ณ โลกทะเลทราย

ภายในตลาดมืด

ท่าเรืออวกาศ

กู่ฉิงซานยืนอยู่นอกฝูงชน เฝ้าสังเกตความเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์อย่างเงียบๆ

ทุกอย่างยุ่งเหยิงไปหมด

เนื่องจากไม่มีวิธีที่จะหลบหนีไปจากโลกใบนี้ และยังได้รับผลกระทบจากการระเบิดของยานอวกาศ เหล่ามืออาชีพต่างโกรธแค้น ตรงมายังท่าเรือเพื่อเรียกร้องขอรับค่าเดินทางคืน

อย่างไรก็ตาม ทหารรักษาการณ์ในตลาดมืดน่ะมีจำกัด และเวลานี้ กระทั่งหัวหน้ารักษาการณ์และรองหัวหน้าก็ยังไม่ปรากฏตัว

ได้ยินมาว่าพวกเขาออกไปทำภารกิจสำคัญ ขณะเดียวกัน มืออาชีพบางคนที่ทรงพลัง ก็ค่อยๆ เริ่มค้นพบว่า เกรย์แฮนด์เจ้าของตลาดมืดไม่ได้อยู่ในโลกใบนี้

ข่าวดังกล่าวราวกับติดปีก แพร่กระจายไปทั่วทั้งตลาดมืด

บางคนบังเกิดความคิดที่จะใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ วางแผนกระทำดั่งใจต้องการ

ความขัดแย้งครั้งแรก ปรากฏขึ้นที่ตึกประมูล

แม้ตัวกู่ฉิงซานจะอยู่ในสถานที่ห่างไกล สุดปลายถนนอย่างท่าเรืออวกาศ แต่ก็ยังสามารถมองเห็นควันหนาทึบและเปลวไฟที่พวยพุ่งขึ้นได้

นี่คล้ายกับเป็นชนวนสัญญาณ ท่าเรือเกิดความวุ่นวายขึ้นทันที

หลายคนเร่งตรงเข้าไปในส่วนอากาศยาน และฉกฉวยพาหนะที่สามารถใช้บินได้หลบหนีไป

ทหารรักษาการณ์ที่หลงเหลือเองก็ไม่คิดเกลี้ยกล่อมอีก เริ่มหันไปเผชิญหน้ากับพวกมืออาชีพ

การจลาจลทุกหัวระแหงเริ่มปะทุขึ้น

บรรยากาศของทุกสถานที่ในตลาดมืดที่ยิ่งมาก็ยิ่งคุกรุ่น

กองกำลังต่างๆ เข้าห้ำหั่นกัน ส่งผลให้เมืองตลาดมืดที่อยู่สูงขึ้นมาจากผืนดินเบื้องล่างนี้ ที่แต่เดิมเคยสงบสุขมาเป็นเวลานาน เกิดการสั่นสะเทือนเล็กน้อย

กู่ฉิงซานมองดูเหตุการณ์ทั้งหมดนี้จากระยะไกล

เขาถอยหลังไปอีกก้าว และอีกก้าว และหมุนตัวเดินจากไป

สถานการณ์มันวุ่นวายมากเกินไป และเขาจะไม่โยนตนเองลงไปในโคลนตมเหล่านั้น

เจ้าตัวตรงมาที่ร้านอาหารใกล้กับท่าเรือ เมื่อพบโต๊ะโล่งจึงค่อยนั่งลง

“เฮ้เจ้าของร้าน…” กู่ฉิงซานตะโกน

เขามองไปรอบๆ แต่กลับพบว่าตลอดทั้งร้านอาหารว่างเปล่า ไร้ซึ่งผู้คน

เกรงว่าพนักงานคงตระหนักได้ถึงสถานการณ์ จึงหลบหนีออกจากที่นี่ มุ่งไปยังท่าเรือกันหมด

กู่ฉิงซานผุดลุกขึ้น เดินอ้อมไปหลังเคาน์เตอร์ นำอาหารปรุงสดใหม่ที่ถูกเตรียมเอาไว้ล่วงหน้าออกมา

เขาลองชิมมัน

อืม…รสชาติแบบว่า…

แต่ร้านอาหารแห่งนี้ อยู่ในย่านสงบที่ห่างไกลที่สุดของท่าเรือ ดังนั้นรสชาติแบบนี้มันก็สมเหตุสมผลแล้ว

กู่ฉิงซานวางจานลงบนโต๊ะ แต่ยังไม่ได้เข้าไปสำรวจในห้องครัว

ถ้าตัวพ่อครัวทำอาหารแบบนี้ออกมาเสิร์ฟ ก็เดาได้เลยว่า อาหารจานอื่นของเขาก็คงไม่อาจทำให้ใครประทับใจได้เช่นกัน

ทันใดนั้นกู่ฉิงซานก็เข้าใจทันที ถึงความรู้สึกของแบรี่กับเสี่ยวเหมียว

เมื่อนึกถึงทั้งสอง ช่างโชคดีจริงๆ ที่ทั้งสองปลอดภัย

กู่ฉิงซานเดินกลับมาที่โต๊ะอาหาร และเริ่มทำสมาธิ

บนท้องฟ้า กำแพงเนื้อแดงยังคงเคลื่อนไหวต่อเนื่อง ขยุกขยิกดูน่าขนลุก

แต่สิ่งที่แปลกก็คือ เมื่อโลกใบนี้ถูกกลืนกินโดยแมลงปีศาจแล้ว ผืนดินของโลกก็กลับเกิดก่อนสั่นไหวน้อยลง

แต่ก็ยังไม่มีใครสามารถออกจากโลกใบนี้ได้

‘เหล่าทวยเทพ คิดจะทำอะไรกันแน่นะ?’

ตูม…

กู่ฉิงซานสะบัดหัว มองไปตามเสียงทันที

เห็นแค่เพียงภายในทะเลทรายที่อยู่ห่างไกลออกไป ปรากฏมือสีเขียวที่มีขนาดใหญ่เทียบเท่ากับเมืองลอยฟ้า ผุดขึ้นมาจากผืนทราย และยกสูงขึ้น

ซึ่งนี่แตกต่างจากสีเขียวที่เขาเคยเห็นในอดีต สีเขียวนี้มันเผยให้เห็นถึงความรู้สึกน่าขยะแขยงอย่างมิอาจบอกบรรยายได้

มือยักษ์สีเขียวพยายามอย่างหนักที่จะไขว่คว้าบางสิ่งบางอย่าง

แต่น่าเสียดาย ที่มันอยู่ห่างไกลจากแมลงปีศาจเขมือบโลกาจากยุคบรรพกาลมากเกินไป จึงไม่สามารถเอื้อมถึงกำแพงเนื้อแดงได้

มือยักษ์สีเขียวหยุดอย่างไม่ยินยอม แต่ไม่ช้ามันก็เริ่มสั่นสะเทือนอีกครั้ง

มันปรารถนาที่จะคว้าจับบางสิ่งบางอย่างอยู่เสมอๆ

เจ้ามือนี่มันคืออะไรกันเนี่ย?

ถ้าทั้งมือและแขนของมันใหญ่โตถึงขนาดนี้ เช่นนั้นแล้วตัวของมันจะมีขนาดความสูงเท่าใดกัน!

กู่ฉิงซานกำลังคิด ทว่าทันใดนั้นเองเสียงสั่นสะเทือนก็ดังขึ้นต่อเนื่องจากในหูของเขา

ตูม ตูม ตูม!

เสียงอันไร้ที่สิ้นสุดปกคลุมไปตลอดทั้งโลก

กู่ฉิงซานผุดลุกขึ้นอย่างช้าๆ ไปยืนตรงขอบเมืองลอยฟ้า มองไกลออกไปยังทะเลทรายอันกว้างใหญ่

เบื้องหลังเขา เสียงดัง และการต่อสู้ในตลาดมืดทั้งหมดค่อยๆ สลายไป

ตลอดทั้งตลาดมืดจมลงสู่ความเงียบ

ทุกคนหยุดมือจากสิ่งที่ตนกำลังกระทำ และมองลงไปยังผืนทราย

เป็นมือ

เป็นมือยักษ์!

มือยักษ์ที่มีขนาดเทียบเท่ากับเมืองลอยฟ้า มือแล้ว มือเล่าเริ่มผุดออกมาปกคลุมหนาแน่นทั่วผืนทราย

ไม่นะ…

พวกมันครอบคลุมไปทั่วผืนทรายเลย!

มือยักษ์สีเขียวเหล่านี้ไม่สามารถเอื้อมไปถึงกำแพงเนื้อที่บดบังผืนฟ้าได้

อย่างไรก็ตาม เมืองลอยฟ้าของพวกเขา กลับอยู่ใกล้แค่เอื้อมกับมือยักษ์!

พวกมันทั้งหมดส่ายไปมาอย่างไม่ยินยอม พยายามดิ้นรนเพื่อหาช่องว่าง พยายามคว้าจับทุกสิ่งที่สามารถคว้าได้

“เฮ้ ดูนั่นสิ!” บางคนตะโกนออกมา

เบื้องล่างลอยเมืองลอยฟ้า

เมืองรอบนอกที่อยู่ไกลออกไปพลันถูกคว้าจับด้วยมือยักษ์สีเขียว จากนั้นก็เริ่มถูกฉุดลากลึกลงไปในผืนทรายอย่างช้าๆ

ปรากฏร่างเงาจำนวนมากทะยานขึ้นมาจากเมืองเล็ก พยายามที่จะหนีรอดไปจากภัยพิบัตินี้

ทว่ามือเขียวที่อยู่รอบๆ กลับเริ่มสะบัดอย่างบ้าคลั่ง

ฉากนี้ราวกับไม้ตีแมลงวันที่กำลังหวดฟาดแมลงวันที่กำลังบินว่อน

ละอองเลือดแพร่กระจายไปทั่วทั้งอากาศ

มือยักษ์สีเขียวเสมือนดั่งมีอำนาจวิเศษ ทุกคนที่พยายามหลบหนีทั้งหมด คล้ายถูกดึงดูดกลับมา ติดหนึบเข้ากับมือยักษ์

ไม่เพียงแต่ฝูงชนที่บินหนีไปเท่านั้น กระทั่งนกบนท้องฟ้าก็ยังไม่รอดพ้น ส่งเสียงคร่ำครวญไม่หยุดหย่อน

ฝูงชนถูกดึงดูดไปกระจุกตัวกันหนาแน่นในมือยักษ์! มือยักษ์หุบเข้าหากัน ทั้งหมดถูกบดขยี้กลายเป็นซากเนื้อเหลว!

หนึ่งมือ

สองมือ

สาม สี่ ห้า…

มือยักษ์ต่างพากันคว้าจับฝูงชน

ไม่มีใครสามารถหนีรอดไปได้

ทุกคนในเมืองนั้นตายกันหมดแล้ว

มือยักษ์กุมเศษเนื้อในกำมือ และมุดกลับลงไปในผืนทราย

ผืนทรายเริ่มเกิดการสั่นสะเทือนเล็กน้อย ก่อตัวยุบลงไปเป็นระลอกคลื่นทรายดูด แลดูราวกับวังวนหุบเหวแห่งนรก

ความถี่ของการสั่นสะเทือนเล็กน้อยนี้ มิได้เหมือนกันกับแผ่นดินไหว ทว่าคล้ายกับการสะเทือนของบางสิ่งที่กำลังขบเคี้ยวเสียมากกว่า

บนท้องฟ้า ทุกคนถึงขั้นลืมหายใจ  เฝ้ามองไปยังฉากนี้ด้วยความโง่งม

ทันใดนั้นเอง เสียงกรีดร้องแหลมสูงของหญิงสาวก็ดังขึ้น “มันกำลังจะมาแล้ว!”

ทุกคนเงยหน้าขึ้นมอง

ต่างพบว่า มือยักษ์ข้างหนึ่งจากในบรรดาทั้งหมด กำลังเอื้อมตรงมายังทิศทางของเมืองลอยฟ้า

เมืองลอยฟ้าตกลงสู่ความสับสนวุ่นวายทันที

ผู้คนเริ่มดิ้นรนรักษาชีวิต โจมตีเข้าใส่มือยักษ์สีเขียวอย่างบ้าคลั่ง

ทุกคน…ทุกคนที่สามารถโจมตีมือยักษ์สีเขียวได้ ต่างทุ่มพลังทั้งหมดของพวกเขาออกไป

“กระบวนท่าของฉันไม่ได้ผล!”

“ทำอะไรกับมันไม่ได้เลย!”

“พวกเราไม่สามารถจัดการกับมันได้!”

ท่ามกลางเสียงร้องด้วยความสิ้นหวังของผู้คน มือยักษ์สีเขียวกวาดข้ามผืนฟ้า ปลดปล่อยแรงกดดันเข้าใส่เมืองลอยฟ้าอย่างมิอาจต้านทานได้

เพี๊ยะ!

บังเกิดเสียงบางเบาดังขึ้น ข่ายอาคมป้องกันในอากาศที่ถูกวางไว้รอบเมืองลอยฟ้า แตกออกราวกับฟองสบู่ ถูกทำลายลงโดยฝีมือของมือยักษ์สีเขียว

มือยักษ์สีเขียวยังคงใกล้เข้ามา

แต่เมื่อมันใกล้กับเมืองลอยฟ้าถึงที่สุดแล้ว มันก็กลับตบวูบ! ผ่านอากาศไป!

แม้ว่ามือยักษ์สีเขียวมือนี้ จะมีขนาดยาวกว่าแขนทั้งหมดของมัน แต่ก็ยังมีระยะสั้นไปเล็กน้อย มันเพียงแค่เกือบจะเอื้อมถึงเมืองลอยฟ้าเท่านั้น!

แค่นิดเดียวจริงๆ

แม้จะเพียงแค่ตบวืดผ่าน ทว่ามันกลับส่งผลให้กลิ่นเหม็นตลบอบอวลที่อาจมาจากซากศพ พัดกระพือขึ้นมาจากส่วนล่างของเมืองลอยฟ้า

ตลอดทั้งเมืองลอยฟ้าเกิดการสั่นสะเทือนเล็กน้อย

“รีบเพิ่มระดับความสูงเร็วเข้า!”

ทันใดนั้น บางคนก็ร้องตะโกนขึ้น

ฝูงชนได้สติจากห้วงฝัน

ทุกคนต่างเรียกร้อง พยายามตะโกนสุดเสียง

“รีบเพิ่มระดับความสูงเร็ว!”

“รีบเพิ่มระดับความสูงเร็ว!”

“รีบเพิ่มระดับความสูงเร็ว!”

การจลาจลทั้งหมดได้หยุดลง

ผู้คนหันมาให้ความสนใจกับกลางเมือง…ณ ศูนย์ควบคุมของตลาดมืด

นี่คือสถานที่ซึ่งมีอุปกรณ์ควบคุมการบินของเมืองวางอยู่

เห็นแค่เพียงเจ้าหน้าที่ตลาดมืดวิ่งเข้าไป และเริ่มเปิดใช้งานเครื่องมือที่ดูสลับซับซ้อนอย่างรวดเร็ว

บุคลากรมืออาชีพหลายคนล้อมรอบ เพื่อป้องกันศูนย์ควบคุมเมืองลอยฟ้า

แน่นอน ว่านี่คือปฏิกิริยาตอบสนองตามสัญชาตญาณของพวกเขา

ในความเป็นจริง ไม่มีใครโง่พอที่จะโจมตีศูนย์ควบคุมลอยฟ้าในเวลานี้หรอก

ทุกวินาทีที่ผ่านพ้น ได้ยินชัดเจนถึงเสียงหัวใจเต้นตึกตัก

มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย หากต้องการควบคุมเมืองให้ลอยสูงขึ้นกว่านี้ได้

แต่ทุกคนเข้าใจดี จึงเฝ้าอดทนรออย่างเงียบๆ

ในเวลานั้นเอง มือยักษ์สีเขียวก็กลับมาอีกครั้ง!

และคราวนี้ มือยักษ์ดูเหมือนว่าจะมีขนาดยืดยาวกว่าเดิมเล็กน้อย

มันพยายามเหยียดนิ้วทั้งห้าสุดกำลัง หมายมั่นต้องการที่จะฉุดลากเมืองลอยฟ้าลงมาเบื้องล่าง

เหล่ามืออาชีพพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะโจมตีขัดขวาง

ก่อนหน้านี้ ยังมีคนที่ซ่อนตัวอยู่อีกจำนวนหนึ่ง แต่ในเวลานี้ ไม่มีใครกล้าที่จะเฝ้ารอโชคชะตาอีกต่อไปแล้ว

ทุกประเภทของเทคนิคมนตรา ระดมยิงเข้าใส่มือยักษ์สีเขียว ทว่ามิอาจทำให้มันสั่นสะเทือนแม้แต่น้อย

ในสายตาของผู้คนที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง นิ้วมือสีเขียวสัมผัสเข้ากับตรงส่วนล่างของเมืองลอยฟ้าแล้ว

นิ้วแรกแตะลงเบาๆ

นิ้วที่สองเองก็มาแล้ว

นิ้วที่สาม…

มือยักษ์สีเขียวกำลังจะคว้าจับเมืองลอยฟ้าได้

แต่ทันใดนั้นเอง!

ตลอดทั้งเมืองลอยฟ้าก็บังเกิดการสั่นสะเทือนครั้งใหญ่

“ฮู้ม”

เมืองลอยฟ้าเริ่มลอยขึ้นมาแล้ว

ตอนนี้ มันสามารถควบคุมให้ขึ้น หรือลงจอดได้ตามต้องการ

ฝูงชนที่แต่เดิมกำลังเงียบงันและหมดหวัง พลันได้สติกลับคืน

พวกเขากรีดร้องด้วยความปีติอย่างบ้าคลั่ง

“เร็วเข้า!”

“เร็วกว่านี้!”

“สู้เขานะ!”

“ให้ตายเหอะ ลอยตัวสูงขึ้นไปให้ฉันที!”

ตู้ม…!

กระแสอากาศสีขาวพวยพุ่งออกมาจากเบื้องล่างของเมืองลอยฟ้า

เมืองลอยฟ้าเริ่มยกระดับสูงขึ้น

มันค่อยๆ หลุดออกจากนิ้วสัมผัสของมือยักษ์สีเขียว และบินสูงขึ้นไปเหนือผืนฟ้า

ในลมหายใจนั้น ตลอดทั้งเมืองพลันจมลงสู่ความเงียบ

ทว่าต่อมา

เฮ…!! บังเกิดเสียงโห่ร้องไชโย กึกก้องสั่นสะท้านไปทั้งสวรรค์และโลก กังวานไปทั่วทั้งเมืองลอยฟ้า

……………………..