อาไห่เปิดคอมพิวเตอร์ของตัวเองที่วางอยู่บนโต๊ะ เอียงตัวมองฉินหลิง
ฉินหลิงวางหนังสือไว้บนโต๊ะ นิ่งไปได้สักพักก็หลุบตาลง “หนังสือที่พี่สาวผมให้มา”
คุณหนูฉิน?
อาไห่เลิกคิ้วแล้วผงกหัว รีบร้อนอยากจะคุยกับฉินหลิงเรื่องปัญหาโปรแกรม จึงไม่ได้สนใจหนังสือที่ฉินหร่านให้ฉินหลิง
เขาเปิดซอฟต์แวร์บนคอมพิวเตอร์และมองฉินหลิง พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “คุณชายหกบอกผมแล้วว่าคุณเต็มใจจะรับช่วงต่อตระกูลฉินที่ยุ่งเหยิงนี้ เขาจะออกเดินทางไปรัฐ M วันมะรืนนี้และหาครูคนใหม่ให้คุณ โปรแกรมไม่เหมือนกับการแฮกรหัสควบคุม จำเป็นต้องใช้ข้อมูลตัวเลข อัลกอริทึม และฟังก์ชันที่แม่นยำ…ผมจะสอนความรู้พื้นฐานให้คุณภายในสองวันนี้”
สองวันที่ผ่านมา อาไห่ตระหนักได้ว่าฉินหลิงมีข้อบกพร่องที่สำคัญอยู่อย่างหนึ่งนั่นคือฝีมือด้านคอมพิวเตอร์ของฉินหลิงค่อนข้างดุดัน โปรแกรมที่เขาเขียนทั้งหมดล้วนเป็นการรุกช่องโหว่ระบบต่างๆ
ฉินหลิงไม่ค่อยเหมือนโปรแกรมเมอร์…
แต่ลีลาท่าทางดันเหมือนนักแฮกเกอร์…
นักแฮกเกอร์กับโปรแกรมเมอร์นั้นต่างกัน
โปรแกรมเมอร์มีหน้าที่รับผิดชอบในการพัฒนาและออกแบบโครงการ สร้างโปรแกรมระบบรวมไปถึงพัฒนาซอฟต์แวร์
แต่นักแฮกเกอร์นั้น…
ไม่ถูกจำกัดโดยกฎเกณฑ์ใดๆ เขาจะถอดรหัสโปรแกรมทั้งหมด เพิ่มช่องโหว่ทุกรูปแบบ ทำโปรแกรมถอดรหัสต่างๆ โจมตีระบบทุกวิถีทาง
ฉินหลิงตั้งใจฟัง นั่งอยู่ตรงหน้าอาไห่
ตอนเย็น พ่อบ้านฉินกลับมาจากบริษัท มองพัฒนาการของอาไห่และฉินหลิงด้วยสายตาเป็นกังวล
“โปรเจกต์มีปัญหาเหรอครับ?” อาไห่เก็บคอมพิวเตอร์ มองไปทางพ่อบ้านฉิน
พวกเขาคว้าโปรเจกต์นี้มาจากมือคุณชายสี่ตระกูลฉิน แม้เนื้อหาจะถูกแก้รหัสโดยสมบูรณ์แล้ว แต่ทางฝั่งพ่อบ้านฉินมีพวกของอาไห่เป็นโปรแกรมเมอร์เพียงสามคน ดังนั้นการที่จะทำโปรเจ็คออกมาภายในระยะเวลาสั้นๆ จึงยากเกินไป
“เขาคงไม่ปล่อยโปรเจกต์นี้ไปแน่ๆ ” พ่อบ้านฉินส่ายหน้า เดินออกจากห้องไป ดวงตาเฉียบคม “สิ่งที่ฉันกังวลในตอนนี้ก็คือเขาอาจจะรู้เรื่องทางฝั่งนี้แล้ว…”
ช่วงนี้อาไห่มักจะวิ่งวุ่นอยู่กับเรื่องฉินฮั่นชิว เป็นไปไม่ได้ว่าคุณชายสี่ตระกูลฉินจะไม่สงสัย
อาไห่มีสีหน้าเปลี่ยนไป เขาเม้มปาก “พรุ่งนี้ผมต้องไม่มาแล้ว”
พ่อบ้านฉินพยักหน้าพลางถอนหายใจเล็กน้อย คงทำได้เพียงเท่านี้
เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาฉินซิวเฉิน หวังว่าฉินซิวเฉินจะเร่งดำเนินให้เร็ว
**
ทางด้านฉินซิวเฉินเพิ่งจะถ่ายภาพโปรโมทเสร็จก็เข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องแต่งตัวออกมา
“ซุปตาร์ฉิน โทรศัพท์” พอผู้ช่วยที่รออยู่ข้างนอกเห็นเขาออกมาก็รีบยื่นโทรศัพท์ให้เขา “พ่อบ้านฉินครับ”
ฉินซิวเฉินสวมเสื้อคลุมขณะรับโทรศัพท์ ดวงตาเป็นสีจางๆ
พ่อบ้านฉินบอกเรื่องครูของฉินหลิงแล้ว
“วันมะรืนได้ตั๋วเวลาไหน?” ฉินซิวเฉินนั่งรถตู้เบาะหลัง เขาดึงผ้าพันคอออกจากคอ ปลายนิ้วกดหว่างคิ้ว
ผู้จัดการกำลังก้มหน้าดูโทรศัพท์ เลื่อนดูฮอตเสิร์ช “สิบโมงสี่สิบนาที”
ฉินซิวเฉินรับงานภาพยนตร์ของรัฐ M เมื่อเดือนที่แล้ว
สำหรับนักแสดงในประเทศ การที่รับงานภาพยนตร์ของรัฐ M ไม่ใช่เรื่องง่าย รัฐ M เป็นสถานที่พบปะระดับนานาชาติ คนจากทั่วทุกมุมโลกมารวมตัวกันอยู่ที่นั่น ฉินซิวเฉินเองก็ถือว่าเป็นคนดังระดับประเทศ ฝีมือการแสดงดี รับบทบาทได้หลากหลาย เขาจึงสามารถรับงานภาพยนตร์ของรัฐ M ได้
การเข้าไปในรัฐ M เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยุ่งยาก ไม่ค่อยมีอิสระในการเคลื่อนไหว โดยเฉพาะเมื่อข้ามเขตพรมแดนไปแล้วจะต้องติดตามกองถ่ายและมีเอกสารนำทางที่ได้รับการประทับตรา
ฉินซิวเฉินรู้จักคนในรัฐ M แค่ไม่กี่คน ดังนั้นการที่คิดจะหาครูให้ฉินหลิงสักคนภายในระยะเวลาสั้น…
เป็นเรื่องที่ยากลำบาก
“ทำไมวันนี้เรื่องเถียนเซียวเซียวกับสมาคมเมืองหลวงถึงช้าจัง?” ผู้จัดการที่นั่งบนเบาะปัดดูอยู่นานก็ปัดไปเจอข่าวที่เถียนเซียวเซียวเป็นเด็กฝึกระดับสี่
แต่พอเขาอ่านความคิดเห็น ก็เหมือนโดนคนลบโพสต์ไปไม่น้อย…
ฉินหร่านโดนลบก็แล้วไป ผู้จัดการพอเข้าใจได้เพราะถึงอย่างไรเธอก็…น่าจะใช้ความสามารถลบเอาเอง…
แต่เถียนเซียวเซียวไม่จำเป็นก็ได้มั้ง?
ผู้จัดการกดเข้าไปในโพสต์เวยป๋ออีกครั้ง
ล่องลอยดั่งฝัน : ฉันค้นพบแล้ว ตราบใดที่ไม่จูง “ใครบางคน” มา โพสต์ก็จะไม่โดนลบ ดังนั้นครั้งนี้จึงเป็นโพสต์เนื้อหาสาระของเถียนเซียวเซียวซึ่งเป็นสมาชิกใหม่ของรายการไอดอล8ชั่วโมง ไม่พูดมากละ ทุกคนดูรูป (รูปภาพ)(รูปภาพ)
“หนังของรัฐ M …” ผู้จัดการตกใจ เขากดเปิดรูปไปพร้อมกับถามฉินซิวเฉิน “ทำไมจู่ๆ นายถึงอยากไปรัฐ M กะทันหันล่ะ ถ่ายหนังที่นั่นคงกลับมาไม่ได้อีกสักพัก นายไม่กลัวคุณชายสี่ตระกูลฉินจัดการเสี่ยวหลิงกับพวกพ่อบ้านฉินเหรอ?”
ปกติฉินซิวเฉินจะรับงานแสดงภายในประเทศเพื่อป้องกันคุณชายสี่แห่งตระกูลฉิน
“หาครูให้เสี่ยวหลิง” ฉินซิวเฉินสวมผ้าปิดตา ปลายนิ้วขาวเย็นเฉียบ
ผู้จัดการพยักหน้า คงหาครูสอนโปรแกรมให้ฉินหลิง
“แต่ก็ยากเหมือนกันนะ” ผู้จัดการเปิดไปที่รูปภาพและคำอธิบายถัดไป อ่านข่าวกอสซิปต่อ “พวกเราไม่สนิทกับใครที่รัฐ M เลย คงหาคอนเนคชั่นยากมาก”
ตลาดรัฐ M รวบรวมผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกได้อย่างมีเสถียรภาพ อยู่ในช่วงบุกกองกำลังของฝ่ายต่างๆ
ดังนั้นการหาครูกลับมาจากที่นั่นสักคนจึงดีกว่าหาในประเทศ เพราะอย่างน้อยคุณชายสี่ตระกูลฉินก็เอื้อมมือมาไม่ถึงที่นี่
“แต่เดี๋ยวก่อน…” ทันใดนั้นผู้จัดการก็เห็นรูปรูปหนึ่ง เขาเงยหน้ามองฉินซิวเฉิน “ซุปตาร์ฉิน บางทีพวกเราน่าจะได้คอนเนคชั่นแล้ว!”
ซุปตาร์ฉินกำลังง่วงนอน
พอได้ยินประโยคนี้เขาก็นั่งตัวตรง
ยื่นมือดึงผ้าปิดตาออก ดวงตาเป็นประกายดำขลับ “นายยังจำเรื่องสมาคมเมืองหลวงที่ฉันคุยกับนายเมื่อตอนเที่ยงได้ไหม?”
ซุปตาร์ฉินยื่นมือโยนผ้าปิดตาไปด้านข้าง
พยักหน้าต่อ
“อาจารย์เว่ยแห่งสมาคมเมืองหลวงเข้าๆ ออกๆ รัฐ M ตลอดทั้งปี แต่ละปีเขาใช้เวลาเกือบครึ่งอยู่ที่รัฐ M และยังเป็นวิทยากรรับเชิญพิเศษของสมาคมMอีกด้วย ฉันว่า…เขาจะต้องมีเส้นสายในสมาคมเมืองหลวงแน่ๆ ” ผู้จัดการถือโทรศัพท์พร้อมกับพูดอย่างจริงจัง
“เขามีเส้นสายแน่นอน ไม่อย่างนั้นตระกูลสวีคงไม่สามารถตีตลาดที่รัฐ M ได้หรอก และบางทีอาจจะ…ไม่ใช่เล็กๆ ” ฉินซิวเฉินพูดเบาๆ
เขาเป็นคนฉลาด แม้แต่คุณชายสี่ตระกูลฉินก็ยังคิดป้องกันแผนการของเขา
ไม่อย่างนั้นเขาคงหลบหนีจากกลอุบายของคุณชายสี่ตระกูลฉินไปไม่ได้ตั้งแต่อายุยังน้อยและยังสามารถปกป้องพวกพ่อบ้านฉินเอาไว้ได้
ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยสนใจพวกเรื่องของสมาคมเมืองหลวงมาก่อน มีใจคิดแต่จะต่อกรกับคุณชายสี่ แต่พอผู้จัดการพูดถึงคอนเนคชั่นของสมาคมเมืองหลวงกับรัฐ M ฉินซิวเฉินก็คิดถึงกุญแจสำคัญของเรื่องนี้
ผู้จัดการหัวเราะอยู่ครู่หนึ่ง “ดังนั้นก็พูดได้ว่าเราน่าจะได้คอนเนคชั่นแล้ว”
“นายหมายถึงอาจารย์เว่ย?” ฉินซิวเฉินเอนหลังพิงเบาะ ยิ้มเบาๆ “ฉันไม่รู้จักเขาเลยด้วยซ้ำ…อีกอย่าง…”
ฉินซิวเฉินส่ายหน้า
ถึงจะหาอาจารย์เว่ยพบ แต่จะเอาอะไรไปขอความช่วยเหลือจากคนที่เจอหน้ากันครั้งแรก?
ตามหลักแล้ว มันง่ายแบบนั้นเสียที่ไหน
หากตระกูลฉินยังอยู่ในช่วงจุดสูงสุด อาจารย์เว่ยอาจจะยังไว้หน้าเขา แต่ตอนนี้…
ฉินซิวเฉินมองออกไปทางนอกหน้าต่าง ถอนหายใจเบาๆ
“เราไม่รู้จักแต่มีคนรู้จัก” ผู้จัดการมองไปทางฉินซิวเฉิน เอารูปที่เซฟไว้ให้ฉินซิวเฉินดู “เถียนเซียวเซียวนั่นน่ะ มีข่าวลือในโลกออนไลน์บอกว่าเธอเป็นลูกศิษย์ในนามของอาจารย์เว่ย”
ฉินซิวเฉินอึ้ง
ผู้จัดการยิ้มเล็กน้อย “ยังจำได้ไหมว่าเธอเป็นแฟนหนังของนาย”
“ฉันขอคิดดูก่อน” ฉินซิวเฉินพิงเบาะ เม้มริมฝีปาก
เขากับเถียนเซียวเซียวรู้จักกันก็จริง แต่เรื่องที่จะเข้าหาอาจารย์ของเธอนั้น…
**
ถิงหลาน
ฉินหร่านนั่งบนโซฟา วางคอมพิวเตอร์ไว้บนขา
เธอกำลังเรียบเรียงบันทึกข้อมูลการทดลองที่ทำที่ตึกรวมของภาควิชาฟิสิกส์เมื่อครึ่งเดือนที่แล้ว
ก่อนหน้านี้เฉิงเจวี้ยนก็เคยช่วยเธอเรียบเรียงบันทึกเหล่านี้มาแล้วและยังคำนวณตัวเลขอ้างอิงกระแสสนามแม่เหล็กบางส่วนอีกด้วย
อาจารย์ใหญ่สวีให้เธอเขียนบทความSCI ฉินหร่านไม่ได้บอกว่าจะเขียน แต่ก็จดจำขึ้นใจ เพราะถึงอย่างไรเสียบทความSCIก็เป็นการแลกเปลี่ยนทรัพยากรของเจ้าหน้าที่และนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก ตำแหน่งในแวดวงวิชาการนั้นสำคัญอย่างยิ่ง
การสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกและปริญญาโทขึ้นอยู่กับปัจจัยกระทบของเนื้อหาบทความSCIที่เผยแพร่ออกไป
ข้อกำหนดในการประเมินงานและการจัดสรรทรัพยากรของสถาบันวิจัยก็ขึ้นอยู่กับบทความSCIเช่นกัน
บทความSCIเป็นตัวแปรสำคัญที่ส่งผลต่องานวิจัย
โครงการของอาจารย์ใหญ่สวียังไม่มีความชัดเจน ฉินหร่านจึงเก็บบทความSCIไว้ก่อน เธอบันทึก ปัจจัยและกระบวนการขั้นตอนจากการทดลองเครื่องปฏิกรณ์ครั้งล่าสุดลงไปทั้งหมด น่าจะเรียบเรียงเสร็จภายในหนึ่งสัปดาห์
เฉิงเจวี้ยนถือแก้วน้ำ เขาไม่ได้นั่งลงข้างเธอแต่อ้อมมาที่ด้านหลังโซฟา เมื่อเห็นว่าเธอกำลังเขียนบทความอยู่จึงพิงโซฟาครึ่งตัว พูดอย่างเอื่อยเฉื่อย “พี่สาวฉันบอกว่าอาทิตย์หน้าเธอจะไปบ้านฉัน?”
เขาหมายถึงเรื่องวันเกิดนายท่านเฉิงที่เฉิงเวินหรูเคยพูดกับฉินหร่านเมื่อคราวที่แล้ว
ฉินหร่านไม่ได้ตอบ นิ้วที่กดแป้นพิมพ์ชะงักไปครู่หนึ่ง น้ำเสียงเยือกเย็น “อ้อ”
เฉิงเจวี้ยนแค่ดื่มชาและถามไปส่งๆ
เมื่อเห็นท่าทีของเธอก็วางถ้วยชาไว้ข้างๆ จากนั้นก็เอนกายพาดบนหลังโซฟา เข้ามาชิดริมหูเธอ หลุบตาลงด้วยความประหลาดใจ “รับปากแล้วจริงๆ เหรอ?”
ฉินหร่านหันหน้าไปไม่อยากจะสนใจ
แต่เฉิงเจวี้ยนยังคงเซ้าซี้ไม่เลิก เอาแต่ถามเธออยู่หลายครั้งกว่าเธอจะฝืนตอบไปว่า “อืม”
เฉิงเจวี้ยนถึงจะยืนตัวตรง นั่งบนโซฟาต่อไป หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและคลิกไปที่รูปเฉิงเวินหรู โอนเงินให้เธอจำนวนหนึ่ง
ทางด้านเฉิงเวินหรูเก็บเงินก่อนตอบกลับด้วยภาพ [ขอบคุณเทพแห่งโชคลาภ.JPG] จากนั้นก็ส่งเครื่องหมายคำถามกลับมาอีกครั้ง
เฉิงเจวี้ยนไม่ตอบเธออีก
**
ในเวลาเดียวกัน
เถียนเซียวเซียวเพิ่งเลิกกองจากการถ่ายทำ
พี่เวินยื่นกระติกน้ำร้อนให้เธอ ให้เธอจิบน้ำร้อนก่อนจะตามเถียนเซียวเซียวไปที่โซนพักผ่อน
โทรศัพท์ในกระเป๋าเธอดังขึ้นมาพอดี พี่เวินหยิบขึ้นมาพลางพูดว่า “คงเป็นผู้กำกับกองถ่ายก่อนหน้านี้แน่ๆ พอรู้ว่าเธอดังแล้วก็มา…ซุปตาร์ฉิน ? ?”