนายอำเภอเฉาอวิ๋นก็เพราะมีแผนการใดอยู่แล้ว…”

“เป้าหมายของเขาน่าจะเกี่ยวข้องกับเขาเหมิงซาน หรือไปจนถึงในแถบของอำเภอเถาฮวาด้วย” ส้างกวานสืออีเอ่ยอย่างมั่นใจ “ยิ่งไปกว่านั้นยังต้องการกำลังคนจำนวนมาก หาไม่แล้วโม่ปินอวี่ก็จะไม่บุกจากเขาเหมิงซานใต้ขึ้นมาเรื่อยๆ ทั้งยังกวาดต้อนเอากองโจรที่เขาตีย่อยยับไปด้วย!”

“และในจำนวนนั้นก็ยังต้องการกำลังคนที่ค่อนข้างพิเศษกลุ่มหนึ่ง บางทีอาจจะเป็นกลุ่มที่เรียกขานกันว่าโจรโฉดเขาเฟิ่งฉีนั่น” เสิ่นจั้งเฟิงเอ่ยเสียงหนักว่า “ไม่เพียงแค่เกี่ยวพันกับอำเภอเถาฮวาเท่านั้น จะต้องเกี่ยวข้องกับอำเภอเฉาอวิ๋นอย่างเลี่ยงไมได้ด้วย! อำเภอเฉาอวิ๋นไปอำเภอเถาฮวาใช่ว่าจะห่างไกลนับพันลี้? ตามที่พี่ส้างกวานดาดเดา การที่ท่านอาหกของภรรยาข้าผู้นี้หว่านล้อมโม่ปินอวี่มาได้ก็น่าจะเป็นเพียงเรื่องบังเอิญ บางทีอาจเป็นเพราะโม่ปินอวี่ จึงได้มีเรื่องที่กองทหารสกุลโม่บุกกวาดล้างเขาเหมิงซานขึ้นมา! หาไม่แล้วลำพังแค่คนสนิทของเขาเพียงน้อยนิด ก็จะทำได้เพียงสละตำแหน่งในอำเภอเฉาอวิ๋น แล้วไปเลือกรับราชการในที่ที่อยู่ใกล้กับอำเภอเถาฮวาหรือไม่ก็อยู่ในอำเภอเถาฮวาไปเสียเลย เพื่อจะได้ลงมือได้โดยสะดวก!”

ส้างกวานสืออีกล่าวว่า “ข้าน้อยไม่เคยพบท่านฉางซานกงมาก่อน แต่คิดว่าเมื่อเป็นถึงเสาหลักของแผ่นดินและเป็นผู้ควบคุมดูแลตระกูลเว่ยแห่งเฟิ่งโจว ก็จะต้องเป็นผู้ที่มีความสามารถยิ่งนัก แม้ว่าเว่ยซินหย่งจะเก่งกาจมีสติปัญญาโดดเด่น แต่ประการแรกเพราะยังด้อยเรื่องอายุและประสบการณ์ ประการที่สองก็มีทรัพย์สมบัติไม่เพียงพอ ปีนั้นเขารู้เรื่องในเฟิ่งโจวทั้งยังพาโม่ปินอวี่หนีไปได้ บางทีอาจเป็นเพราะได้รับการผ่อนผันหรือนุญาตโดยปริยายจากท่านฉางซานกง? หาไม่แล้วก็จะไม่ราบรื่นเพียงนี้ เพียงแต่ข้าน้อยคิดไม่ออกว่าเหตุใดท่านฉางซานกงจึงได้ดีกับเว่ยซินหย่งเช่นนี้?”

“สำหรับเรื่องนี้ บางทีอาจเพราะมีความบังเอิญบางประการ หรืออาจเป็นโชคของท่านอาหกของภรรยาข้า” เสิ่นจั้งเฟิงฟังออกว่าส้างกวานสืออีกำลังสงสัยในชาติกำเนิดของเว่ยซินหย่ง …เพียงแต่เขากลับไม่คิดว่าเว่ยซินหย่งมีความสัมพันธ์ทางสายเลือดอันใดกับเว่ยฮ่วน เรื่องที่ต้องห้ามที่สุดในตระกูลเลื่องชื่อก็คือสายเลือดที่สับสนปนเป ยิ่งไปกว่านั้นแม้ว่าแม่เฒ่าซ่งจะร้ายกาจ ทั้งลูกๆ จากอนุก็มีจำนวนไม่น้อย นางก็ยังสามารถทนยอมต่อเว่ยเซิ่งอี๋มาได้ตั้งหลายปี แล้วจะไม่อาจทนยอมให้เว่ยซินหย่งกลับมายอมรับบิดาแท้ๆ อย่างออกหน้าออกตาได้อย่างไร?

อย่างไรก็ไม่อาจเป็นพูดได้ว่าเมื่อเว่ยฮ่วนแอบได้เสียกับอนุของเว่ยจีจนให้กำเนิดเว่ยซินหย่งออกมา เขาจึงไม่อาจยอมรับเว่ยซินหย่งกลับมาเป็นลูกหรอกกระมัง? อนุก็มิใช่ภรรยาเอก การจะยกให้ผู้ใดไปมาก็เป็นเรื่องปกตินัก ด้วยฐานะของเว่ยฮ่วนแล้ว ต่อให้เอ่ยอย่างถอยออกมาอีกหมื่นก้าว หากเขามีสัมพันธ์ใดกับอนุของเว่ยจี แล้วเว่ยซินหย่งก็เป็นบุตรชายแท้ๆ ของเขาจริงๆ เมื่อได้รู้เรื่องและมาเอ่ยปากกับเว่ยจี เว่ยจีย่อมไม่มีทางไม่ยกอนุให้แก่เขา เมื่อเป็นดังนี้แล้วก็มิใช่ว่าจัดการเรื่องนี้ได้เรียบร้อยแล้วหรอกหรือ?

แต่หากเว่ยซินหย่งมิใช่บุตรชายแท้ๆ ของเว่ยฮ่วน ด้วยอุปนิสัยของ เว่ยฮ่วนแล้วก็จะไม่มีวันช่วยเขาเปล่าๆ เป็นแน่ และเมื่อมองจากเรื่องของโม่ปินอวี่แล้ว คำอธิบายที่เป็นไปได้มากที่สุดก็เป็นดังทีส้างกวานสืออีบอกเป็นนัยไปแล้วเช่นนั้น …แต่หากไม่ใช่แล้วล่ะก็…

เสิ่นจั้งเฟิงไตร่ตรองอยู่พักใหญ่ๆ กล่าวว่า “ไม่ว่าจะพูดอย่างไร หากไม่จำเป็น ท่านอาหกของภรรยาก็จะไม่มีทางวู่วามให้กองทหารสกุลโม่อันใดนั่นบุกตีมาจนถึง อำเภอเถาฮวาเป็นแน่!”

หากเป็นที่อื่นซึ่งขึ้นเหนือมาจากอำเภอเฉาอวิ๋นก็ยังแล้วไป แต่อำเภอเถาฮวาอยู่ติดกับซีเหลียง ตระกูลเสิ่นจะยอมให้…กองทหารสกุลโม่ ที่พากันเรียกขานว่าทหาร หาใช่กองโจร …ซึ่งเป็นกองกำลังที่ไม่รู้ที่มาที่ไป มาปรากฏตัวประชิดชายแดนซีเหลียงได้อย่างไร?

โม่ปินอวี่อาจไม่เข้าใจตระกูลสูงศักดิ์ แต่เว่ยซินหย่งกลับไม่มีทางไม่เข้าใจ

ทว่ากองทหารสกุลโม่ก็ยังปรากฏตัวที่อำเภอเถาฮวา เห็นได้ว่าเขาไม่อาจไม่มาที่อำเภอเถาฮวา หรือไม่ก็ไม่สามารถหลบเลี่ยงจากอำเภอเถาฮวาได้!

ส้างกวานสืออีพลันเอ่ยขึ้นมาว่า “ความจริงแล้ว ในเมื่อไล่ต้าหย่งมาแล้ว ข้าน้อยคิดว่าบางทีอีกไม่นานนี้กองทหารสกุลโม่ก็จะส่งคนมาเจรจากับคุณชายสามแล้ว”

ไล่ต้าหย่งพ่ายแพ้ต่อโม่ปินอวี่จนต้องถอยร่นกลับมาติดต่อกันหลายครั้ง หากมิใช่โม่ปินอวี่จงใจออมมือ นอกเสียจากเขาจะนำกำลังที่เหลือถอยมาที่ซีเหลียง มิเช่นนั้นแล้วเขาจะสามารถพาคนขี่ม้าเร่งมาที่ซีเหลียงได้อย่างไร? ต่อให้เขาทะนงตนว่าคุ้นเคยกับเขาเหมิงซานจึงมาที่นี่ได้ แล้วเขาจะวางใจละทิ้งกองโจรมาในขณะที่กำลังเผชิญกับศัตรูตัวฉกาจดังนี้ได้หรือ? แล้วไม่กลัวว่ากองโจรเขาเหมิงซานจะต้องพ่ายแพ้ย่อยยับด้วยเหตุนี้หรอกหรือ?

หรือไม่เช่นนั้น ในกองโจรเขาเหมิงซานก็ยังมีผู้มีความสามารถล้ำเลิศคนอื่นที่ทำให้ไล่ต้าหย่งวางใจและออกเดินทางมาได้

แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างใด โม่ปินอวี่บุกตีมาตั้งแต่เขาเหมิงซานใต้จนถึงเขาเหมิงซานเหนือ ทั้งยังระมัดระวังจนไม่มีข่าวคราวใดๆ แม้แต่น้อยนิด แต่เวลานี้กลับเผยเบาะแสให้เสิ่นจั้งเฟิงเห็นแล้ว เว่ยฉางอิ๋งภรรยาของเสิ่นจั้งเฟิงก็ดันรู้ความเป็นมาของเขาด้วย หากเขาต้องการแสร้งทำเป็นเป็นกองโจรที่บังเอิญปรากฏตัวออกมาก็ไม่มีทางทำได้แล้ว!

เห็นได้ว่าที่ทำเช่นนี้ก็เพื่อเผยร่องรอยให้แก่เสิ่นจั้งเฟิงนั่นเอง…

อำเภอเถาฮวาอยู่ใกล้เพียงนี้ แล้วเสิ่นจั้งเฟิงจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องได้อย่างไร? ยามนี้พวกชิวตี๋กำลังระส่ำระสายอย่างหนัก ซีเหลียงไร้ภัยจากภายนอก เสิ่นจั้งเฟิงจึงมีเวลาเหลือมาจับตาดูว่าโม่ปินอวี่เดินทางมาที่กว้านโจวเพราะคิดทำการใดกันแน่?

ขอเพียงโม่ปินอวี่ฉลาด ก็ควรรู้ว่านอกจากเขาจะปิดเรื่องที่เขาวางแผนเอาไว้นี้เรื่อยไป ในเมื่อเขาเปิดเผยต่อเสิ่นจั้งเฟิงแล้ว ทางเลือกที่ดีที่สุดก็คือมาร่วมมือกันอย่างเปิดเผย หาไม่แล้วเมื่อมาประชิดซีเหลียงเช่นนี้ แล้วมาเป็นศัตรูกับตระกูลเสิ่น ก็นับว่าเป็นการกระทำที่โง่เง่าเป็นที่สุด

หากกองทหารของซีเหลียงข้ามเขตแดนไปที่กว้านโจวย่อมต้องเกิดข้อโต้แย้งกันขึ้น แต่ผู้ใดใช้ให้เวลานี้ไล่ต้าหย่งกำลังอยู่ในตัวเมือ ซีเหลียง? เสิ่นจั้งเฟิงจึงไม่กลัวว่าจะหาเหตุผลไม่ได้ เพียงแค่เคลื่อนกำลังคนและม้าออกไป ก็ต้องมีการสูญเสียเสบียง มีการโยกย้ายกำลังคน …ไร้ประโยชน์ ไร้ความหมาย เสิ่นจั้งเฟิงเคยคิดว่ากองโจรเขาเหมิงซานก็เป็นเพียงแค่กองโจรธรรมดาๆ จึงคร้านจะไปใส่ใจ…

ทว่าเมื่อเรื่องเกี่ยวพันไปถึงเว่ยซินหย่ง ทั้งยังมีโม่ปินอวี่ที่เว่ยฉางอิ๋งย้ำนักหนาว่าเป็นนายทัพที่มีพรสวรรค์ เสิ่นจั้งเฟิงก็จะต้องชั่งน้ำหนักดูว่าควรจะเคลื่อนกำลังพลหรือไม่แล้ว!

เสิ่นจั้งเฟิงพยักหน้า เอ่ยอย่างมีความคิดในใจว่า “ไล่ต้าหย่งเป็นถึงลูกบุญธรรมของจี้กู่ …น้องสาวของเขาตกอยู่ในกำมือของกองทหารสกุลโม่ การที่เขาไม่นำ กองโจรเขาเหมิงซานไปสู้ตายกับกองทหารสกุลโม่ แต่กลับวิ่งมาขอความช่วยเหลือที่ซีเหลียง …เกรงว่าก็เพื่อ…ต้องการมาขอความช่วยเหลือโดยตรงจากจี้กู่กระมัง?”

“คุณชายสามสงสัยว่า คนที่ควบคุมกองโจรเขาเหมิงซานที่แท้จริงมิใช่ไล่ต้าหย่ง หากแต่เป็น …จี้กู่?” ส้างกวานสืออีเอ่ยเสียหนัก “หากเป็นดังนี้ แผนการของคนผู้นี้ก็มิใช่เล็กๆ เลย!”