ต้อนรับ
“แย่ละสิ”เจ้าสำนักเขี้ยวมังกรว่าพลางมองจดหมายที่ถูกส่งมาหาตนเอง เพราะวันที่ไป๋จูเหวินพาหลินหลินกลับมาก็เกิดเรื่องกับสำนักคร่าอินทรีเลย ทำให้มันลืมส่งจดหมายไปให้หลุ่มนักล่าอสูรไปเสียสนิท จนวันนี้กลุ่มนักล่าอสูรส่งจดหมายกลับมาว่าได้แจ้งหน่วยที่อยู่ใกล้ที่สุดแล้วว่าให้มาช่วยปราบอสูรแมงมุมที่รายงานไป แถมกลุ่มที่ว่ายังส่งจดหมายมาอีกว่าใกล้จะเดินทางถึงเมืองผาหยกแล้ว ทำเอาเจ้าสำนักยอดเมฆาเหงื่ออาบแผ่นหลังเลยทีเดียว
“จะบอกพวกเขายังไงดีว่าอสูรตนนั้นกลายเป็นอสูรเลี้ยงของไป๋จูเหวินไปเสียแล้ว”เจ้าสำนักเขี้ยวมังกรว่าพลางถอนหายใจออกมา ลงเป็นแบบนี้กลุ่มนักล่าอสูรที่มาตามคำขอคงได้มาเก้อแน่ๆ อย่างน้อยก็ต้องหาอะไรต้อนรับเอาไว้ก่อน
“ท่านเจ้าสำนัก”ยังไม่ทันได้เตรียมตัวอะไร อยู่ๆศิษย์คนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาด้วยท่าทีกระหืดกระหอบ ท่าทีลนลานของมันทำเอาเจ้าสำนักเขี้ยวมังกรสังหรใจแปลกๆ
“กลุ่มนักล่าอสูรมาขอพบท่านขอรับ”ศิษย์คนนั้นพูดด้วยหน้าตาซีดเซียว แม้สำนักของมันจะเป็นสำนักย่อยของกลุ่มนักล่าอสูร แต่ความต่างระหว่างสำนักของพวกมันกับกลุ่มนักล่าอสูรกลับห่างชั้นกันเกินไป แม้มันจะเป็นเจ้าสำนักเขี้ยวมังกร แต่ฐานะของมันไม่อาขเทียบหัวหน้าของกลุ่มล่าแม้แต่กลุ่มเดียวได้เลย
“ผู้ใดเป็นผู้นำกลุ่ม”เจ้าสำนักเขี้ยวมังกรถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล ทั้งๆที่จดหมายพึ่งมาถึงแท้ๆ แต่ตัวกลุ่มนักล่าอสูรกลับมาเคาะประตูสำนักแล้ว พวกมันเดินทางเร็วกว่านกอีกหรืออย่างไร
“นางบอกว่านางคือเหม่ยหลินขอรับ”ศิษย์คนนั้นรายงาน แต่คำรายงานกลับทำให้เหงื่อของเจ้าสำนักเขี้ยวมังกรแตกพลัก แม้เหล่าศิษย์จะไม่ทราบ แต่ตัวเจ้าสำนักที่เคยอยู่ในกลุ่มนักล่ามากลับรู้จักผู้แจ้งนามไม่น้อย เพียงได้ยินชื่อก็รู้ทันทีว่านางคือบุตรีของหัวหน้ากลุ่มนักล่าอสูรนั่นเอง
หะ ให้นางเข้ามา…ไม่สิ ข้าจะออกไปต้อนรับนางเอง”พูดจบเจ้าสำนักเขี้ยวมังกรก็เดินออกไปห้องไปช้าๆ อย่างแรกเลยมันต้องจัดการเรื่องเข้าใจผิดให้ได้เสียก่อน
“คุณหนูเหม่ยหลิน ท่านให้เกียรติมายังสำนักเล็กๆเช่นนี้”เจ้าสำนักเขี้ยวมังกรว่าพลางวิ่งเข้าไปหาเหม่ยหลินที่นั่งอยู่บนม้าสีดำสนิทจนแทบจะกลืนไปกับชุดของนาง
“เกรงใจเกินไปแล้วท่านเจ้าสำนักเขี้ยวมังกร”เหม่ยหลินพูดพลางลงจากม้ามายืนอยู่ระดับเดียวกับเจ้าสำนักเขี้ยวมังกร
“จริงๆข้าต้องมาที่เมืองผาหยกอยู่แล้ว ตอนจดหมายแจ้งข่าวการพบอสูรมาถึงข้าก็อยู่ไม่ห่างจากเมืองแล้ว”เหม่ยหลินว่าพลางยิ้มหวาน นับเป็นโชคดีของนางเสียด้วยซ้ำที่เจ้าสำนักเขี้ยวมังกรส่งงานมาให้ เพราะนางแอบแยกตัวออกมาจากกลุ่มของเฟยเฟิ่งโดยไม่ได้บอกกล่าว หากกลับไปแล้วเฟยเฟิ่งรายงานเรื่องพวกเหม่ยหลินก็จะโดนต่อว่าเรื่องไม่ช่วยเหลือเพื่อนร่วมอาชีพ แต่หากนางอ้างว่ามีงานอีกงานเข้ามาอย่างงานปราลอสูรที่ผาหยกนางก็จะไม่โดนต่อว่าแต่อย่างไร
“จริงๆแล้วเรื่องอสูร….”เจ้าสำนักเขี้ยวมังกรว่าพลางก้มหน้าลงเล็กน้อย
“มันโดนจัดการไปก่อนที่ท่านจะมาขอรับ งานที่ไหว้วานท่านไปก็เลย….”เจ้าสำนักก้มหน้าลงด้วยท่าทีรู้สึกผิด แต่เหม่ยหลินย่อมไม่ใส่ใจอยู่แล้ว
“ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าอสูรโดนปราบไปแล้วก็นับเป็นเรื่องดี”เหม่ยหลินยังคงยิ้มด้วยท่าทีดีใจเช่นเดิม อย่างที่บอกไปข้างต้นนางเพียงอาศัยงานนี้ไม่ให้ใครมาบ่นเท่านั้น
“จริงหรือขอรับ เป็นพระคุณอย่างสูง”เจ้าสำนักเขี้ยวมังกรว่าพลางประสานมือให้เหม่ยหลินอย่างยินดี
“ท่านเจ้าสำนัก ภายในเมืองมีธงประดับตกแต่งมากมาย ไม่ทราบว่ากำลังจะมีงานอะไรหรือ”หมิงฮุ่ยในร่างมนุษย์ขึ้นเพราะทันทีที่เข้าเมืองใพวกมันก็เห็นการประดับเมืองต่างจากครั้งก่อนที่พวกมันเดินทางผ่านมากมายนัก
“เรื่องนั้น…วันมะรืนจะมีงานชุมนุมประจำปีของท่านเจ้าเมืองผาหยกขอรับ”เจ้าสำนักเขี้ยวมังกรตอบพลางมองหมิงฮุ่ยอย่างเคารพ ตัวหมิงฮุ่ยเป็นอสูรเลี้ยงของหัวหน้ากลุ่มคนก่อน ทำให้มันเคยพบเจอหมิงฮุ่ยอยู่บ่อยครั้งตอนมันยังออกล่าอสูรอยู่
“เป็นงานแบบไหนกัน น่าสนใจดี”หมิงฮุ่ยว่าพลางยิ้มออกมา
“ก็เป็นงานพบปะที่มีคนของสำนักต่างๆในเมืองผาหยกเข้าร่วมขอรับ โดยทุกสำนักจะไปที่วังหยกและส่งศิษย์เข้าร่วมประลอง หลังจากศิษย์ประลองจบแล้วก็จะเป็นการประลองของเหล่าอาจารย์และเจ้าสำนักขอรับ”เจ้าสำนักเขี้ยวมังกรว่าพลางมองไปทางหมิงฮุ่ย จะว่าไปมันได้ข่าวมาว่าคุณหนูได้รับอสูรเลี้ยงมา 2 คนเป็นอสูรระดับสูงทั้งคู่ แต่ทำไมมันไม่เห็นอีกตนเลยล่ะ
“น่าสนใจนะคะ ถ้าพวกเราจะขอชมด้วยจะได้ไหม”เหม่ยหลินถามด้วยท่าทีสนใจ เพราะอย่างไรเธอก็อยากจะพักอยู่ที่เมืองนี้เสียหน่อย
“เป็นเกียรติอย่างสูงขอรับ”เจ้าสำนักเขี้ยวมังกรตอบรับอย่างยินดีเป็นอย่างมาก ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหากกลุ่มนักล่าอสูรให้เกียรติมานั่งในงานชุมนุมของท่านเจ้าเมือง สำนักเขี้ยวมังกรจะสามารถยืดได้ขนาดไหน
ตูม!!
“คิกๆ ยังหนูน้อยทำได้แค่นี้เองเหรอ” ขณะกำลังพูดคุยกับเจ้าสำนักเขี้ยวมังกรอยู่นั้น อยู่ๆร่างของแมงมุมตัวหนึ่งก็กระเด็นออกมาอยู่กลางลานหินที่พวกเจ้าสำนักและเหม่ยหลินคุยกัน แมงมุมสีหยกตัวใหญ่ทำเอาเหล่านักล่าอสูรเตรียมชักอาวุธ แต่พอเห็นเครื่องประดับที่ติดอยู่บนใบหน้าด้านข้างของแมงมุมหยกพวกมันก็ลดอาวุธลงในทันทีพลางหันไปมองที่มาของการกระเด็น
“พี่หยวน?”เหม่ยหลินขมวดคิ้วพลางมองหยวนหยวนใยร่างแมวสีขาวเดนิออกมาจากจุดที่แมงมุมอสูรกระเด็นออกมา
“ยัยแมวขโมย ข้าเจ็บนะ”หลินหลินในร่างแมงมุมตะโกนด้วยท่าทีโมโห นางรีบกลับตัวพลางวิ่งเข้าไปหาหยวนหยวนในทันที แต่หยวนหยวนที่ตอนนี้กลายเป็นอสุรระดับหยกแล้วย่อมสามารถรับมือกับหลินหลินได้ไม่ยากเย็นนัก นางใช้น้ำแข็งที่นางสร้างขึ้นมาแทงใส่หลินหลินอย่างไม่ปราณี แม้นำแข็งจะแทงหลินหลินไม่เข้าแต่ก็ผลักร่างของนางออกไปได้ไม่น้อย
“หลินหลิน เจ้าอย่าอาละวาดสิ”ไป๋จูเหวินที่ออกมาห้ามทำให้หลินหลินหยุดวิ่งเข้ามาใส่หยวนหยวนจนได้ เมื่อครู่อยู่ดีๆหยวนหยวนก็เข้ามา แถมยังเข้ามานัวเนียตามตัวไป๋จูเหวินอย่างที่นางชอบทำอีกต่างหาก ทำให้หลินหลินที่ไม่รู้จักหยวนหยวนเกิดอาการโมโหจนโจมตีใส่หยวนหยวนเข้า ไม่นานเหตุการณ์ก็บานปลายจนไป๋จูเหวินห้ามไม่ทัน
“มู่…”หลินหลินทำหน้ามุ่ยพลางกลับเป็นร่างเด้กน้อยอีกครั้ง นางดูไม่พอใจมากที่มีผู้หญิงมายุ่งกับไป๋จูเหวิน
“เด็กน้อย ข้าแค่ทักทายพี่ไป๋ของเจ้าเฉยๆ ทำไมเจ้าต้องโมโหด้วย”หยวนหยวนหัวเราะพลางกลายร่างเป็นหญิงสาวเช่นกัน
“ก็…ไม่รู้”หลินหลินตอบพลางวิ่งเข้ามาหาไป๋จูเหวินพลางเกาะแขนข้างหนึ่งของไป๋จูเหวินเอาไว้แน่น นางแค่ไม่ชอบเวลาหยวนหยวนเข้ามานัวเนียไป๋จูเหวินเท่านั้น ส่วนเหตุผลนั้นนางไม่รู้หรอก
“ข้าไม่แย่งเจ้านายเจ้าไปหรอก ข้าแค่ชอบหยอกล้อเขาเท่านั้นเอง”หยวนหยวนว่าพลางเข้ามากอดไป๋จูเหวินจากอีกด้าน
“หลินหลิน พี่หยวนหยวนเป็นสหายของข้า เจ้าดีกับนางหน่อยเถอะ”ไป๋จูเหวินว่าพลางถอนหายใจออกมา
“ไม่เอา”หลินหลินส่ายหน้าพลางมองหยวนหยวนอย่างไม่เป็นมิตร
“พี่หยวน ท่านก็อย่าแกล้งเด็กสิ”เหม่ยหลินว่าพลางเดินเข้ามาหาไป๋จูเหวินอย่างคุ้นเคย
“แหม ก็นางน่ารักดีนี่นา”หยวนหยวนว่าพลางปล่อยแขนของไป๋จูเหวินให้กลายเป็นอิสระ พลางมองเหม่ยหลินนิ่ง
“ขอโทษนะจะ พี่หยวนแค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง”เหม่ยหลินว่าพลางยิ้มให้กับหลินหลินที่หลบอยู่ข้างๆไป๋จูเหวิน
“ไม่เอา ผู้หญิงคนนั้นะจะแย่งพี่ไป๋ไปจากข้า ข้าไม่ชอบ”หลินหลินพูดด้วยใบหน้าบึ้งตึง ทำไมอยู่ดีๆนางถึงดื้อขึ้นมาก็ไม่ทราบ ทั้งๆที่ปกติจะเชื่อฟังที่ไป๋จูเหวินพูดทุกอย่างแท้ๆ
“ไม่หรอก เจ้าเป็นอสูรเลี้ยงของพี่ไป๋ไม่ใช่หรืออย่างไร ไม่มีทางที่เขาจะทิ้งเจ้าหรอก”เหม่ยหลินยิ้มพลางมองหลินหลินอย่างเอ็นดู ความรู้สึกผูกพันระหว่างอสูรเลี้ยงและเจ้านายค่อนข้างแน่นแฟ้นมากทีเดียว แถมไป๋จูเหวินเองก็มีพวกน้าๆอยู่ด้วย ความผูกพันกับอสูรมากยิ่งกว่าใครๆแน่นอน
“จริงเหรอ”หลินหลินว่าพลางมองเหม่ยหลินอย่างมีความหวัง
“จริงสิ ไม่เชื่อลองถามพี่ไป๋ของเจ้าดูสิ”เหม่ยหลินว่าพลางมองไปทางไป๋จูเหวิน
“ข้าจะทิ้งเจ้าไปได้ยังไงล่ะ ขืนเจ้าไปกินบ้านเมืองชาวบ้านเขาคงเดือดร้อนแย่”ไป๋จูเหวินว่าพลางลูบหัวหลินหลินเบาๆ
“อือออ”หลินหลินหลับตาพลางพนักหน้าเบาๆ
“พี่ไป๋ ท่านขึ้นเป็นระดับสูงแล้ว นางเป็นอสูรบริวารของท่านงั้นเหรอ”เหม่ยหลินถามพลางมองหลินหลินที่กำลังกอดแขนไป๋จูเหวินเอาไว้ เมื่อครู่เห็นได้ชัดเลยว่าร่าวเดิมของนางคือแมงมุมนั่นเอง
“เปล่า ข้ายังไม่เคยเรียกอสูรบริวารเลย นางเป็นอสูรที่พวกข้าเจอในถ้ำ เพราะไม่อยากให้นางมีอันตรายกับคนอื่นข้าก็เลยพานางมาอยู่ด้วย”ไป๋จูเหวินตอบพลางมองไปที่หลินหลินเช่นเดียวกัน
“พี่ไป่เองก็เป็นที่รักของอสูรมากๆเลยนี่นา บางทีข้าก็อิจฉาท่านนะ”เหม่ยหลินยิ้มพลางหัวเราะออกมาเล็กน้อย
“นั่นสินะ ข้าโชคดีจริงๆที่พวกเขาชอบข้าขนาดนี้”ไป๋จูเหวินหัวเราะพลางนึกภาพในเขตอสูร หากไม่ใช่เพราะพลังของมันทำให้เหล่าอสูรหลงรัก ป่านนี้มันตายในเขตอสูรไปนานแล้ว
“จริงสิ ข้าจะเข้าชมงานชุมนุมของเจ้าเมืองด้วย พี่ไป๋ได้ลงแข่งหรือเปล่า”เหม่ยหลินถามพลางมองใบหน้าไป๋จูเหวินอย่างสนใจ
“เปล่า..ท่านเจ้าสำนักไม่ได้บอกหรือว่าพวกเราไม่ส่งศิษย์ในสำนักเข้าแข่งด้วยมานานแล้ว”ไป๋จูเหวินถามพลางเลิกคิ้วอย่างสงสัย
“ไม่นี่คะ ทำไมถึงไม่ส่งล่ะ”เหม่ยหลินถามกลับเพราะนางไม่ได้ถามเรื่องนี้กับเจ้าสำนักเท่าไหร่
“เพราะศิษย์ของสำนักเขี้ยวมังกรพอพลังฝีมือมากพอแล้วจะไปเข้าร่วมกับกลุ่มอสูร ทำให้ไม่มีศิษย์ฝีมือดีเข้าร่วมการแข่งขัน และทุกคนก็เข้าใจจุดนี้ดี”ไป๋จูเหวินตอบตามที่เคยได้ยินมาจากเจ้าสำนัก
“เป็นแบบนี้เอง ข้านึกว่าพี่ไป๋จะลงแข่งเสียอีก หากเป็นท่านละก็ต้องได้อันดับ 1 แน่ๆ”เหม่ยหลินยิ้มพลางพูดชมไป๋จูเหวินจนออกนอกหน้า หากนับพลังวิญญาณไป๋จูเหวินคงไม่เท่าไหร่ แต่ไป๋จูเหวินเป็นคนเดียวนอกจากพ่อของนางที่มีพลังอสูรมากมายเช่นนี้ นับว่าโดดเด่นกว่าคนอื่นๆมาก
“ไม่หรอก ข้าไม่ได้อยากลงประลอง”ไป๋จูเหวินว่าพลางส่าหน้าเบาๆ ระดับพลังของศิษย์ในสำนักต่างๆไม่สูงมาก แม้แต่เจ้าสำนักคร่าอินทรีที่ฝีมือโดดเด่นอย่างมากในกลุ่มสำนักต่างๆยังทำให้ไป๋จูเหวินบาดเจ็บได้ไม่มาก ไม่ต้องพูดถึงเหล่าศิษย์เลย
“ถ้าอย่างนั้นพี่ไป๋ก็มาชมการประลองกับข้าดีหรือไม่”เหม่ยหลินถามพลางส่งสายตาขอร้องไปทางไป๋จูเหวิน
“ได้ ข้าเองก็ต้องไปร่วมงานอยู่แล้ว”ไป๋จูเหวินตอบพลางยิ้มรับ
หลังจากนักหมายกันเสร็จไป๋จูเหวินก็ขอตัวพาหลินหลินกลับไปที่ห้องก่อน ส่วนเหม่ยหลินก็กลับไปพูดคุยกับเจ้าสำนักเขี้ยวมังกรอีกครั้งเพื่อบอกเรื่องที่ตนจะขอยืมตัวไป๋จูเหวินมาร่วมชมการประลองด้วย แน่นอนว่าเจ้าสำนักเขี้ยวมังกรมีสีหน้าแปลกใจไม่น้อยเมื่อทราบว่าไป๋จูเหวินมีความสัมพันธ์อันดีกับเหม่ยหลิน
“คุณหนู”หลังจากตกลงหลายๆอย่างกันจนจบ เหม่ยหลินและหยวนหยวนก็เข้าพักในห้องที่เจ้าสำนักเขี้ยวมังกรจัดเอาไว้ให้
“มีอะไรเหรอพี่หยวน”เหม่ยหลินถามพลางมองหยวนหยวนที่กำลังนั่งอยู่ริมระเบียงอย่างประหลาดใจ
“ทำไมท่านเรียกไป๋จูเหวินว่าพี่ไป๋ล่ะ ปกติท่านเรียกเขาว่าคุณชายไป๋ไม่ใช่เหรอ”ได้ยินแบบนั้นเหม่ยหลินก็มีสีหน้างุนงงไปครู่หนึ่ง ก่อนที่หน้าของนางจะเริ่มแดงออกมา เพราะหลินหลินเรียกไป๋จูเหวินว่าพี่ไป๋ตลอด นางเลยเรียกตามไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ แต่นางก็ไม่ทราบอายุจริงๆของไป๋จูเหวินเสียด้วย บางทีเขาอาจจะอายุอ่อนกว่านางก็ได้แบบนั้นเรียกไป๋จูเหวินว่าพี่ตะเสียมารยาทไปหรือเปล่า แต่ไป๋จูเหวินเองก็ไม่ทักท้วงอะไรนี่นา ถ้านางจะเรียกเขาว่าพี่ไป๋แบบนี้ตลอดเลยจะเป็นอะไรหรือเปล่า…