บทที่ 9 หญิงสาวชุดหนังสัตว์สีขาว
การจับปลาสิ้นสุดลงอย่างรวดเร็วเพราะทุกคนได้แบกปลากลับไป 5-6 ตัว นี่ทําให้หลี่หูและหมิงกวงตื่นเต้นเป็นพิเศษ พวกเขาไม่เคยคิดว่าจะล่าอาหารได้มากมายขนาดนี้มาก่อน มู่เฟิงเองก็ประหลาดใจเช่นกัน เขาไม่คาดคิดว่าการจับปลาในน้ําแข็งจะจับปลาได้มากมายขนาดนี้
“ไม่แปลกใจเลยว่าทําไมเมื่อก่อนลุงถึงบอกว่า แค่ยืนริมน้ําแล้วถือไม้กระบองใหญ่ไว้ตีปลาก็พอ” เขาจําได้ว่าในชีวิตที่แล้วของเขา เขาเห็นถึงบทความที่บรรยายเกี่ยวกับดินแดนรกร้างทางตอนเหนือยามที่เขายังเป็นเด็ก
เมื่อก่อนเขาหัวเราะเยาะเรื่องนี้และคิดว่าเป็นคําโกหกที่เขียนโดยผู้เขียน ในชาติที่แล้วไก่ฟ้าเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองที่หายาก แล้วยังมีใครจะได้จับพวกมันกินอย่างนั้นหรือ?
แต่เมื่อนึกถึงฉากจับปลาในทะเลสาบเมื่อครู่เขาก็เชื่ออีกครั้ง ดูแล้วสถานการณ์การตกปลาเมื่อครู่ในทะเลสาบ แม้ทุกคนจะแสดงออกเหมือนคนโง่ แต่ทุกคนก็น่ารักมาก เหมือนเด็กๆที่ดีใจได้ของที่ต้องการ ภายใต้หลุมน้ําแข็ง เมื่อมีปลาตัวที่ 1 ปรากฏขึ้นอีกไม่กี่ลมหายใจก็มีปลาตัวอื่นๆปรากฏออกมา
“ดูเหมือนว่าปลาในทะเลสาบต้าหลงจะมีเยอะมาก!” มู่เฟิงคิด
“พี่มู่เฟิง!” ไปหยากระโดดไปมาราวกับกระต่ายน้อยบนดวงจันทร์ “พี่คิดพวกนี้ได้อย่าง ไร?เพลาของเราคงไม่ขาดแคลนอาหารอีกสักพัก!”
“ฮ่าๆ” มู่เฟิงยิ้ม “ ก่อนหน้านี้ ลุงหมิงกวงเคยพาพวกเรามาตีปลาในตอนที่ทะเลสาบยังไม่เป็นน้ําแข็ง ข้าแค่คิดว่าในช่วงที่ทะเลสาบเป็นน้ําแข็งก็น่าจะจับปลาได้ แต่ใครจะรู้ว่ามันสําเร็จจริงๆ!”
เขาพูดแบบนี้เพื่อไม่ให้คนในยุคนี้สงสัย ไม่ว่าเขาจะพูดอย่างไรก็ตามคนสมัยนี้ยังมีสติปัญญา ตามความคิดของเขาไม่ทันอยู่ดี
เห็นได้ชัดว่า ไปหยา ไม่คิดมากกับคําอธิบายของมู่เฟิงเช่นกัน นางวิ่งไปมาแล้วพูดกับหลี่หูว่า “ท่านพ่อ ท่านพ่อดูสิตัวที่ใหญ่ที่สุดคือตัวที่ข้าจับได้!”
หลี่หูยิ้มและลูบหัวไปหยา “ ใช่แล้วครั้งนี้เจ้าเก่งมาก!”
หลังจากพูดจบเขาก็หันไปหามู่เฟิง “ มู่เฟิง พรุ่งนี้เราจะพาคนมาเพิ่มอีกสักหน่อย จะได้รับปลากลับไปเก็บเอาไว้บ้าง”
มู่เฟิงพยักหน้า “ได้แต่ว่าด้านล่างภูเขาเริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ การเก็บตุนปลามากเกินไปอาจทําให้เหม็นได้ง่าย เก็บไว้แค่กินได้สักพักก็พอ”
ที่จริงแล้วในใจของเขาคิดว่าถ้าเอาน้ําแข็งจากทะเลสาบไปได้เขาก็สามารถแช่แข็งปลาเหล่านี้เก็บไว้ได้นาน แต่เมื่อคิดถึงการขุดน้ําแข็งและการขนย้าย รวมทั้งการเก็บรักษาอาจเป็นการสิ้นเปลืองหรือเสียเปล่าเกินไปดังนั้นเขาจึงยอมแพ้ความคิดนี้ ไว้รอโอกาสที่ดีกว่านี้ค่อยหาวิธีแช่แข็งก็ยังไม่สาย
นอกจากนี้ในเผ่าต้าเจียงยังมีปัญหาอีกมากมายคงต้องเก็บเรื่องการทําห้องแช่แข็งไว้ก่อน ในขณะที่เขากําลังคิดอยู่นั้น มู่เฟิงก็หยุดเดินและเดินมาข้างๆเขา
“มีอะไรหรอ?” มู่เฟิงถามขึ้น
ไปหยาที่แต่เดิมพูดจาอย่างสนุกสนานข้างๆหลี่หู ไม่พูดไม่จายืนอยู่ด้านหลังหลี่หูอย่างระมัดระวัง แม้ว่ามู่เฟิงจะไม่ได้มองสีหน้าของนาง แต่รับรู้ได้ว่านางรู้สึกประหม่าอย่างเห็นได้ชัด
“หม?” มู่เฟิงรู้สึกสงสัย “เกิดอะไรขึ้น?”
ยังไม่ทันพูดจบ หมิงกวงก็เดินมาหยุดตรงด้านหน้ามู่เฟิง และพูดขึ้นมาว่า “ มู่เฟิง มีกลุ่มคนอยู่ด้านหน้า!”
“กลุ่มคน?แล้วมีปัญหาอะไรหรอ?” มู่เฟิงรู้สึกสงสัย
“พวกเขามากกว่าพวกเราและปิดกั้นเส้นทางทั้งหมด ข้าเกรงว่าพวกเขาต้องการที่จะปล้นพวกเรา!”
“หา?” ไปหยาที่อยู่ด้านข้างสีหน้าซีดเผือดแววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวเห็นได้ชัดว่านางนึกถึงภัยพิบัติของเผ่าที่ประสบไปไม่นานมานี้
หลี่หูเองก็ตกใจเช่นกันใบหน้าปรากฏแววตาเจ็บปวด
“ปล้นอีกแล้วงั้นหรอ อย่างมากพวกเราก็คงต้องสู้ตายกับพวกเขา!”
ในขณะที่เขาพูดเขาโยนปลาตัวใหญ่ลงกับพื้น และกําลังจะเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้ แต่มู่เฟิงดึง ขาเอาไว้
“ลุงหลี่หูอย่าเพิ่งหุนหัน!”
หลี่หูที่ถูกวางไว้ก็โกรธจัด “ มู่เฟิง ชนเผ่าของเราได้ผ่านการถูกปล้นสะดมทําให้ขาดแคลนอาหาร หากถูกปล้นอีกครั้งคนในเผ่าของเราก็จะอดตาย!”
มู่เฟิง สายหัวและกล่าวว่า “อย่าทําอะไรหุนหันพลันแล่นแม้ว่าพวกเขาจะปล้นอาหารเราไปแล้วพวกเราปลอดภัยพวกเราก็ยังกลับมาจับปลาได้!”
“อยู่บนภูเขาไม่ต้องกลัวไม่มีฟิน!”
“ภูเขาอะไร? ฟื้นอะไร?” หลี่หูตกตะลึงกับประโยคนี้
มู่เฟิงส่ายศีรษะ “ท่านไม่ต้องสนใจเรื่องอื่น พาข้าไปดูสถานการณ์ก่อน!”
“ไม่ได้เจ้าเป็นหัวหน้าเผ่าไม่สามารถเสี่ยงได้”
“วางใจเถอะข้ารู้ดี จะไม่ทําให้เสี่ยง!”
เมื่อพูดเช่นนี้ มู่เฟิงก็เดินออกมาจากแถวหลี่หูและหมิงกวงรู้สึกประหม่ารีบเดินตามมู่เฟิง
มู่เฟิงมาถึงด้านหน้าขบวนดวงตาของเขาแข่งค้าง
มีกลุ่มคนที่อยู่ด้านหน้าและมีจํานวนมากกว่าพวกเขา นอกจากนี้ใบหน้าของพวกเขายังเต็มไปด้วยสีสันรวมทั้งผมของพวกเขาถูกมัดอย่างเป็นระเบียบ มู่เฟิงรู้ทันทีว่าคนเหล่านี้มาจากเผ่าใหญ่!
เพราะมีเพียงคนของชนเผ่าใหญ่เท่านั้นที่มี “เวลาว่าง”ที่จะตัดผมและใช้สีเพื่อแยกความแตกต่างระหว่างนักรบและคนทั่วไป
ผมและสีเป็นสัญลักษณ์ของตัวตนและสถานะ ก็เหมือนกับคนมีเงินและฐานะในชาติที่แล้วขับรถหรูและสวมนาฬิกาแพง
สิ่งที่ทําให้มู่เฟิงรู้สึกประหลาดใจที่สุดก็คือ ผู้นําของพวกเขาเป็นหญิงสาวที่ขี่สัตว์ปาบางอย่างที่มู่เฟิงไม่รู้จัก!
หญิงสาวสวมชุดหนังอสูรสีขาวบริสุทธิ์ ดวงตานั้นเป็นประกายราวกับน้ําในฤดูใบไม้ร่วง เรียวยาวราวกับนกฟีนิกซ์
สิ่งที่ทําให้มู่เฟิงตาเป็นประกายก็คือหน้ารูปไข่ของหญิงสาวคนนี้ดูสวยกว่าดาราหลังทําศัลยกรรมที่เขาเคยเจอชาติที่แล้วเสียอีก แต่ถ้าจะบอกถึงความสวยงามไม่เพียงพอก็คือ หน้าแดงจากการตากแดดลมและรอยแผลเป็นที่เกิดจากความเหน็บหนาวอย่างเห็นได้ชัด
แต่ข้อบกพร่องเหล่านี้กลับทําให้นางนั้นดูองอาจราวกับสตรีที่แข็งแกร่ง หญิงสาวแต่ละคนมีนักรบยืนขนาบซ้ายขวา และขี่สัตว์ป่าที่หน้าตาไม่เลว แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้พูดอะไร แต่ก็เต็มไปด้วยพลังที่แข็งแกร่ง
แตกต่างจากความตึงเครียดระหว่างหลี่หูและหมิงกวง มู่เฟิงคิดถึงสิ่งอื่นที่เขาหลงใหลมาเป็นเวลานาน นั่นคือการขี่ม้าและเลี้ยงอินทรีย์กลายเป็นชายผู้หล่อเหลาเต็มไปด้วยความสุข
เมื่อคิดได้อย่างนั้นดวงตาของเขาก็เป็นประกาย