“เสือซุ่มโจมตี!”
“กรงเล็บมังกร!”
“กรงเล็บมังกร!” บนถนนที่ว่างเปล่าในเวลาเที่ยงคืนยูเหลียงปล่อยพลังต่อยทดลองความแข็งแรงระหว่างทางกลับบ้าน
(ผู้แปล : เสือซุ่มโจมตี(Tiger Strike) และ กรงเล็บมังกร(Dragon Claw) เป็นสกิลของแอสซาซินในเกม Diablo)
“ฮ่าๆ ฮ่าๆ” ดวงจาของเขาเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น “ฉันสามารถเพิ่มระดับทักษะของฉันโดยการฆ่ามอนเตอร์ แถมความแข็งแกร่งของฉันยังเพิ่มขึ้นอีกด้วยไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมีอะรเจ๋งๆ อย่างนี้บนโลกของเรา!”
“มันช่างเหลือเชื่อจริงๆ วิเศษมาก” หลังจากเล่นไปเพียงห้าชั่วโมงเท่านั้น แต่ยูเหลีบงกลับรู้สึกว่าความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว รวดเร็วกว่าตอนที่เขสใช้เวลาฝึกฝนอยู่ในหอศิลปะต่อสู้ในสำนักหลิงหยวนเสียอีก แม้จะมียาเพิ่มความอึดเป็นตัวเสริมก็เถอะ!
“มันเลิศมาก” นอกจากการเล่นเกมจะทำให้เขาได้รับพลังภายในอันบริสุทธิ์แล้ว มันยังขจัดำลังที่เคยบกพร่องอีกด้วย “ปกติฉันต้องใช้เวลามากในการฝึกฝน แต่นี่ฉันใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น!”
“ไม่แปลกใจเลยทำไมเหล่าสาวกส่วนมากพร้อมที่จะเสี่ยงเพื่อไปที่คาเฟ่แห่งนั้น” ยูเหลียงบ่นกับตัวเอง “ถ้าฉันทำสิ่งนี้ต่อไป ไม่นานฉันอาจได้เลื่อนขั้นเป็นอาจารย์ประจำของบ้านโลกก็เป็นได้ เผลอๆ อาจได้สอนเหล่าสาวกที่เก่งที่สุดแห่งบ้านสวรรค์”
มันเป็นการเพิ่มความสามารถได้รวดเร็วและสนุกกว่าหอศิลปะอย่างมาก! ความรู้สึกเมื่อได้เล่นมันเกินคำบรรยายจริงๆ ตื่นเต้นที่สุด!
อย่างไรก็ตามฉันได้ยินมาว่าผู้เล่นสามารถสร้างทีมหรือเล่นกันเป็นทีมได้ .. สามารถร่วมกันฆ่าสัตว์ประหลาดเพื่อเพิ่มค่าประสบการณ์ได้ เวลาที่เล่นคนเดียวเมื่อตายก็ต้องกลับไปเก็บของใหม่ แต่หากเล่นกันหลายคนโอกาสการตายก็จะน้อยลง!
ใช่! บางทีฉันอาจขอให้เพื่อนมาเล่นเกมกับฉันเพื่อช่วนเหลือกันและกันจะดีมั้ยนะ ฉันไม่ค่อยอยากแชร์ของกับใคร แต่ ..
ฉันว่าฉันชวนมาสักสองสามคนมันก็คงจะดี ..
…
ในขณะเดียวกันเฉินเฟิงเองก็กำลังประชุมกับอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญหลายท่านในครอบครัวของเขา และรวมไปถึงผู้ที่มีอำนาจตัดสินบางคนในตระกูลหยางและตระกูลวู พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นคนมีอำนาจ แต่น้อยกว่าครอบครัวใหญ่ๆ อย่างตระกูลโอหยางและตระกูลบู
ท่ามกลางกองกำลังทั้งหมดในมณฑลเจียงหนาน พวกเขานับว่าอยู่ในระดับกลาง
“หรือเราอาจจะกำลังถูกเฮาชงหลอก!?” เฉินเฟิงนั่งอยู่บนเก้าอี้ปกคลุมด้วยขนสัตว์ “เขาห้าไม่ให้เราไปที่ร้านนั้น หรือว่าอาจต้องการหากำไรจากมันอยู่ลับๆ”
“สิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณนี่สามารถลอกเลียนแบบได้หรือไม่?”
“ฉันมีความเห็นว่าเราไม่จำเป็นต้องใช้พลังทางจิตวิญญาณกับสิ่งประดิษฐ์” ชายวัยกลางคนสวมชุดเขียวตอบด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “มันไม่ยากที่จะลอกเลียนแบบเท่าไร แต่ฉันก็ยังเข้าไม่ถึงรายละเอียดมากนัก แต่เอ้ะ ถ้าไม่ใช่พลังทางจิตวิญญาณแล้วอาจจะทำให้สิ่งประดิษฐ์ไม่ทรงพลังหรือเปล่า”
“ท่านวูพูดถูก” ผู้ปลูกฝังวัยกลางคนมีผมสีเทาเอ่ย “เราไม่สามารถนำอุปกรณ์หรืออาวุธในเกมออกมาทดสอบได้ แต่ด้วยประสบการณ์ของพวกเรา โครงการแบบนี้คงใช้ต้องใช้ทั้งเวลาและความอดทนอย่างมาก”
“ทดสอบความอดทน เฮ้!” ผู้ปลูกฝังอีกคนในวัยกลางคนซึ่งนั่งอยู่ตรงข้ามกับเฉินเฟิงตบต้นขาของจนเอง “นี่พวกท่านกำลังหมายถึงคนก่อนหน้าเราที่กำลังคิดหาวิธีสร้างสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณน่ะหรือ?”
“ดูเหมือน่วาพวกเราจะช้าไป!”
“ศิษย์พี่หนางใจเย็นก่อน” เฉินเฟิงปลอบ “จากที่ข้าสังเกตคนในร้าน ผู้คนส่วนมากที่ศึกษาเรื่องอาวุธเป็นกองกำลังจากวังหลิวหยุนและคนจากกลุ่มโอเชียน เท่าที่ดูพวกเขาส่วนมาคนละระดับกับเรา!”
หลังจากหยุดคิด เขาพูดต่อ “ถ้าเราเริ่มไวนี่อาจเป็นโอกาสของเรา!”
“โอกาส ..” ฝ่ายประดิษฐ์ของตระกูลวูเอ่ย “ท่านจีเว้ยต้องรู้จักวังของอาจารญ์ซัวเป็นแน่ นั่นเป็นโอกาสที่ดีสำหรับพวกเรา!”
“พวกเราเพียงรู้จักกันผ่านเกม คงจะเป็นไปได้ยากที่จะทำความรู้จักกันจริงจัง” เฉินเฟิงยิ้มมุมปาก “วันนี้ฉันฆ่าพวกเขาไปตั้งหลายต่อหลายครั้ง ถ้าเป็นความจริงป่านนี้พวกเขาคงไล่ฆ่าฉันแล้วละ”
“ท่านพูดถูก” ผู้ปลูกฝังจากตระกูลหยางเอ่ย “ฉันเองก็ฆ่าท่านอาจารย์ซัวด้วยการปาระเบิดใส่เขาเช่นเดียวกัน”
“เฮ้! ท่านกล้าพูดเรื่องนี้ได้อย่างไร?” เฉินเฟิงชี้นิ้วไปที่เขาแล้วพูดว่า “ข้าก็ฆ่าท่านได้เหมือนกันนะ”
“นั่นเป็นเพราะท่านแอบซุ่มโจมตีตั้งหาก” ผู้ปลูกฝังจระกูลหยางตะโกนโต้ “ท่านจะให้ข้าบอกมั้ยว่าข้าฆ่าท่านไปสองครั้งด้วยปืนไรเฟิล”
“ข้าประมาทไปเอง!” เฉินเฟิงตบเก้าอี้ “แต่อีกตาข้าก็ฆ่าเจ้าเพิ่มไปอีสองครั้ง”
“…”
“ศิษย์พี่ทั้งาสอง นี่เรามาที่นี่เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณกันนะ พวกท่านกำลังพูดนอกเรื่อง!”
พวกเขาสตั้นไปสองสามวิ โดยตระหนักได้ว่า ใช่! พวกเขากำลังหลงประเด็น
…
เวลาไล่เลี่ยกัน ตงชิงลี่หยิบหยกสื่อสานออกมา “โอ้ว ชิงเฮอส่งข้อความมาหลายข้อความเลย”
เธอเงยหน้าขึ้นและเห็นเจียงชิงเฮอกำลังวิ่งมาพร้อมคนกลุ่มใหญ่พร้อมเสียงคำรามอันดุเดือด “ล้อมร้านนั้นไว้ อย่าปล่อยให้ใครหนีไปได้!”
“ชิงเฮอ” ใบหน้าสวยๆ ของตงชิงลี่เย็นชากว่าเก่า “นายกำลังทำอะไร?”
“นายหญิง!” เจียงชิงเฮอทำหน้าตกใจวิ่งเข้าไปหาเธอด้วยความเป็นกังวล “ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ร้านเล็กๆ นั่นกักตัวท่านไว้จนถึงตอนนี้หรอ? ข้าจะให้พวกมันชดใช้ให้สาสม!”
“เดี๋ยว!” ตงชิงลี่หรี่ตามอง “นายหมายถึงอะไร? กักตัว?”
“ไม่ .. ทำไม ..” เจียงชิงเฮอทำหน้างง
“ไม่เป็นไร ไม่มีอะไร!” ตงชิงลี่พูดเบาๆ “ฉันสนุกเพลินไปหน่อย จนลืมดูหยกสื่อสาร”
“มันมีอะไรไม่ดีใช่มั้ย?”
“เราโอเค สบายดีจริงๆ” จางวันยูคว้ามือของเขาแล้วกระซิบ “มาเล่นกับเราในวันพรุ่งนี้แล้วท่านจะเข้าใจ”
“พรุ่งนี้ .. พวกคุณยังไปที่นั่นอีกหรอ?” ใบหน้าของเจียงชิงเฮอกระตุก “ฉันว่าฉันขอผ่าน”
“ได้!” ตงชิงลี่กล่าว “แต่เราต้องหาที่นั่งให้เขาก่อน”
“อย่างไรก็ตามที่ร้านของเราจะคงเล่าเรื่องราวของนักรบสวรรค์ต่อด้วย ไม่สำคัญว่าจะได้เงินมากหรือน้อย แต่เราก็จะทำมันควบคู่กันไป”
เจียงชิงเฮอทำหน้าสับสนอีกครั้ง ช่างมีวิธีคิดที่แปลกและแตกต่าง
“นอกจากนี้ ..” ตงชิงลี่โบกมือ “พรุ่งนี้ฉันต้องตื่นเจ็ดฌมงเช้า”
“ท่านมักจะบอกเล่าเสมอว่าท่านต้องการการพักผ่อนที่เพียงพอ ..” เจียงชิงเฮอทำหน้าหน่าย
ตงชิงลี่ยิ้มอย่างเยือกเย็น “พรุ่งนี้ฉันต้องตื่นเช้าเพื่อจะได้มีที่นั่ง!”
…
หลังจากผ่านคืนของการสนทนาที่ไร้ประโยชน์ เฉินเฟิงกล่าวว่า “ท่านบอกว่าทักษะการจู่โจมของท่านยอดเยี่ยมมาก ช่วยแสดงให้ฉันเห็นทีวันนี้!?”
“เยี่ยม? ข้าก็แม่นแต่ไม่เท่าลูกชายข้า” ผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งประดิษฐ์ของตระกูลวูกล่าว
“ดูเหมือนว่าเราจะเริ่มคุยไม่เข้าใจกันแล้ว วันนี้เราคงตัดสินอะไรไม่ได้สักที ฮ่าๆ” ผู้ฝึกฝนตระกูลหยางพูดด้วยสีหน้ามืดมนปนขำ “อย่าพูดกับข้าจนกว่าเจ้าจะเอาชนะข้าได้”
“งั้นมาดูกัน” หลังจากคุยกัยเสร็จ พวกเขาลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันที “เร็วเข้า! เก้าอี้เต็มแน่ถ้าเราไปสาย!”