บทที่ 420
“เหวินเส่าอี๋?”

ชายผู้นั้นไม่ได้หลอกได้ง่ายๆ

“พวกเขามีกันกี่คน” กู้ชูหน่วนถาม

“เพียงแค่เขาผู้เดียว”

ผู้เดียว? เช่นนั้นก็ดีหน่อย “เจ้าพาพวกเขาจากไปก่อน”

“นายท่าน แล้วท่านหล่ะ”

“ข้ามีวิธีของข้าเอง ฝูกวงเจ้าเปิดตาให้สว่างหน่อยหากว่าไม่มีผู้ใดสะกดรอยตามเราพวกเจ้าก็เดินไปตามช่องเขาทิศตะวันออก เพียงแค่พวกเจ้าไปถึงช่องเขาทางทิศตะวันออกก็จะปลอดภัยแล้ว”

เยี่ยจิ่งหานอยู่ที่ช่องเขาทิศตะวันตกเช่นไรนางก็ไม่สามารถล่อศัตรูผู้แข็งแกร่งไปได้ แม้ว่าจะเป็นศัตรูที่ไม่สำคัญก็ตาม

ช่องเขาทิศตะวันออกมีทหารอารักขาที่เขาเหลือไว้ป้องกันซึ่งคงจะดีอยู่บ้าง

“คุณหนูกู้ไม่งั้นข้าล่อเขาไป ข้าอายุปูนนี้แล้วร่างกายก็ดุจไฟใกล้มอดดับแล้ว ชีวิตอันไร้ค่าไม่คู่ควร……”

“ข้าไปเอง”

เยี่ยเฟิงดิ้นรนลุกขึ้นแต่เมื่อเขาขยับเพียงเล็กน้อยเลือดก็ไหลออกมาอีก

ฝูกวงคุกเข่าลงข้างหนึ่งเพื่อขอร้องกู้ชูหน่วนให้เขาเป็นคนไป

กู้ชูหน่วนเบะปาก “พวกเจ้าเลิกล้มไปเถอะ แม้ว่าพวกเราสี่คนจะรวมกันก็ไม่สามารถเทียบกับนิ้วหนึ่งของเขาได้ ตอนนี้ต้องพึ่งพากำลังสมองไม่ใช่กำลังวรยุทธ์ หากว่าพวกเจ้ายังคิดว่าข้าเป็นสหายก็ทำตามที่ข้าบอก อย่าได้ทำให้ข้าฟุ้งซ่าน”

ฝูกวงขมวดคิ้วพร้อมกวาดมองรอบหุบเขาโลหิตหูหลูอันสูงชันหนึ่งรอบและเหลือบมองกู้ชูหน่วนผู้ซึ่งสงบจิตสงบใจและมั่นใจเต็มเปี่ยม ท้ายที่สุดก็รับคำสั่ง

ไม่สามารถเอาชนะเหวินเส่าอี๋ได้เขาก็ทำได้เพียงพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้นายท่านมิต้องเป็นห่วงกังวล

“นายท่านวางใจได้ ข้าจะพาพวกเขาไปยังช่องเขาอย่างปลอดภัยแล้วพาพวกเขาออกจากหุบเขาโลหิตหูหลูอย่างแน่นอน”

“เสี่ยวฝูกวงเป็นเด็กดีจริงๆ”

กู้ชูหน่วนหยิกแก้มเล็กๆอันงดงามหมดจดของเขาจากนั้นหายใจเข้าลึกๆแล้ววิ่งไปทางด้านหน้า

ฝูกวงและคนอื่นๆมองดูแผ่นหลังของนางด้วยความเป็นห่วง ไม่รู้จริงๆว่านางจะออกจากร่างของนายน้อยเผ่าเพลิงฟ้าได้อย่างปลอดภัยได้เช่นไร

“ไปกันเถอะ”

ฝูกวงแบกเยี่ยเฟิงขึ้นแล้วถามว่า “ฮูหยิน ท่านยังทนไหวอยู่หรือไม่?”

“ทน……ทนไหว”

แม้ว่าจะทนไม่ไหวนางก็จะพยายามฝืนทนให้ได้

เยี่ยเฟิงเงียบไม่กล่าวสิ่งใดเลยโดยที่แววตาคู่นั้นไร้ซึ่งประกายดังแต่ก่อน เงียบเชียบเสียจนทำให้คนหวาดกลัว

ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเยี่ยเฟิงกำลังคิดสิ่งใดอยู่ เพียงแต่ว่าแววตาของเขาตกต่างจากเมื่อก่อนนัก

ปลายอีกด้านหนึ่งของภูเขาหูหลู

กู้ชูหน่วนเอนกายพิงกำแพงหินโดยที่มือทั้งสองกอดอกอยู่พร้อมกับผิวปากอย่างเกียจคร้านเป็นครั้งคราวด้วยท่าทีอันสบาย

เหวินเส่าอี๋แต่งกายด้วยชุดสีขาวสะอาดสะอ้านราวกับทวยเทพที่เพิ่งจุติในโลกและถูกเนรเทศจากความเป็นเซียน ไร้ซึ่งจิตวิญญาณและทุกท่วงท่ามีความสง่างามซึ่งอธิบายได้ยาก

เขาสวมหน้ากากผีเสื้อจึงมองใบหน้าที่แท้จริงไม่ออก แต่ว่าเขามีลักษณะอันโดดเด่น เส้นผมดำสนิทใช้เพียงแค่แถบผ้าสีขาวมัดเอาไว้หลวมๆ สายลมพัดผ่านผมดำปลิวไสวงดงามดังไมิใช่คนธรรมดาทั้วไป

กู้ชูหน่วนผิวปากครั้งหนึ่งพร้อมสายตาอันว่างเปล่าที่มองเขาทั่วร่างหนึ่งรอบแล้วยิ้มอย่างหยอกล้อ “หนุ่มหล่อ ช่างบังเอิญยิ่งนักพวกเราพบกันอีกแล้ว”

เหวินเส่าอี๋เงยหน้าขึ้นเล็กน้อยพร้อมรอยยิ้มอันน้อยนิดตรงมุมปาก

เขามองไปยังกู้ชูหน่วนอย่างละเอียดถี่ถ้วน

กู้ชูหน่วนสวมเสื้อผ้าของผู้ถือธงของเผ่าปีศาจตัวใหญ่ทำให้ร่างกายเว้านูนสวยสดงดงามของนางถูกบังมิดเสียแล้ว

นางไม่ได้สวมหน้ากากกระโหลกศีรษะ ใบหน้าทั้งหน้างดงามราวกับนางฟ้าบนสวรรค์ชั้นเก้า

โดยเฉพาะรอยยิ้มบนใบหน้าของนางซึ่งสดใส ไร้พิษภัยและบริสุทธิ์ควบคู่กับใบหน้าอันเย้ายวนของนางที่ผู้ใดเห็นเข้าก็รู้สึกสบายยิ่งนัก

แต่เขารู้ว่ากู้ชูหน่วนไม่ได้ไร้พิษภัยและบริสุทธิ์เช่นดังที่เห็นภายนอก

ตรงกันข้าม นางใจมีแผนการณ์ เจ้าเล่ห์และร้ายกาจ

“ช่างเป็นเรื่องบังเอิญยิ่งนักเสียจริง”

น้ำเสียงของเหวินเส่าอี๋อบอุ่นไพเราะและมีความหมายบางอย่าง

คนอื่นๆไม่อยู่ตรงนั้นด้วยและดูเหมือนว่าจะเป็นไปตามที่คาดการณ์เอาไว้แต่แรก

“ในเมื่อพวกเรามีวาสนาต่อกันเช่นนั้นเจ้าก็ถอดหน้ากากออกให้ข้าดูว่าหน้าตาของเจ้าเป็นเช่นไร”

“เฮอะ……เจ้าเล่นตลกกับลูกน้องทั้งหมดของข้าแล้วยังกล้าให้ข้าถอดหน้ากากออกอีกหรือ?”

บทที่ 419

บทที่ 421