บทที่ 211 หล่อนหลบซ่อนอยู่ด้านหลังของเขา

ยัยหมอวายร้ายที่รัก

แสนรักเริ่มอารมณ์ดีขึ้น และความเย็นชาในแววตาของเขาก็ลดลงมากแล้วเช่นกัน
“เธอกำลังทำอะไรอยู่”
“ฉันกำลังหยิบการ์ดเสียง แสนรักวันนี้ฉัน… อาจจะสร้างความเดือดร้อนให้คุณแล้วละ เมื่อกี้ฉันพึ่งทะเลาะกับคนใช้ของบ้านป้าคุณ อิคคิวทนฟังฉันทะเลาะไม่ไหว เขาไม่ได้ตั้งใจทำร้ายหลานชายของป้าคุณจนขาหัก ฉันจะทำยังไงดี ”
ทันใดนั้นท่าทางของผู้หญิงคนนั้นก็เปลี่ยนเป็นเศร้าโศกและกังวลใจทันที
หล่อนปกป้องลูกโดยการที่หล่อนยอมรับผิดทั้งหมดไว้เพียงคนเดียว แต่ในขณะเดียวกัน หล่อนกลับรู้สึกประหม่าอีกครั้ง เพราะนั้นเป็นป้าของตระกูลหิรัญชา
เส้นหมี่อยากร้องไห้แต่ร้องไม่ออก หล่อนเหมือนแมวตัวน้อยที่ทำความผิดมา แล้วอยู่ไม่เป็นสุข
เมื่อแสนรักเห็นท่าทางของหล่อน ก็ผิดหวังในตัวของเขา “ขาหักก็หักน่ะสิ จะให้ทำยังไงได้ละ”
“เอ๋?” เส้นหมี่ตกตะลึง “เรื่องนี้มัน… มันไม่ร้ายแรงเหรอ?”
ใบหน้าที่เย็นชาของแสนรัก แต่ภายในตัวเขารู้สึกอาฆาตอยู่บ้าง: “เธอกำลังคิดอะไรอยู่? มีคนรังแกลูกชายของเธอ เธอยังคิดที่จะใจดีกับเขาอยู่เหรอ?”
“เปล่านะ ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ฉันแค่คิดว่าเขาเป็นแค่เด็ก และอิคคิว…ก็เล่นแรงไปจริงๆ”
เส้นหมี่รีบอธิบาย และแสดงท่าทีว่าหล่อนไม่ได้หมายความอย่างนั้น
สัญชาตญาณของความเป็นแม่ก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ บางครั้งที่ต้องเผชิญกับปัญหาของลูก หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะลำเอียงไปบ้าง แต่ไม่ใช่กับแม่ที่มีจิตใจดี เป็นเพียงความอ่อนโยนสำหรับคนเป็นแม่คนหนึ่ง
แสนรักฟังแล้ว แต่ก็ไม่ได้คิดอย่างนั้น
“เด็กบางคนก็คือเด็ก แต่เด็กบางคนก็เกิดมาเพื่อเป็นมาร เธอคิดว่าอิคคิวเล่นแรงเกินไป แล้วเธอเคยคิดไหมว่า ถ้าเขาใส่การ์ดเสียงนี้ไปในพินของชินจังได้สำเร็จ ผลที่ตามมาจะเกิดอะไรขึ้น ? ”
“……”
เส้นหมี่ไม่พูดอะไร
ผลที่ตามมาจะเป็นยังไงเหรอ?
คนที่พึ่งได้รับความสำเร็จอย่างชินจังก็จะถูกเยาะเย้ยและถูกติฉินนินทาอย่างแน่นอน และสิ่งเหล่านี้สำหรับคนที่เป็นโรคกลัวตัวเองดีไม่พออย่างเขา อาจถึงแก่ชีวิตได้
มือของเส้นหมี่ก็ค่อยๆกำหมัดแน่นในที่สุด สุดท้ายแล้ว ความรู้สึกผิดและความสำนึกผิดทำให้นัยน์ตาหล่อนเริ่มแดงก่ำ เพราะเกลียดตัวเองที่ยังห่วงใยคนอื่น
“ขอโทษที่ฉันอ่อนแอเกินไป”
“ก็ไม่ใช่ทั้งหมด เป็นเพราะเธอใจดีเกินไปต่างหาก ความเมตตาเป็นสิ่งที่ดี แต่เส้นหมี่ เธอต้องจำไว้ว่า ความเมตตาต้องอยู่บนพื้นฐานการปกป้องตัวเองและคนรอบข้าง แบบนี้ถึงจะเรียกว่าความเมตตา เข้าใจไหม?”
แสนรักพูดด้วยเสียงแผ่วเบา
บางที อาจจะเห็นหล่อนสำนึกผิดโทษตัวเองแบบนี้ อารมณ์ของเขาก็ดูอ่อนโยนและสงบเงียบลง ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้สั่งสอน แต่เหมือนเป็นการเตือนสติมากกว่า
เตือนสติหล่อน เมื่อต้องร้ายก็ควรร้าย!
เส้นหมี่ยอมจำนนโดยปริยาย
แน่นอนว่าหล่อนคงไม่รู้ว่าจริงๆแล้ว ผู้ชายคนนี้มีประโยคที่ร้ายที่สุดต่อท้าย คือ : “บนโลกนี้ยังไม่มีใครกล้าให้ลูกชายของแสนรักคุกเข่าต่อหน้าเขา!”
ทั้งสองคนกำลังยืนอยู่ ตระกูลโรแกนเห็นว่าแสนรักไม่ยอมมาสักที ก็เลยมาหาถึงที่ เมื่อเส้นหมี่เห็นก็ได้หมอบอยู่ที่หลังของชายคนนี้โดยไม่รู้ตัว
แสนรักยักคิ้ว มองไปที่เด็กตัวน้อยสองสามคนที่อยู่ไม่ไกล: “ชินจัง มานี่ พาแม่ น้องชายและน้องสาวออกไปก่อน”
“ครับ”
ชินจังเต็มใจทำเรื่องนี้มาก
หลังจากนั้น เด็กน้อยมีนิสัยเหมือนพ่อจนเหมือนคนๆเดียวกัน ขาสั้นๆของเขาพาแม่และน้องชายน้องสาวเดินออกไป
พลังบางอย่างในตอนนั้น ไม่มีใครกล้าขัดจังหวะ!
เมื่อคุณชายใหญ่ของตระกูลโรแกนเห็นว่าบริเวณรอบๆนั้นเงียบลง ก็รีบพาภรรยาของเขามาด้วย ใช่แล้ว หญิงวัยกลางคนที่พูดจาก้าวร้าวกับเส้นหมี่คนนั้นเป็นภรรยาของเขา
“คุณแสนรัก เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้เป็นเพราะพี่สะใภ้ของคุณทำไม่ถูก หล่อนไม่รู้ว่าเด็กทั้งสองคนเป็นลูกของคุณ หล่อนสับสนไปหมด หวังว่าคุณจะไม่ถือสา”
“ก็ได้ แค่ให้หล่อนไปคุกเข่าคำนับลูกชายฉันสามสิบครั้งก็เป็นอันว่าจบเรื่องนี้”
เมื่อแสนรักฟังแล้วไม่พูดอะไรมาก หายใจออกอย่างหวนๆ
เมื่อคุณชายใหญ่ของตระกูลโรแกนได้ยินอย่างนั้นก็ยืนตัวแข็งทื่อ!
คำนับขอโทษคนนี้ก็น่าจะพอแล้ว แต่นี่จะให้ไปคำนับลูกของเขา นี่เป็นการทำให้พวกเขาได้รับความอับอายชัดๆ
สีหน้าของสองสามีภรรยาคู่นี้ดูไม่พอใจเล็กน้อย: “แสนรัก… นี่มันจะมากเกินไปหน่อยไหม? ถึงยังไงพี่สะใภ้คุณก็เป็นผู้ใหญ่กว่า จะให้ไปคำนับเด็ก ถ้าเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปแล้วละก็…”
“ก็ได้ ถ้าไม่คำนับก็ถอนหุ้นของตระกูลหิรัญชาในห้างฯแกรนด์เอชออกทั้งหมด ถือสะว่าเป็นค่าชดใช้ให้ลูกชายของฉันละกัน”
แสนรักยังไม่ทำให้พวกเขาหนักใจ เมื่อได้ยินว่าไม่ยอม เขายืนนิ่งๆและพูดขึ้นอย่างเฉยเมย
เมื่อเสียงเบาลง ในสตูดิโอราวกับฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ คนในตระกูลโรแกนต่างตกอกตกใจจนหน้าซีดเซียว
“ไม่! ไม่ได้นะ!!”
“แสนรักใจเย็นๆก่อน ฉัน… ฉันจะไปคำนับหลานเดี๋ยวนี้ ไม่ใช่แค่พี่สะใภ้ของคุณเท่านั้น แต่ฉันก็จะไปด้วย โอเคไหม”
คุณชายใหญ่ตระกูลโรแกนเริ่มลุกลี้ลุกลนคว้ามือภรรยาวิ่งออกไปด้านนอก เพื่อไปคำนับอิคคิว
แต่ว่าตอนนี้ แสนรักหมดความอดทนนั้นแล้ว
ห้างฯแกรนด์เอชได้รับการสนับสนุนจากตระกูลหิรัญชาถึงได้เจริญรุ่งเรือง หากไม่มีตระกูลหิรัญชา พวกเขาคงจะล้มละลาย ไม่ต้องพูดถึงการเผชิญกับความเสี่ยงที่จะถูกบริษัทคู่แข่งกดดัน แม้แต่การบริหารงานก็จะมีปัญหา