บทที่ 260 หยดเลือดดํา จอมจักรพรรดิเซียนนิรันดร์จบสิ้น!
“ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ของแดนนิรันดร์เมื่อพันล้านปีก่อนเกิดจากการต่อสู้ระหว่างผู้มีอํานาจสองคนที่อยู่เหนือเขตแดนจอมจักรพรรดิเซียนนิรันดร์จริงๆงั้นรึ?”
ราชันดอกบัวพึมพํากับตัวเองพลางคาดเดาในใจ
ก่อนหน้านี้เขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้มาตลอด
แต่ตอนนี้ดูเหมือนทุกอย่างจะมีคําอธิบายที่สมเหตุผลมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อลองนึกภาพว่าถ้าการคาดเดานี้เป็นจริงราชันดอกบัวก็ถึงกับไม่สามารถระงับความตกใจไว้ได้
จอมจักรพรรดิเซียนนิรันดร์ผู้แข็งแกร่งตัวตนของผู้กุมชะตาไม่ว่าอย่างไรทั้งสองก็สร้างความตื่นตระหนกให้กับทุกคนไม่ใช่หรือ?
การต่อสู้ระหว่างทั้งสองมันสามารถทําลายล้างประวัติศาสตร์ของทั้งสองพิภพได้อย่าง
สมบูรณ์พลังที่ทรงอํานาจเช่นนี้ไม่สามารถคาดเดาได้เลย!
“เจ้าได้รับแต้มตกใจ+36 577 745 จากราชันเฉียน!”
“เจ้าได้รับแต้มตกใจ+42 859 561 จากราชันบรรพบุรุษนิรันดร์!”
“เจ้าได้รับแต้มตกใจ+34 487 695 จากราชันดอกบัว!”
“เจ้าได้รับแต้มตกใจ+3457650 จากหยู่ไค่เกอ!”
“เจ้าได้รับ….”
ในภาพโบราณ ฉินมู่จุติลงมาเป็นจ้าวแห่งเกาะสุขาวดีเพื่อแสดงให้เห็นถึงพลังของผู้กุมชะตาและด้านนอกของภาพโบราณฉินมู่ยืนดูทั้งหมดนี้อย่างเงียบๆนอกจากนี้แต้มตกใจของเขายังคงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน
หากแต้มตกใจยังคงมีแนวโน้มเช่นนี้ต่อไปคาดว่าอีกไม่นานฉินมู่จะสามารถจัดวางส่วนที่ไม่สมบูรณ์ของดินแดนลับทะเลนี้ให้เสร็จสมบูรณ์อย่างทั่วถึงแน่นอน!
ณ จุดนี้ เขาเพียงลิ้มรสไปกับสายลม
ในภาพโบราณการสนทนาระหว่างจ้าวแห่งเกาะสุขาวดีและผู้โดดเดี่ยวยังคงดําเนินต่อไป”ในตอนนี้ข้ายังคงมีสิ่งที่ข้าไม่รู้ ข้าหวังว่าท่านจะสามารถไขปริศนาได้”
ผู้โดดเดี่ยวหายใจเข้าลึกๆ และพูดออกไป
“ในบันทึกโบราณ สิ่งมีชีวิตนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตแรกที่ได้บรรลุวิถีแห่งเต๋าและได้ตําแหน่งผู้กุมชะตา หลังจากสร้างพิภพในแดนนิรันดร์
ต่อให้เขาจะจําคุณงามความดีอันไร้ที่สิ้นสุดที่ให้กําเนิดเขาในดินแดนนี้ได้เขาจะจําผู้คนในแดนนิรันดร์ทั้งหมดได้อย่างไร?”
ผู้โดดเดี่ยวค่อนข้างสับสนกับบันทึกทางประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุดของแดนนิรันดร์
สิ่งมีชีวิตสูงสุดที่อยู่ ณ ปลายขอบเขตของทะเล ดูเหมือนว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตในแดนนิรันดร์ที่ได้บรรลุวิถีแห่งเต๋าในอดีต
ตัวตนดังกล่าวถือกําเนิดขึ้นที่แดนนิรันดร์ แม้กระทั่งเขาจะได้บรรลุเขตแดนสูงสุด แล้วทําไมเขาถึงหักหลังแดนนิรันดร์?
“ถ้าเขาเป็นผู้กุมชะตาโดยกําเนิดทั้งหมดนี้คงไม่เกิดขึ้นผู้กุมชะตานั้นแข็งแกร่งเขาครอบคลุมทุกมิติเวลาและพื้นที่ทั้งหมดแต่ในเวลาเดียวกันสรรพชีวิตทั้งหมดหลังจากถือกําเนิดแล้วก็ไม่มีความหมายอะไรในสายตาของเขาตามปกติแล้วเขาไม่จําเป็นต้องลงมือกับสิ่งมีชีวิตในดินแดนนี้เลยด้วยซ้ำไป”
ยิ่งกว่านั้น อย่างที่เจ้าพูด เขาเกิดในแดนนิรันดร์”
ฉินมู่ตอบด้วยรอยยิ้ม
“แต่อย่างที่ข้าบอกกับเจ้าว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับเขาและตอนนี้เขาไม่ใช่ผู้กุมชะตาอีกต่อ
หลังจากพูดเช่นนั้นฉินมู่ก็โบกมือแล้วภาพโบราณก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าผู้โดดเดี่ยว
มันเป็นดินแดนโบราณและกว้างใหญ่ ฟ้าดินกว้างใหญ่ไพศาลจนไม่สามารถจินตนาการได้
ในใจกลางของภาพโบราณนั้นมีบุคคลที่น่าเกรงขามยืนอยู่ใจกลางของฟ้าดินทั้งหมดมันยากที่จะพรรณนาราวกับผู้ปกครองสูงสุดในฟ้าดินฉากที่แสดงทั้งหมดถูกสะท้อนออกมาเขายืนอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆราวกับวิถีแห่งสวรรค์ราวกับเป็นที่สุดในพิภพนี้!สิ่งมีชีวิตนี้ คือสิ่งมีชีวิตโบราณที่ยืนอยู่ที่ปลายทะเลอันกว้างใหญ่!
เพียงแต่ว่าเขาในภาพนั้นดูแข็งแกร่งและยิ่งใหญ่กว่าเขาอยู่ที่ปลายขอบเขตทะเลเหมือนจอมจักรพรรดิเซียนนิรันดร์ที่แท้จริง
ทั่วทั้งพิภพมีสิ่งมีชีวิตมากมายนับไม่ถ้วนอยู่บนพื้นพิภพต่างคํานับให้เขาด้วยความศรัทธา
แต่อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาหนึ่งในส่วนลึกของสวรรค์ที่จุดสูงสุด รอยแยกก็เปิดออกเผยให้เห็นเงาของวิหารสามแห่งที่ซ่อนเร้น!
แม้ว่ามันจะเป็นเพียงรอยแยกแต่กระแสพลังอันยิ่งใหญ่และอยู่ห่างไกลที่เล็ดลอดออกมาจากรอยแยกนั้นมันเหนือกว่าพิภพนี้เป็นอย่างมาก
มองเห็นได้ไม่ชัดเจนนักเบื้องหลังรอยแยกนั้นเป็นทะเลสีเลือดอันไร้ที่สิ้นสุดและยิ่งใหญ่
เปี่ยมไปด้วยความกระแสพลังที่แปลกประหลาดและลางร้าย!
ทั้งหมดนี้ ถูกรับรู้โดยจอมจักรพรรดิเซียนนิรันดร์ที่เกิดจากแดนนิรันดร์
เขาก้าวออกไปทีละก้าวและเข้าไปในรอยแยกนั้น เขาต้องการที่จะเข้าไปเพื่อค้นหาคําตอบสุดท้ายแล้วในฐานะสิ่งมีชีวิตที่ทรงอํานาจที่สุดในพิภพนี้ไม่ใช่ว่าเขาไม่ได้สํารวจร่องรอยของพิภพอื่น…..
แต่ตอนนี้ มีพิภพดังกล่าวปรากฏขึ้น ซึ่งกระตุ้นความอยากรู้ของเขาขึ้นโดยธรรมชาติในส่วนของพิภพหลังจากนั้นเขามีแต่ความอยากรู้ในใจแต่ไม่มีความกลัวแต่อย่างใดเพราะเขามีเขตแดนผู้กุมชะตาอยู่แล้วและเขายังมีความมั่นใจว่าจะอยู่ยงคงกระพันในพิภพของตนเอง
แต่ทว่า สิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปมันทําลายความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับตัวตนของเขตแดนผู้กุมชะตานี้อย่างสมบูรณ์!
เหนือสวรรค์โบราณนั้นในรอยแยกที่แตกออกอย่างกะทันหันมีเงาสามเงาซึ่งเป็นเงาของโลงศพโบราณแม้ว่ามันจะไม่ใหญ่แต่ดูเหมือนว่ามันจะลอยปกคลุมอยู่เหนือฟ้าดิน!
โลงศพโบราณที่ไม่สามารถอธิบายได้ว่าทําจากวัตถุดิบชนิดใด มันดูไม่เหมือนวัตถุดิบใดๆ ในพิภพแต่เปี่ยมไปด้วยกระแสพลังโบราณที่ยิ่งใหญ่
เพียงแค่โลงศพ เป็นปกติที่มันจะไม่ทําให้ตัวตนที่มีเขตแดนจอมจักรพรรดิเซียนนิรันดร์ต้องรู้สึกหวาดกลัวแม้แต่น้อย
เขาก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่เกรงกลัว และต้องการเปิดโลงศพนี้ออกเพื่อพิสูจน์ทุกอย่างแต่ทว่าขณะที่เขาก้าวไปข้างหน้าจากด้านบนของโลงศพก็มีเลือดสีดําหยดหนึ่งไหลออกมาจากโลงศพโบราณ
และเมื่อมันตกลงมามันเหมือนกับการปิดกั้นเวลาและพื้นที่ทั้งหมด สะกัดกั้นตัวแปรทั้งหมดแม้แต่จอมจักรพรรดิเซียนนิรันดร์นี้ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงเลือดด่าที่หยดลงมาได้เขาทําได้เพียงมองดูมันตกลงมาบนศีรษะของเขา!
“บูม!”
เลือดสีดําาตกลงบนศีรษะของจอมจักรพรรดิเซียนนิรันดร์ทําให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สามารถหาลายล้างพิภพได้
กระแสพลังแห่งความมืดที่ไม่อาจจินตนาการได้ปกคลุมรอบตัวของจอมจักรพรรดิเซียนนิรันดร์จิตวิญญาณของเขาก็มืดมิดลงและร่างกายของเขาถูกปกคลุมไปด้วยกระแสพลังแห่งความมืดที่ไม่อาจจินตนาการได้
ราวกับว่ามีตัวตนที่อธิบายไม่ได้ กําลังต่อสู้กับร่างกายของเขา และเขาก็กําลังต่อสู้กับมันเพื่อร่างกายของเขาเอง!
จอมจักรพรรดิเซียนนิรันดร์ต้านทานความแข็งแกร่งด้วยพลังทั้งหมดของเขาและพลังของผู้กุมชะตาถูกแสดงออกอย่างเต็มรูปแบบ
แต่อย่างไรก็ตาม หยดเลือดสีดํานั้นดูเหมือนว่าจะอยู่เหนือผู้กุมชะตา ไม่ว่าเขาจะต่อต้านเท่าไหร่ก็ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สามารถเปลี่ยนตอนจบที่ว่าเขาถูกกัดเซาะโดยเลือดด่านี้ทีละน้อยได้เลย!