บทที่ 419
เยี่ยเฟิงรู้สึกหมดสติ

แต่เสียงของกู้ชูหน่วนนั้น เขาก็พอจะรับรู้และจำได้บ้าง

คำนั้น หากเจ้าตาย ไม่ว่าจะตกนรกหรือขึ้นสวรรค์ ข้าก็จะไม่มีวันอภัยให้เจ้า ทำให้ร่างกายของเขาสั่นสะท้าน และทำให้เขารู้สึกตื่นกระฉับกระเฉงขึ้นเล็กน้อย

เขาพยายามที่จะลืมตาขึ้นมา แต่กลับพบว่ากู้ชูหน่วนพยายามยัดเยียดแกนผลึกหิมะให้เขา และป้อนเขากินยาเข้าไปอีกสามเม็ด

เมื่อมีแกนผลึกหิมะและยาสามเม็ดนั้น จึงทำให้ร่างกายของเขารู้สึกดีขึ้นมาก แต่เพราะสูญเสียเลือดไปมากและบาดแผลเต็มตัว จึงทำให้เขายังรู้สึกเวียนหัวอยู่มาก

“ติดแน่นเหลือเกิน ข้าทำได้เพียงฝืนดึงเจ้าออกมาเท่านั้น เจ้าต้องอดทนเอาไว้”

จากนั้นกู้ชูหน่วนจึงออกแรงดึงเขาออกมาโดยไม่รอให้เยี่ยเฟิงตอบตกลง

ร่างกายของเยี่ยเฟิงหลุดออกมาจากเหล็กแหลม และเลือดก็ไหลออกมาราวกับแม่น้ำที่ระเบิดเขื่อน ซึ่งดูน่าสยดสยองสะพรึงกลัวอย่างมาก

กู้ชูหน่วนออกแรงครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยความโกรธ

คนที่น่ารังเกียจของเผ่าปีศาจเหล่านี้ ต้องมีสักวัน นางจะต้องลงมือปลิดชีวิตของพวกเขาเสียให้ได้

อาการบาดเจ็บของเยี่ยเฟิงรุนแรงอย่างมาก กู้ชูหน่วนจึงจำเป็นต้องหามเขาออกไป

นางมีรูปร่างผอมเพรียว แต่นางสามารถหามเยี่ยเฟิงไว้บนหลังและพาเขาออกไปได้ราวกับสามารถบินหนีออกไปได้

คนของเผ่าเพลิงฟ้าทำการจู่โจมสร้างความหวาดกลัวให้กับคนของเผ่าปีศาจในตอนแรก ในเมื่อกล้าใช้วิธีการที่โหดร้ายเช่นนี้เพื่อทรมานคนที่มีชีวิตให้ตายทั้งเป็น

หลังจากนั้นพวกเขาก็สร้างความหวาดกลัวภายในเผ่าเพลิงฟ้า โดยมีลูกศิษย์ที่ตัวเล็กเช่นนี้ติดตามมาด้วยตั้งแต่เมื่อไร?

ที่เห็นว่าช่างง่ายดายเช่นนั้น แน่นอนว่าไม่ใช่ลูกศิษย์คนธรรมดาที่จะทำได้

เมื่อผู้นำกองธงกล้วยไม้และผู้นำกองธงโบตั๋นจ้องหน้ากันและเห็นว่าของเล่นส่วนตัวของเขาเองกำลังถูกแย่งไป จากนั้นการจู่โจมก็เริ่มรุนแรงและเร็วขึ้นเรื่อยๆ และดูแล้วเผ่าเพลิงฟ้ามีแววจะพ่ายแพ้ได้ในไม่ช้า

การต่อสู้ครั้งใหญ่ยังคงดำเนินอยู่

อีกฝั่งหนึ่ง กู้ชูหน่วนหามเยี่ยเฟิงวิ่งหนีออกไประยะหนึ่ง จากนั้นจึงหยุดพัก

“ไม่ได้ เลือดในตัวของเจ้าไหลออกมาไม่หยุด หากยังไม่ทำการห้ามเลือด เจ้าจะต้องตายเพราะเลือดไหลหมดตัวอย่างแน่นอน”

กู้ชูหน่วนจึงวางเขาลงและช่วยทำการห้ามเลือดให้กับเขา และพูดออกมาว่า

นางมีสมุนไพรห้ามเลือดและผ้าพันแผลจำนวนมาก แต่การจะทำแผลให้เขาอย่างเสร็จสมบูรณ์ในระยะเวลาอันจำกัดนี้ ไม่สามารถเป็นไปได้เลย

“ปัดโธ่……กลับยังมีหนามแหลมคมอันเล็กที่ทิ่มแทงติดอยู่ในร่างกายของเจ้า ทำได้เพียงใช้แม่เหล็กดูดออกมาเท่านั้น”

สถานที่ทุรกันดารเช่นนี้ จะไปหาแม่เหล็กได้จากที่ใด?

กู้ชูหน่วนอดทนกับความสงสารและทำการรักษาบาดแผลและปิดปากแผลให้กับเขา

ฝูกวงลดจังหวะการเดินลงและรอพวกเขาอยู่ไม่ไกลนัก

เขาขมวดคิ้ว

เลือดของเยี่ยเฟิงไหลออกมามากเหลือเกิน ตลอดระยะทางที่ผ่านมาล้วนมารอยเลือดของเขา คนของเผ่าปีศาจและเผ่าเพลิงฟ้าต่างสามารถเดินตามรอยเลือดนี้และหาพวกเขาเจออย่างแน่นอน

หากไม่ทำการกำจัดรอยเลือดเสียก่อน พวกเขาไม่ว่าใครก็ไม่สามารถออกไปจากที่นี่ได้

ฝูกวงไปทำการกำจัดรอยเลือด

อัครมเหสีฉู่วิ่งมาด้วยความอ่อนล้าและไร้เรี่ยวแรง

พระองค์ไม่กล้าเข้าไปสัมผัสเยี่ยเฟิง เพราะกลัวว่าหลังจากที่สัมผัส เขาจะเหมือนกับแจกันที่สามารถแตกสลายได้ในทันที

เมื่อมองดูใบหน้าที่ซีดเซียวของเขาซึ่งดูคุ้นเคย อัครมเหสีฉู่ยื่นมือออกไปด้วยความสั่นสะท้านและต้องการปัดเสื้อผ้าข้างหลังของเขาลงมา

กู้ชูหน่วนคิดว่านางลงมือหนักเกินไป จึงอดไม่ได้ที่จะพูดปลอบออกมา “ข้ามือเบาที่สุดแล้ว เจ้าอดทนอีกนิดนะ”

“ข้า……ไม่……ไม่เป็นไร”

เยี่ยเฟิงดึงเสื้อผ้าลงและไม่ยอมให้กู้ชูหน่วนทำแผลให้เขาอีก

เสื้อผ้าของเขาขาดสะบักสะบอม เยี่ยเฟิงทำได้เพียงพิงต้นไม้ใหญ่เอาไว้ และพยายามปกปิดปานที่หลังของเขา

ท่าทางของเขาดูระมัดระวังและร่างกายของเขาก็สั่นสะท้านโดยที่ไม่อาจควบคุมได้

กู้ชูหน่วนขมวดคิ้ว

หรือเป็นเพราะเขาเคยเป็นผู้คอยปรนนิบัติ เขาจึงไม่ชอบให้คนอื่นมาถอดเสื้อผ้าเพื่อทำแผลให้กับเขา?

ในใจของอัครมเหสีรู้สึกร้อนรนกระวนกระวายใจอย่างมาก และต้องการดูว่าหลังของเขามีปานหรือไม่

แต่แววตาที่ดูหวาดกลัวของเยี่ยเฟิงนั้น ทำให้พระองค์อดไม่ได้ที่จะฝืนมองต่อไป

คำพูดของผู้นำกองธงกล้วยไม้ยังคงดังก้องอยู่ในหูของพระองค์ พระองค์ไม่เคยลืม อดีตของเยี่ยเฟิงเป็นเพียงแค่ผู้คอยปรนนิบัติคนหนึ่งเท่านั้น

สิ่งที่ผู้คอยปรนนิบัติกลัวมากที่สุดก็คงเป็นการที่คนอื่นทำการถอดเสื้อผ้าของเขาโดยพลการกระมัง

“นายท่าน คนของเผ่าเพลิงฟ้าไล่ตามมาแล้วขอรับ”

“เจ้าพาพวกเขาหนีไป ข้าจะล่อพวกเขาไปอีกทาง”

“คนที่ไล่ตามมาไม่ใช่ผู้อาวุโสของเผ่าเพลิงฟ้า แต่เป็นนายน้อยของเผ่าเพลิงฟ้า เหวินเส่าอี๋”