ตอนที่ 173 ไม่หน้าเลือดก็ทำธุรกิจไม่ได้

เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零]

เมื่อมาขอคำแนะนำจากจ้าวเหวินเทา จ้าวเหวินเทาก็นึกขึ้นได้ว่าภรรยาของเขาทำอะไรก็อร่อยไปหมด จึงกลับมาขอความช่วยเหลือจากเธอ

เย่ฉูฉู่ลองทำเนื้อกระต่ายหนึ่งกระทะให้จ้าวเหวินเทาลองชิมดู

ช่วงนี้จ้าวเหวินเทาวิ่งเข้าไปในจังหวัดและอำเภอ จึงได้รับประทานอาหารด้านนอกไปไม่น้อย ดังนั้นความต้องการในเรื่องรสชาติของเขาจึงสูง หากไม่ใช่อาหารที่ปรุงโดยแม่ครัวอาวุโสก็คงเอาเข้าปากเขาไม่ได้

แต่พอกินเนื้อกระต่ายที่ภรรยาของเขาทำ จึงคิดว่านี่แหละรสชาติที่เนื้อกระต่ายควรมี!

เย่ฉูฉู่แย้มยิ้ม เธอย่อมมีความมั่นใจในฝีมือการทำอาหารของตัวเองอยู่แล้ว แต่ก็พูดอย่างถ่อมตนว่า “ไม่รู้ว่าคนอื่น ๆ จะพอใจหรือเปล่าน่ะสิคะ”

“ขนาดผมกินยังรู้สึกว่าอร่อยเลย คนอื่นยิ่งไม่ต้องพูดถึง เดี๋ยวผมจะเอาไปให้เขา!” จ้าวเหวินเทาถือกล่องอาหารสองกล่อง จากนั้นนำเนื้อกระต่ายที่อยู่ในกระทะบรรจุลงไป

เย่ฉูฉู่กล่าว “ถ้าแขกยินดีที่จะกิน ก็ให้เขาใช้ส่วนผสมนี้ทำหัวกระต่ายด้วยนะคะ”

ทุกครั้งที่ปรุงอาหาร เย่ฉูฉู่จะจดอัตราส่วนไว้ ครั้งนี้ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ถึงเวลานั้นค่อยให้จ้าวเหวินเทายึดตามอัตราส่วนนี้เพื่อปรุงรสชาติก็เรียบร้อยแล้ว

จ้าวเหวินเทายิ้ม “งั้นผมคงต้องคุยกับเขาดี ๆ แล้ว ภรรยาของผมจะมาช่วยปรุงรสให้เขาเปล่า ๆ ไม่ได้!”

เย่ฉูฉู่ยิ้ม “จะคุยยังไงกับเขาก็ขึ้นอยู่กับคุณเลย ตอนที่เอาไปส่งก็ต้องลงไปผัดในหม้ออีกสักรอบนะคะ ไม่งั้นรสชาติอาจจะแย่ลงนิดหน่อย”

จ้าวเหวินเทานำเนื้อกระต่ายไปแล้ว ระหว่างทางเขาก็ได้เจอกับพี่สามจ้าวที่กลับมาพักจากการลงไปทำนา

“เจ้าหก ทำไมวันนี้ถึงไปสายขนาดนี้ล่ะ?” พี่สามจ้าวถามเสียงดัง

จ้าวเหวินเทาชะลอความเร็วรถ “มีธุระนิดหน่อยน่ะ พี่สามจะกลับบ้านแล้วเหรอ”

“ใช่ เห็นพระอาทิตย์เริ่มขึ้นสูงแล้ว อากาศร้อน ว่าจะกลับไปพักหน่อย รอช่วงบ่ายค่อยมาใหม่ รถคันนี้ของนายไม่เลวเลยนะ วันไหนว่างช่วยขนเต้าหู้เข้าอำเภอหน่อยสิ” พี่สามจ้าวคิดอยากจะให้จ้าวเหวินเทาช่วยขนเต้าหู้ไปขายนานแล้ว

อากาศร้อนแบบนี้ รถล่อลากช้าขนาดนั้น กว่าจะลากไปถึงตัวอำเภอก็บูดพอดี ถ้ามีรถใช้น้ำมันก็คงดี

จ้าวเหวินเทาไม่ได้ปฏิเสธ กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เอาสิ พี่สาม แต่พี่ต้องจ่ายค่าน้ำมันให้ผมด้วยนะ จะมาใช้งานเฉย ๆ ไม่ได้ ผมคิดไม่มากหรอก รอบหนึ่งขอ 3-5 เหมาก็พอ แต่พี่ก็อย่าทำเยอะเกินล่ะ ขายไม่ออกขึ้นมาเดี๋ยวก็มาด่าผมอีก”

“หา ยังจะคิดค่าน้ำมันอีกเหรอ?” พี่สามจ้าวไม่พอใจ “พวกเราเป็นพี่น้องแท้ ๆ นะ ช่วยเหลือกันสิถึงจะถูก ครั้งก่อนตอนที่เลี้ยงกระต่ายฉันก็สนับสนุนนายคนแรก อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ ที่นายให้ทุกคนเลี้ยงกระต่ายก็เป็นเพราะอยากให้ไฟฟ้าเข้าถึง เพื่อที่นายจะได้ใช้ก๊อกน้ำ!”

ไม่ว่าจะพูดอย่างไรเจ้าสามก็ฉลาดเหมือนลิง

จ้าวเหวินเทาพูดอย่างไม่ใส่ใจ “พี่สาม เป็นพี่น้องแท้ ๆ แต่พี่น้องก็ต้องคิดบัญชีให้ชัดเจน พี่เลี้ยงกระต่ายได้เงินก็ยังไม่เห็นให้ผมสักเฟินเลยนี่? เอาล่ะ ผมต้องรีบทำเวลา พี่กลับไปคิดเองแล้วกัน ถ้าอยากจะใช้รถขนเต้าหู้ก็ตื่นให้เช้าหน่อย อากาศร้อนแบบนี้ วางเต้าหู้ทิ้งไว้นาน ๆ ไม่ได้หรอก”

จ้าวเหวินเทาพูดจบก็ขับรถไป

พี่สามจ้าวส่งเสียง ‘เพ้ย’ หนึ่งเสียง พี่ชายแท้ ๆ จะใช้รถยังจะเก็บเงิน เห็นแก่เงินจริง ๆ!

แต่เขาก็ไม่คิดเลยว่า ต่อให้ไม่ได้เห็นแก่เงิน แต่การคิดจะใช้รถคนอื่นเปล่า ๆ นี่เป็นการเอาเปรียบอย่างแน่นอนแล้ว

แม้จะพูดแบบนี้ แต่เงินค่าน้ำมัน 3-5 เหมาเมื่อเทียบกับขายเต้าหู้ ก็ถือว่ายังทำเงินได้มาก และเป็นราคาที่เป็นธรรมแล้ว

พี่สามจ้าวใจเต้นอย่างห้ามไม่อยู่ จึงกลับไปปรึกษากับพี่สะใภ้สามจ้าว

พี่สะใภ้สามจ้าวปฏิเสธโดยไม่คิด

“คุณอยากตายก็ตายคนเดียว อย่าลากพวกเราไปเกี่ยวด้วย!” พี่สะใภ้สามจ้าวพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “คิดจะทำเต้าหู้ ต้องตื่นกี่โมง? ตีหนึ่งหรือตีสองล่ะ? ขายเต้าหู้เสร็จจะได้กลับมาตอนไหน ยังต้องไปทำนาอีกหรือเปล่า? ในนาก็มีงานให้ทำเยอะแยะขนาดนั้น คุณอยากให้ฉันเหนื่อยตายหรือไง!”

พี่สามจ้าวคิด ๆ ดูแล้วก็ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เขายังคงยืนกรานพูดไปว่า “ผมกับพวกเด็ก ๆ จะทำเต้าหู้ ส่วนคุณก็ลงไปทำนา”

“แล้วลูกไม่ต้องไปเรียนเหรอ? ฉันคนเดียวทำไม่ไหวหรอกนะ งานในนาเยอะแยะขนาดนั้น!” พี่สะใภ้สามจ้าวทิ้งประโยคไว้หนึ่งประโยคโดยไม่สนใจเขาอีก

สามีคนนี้เห็นแก่เงินจนเป็นบ้าไปแล้ว

พี่สามจ้าวโกรธแทบตายอยู่แล้ว “นังผู้หญิงฟุ่มเฟือย ผมทำไปเพื่อใครล่ะ เพื่อตัวเองเหรอ ที่ทำไปก็เพื่อพวกคุณนั่นแหละ!”

“คุณไม่ได้ทำเพื่อพวกเราหรอก คุณทำเพื่อตัวเองต่างหากล่ะ” พี่สะใภ้สามจ้าวพูดเสียงเรียบ “คุณนี่มันรนหาที่ตายจริง ๆ หาเงินจนไม่คิดจะรักชีวิตตัวเองแล้ว!”

น้ำเสียงของหล่อนดูถูกเป็นพิเศษ

พี่สามจ้าวโกรธมาก จึงเริ่มสาดคำด่าออกมา

พี่สะใภ้สามจ้าวเดินออกไป ปล่อยให้เขาด่าคนเดียวให้พอใจ

พี่สามจ้าวจะทำอะไรได้ ก็ทำได้เพียงแค่หยุดความคิดนั้น แต่แค่นึกว่าเจ้าหกได้เงินมาก็รู้สึกคันยุบยิบในใจแล้ว

จ้าวเหวินเทาทำงานหาเงินได้ก็จริง แต่เงินนี้ไม่ใช่ว่าจะหาได้ง่าย ๆ ขนาดนั้น

เขานำเนื้อกระต่ายที่ภรรยาปรุงรสไว้อย่างดีมาส่งให้จงย่ง จากนั้นก็บอกให้จงย่งอุ่นอีกรอบเพื่อให้ลูกค้าได้ลองชิม เสียงตอบรับก็ต้องดีเยี่ยมอยู่แล้ว

เสียงตอบรับดี การค้าขายก็ต้องดีด้วย หลังจากนี้จ้าวเหวินเทาก็ไม่ต้องกังวลว่ากระต่ายจะไม่มีที่ขาย

อีกอย่างมันก็ไม่ได้มีแค่นี้ ช่องทางอื่น ๆ เขาก็ลองไปเปิดดูแล้ว ไม่เช่นนั้นเขาจะนำกระต่ายจำนวนมากเหล่านั้นไปขายที่ไหน? ยังมีฟาร์มกระต่ายในเมืองอีก ถึงเวลานั้นถ้าคิดจะรับช่วงกิจการต่อ เขาเองก็ไม่อยากพลาดเหมือนกัน

นี่เป็นแผนการที่เตรียมไว้ในวันข้างหน้า ทำงานหาเงินไม่ใช่เรื่องง่ายมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่ทุกคนต่างก็มองเห็นแค่ผลลัพธ์ที่ประสบความสำเร็จ กลับไม่เห็นขั้นตอนที่ยากลำบากนั้น

เพียงพริบตาเดียวก็เข้าสู่เทศกาลไหว้พระจันทร์ โดยพื้นฐานแล้วเทศกาลไหว้พระจันทร์จะห่างจากวันชาติจีนสองวัน

ตอนนี้ในชนบทเริ่มเก็บเกี่ยวพืชผลกันแล้ว

สิ่งแรกสุดที่เริ่มสุกแก่ก็คือพวกถั่วต่างๆ มีถั่วเขียว ถั่วเหลืองและอื่น ๆ

การตัดถั่วเป็นเรื่องที่ทำให้ปวดเอวมากที่สุด ถั่วจะออกฝักในระดับใกล้กับพื้นดิน ดังนั้นจึงต้องก้มตัวถึงจะตัดออกมาได้

จ้าวเหวินเทาไม่ได้ปลูกสิ่งเหล่านี้ จึงไม่ต้องตัด แต่ช่วงหลายวันนี้เขาก็ยุ่งมากเหมือนกัน

ยุ่งอยู่กับการทำอุปกรณ์การเกษตร

“ภรรยา คุณดูสิ เคียวอันนี้เป็นไงบ้าง?” วันนี้จ้าวเหวินเทาหยิบของชิ้นหนึ่งลงมาจากบนรถให้เย่ฉูฉู่ดู

ท้องของเย่ฉูฉู่ใหญ่มากแล้ว เธอจึงยืนค้ำกับขอบประตู มองของที่อยู่ในมือของเขาด้วยความประหลาดใจ “มันคืออะไรเหรอ?”

ของที่อยู่ในมือของจ้าวเหวินเทาคือไม้ตะบอง ส่วนหัวมีใบมีดเคียวติดอยู่ แต่บางกว่าเคียวมาก เมื่อแสงอาทิตย์ตกกระทบก็ส่องประกายเย็นเยียบออกมา

จ้าวเหวินเทายืนตัวตรง หยิบของชิ้นนี้ที่ลักษณะคล้ายกับจอบทำท่าทางอยู่สองสามครั้ง ขณะมองภรรยาด้วยรอยยิ้ม

ถึงอย่างไรเย่ฉูฉู่ก็เป็นเด็กที่เกิดในชนบท ย่อมเรียนรู้งานในสวนตั้งแต่เด็ก แค่เห็นท่าทางก็เข้าใจได้ในทันที กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “นี่คือมีดฟันถั่วเหรอ?”

“ฮ่า ๆ! ทำไมภรรยาผมถึงฉลาดแบบนี้เนี่ย!” จ้าวเหวินเทาพูดด้วยรอยยิ้ม

เย่ฉูฉู่มองเคียวเล่มนั้น “คุณคิดเองเหรอ?”

“ใช่ ภรรยาคุณคิดว่าไง?” จ้าวเหวินเทากล่าวเคล้ารอยยิ้ม

“ไม่เลวเลยค่ะ” เย่ฉูฉู่พยักหน้า

“ภรรยา ผมตั้งชื่อให้มันด้วยนะ ชื่อว่า ‘เคียวดัน’ ใบมีดนี้จะช่วยพลิกดินแล้วกลบให้ด้วย ผลักไปด้านหน้าก็ได้ ช่วยทุ่นแรงได้อีก ใช้ของชิ้นนี้ดีกว่าใช้เคียวมากแน่นอน” จ้าวเหวินเทากล่าว

ก่อนหน้านี้ตัดถั่วตัดเสียจนรู้สึกกลัว เขาคิดวิธีนี้มานานมากแล้ว ตอนนี้เขาก็เป็นพ่อค้าแล้วด้วย จึงนำความคิดมาปฏิบัติจริง

เขาผลิตอุปกรณ์การเกษตรที่คิดไว้ออกมา

เย่ฉูฉู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “แค่ใช้อุปกรณ์ชิ้นนี้ก็ไม่ปวดหลังแล้ว ยืนตัดถั่วได้ คุณคิดไว้ดีมากเลยค่ะ”

ของชิ้นนี้อย่ามองว่าเป็นเรื่องง่าย ครั้งแรกที่คิดออกมาก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

“คุณจะขายมันเท่าไรเหรอ?” เย่ฉูฉู่เอ่ยถาม

จ้าวเหวินเทายิ้ม “ของชิ้นนี้ไม่ได้ยากอะไร แค่เห็นก็ทำได้แล้ว ขายห้าเหมาแล้วกัน คิดค่าเหล็กกับค่าฝีมือแพงนิดหน่อย”

“แล้วคุณจะไปขายที่ไหน?” เย่ฉูฉู่กล่าว “หมู่บ้านของพวกเราแค่เห็นก็คงลงมือทำกันเองแล้ว คงไม่ซื้อหรอกค่ะ”

“ผมไม่ได้ขายให้คนในหมู่บ้าน คนพวกนั้นจะได้ไม่พูดว่าผมหาเงินไม่กี่เฟินจากพวกเขา ผมว่าจะเอาไปขายให้กับแหล่งที่ปลูกถั่วเยอะ ๆ น่ะ” จ้าวเหวินเทายิ้ม “ปลูกถั่วเยอะก็ต้องแย่งกันเก็บเกี่ยว เพราะถ้าถั่วแห้งเกินไปก็จะแตก แบบนั้นคงกลายเป็นการเก็บแบบเสียเปล่า ต่อให้พวกเขาเสียดายเงินก็ต้องซื้อ!”

“พ่อค้าหน้าเลือด!” เย่ฉูฉู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ไม่หน้าเลือดก็ทำธุรกิจไม่ได้ ไม่ทำธุรกิจแล้วจะไปหาเงินมาเลี้ยงภรรยาได้ยังไงครับ?” จ้าวเหวินเทายิ้ม

ขณะที่สองสามีภรรยากำลังพูดคุยกันด้วยรอยยิ้ม พี่สี่จ้าวก็วิ่งมาอย่างรวดเร็วปานลมกรด ระหว่างที่วิ่งก็ตะโกนไปพลาง “เจ้าหก! เจ้าหก!”

………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

พี่สามงกมากระวังจะไม่ได้อะไรเลยนะ

เหวินเทานอกจากเป็นพ่อค้าแล้วยังเป็นนักประดิษฐ์อีกเหรอ เก่งไปไหนอะ

ไหหม่า(海馬)