ผู้จัดการไม่ค่อยรู้เรื่องสมาคมเมืองหลวงมากนัก แต่เห็นซับกระสุนพูดถึงตอนที่มีการถ่ายทอดสดเมื่อวานนี้
เถียนเซียวเซียวนั่นก็เป็นคนของสมาคมเมืองหลวง
เหมือนจะเก่งมากด้วย
ผู้จัดการถือโอกาสกดเข้าไปดูโพสต์เวยป๋อนั้น
คนในเวยป๋อส่วนใหญ่เป็นพวกชอบตามสืบเรื่องในอินเทอร์เน็ต โพสต์เวยป๋อนี้เพิ่งโพสต์ออกมาไม่นานก็มีความคิดเห็นหลายร้อยรายการเข้าไปแล้ว——
(ดูก็รู้แล้วว่าเจ้าของเวยป๋อเป็นคนวงใน ฉันจำได้ตั้งแต่ดูรายการออนแอร์เมื่อคืนแล้ว ทีแรกฉันยังคิดอยู่เลยว่าจะต้องได้เห็นฮอตเสิร์ชหลังจากดูรายการจบ แต่ไม่คิดว่ารอมาทั้งคืนก็ยังไม่เห็น)
(ฉันรู้จักทั้งสองฝั่ง เมื่อคืนทุกคนให้ความสนใจไปทางฝั่งOST สมาคมเมืองหลวงจึงไม่ค่อยมีกระแสอะไรมากมาย)
(เจ้าของโพสต์ ไม่คิดเลยว่ายังจะกล้าพูดถึง ไอดีเธอปลิวแล้ว)
(ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าของโพสต์ ระวังโดนลบไอดีด้วย!)
(รู้สึกว่ายังมีกลิ่นตุๆ ลองดมกลิ่นทายดูหน่อย หรือว่าจะเป็นไอดอล8ชั่วโมงเมื่อคืน?”)
(สมาคมเมืองหลวง? ฉันรู้มาว่าเถียนเซียวเซียวที่อยู่ในรายการเป็นสมาชิกของที่นั่นด้วย ps : สมาคมไวโอลินแห่งเมืองหลวง)
(ที่แท้แล้วก็เป็นสมาคมไวโอลินนี่เอง ฉันยังคิดอยู่เลยว่าจะเป็นองค์กรที่มีอิทธิพลอะไรเสียอีก สมาคมประเภทนี้มีเยอะแยะไม่ใช่เหรอ?)
(….ด้านบน เธอรู้ไหมว่าทำไมที่เมืองหลวงถึงมีสมาคมมากมายขนาดนี้ แค่สมาคมไวโอลินยังกล้าเรียกสมาคมเมืองหลวงงั้นเหรอ? เธอลองไปเสิร์ชในอินเทอร์เน็ตก่อนแล้วค่อยมาคุย)
ผู้จัดการเป็นคนรุ่นเก่าที่อยู่ในวงการบันเทิง เขารู้ว่าตระกูลเล็กใหญ่ในเมืองหลวงค่อนข้างเกรงกลัวสมาคมเมืองหลวง
พออ่านมาจนถึงตรงนี้ ผู้จัดการก็กลับไปเสิร์ชดูในอินเทอร์เน็ต…
ในสารานุกรมมีการแนะนำวันเวลาก่อตั้งสมาคมเมืองหลวงรวมไปถึงสถานที่ตั้ง ผู้จัดการดูแล้วก็ไม่เห็นว่าได้ประโยชน์อะไร
เขาจึงกลับมาที่เวยป๋ออีกครั้ง
ใต้โพสต์เวยป๋อนั้นมีความคิดเห็นกว่าพันความคิดเห็นแล้ว
ล้วนเป็นการพูดคุยเรื่องสมาคมเมืองหลวง ความคิดเห็นยอดนิยมถูกเปลี่ยนเป็นความคิดเห็นที่มีเนื้อหาสาระ ผู้จัดการตั้งอกตั้งใจอ่าน——
(เสิร์ชหาตามอินเทอร์เน็ตไม่เจอหรอก แต่ฉันพูดกับพวกเธอได้เพียงประโยคเดียวว่าสมาคมเมืองหลวงคือองค์กรแรกที่เข้าสู่รัฐ M จุดนี้ แม้แต่สี่ตระกูลหลักก็ยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ หลักๆ ต้องยกคุณงามความดีให้กับอาจารย์เว่ย เพราะถึงอย่างไรหนึ่งในสี่ตระกูลหลักก็ไปเปิดตลาดที่รัฐ M โดยผ่านทางอาจารย์เว่ย สำหรับเป็นตระกูลไหนในสี่ตระกูลหลักนั้น ทุกคนไม่ต้องสืบแล้ว สะดวกก็ตามไปที่@อาจารย์เว่ย วิทยากรรับเชิญพิเศษของสมาคมMและยังเป็นนักไวโอลินคนแรกที่มีการแสดงพิเศษในรอยัลคอนเสิร์ตฮอลล์ที่รัฐ M อีกด้วย)
คนทั่วไปรู้เรื่องพวกนี้น้อยมาก เพราะเวลามีคนพูดถึงเรื่องพวกนี้ก็ดึงดูดให้กลุ่มชาวเน็ตถกเถียงกันในทันที
คนที่อื่นไม่ค่อยรู้ แต่คนที่อยู่เมืองหลวงมานาน โดยเฉพาะนักศึกษาชายขอบมหาวิทยาลัยเมืองหลวงย่อมรู้จักสี่ตระกูลหลักกันทุกคน
คนทั่วไปไม่รู้อะไรมาก แต่ผู้จัดการรู้เรื่องราวในสี่ตระกูลหลักมากมายเพราะมีความเกี่ยวข้องกับตระกูลฉิน
แน่นอนว่าเขาย่อมดูออกว่าเจ้าของโพสต์เป็นคนวงในอย่างแน่นอน
“ซุปตาร์ฉิน นายดูนี่…” ผู้จัดการเปิดโพสต์นี้ให้ซุปตาร์ฉินดู เขาตกใจเล็กน้อย “สมาคมเมืองหลวงเข้ารัฐ M แล้ว?”
เมื่อฉินซิวเฉินที่กำลังถือแก้วได้ยินประโยคนี้ก็ผงะ ก้มหน้าอ่านความคิดเห็น
แววตาเคร่งขรึมหรี่ลงเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจ
ผู้ชมสมาคมไวโอลินไม่ได้กว้างขวางเท่าวงการบันเทิง นอกเสียจากว่าเป็นคนที่สนใจไวโอลินหรือคนรอบข้างเรียนไวโอลินจริงๆ มิฉะนั้นคนส่วนใหญ่คงจะไม่สนใจเรื่องยุ่งๆ มากมายเหล่านี้
เวลาส่วนใหญ่ฉินซิวเฉินถ้าไม่ได้ทำงานอีเว้นท์ ก็จะฝึกฝนกองกำลังเพื่อป้องกันคุณชายสี่ตระกูลฉิน
แน่นอนว่าเขาย่อมไม่รู้เรื่องของสมาคมเมืองหลวง
“น่าจะเป็นตระกูลสวี” ปลายนิ้วขาวแตะแก้ว ฉินซิวเฉินใคร่ครวญเป็นเวลานานขณะอ่านความคิดเห็นนี้
เขาจำได้ว่าคนตระกูลสวีชื่นชอบไวโอลินมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ดังนั้นการที่พวกเขาสามารถเข้ารัฐ M ก่อนตระกูลอื่นเป็นตระกูลแรกต้องมีสมาคมเมืองหลวงเป็นเหตุผลหนึ่งในนั้น…
ฉินซิวเฉินละสายตา ตอนนี้ตระกูลฉินตกอยู่ในสถานการณ์ล่อแหลม จะมั่นคงได้หรือไม่นั่นคือปัญหา
ผู้จัดการเก็บโทรศัพท์มา พอปัดดูอีกครั้งก็พบว่าความคิดเห็นที่พูดถึงสี่ตระกูลหลักกับรัฐ M เมื่อสักครู่นี้หายไปแล้ว
แต่เจ้าของเวยป๋อกลับโมโห
(คิดให้รอบคอบ)
(ฉันยังมีภาพแคป ถ้าอยากได้ก็ทักส่วนตัว)
ผู้จัดการเลื่อนดูความคิดเห็น ขณะที่มองฉินซิวเฉินก็พูดด้วยความตกใจไปด้วย “ไม่นึกเลยว่าเถียนเซียวเซียวจะเป็นคนของสมาคมเมืองหลวง ดูไม่ออกเลยจริงๆ ฉันนึกว่าเธอจะเป็นแค่ดาราทั่วไปเสียอีก…”
คนของสมาคมเมืองหลวงต้องมาตกระกำลำบากในวงการบันเทิง?
เถียนเซียวเซียวโชคร้ายไปแล้วมั้ง…
มิน่าล่ะผู้กำกับถึงบอกว่าตอนที่สองมีเซอร์ไพรส์ ถ้าไม่มีเรื่องไพ่เทพเมื่อคืน เรื่องสมาคมเมืองหลวงคงดังไม่น้อย เหตุผลที่ถูกกดไว้ก็เพราะคนเล่นเกมห่างไกลเกินกว่าจะรู้เรื่องสมาคมเมืองหลวง
ทันทีที่เรื่องเกมถูกเปิดเผยก็ไม่สามารถควบคุมได้ สมาคมเมืองหลวงมีส่วนเกี่ยวข้องกับกองกำลังต่างๆ ถ้าจะขุดออกมาก็ยังต้องใช้เวลาพอสมควร
เช่นเดียวกับความคิดเห็นที่เพิ่งถูกลบไป คิดให้รอบคอบ
ผู้จัดการเปิดอ่านฮอตเสิร์ชดู
[เถียนเซียวเซียวสมาคมเมืองหลวง] ขึ้นฮอตเสิร์ชอันดับห้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เขาวางโทรศัพท์รออีกหนึ่งชั่วโมง ชาวเน็ตขุดขึ้นมาอีกหน่อยค่อยดูอีกที
“จัดโต๊ะหน่อย ทานข้าวได้แล้ว” ฉินฮั่นชิวยกอาหารออกมาเสิร์ฟก่อนพร้อมกับเปล่งเสียง
จากนั้นเขาก็หยิบผ้าขี้ริ้วเดินไปที่ประตูห้องฉินหลิงแล้วเคาะประตูสองที ไม่รอให้ฉินหลิงตอบก็กลับไปยกอาหารในครัว
ผู้จัดการช่วยฉินฮั่นชิวเสิร์ฟอาหาร
ฉินหร่านกับฉินหลิงเดินออกมาจากห้อง ฉินหลิงขมวดคิ้วเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง
เมื่อผู้จัดการที่กำลังยกอาหารออกมาเสิร์ฟเห็นฉินหร่านเดินออกมาช้าๆ ก็ชะงักเท้า
แม้ว่าโพสต์ทั้งหมดของเมื่อคืนนี้จะถูกลบทิ้งไปภายในชั่วข้ามคืน แต่ฮอตเสิร์ชก็ค้างมาแล้วถึงสองชั่วโมง เรื่องที่ควรรู้ก็รู้เกือบหมดแล้ว
ทุกคนรู้อยู่แก่ใจ
โดยเฉพาะฉินหร่าน…
ผู้จัดการรู้ว่าเธอเรียนเอกฟิสิกส์ แต่กลับคาดไม่ถึงว่าเธอจะเขียนโปรแกรมเป็นตั้งแต่สี่ปีที่แล้ว ที่แท้แล้วก็ยังเป็นสายเลือดตระกูลฉิน…
พอคิดได้ถึงตรงนี้ ผู้จัดการก็มองไปทางฉินซิวเฉิน ฉินซิวเฉินค่อยๆ วางถ้วยตะเกียบลง ท่าทางยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
ผู้จัดการเงียบไปสักพัก ถ้าไม่ใช่เพราะได้ยินเสียงเบรกรถกะทันหันเมื่อคืน เขาคงชื่นชมฉินซิวเฉินจากใจจริงที่สงบเสงี่ยมได้ขนาดนี้
“กับข้าววันนี้เป็นยังไงบ้าง?” เดิมทีฉินฮั่นชิวยังอยากดื่มเหล้ากับผู้จัดการ แต่ผู้จัดการต้องขับรถและช่วงบ่ายยังมีงานอีเว้นท์ที่ต้องรีบไปต่อ ดื่มเหล้าไม่ได้ เขาจึงได้แต่วางแก้วเหล้าอย่างนึกเสียดาย
ฉินซิวเฉินพยักหน้า คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “รสชาติดี ไม่แพ้ร้านอาหารข้างนอกเลย”
เมื่อได้ยินคำชมอันสูงส่งเช่นนี้ ฉินฮั่นชิวก็หยิบแก้วเหล้ามาเองพร้อมกับรินให้ตัวเองอย่างมีความสุข
ฉินซิวเฉินเหลือบมองฉินหร่านที่นั่งข้างฉินหลิง มือหนึ่งกำลังคีบอาหาร อีกมือหนึ่งกำลังยันโต๊ะ เดาอารมณ์ไม่ถูก
เขาละสายตา
หลังจากทานข้าวเสร็จ ฉินหลิงก็รีบกลับไปอ่านหนังสือที่ห้อง ส่วนคนอื่นช่วยฉินฮั่นชิวเก็บโต๊ะ
“ไม่ต้องหรอก” เมื่อเห็นทั้งสามจะตามเข้ามาในครัว ฉินฮั่นชิวก็รีบห้ามไว้ “พวกนายมือไม้เก้กัง ไม่ต้องมาทำของในครัวฉันรกเลย”
เครื่องปรุง จาน และชุดถ้วยตะเกียบของเขาวางไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ถึงจะเพิ่งทำอาหารเสร็จ แต่ของในครัวก็ยังเป็นสัดเป็นส่วน
ฉินหร่านวางถ้วยไว้บนเขียง
ฉินซิวเฉินวางจานอาหารไว้บนเขียง
ผู้จัดการวางผ้าขี้ริ้วไว้บนเขียง
ทั้งสามเดินออกจากห้องครัวอย่างเงียบๆ
ในห้องครัว ฉินฮั่นชิวบ่นพึมพำ “ยังคงมีแค่เสี่ยวเฉิงที่ใช้ได้”
ฉินซิวเฉินต้องรีบไปงานอีเว้นท์ เขาหยิบแจ็คเก็ตทรงถังน้ำออกไปอย่างสุขุมดังเดิมและบอกลาฉินหร่านด้วยความอบอุ่น
เปิดประตูออกไป
ฉินหร่านยืนส่งพวกเขาสองคนที่หน้าประตู
ฉินซิวเฉินเดินมาถึงข้างลิฟต์ ผู้จัดการก็ยังไม่ตามมา
เขาเอียงตัวพลางรูดซิปแจ็คเก็ตทรงถังน้ำและมองไปทางผู้จัดการ
ผู้จัดการคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วหันกลับมาถามว่า “หลานสาวตัวน้อย ถามอย่างนึงได้ไหม?”
ฉินหร่านพิงขอบประตู “ว่ามาสิ”
“ก็” ผู้จัดการกระแอม ถามอย่างเป็นกันเอง “ไพ่เทพสามใบที่ลือกันในอินเทอร์เน็ต เธอเป็นคนทำจริงๆ เหรอ?”
บนโลกออนไลน์ปั่นป่วนกันไปหมด โพสต์ทั้งหมดที่เกี่ยวกับเรื่องนี้โดนลบไม่เหลือ
แต่หยางเฟยกับอวิ๋นกวงกรุ๊ปต่างก็ไม่ได้ออกมาพูดอะไรอย่างเป็นทางการ
ห่างออกไปไม่กี่ก้าว ปลายนิ้วฉินซิวเฉินที่กำลังกดลิฟต์ชะงัก
ฉินหร่านหัวเราะอย่างเฉื่อยชา มองผู้จัดการ “ใช่แล้ว”
เดิมทียังคิดอยู่เลยว่าฉินหร่านคงไม่ยอมรับง่ายๆ แน่ เพราะเมื่อคืนลบไปเร็วเสียขนาดนั้น ผู้จัดการถึงขนาดเตรียมหลักฐานภาพแคปหน้าจอไพ่เทพเก้านั้นและยังมีไอดีqrนั่นอีก รวมไปถึงภาพแคปจากคลิปวิดีโอการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศที่เซี่ยงไฮ้เมื่อปีที่แล้วไว้ด้วย
เขายังไม่ทันเอาออกมา ฉินหร่านก็ยอมรับตรงๆ
เท้าผู้จัดการถูกตอกไว้กับที่
ฉินหร่านยกมือดูนาฬิกาในโทรศัพท์ เตือนผู้จัดการ “พวกคุณต้องรีบไปงานอีเว้นท์ไม่ใช่เหรอ”
ติ๊ง——
ประตูลิฟต์เปิด
“อ้อ” เหมือนผู้จัดการจะตอบสนองแล้ว ตามซุปตาร์ฉินเข้าไปในลิฟต์
พอผู้จัดการได้สติก็มองฉินซิวเฉินเงียบๆ “ซุปตาร์ฉิน นายได้ยินหรือยัง เธอยอมรับแล้ว…”
ฉินซิวเฉินมองไปยังชั้นตึกบนลิฟต์ที่ค่อยๆ เปลี่ยนไปโดยไม่พูดอะไร
สิ่งที่เห็นบนอินเทอร์เน็ตนั้นไม่ได้สร้างผลกระทบเท่าคำยอมรับที่ออกมาจากฉินหร่านเอง
**
ชั้นบน
หลังจากทานอาหารกลางวันเสร็จ ฉินหร่านก็เตรียมจะกลับไปศึกษาหลักสูตรวิจัยที่อาจารย์ใหญ่สวีให้เธอ
เพิ่งเข้าไปคุยกับฉินหลิงในห้องได้ไม่นาน เสียงของฉินฮั่นชิวที่ต้อนรับอาไห่ก็ดังขึ้นมา
อาไห่เคาะประตูเข้ามาก็เห็นฉินหร่านอยู่ในห้องฉินหลิง คราวที่แล้วฉินซิวเฉินก็เคยแนะนำฉินหร่านให้เขารู้จักแล้ว
เขาทักทายฉินหร่านอย่างมีมารยาท
วางคอมพิวเตอร์ที่เขาพกมาด้วยไว้บนโต๊ะหนังสือ เขายังไม่ได้รีบสอนฉินหลิงเนื่องจากฉินหร่านยังอยู่
ฉินหร่านรู้ว่าอาไห่เป็นคนที่มาสอนความรู้พื้นฐานให้ฉินหลิง เธอจึงยืนตัวตรงแล้วถือโทรศัพท์ “พี่ไปก่อนนะ ต่อไปพี่น่าจะยุ่งทำงานวิจัย” ตอนที่ปิดประตูก็พูดอีกครั้ง “มีปัญหาอะไรก็มาหาฉันได้”
“ขอบคุณครับคุณหนูฉิน” อาไห่พยักหน้าอย่างสุภาพ ไม่ได้คิดจะไปหาฉินหร่านเมื่อพบปัญหาจริงๆ
รอจนฉินหร่านไปแล้ว อาไห่ถึงจะหันกลับมา
ฉินหลิงกำลังปิดหนังสือเล่มดำ
อาไห่ถาม “คุณกำลังอ่านอะไรอยู่น่ะ?”