ตอนที่ 68 น่าเกรงขาม

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 68

น่าเกรงขาม

 

“ไอ้เฒ่าเจ้าเล่ห์”หลินหลินว่าพลางทำท่าเหมือนจะดึงเชือกที่รัดตนให้ขาด แม้ไป๋จูเหวินจะห้ามไม่ให้เธอทำร้ายใคร แต่หากไป๋จูเหวินโดนทำร้ายต่อหน้านางมีหรือจะไม่ทำอะไร

“หลินหลิน ข้าไม่เป็นไร”ไป๋จูเหวินว่าพลางเดินเข้าไปหาเจ้าสำนักคร่าอินทรี ดวงตาของมันจ้องมองเจ้าสำนักนิ่ง

“ท่านเจ้าสำนัก ยังเหลืออีก 2 ฝ่ามือ”ไป๋จูเหวินพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ดวงตาของมันไม่มีท่าทีหวั่นกลัวแม้แต่น้อยทำเอาเจ้าสำนักคร่าอินทรีถึงกับมีเส้นเลือดปูดโปนออกมาบนหน้าผาก

“ไอ้เด็กปากไม่สิ้นหลิ่นน้ำนม”เจ้าสำนักคร่าอินทรีว่าพลางง้างฝ่ามือไปด้านหลัง อย่างน้อยวันนี้มันก็ต้องตีศิษย์สำนักเขี้ยวมังกรคนนี้ให้ตายคามือ

เปรี้ยง! วินาทีก่อนที่ฝ่ามือของมันจะสัมผัสร่างของไป๋จูเหวิน อยู่ๆร่างกายของไป๋จูเหวินก็เริ่มแดงขึ้นราวกับร่างกายของมันปล่อยความร้อนออกมา เพียงแต่ฝ่ามือของมันเมื่อปะทะกับหน้าอกของไป๋จูเหวินมันกลับไม่สามารถแม้แต่จะผลักไป๋จูเหวินออกไปได้เลย

“นี่มันอะไรกัน”เจ้าสำนักคร่าอินทรีว่าพลางมองฝ่ามือของตนเอง ฝ่ามือของมันสั่นระริกเพราะอาการชาที่ลุกลามไปทั้งแขนของมัน ร่างของไป๋จูเหวินแข็งราวกับซักฝ่ามือใส่หน้าผา มันไม่แปลกใจเลยที่ศิษย์ของมันทำอะไรไป๋จูเหวินไม่ได้

“อีก 1 ฝ่ามือ”ไป๋จูเหวินว่าพลางถอนลมหายใจออกมา ด้วยการใช้เคล็ดวิชาโลหิตมังกร ทำให้พลังวิญญาณของมันเพิ่มขึ้นสูงช่วงระยะเวลาหนึ่ง และมันก็สามารถช่วยให้ไป๋จูเหวินรับฝ่ามือได้อย่างไม่ยากเย็น

“หนอย”เจ้าสำนักคร่าอินทรีขนคิ้วกระตุก ทั้งๆที่มันเป็นฝ่ายออกฝ่ามือแท้ๆแต่ทำไมมันถึงรู้สึกเหมือนเป็นฝ่ายโดนตบหน้าแทนเสียได้

เปรี้ยง!!!! เสียงกระแทกคราวนี้รุนแรงและรวดเร็วยิ่งกว่าฝ่ามือก่อนหน้านี้มาก

“เจ้า กับเด็กถึงกับต้องใช้ฝ่ามือคว้านใจเลยเรอะ”เจ้าสำนักเขี้ยวมังกรเบิกตากว้างด้วยสีหน้าตกใจ ฝ่ามือเมื่อครู่เป็นหนึ่งในไม้ตายของเจ้าสำนักคร่าอินทรี ยามปกติพวกเจ้าสำนักคนอื่นๆก็ต้องคอยระวังท่านี้กันอยู่แล้ว แต่นี่ไป๋จูเหวินหลบไม่ได้มันกลับยังใช้ฝ่ามือแบบนี้กับคนรุ่นหลังอีก

“ถือว่าข้าปรานีเจ้าแล้ว ไปได้”เจ้าสำนักคร่าอินทรีไม่ตอบคำกับเจ้าสำนักเขี้ยวมังกร มันบอกให้เหล่าศิษย์ปล่อยหยงเวยและหลินหลินกลับไป ก่อนที่มันจะหายเข้าไปในสำนักอย่างรวดเร็ว

“พี่ไป๋”หลินหลินที่ถูกปล่อยรียวิ่งเข้ามาหาไป๋จูเหวินทันที ฝ่ามือเมื่อครุ่เสียงดังมาก ทำเอาหลินหลินกังวลเป็นอย่างมาก

“พี่ไป๋ ท่านเป็นอะไรหรือเปล่า”หลินหลินมองไปที่หน้าอกของไป๋จูเหวิน บนเครื่องแบบสำนักเขี้ยวมังกรปรากฏรู 5 รูจากนิ้วทั้ง 5 ของเจ้าสำนักคร่าอินทรี เรียกได้ว่าหากไม่ใช่ไป๋จูเหวินละก็คงโดนนิ้วแทงเข้าไปและควักหัวใจออกมาจริงๆก็เป็นได้

“ไม่เป็นไร”ไป๋จูเหวินพูดด้วยน้ำเสียงที่เบาลง แม้นิ้วของเจ้าสำนักคร่าอินทรีจะเจาะไม่เข้า แต่ฝ่ามือเมื่อครู่ก็รุนแรงมาก แม้แต่ไป๋จูเหวินเองยังกระอักเลือดออกมาเพราะแรงกระแทกที่บีบรัดจนหน้าอกแทบยุบเมื่อครู่ แต่โชคดีที่กระดูกของไป๋จูเหวินเองก็แข็งแกร่งไม่แพ้ผิวหนังทำให้ซี่โครงไม่ได้หักแม้แต่ซี่เดียว

“เรื่องจบแล้ว ไป๋จูเหวินกลับสำนักเถอะ ข้าจะหายามาให้”เจ้าสำนักเขี้ยวมังกรว่าพลางพาไป๋จูเหวินจากไป

.

.

“บ้าเอ้ย”เจ้าสำนักคร่าอินทรีกัดฟันแน่นพลางเดินกลับมาที่ห้องของตน ที่มันรีบปล่อยหยงเวยและหลินหลินไม่ใช่เพราะไป๋จูเหวินสามารถรับฝ่ามือมันได้ทั้งหมด แต่เพราะนิ้วของมันยามนี้ไร้ความรู้สึกโดยสิ้นเชิง เพราะแขนของมันชาตั้งแต่แรกทำให้มันได้แต่ส่งแรงออกไปทั้งหมดตอนใช้ฝ่ามือคว้านหัวใจ กว่ามันจะรู้ตัวว่ากระดูกนิ้วหักก็ตอนที่ถอนฝ่ามือออกมาแล้ว

“มีใครอยู่บ้าง”เจ้าสำนักคร่าอินทรีว่าพลางกระแทกประตูออกมาด้วยความโมโห

“ขอรับท่านเจ้าสำนัก”ศิษย์คนหนึ่งที่ทำหน้าที่เฝ้าประตูห้องของเจ้าสำนักถามพลางหันมามองท่านเจ้าสำนักคร่าอินทรี

“ไปสืบข่าวมา เจ้าเด็กที่รับฝ่ามือข้ามันเป็นใคร”เจ้าสำนักคร่าอินทรีว่าพลางกัดฟันแน่น

“ขอรับ”เหล่าศิษย์ต่างประสานมือคารวะเจ้าสำนักคร่าอินทรี ก่อนจะแยกย้ายกันออกไปทำตามคำสั่ง ไม่ว่าจะอย่างไรเจ้าเด็กนั่นก็รับฝ่ามือทั้งเจ้าสำนักได้ หากสำนักเขี้ยวมังกรส่งมันลงประลองคงไม่มีรุ่นศิษย์คนไหนรับมือมันได้แน่ๆ

เพราะควาแข็งแกร่งผิดปกติของไป๋จูเหวินทำให้เจ้าสำนักคร่าอินทรีรู้สึกกังวลไม่น้อย ต่อให้ไป๋จูเหวินมีพลังวิญญาณมากกว่ามัน ก็ไม่สามารถป้องกันกรงเล็บของมันได้ สาเหตุที่มันเจาะผิวหนังของไป๋จูเหวินไม่เข้าย่อมเป็นเพราะผิวหนังของมันแข็งแกร่งกว่าคนธรรมดาแน่ๆ และการจะทำแบบนั้นได้ก็ย่อมต้องกินยาวิเศษหรือผ่านการฝึกฝนลึกลับอะไรมาแน่ๆ

“ท่านเจ้าสำนัก”ผ่านไปครู่ใหญ่ อยู่ๆศิษย์ที่มันส่งไปสืบข่าวก็วิ่งกลับมาด้วยท่าทีตื่นตูม

“ข้า..ข้าไปถามจากพวกองครักษณ์เกราะขาวมามา พวกมันบอกว่าเจ้าหนุ่มนั่นเป็น..”ศิษย์คนนั้นเงียบไปราวกับลังเลว่าจะพูดออกไปดีหรือไม่

“เจ้าได้ความมาว่าอะไร”เจ้าสำนักคร่าอินทรีถามพลางเพ่งมองลูกศิษย์ตนเอง ทำไมมันถึงได้ดูลุกลี้ลุกลนเช่นนี้

“มันเป็นผู้ตรวจสอบจากกลุ่มนักล่าอสูรขอรับ”ได้ยินที่ศิษย์ตนเองบอก ดวงตาของเจ้าสำนักคร่าอินทรีก็หดเล็กลงทันที

“เจ้าแน่ใจนะ”เจ้าสำนักคร่าอินทรีถาม

“แน่ใจขอรับ ข้ารู้จักกับองครักษณ์เกราะขาวที่ได้ตรวจสัมภาระของมันด้วย มันบอกว่าภายในแหวนมิติของมันมีของวิเศษนับสิบๆชิ้น รวมถึงสร้อยคอของกลุ่มนักล่าอสูรอีกด้วย”ได้ยินเช่นนั้นเจ้าสำนักคร่าอินทรีก็เงียบไป ของวิเศษเป็นสิบชิ้น? มันไม่ใช่ของที่หากันมาได้ง่ายๆ แม้แต่กลุ่มนักล่าอสูรเองยังมีกันเพียงคนละไม่กี่ชิ้น เพราะอาวุธวิเศษเป็นสิ่งจำเป็นในการล่าอสูรระดับสูง แต่คนที่มีหลายสิบชิ้นได้ก็คงมีเพียงผู้อาวุโสของกลุ่มนักล่าอสูรขึ้นไปเท่านั้น

แต่ดูจากอายุแล้วไป๋จูเหวินคงไม่ใช่ผู้อาวุโสของกลุ่มนักล่าอสูร แต่มันก็ถูกส่งมาเป็นผู้ตรวจสอบนั่นหมายความว่าตำแหน่งในกลุ่มนักล่าอสูรของมันก็ไม่ธรรมดา

“หรือว่ามันจะเป็นลูกชายของอาวุโสในกลุ่มนักล่าอสูร”เจ้าสำนักคร่าอินทรีหน้าซีดเผือด แค่สำนักย่อยของกลุ่มนักล่าอสูรอย่างสำนักเขี้ยวมังกร พวกมันยังต้องเกรงใจหลายส่วน ไม่ต้องพุดถึงลุกชายของอาวุโสกลุ่มนักล่าอสูรเลย เพียงกลุ่มนักล่าอสูรมาเพียงคนเดียวพวกมันก็ไม่กล้าทำอะไรแล้ว

“พวกเจ้าไปเอายาในคลังมา”เจ้าสำนักคร่าอินทรีตะโกนเสียงดังลั่นพลางลุกขึ้นยืนด้วยท่าทีหวั่นใจ มันทำให้คนจากกลุ่มนักล่าอสูรได้รับบาดเจ็บ แถมมันอาจจะเป็นบุตรชายของอาวุโสก็เป็นได้ เพียงเท่านี้มันก็เหมือนจะก้าวขาลงนรกไปก้าวหนึ่งแล้ว

เจ้าสำนักคร่าอินทรีเตรียมตัวอยู่พักหนึ่งก็พากันเดินทางไปสำนักเขี้ยวมังกรทันที มันไม่กล้าปล่อยเรื่องนี้ให้เลยเถิดได้ หากไป๋จูเหวินส่งจดหมายไปหากลุ่มนักล่าอสูรรายงานเรื่องที่มันทำร้ายผู้ตรวจสอบละก็ มันได้ตายแน่ๆ

“ท่านเจ้าสำนัก พวกสำนักคร่าอินทรีมาที่ประตูขอรับ”ศิษย์สำนักเขี้ยวมังกรคนหนึ่งเข้ามารายงานเจ้าสำนักเขี้ยวมังกรที่กำลังหายามารักษาไป๋จูเหวิน

“พวกมันต้องการอะไรอีก”เจ้าสำนักเขี้ยวมังกรว่าพลางกัดฟันแน่น หรือตาเฒ่าเจ้าสำนักจะคิดแค้นอะไรมันอีก

“พวกมันบอกว่าอยากจะขอพบไป๋จูเหวินขอรับ”ได้ยินอย่างนั้นเจ้าสำนักก็มีท่าทีลังเลทันที ไป๋จูเหวินพึ่งหักหน้าเจ้าสำนักคร่าอินทรีไปหมาดๆ มันจะมาเอาเรื่องก็เป็นไปได้

“ไม่เป็นไรขอรับท่านเจ้าสำนัก”ไป๋จูเหวินว่าพลางลุกขึ้นยืน เพียงลำพังการฟื้นฟูตนเองของไป๋จูเหวินก็ทำให้อาการบาดเจ็บเมื่อครู่หายสนิทแล้ว

“เดี๋ยวก่อน ให้ข้าออกไปกับเจ้าด้วย”เจ้าสำนักเขี้ยวมังกรว่า มันจะให้ไป๋จูเหวินรับหน้าแทนตลอดได้อย่างไร แม้จะต้องเสียหน้าในงานประลองแต่มันก็ไม่สนใจอีกแล้ว

“คารวะท่านเจ้าสำนักเขี้ยวมังกร” ทันทีที่เดินออกมาหน้าสำนัก อยู่เจ้าสำนักคร่าอินทรีก็ประสานมือคารวะมันเสียอย่างนั้น ทำเอาดวงตาของเจ้าสำนักเขี้ยวมังกรแสดงท่าทีงุนงงออกมาอย่างเห็นได้ชัด

“น้องไป๋ อาการบาดเจ็บของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”เจ้าสำนักคร่าอินทรีว่าพลางยิ้มกว้าง ท่าทีของมันตอนนี้เปลี่ยนแปลงไปราวฟ้ากับเหว ทำเอาทั้งไป๋จูเหวินทั้งเจ้าสำนักเขี้ยวมังกรต่างทำอะไรไม่ถูก

“ข้าผิดเองที่ก่อนหน้านี้ใช้อารม ข้านำยามาให้เจ้ารักษาตัวหวังว่าเจ้าจะไม่ถือโทษโกรธข้านะ”เจ้าสำนักคร่าอินทรียิ้มแฉ่งพลางยื่นขวดยาสีขาวมาให้ไป๋จูเหวิน ยาขวดนี้เป็นยาที่มันเก็บไว้ยามจำเป็นจริงๆเท่านั้น ยามนี้เหมือนมันกำลังคุกเข่าตัดนิ้วตนเองเพื่อขอให้ไป๋จูเหวินยกโทษให้ตนเองก็ไม่ผิด

“ท่านเจ้าสำนักเขี้ยวมังกรก็เหลือเกินจริงๆ แขกผู้มีเกียรติมาเยือนสำนักทั้งทีทำไมไม่แจ้งให้สำนักอื่นได้รับรู้กันล่ะ”เจ้าสำนักคร่าอินทรีว่าพลางยิ้มให้กับเจ้าสำนักเขี้ยวมังกรราวกับพวกมันเป็นเพื่อนสนิทมิตรสหายกันไม่มีผิด

“…..”ไป๋จูเหวินและเจ้าสำนักเขี้ยวมังกรได้แต่ยืนงง จนเจ้าสำนักคร่าอินทรีมอบยาเสร็จแล้วพวกมันก็ยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

“ไป่จูเหวิน เจ้าเป้นลูกชายของเจ้าเมืองไหนสักเมืองหรืออย่างไร”เจ้าสำนักเขี้ยวมังกรถามอย่างประหลาดใจ

“มะ ไม่ขอรับ”ไป๋จูเหวินส่ายหน้าพลางมองเจ้าสำนักคร่าอินทรีที่เดินจากไปด้วยสีหน้างุนงงไม่ต่างจากเจ้าสำนักเขี้ยวมังกรเลย