ตอนที่ 188

The Second Coming of Gluttony

บทที่ 188 – การเปลี่ยนแปลงที่คาดไม่ถึง (3)

เมื่อเขากระพริบตารัวๆ โลกที่พร่ามัวก็ได้กลายเป็นชัดขึ้น

สิ่งแรกที่เขาเห็นเพื่อสายตากลับมาโฟกัสเลยก็คือ… หน้าอก เนินเขาอวบอิ่มที่อยู่ตรงหน้าเขา

ส่วนจมูกของเขานั้น…

มันกำลังสูดกมกลิ่นหอมจากผิวหนังอยู่ ซอลจีฮูได้ค่อยๆเลื่อนสายตาขึ้นไปอย่างช้าๆ และไม่นานใบหน้าของฟีโซราก็ได้ปรากฏขึ้น ใบหน้าของเธอของเธอนั้นมีผสมกันระหว่างความง่วงนอนกับรำคาญใจ

“…มีเรื่องที่ฉันอยากจะรู้จริงๆนะ”

บางทีอาจจะเพราะว่าเธอเมาหลับไป ทำให้น้ำเสียงของฟีโซราแหบแห้ง

“นายดูจะตกใจมากเลยนะ แต่ว่าทำไมถึงยังมาซุกหน้าอกฉันอยู่อีก?”

จากนั้นซอลจีฮูถึงได้รู้ตัวว่าเขาเผลอสูดหายใจลึกเกินไป มีอยู่ครู่หนี่งที่ความคิดอย่าง ‘ก็เพราะผมชอบกลิ่นกุหลาบ’ เขามาในหัวเขา

“ว๊ากกก!”

ซอลจีฮูได้กรีดร้อง และเด้งตัวไปข้างหลังอย่างแรง

“หา!”

ฟีโซราได้เดาะลิ้นขึ้นมาเมื่อเห็นซอลจีฮูถอยหลบไปจนตกเตียง

ตึง เมื่อหัวของเขากระแทกกับพื้น เขาก็หยุดออกมาจากความสับสน เขาได้รีบลุกขึ้นมา และจับไปตามเนื้อตัวของเขา

“…”

ทำไมเขาถึงเหลือแต่ชุดส่วนในล่ะ?

ม่านตาเขาได้สั่นไหวหขึ้นมา ซอลจีฮูได้วางมือลงบนอก และสูดหายใจลึกๆ

ใจเย็น ใจเย็นๆ

หลังจากพึมพำกับตัวเองอยู่หลายครั้งแล้ว เขาก็พูดขึ้นมา

“คำอธิบาย”

ซอลจีฮูได้พูดเหมือนกับเขาเป็นผู้ถูกกระทำ

ฟีโซราที่กำลังเหยียดแขนหาวออกมาอยู่ได้มองมาที่เขาอย่างตกตะลึง

“คำอธิบายอะไร?”

“ตั้งแต่เริ่มจนจบเลย ทุกๆอย่าง”

“โอ้ได้สิ นายล้มพับไปในระหว่างดื่มโชจู จากนั้นก็เริ่มร้อง แล้วก็อ้วกใส่ฉันในตอนที่ฉันแบกนายอยู่”

“ว่าไงนะครับ?”

“น่าขำจริงๆเลยนะ! ถ้านายคออ่อนก็ควรจะดื่มให้พอดีสิ ของที่นายเพิ่งกินไปอย่างหมูสามชั้น ซุปเต้าเจี้ยวน่ะถูกอ้วกออกมาจนหมดเลย… อ๊า!”

ทันใดนั้นฟีโซราก็ตัวสั่นขึ้นราวกับแค่คิดก็ทำให้เธอขยะแขยงแล้ว ในเวลาเดียวกันซอลจีฮูก็ได้มองไปรอบๆห้องอย่างสับสน เขามองเห็นเสื้อผ้าถูกแขวนเอาไว้ที่ไม้แขวนใกล้ๆเช่นกัน

“ฉันได้ลากตัวนายมาที่ห้องเช่า แล้วก็ทำความสะอาดเสื้อให้นายอีกนะ นายควรจะขอบคุณฉันสิ นายรู้ไหมว่าฉันเคยคิดที่จะโยนนายทิ้งไปกี่ครั้งกัน?”

สำหรับซอลจีฮูที่ไม่ได้มีความทรงจำเรื่องนี้เลย เขาได้แต่ตกตะลึงกับคำกล่าวของฟีโซรา

“แต่ว่า… นอนบนเตียงเดียวกันนี่…”

“โอ้ หุบปากไปเลย!”

ฟีโซราได้ตะโกนขึ้นอย่างไม่พอใจ

“นี่นายมันไม่มีจิตสำนึกเลยรึไงกัน?”

“?”

“นายคิดว่าฉันมานอนเตียงเดียวกับนายเพราะต้องการงั้นหรอ? นายรู้ไหม ว่าฉันอยากจะนอนแยกกัน!”

ซอลจีฮูได้แต่เอียงหัวอย่างสับสนกับฟีโซราที่พูดเหมือนกับมันไม่ใช่ความผิดของเธอ

“ฉันมีที่นอนดีๆให้นายแล้วนะ แต่นายก็เอาแต่ปีนลงมานอนกับฉันตลอดเลย เพราะงั้นฉันก็เลยคิดว่า ‘อ่า เขาคงจะชอบนอนบนพื้น’ แล้วก็สลับที่กันแทน แต่จากนั้นนายก็กลับปีนขึ้นมานอนกับฉันอีก จากนั้นพอฉันใช้ผ้าห่มห่อตัวหนีไปนอนบนโซฟา นายก็ยังไล่ตามมากอดฉันเอาไว้อีก”

“…”

“แล้วก็ขอโทษนะ แต่ว่านายเป็นเด็กทารกหรือไงกัน? ทำไมเอาแต่ซุกหน้ามาที่อกฉันตลอดเลย? ตอนโตขึ้นมาขาดความรักงั้นหรอ? หรือว่านายถูกผีเด็กเข้าสิงกันล่ะ? พระเจ้า!”

พล่ามๆ! ขณะที่ฟีโซราพูดถึงสิ่งที่เธอเจอมาเมื่อคืน ซอลจีฮูก็ได้แต่เกาหัวแห้งๆ

“อะแฮ่ม… ผมเป็นลูกคนกลาง แล้วก็มีพี่ชายกับน้องสาว เพราะงั้นก็เลยไม่ค่อยได้รับความสนใจ และความรัก…”

“โอ้วว เข้าใจแล้ว… ฉันผิดเอง ฉันไม่ได้รู้เรื่องเลย… ไม่สิ! นั่นมันเกี่ยวกันตรงไหน??”

ฟีโซราได้กลับมาจ้องเขาตาเขม็งต่อ ซอลจีฮูได้แต่ไอแห้งๆออกมา

“ผมก็จำไม่ค่อยได้นะ”

“ฉันก็คิดไว้แล้วว่านายจะต้องพูดแบบนี้ รอตรงนี้แหละ”

ฟีโซราได้รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา และโยนมันมาให้เขา มีวิดีโอกำลังถูกเล่นอยู่บนหน้าจอ

-พระเจ้า! ปล่อยฉันไปได้ไหม?

-อะไรว่ะเนี้ย นายบ้าไปแล้วหรอ? เฮ้ ฉันรู้นะว่านายยังไม่หลับ ลืมตามาซะตั้งแต่ในตอนที่ฉันยังพูดดีๆอยู่เลยนะ

-ไสหัวไป!

-พระเจ้า ฉันอยากจะบ้าตาย!

“ไม่มีทางน่า…”

ซอลจีฮูที่มองดูหน้าจอโดยที่พูดไม่ออก จากนั้นหลังจากแอบกดลบวิดีโอไปแล้ว เขาก็ส่งมันคืนให้กับฟีโซราที่กำลังยืนกอดอกมองเขาอยู่

“ผมไม่เห็นรู้เรื่องเลยว่าคุณกำลังพูดเรื่องอะไร”

“ไอ้บ้านี่มันอะไรกันว่ะเนี้ย!?”

เมื่อได้ยินน้ำเสียงโมโหดังเข้ามา เขาก็ได้แต่ไอแห้งๆอีกครั้งหนึ่ง

“ยังไงก็ตาม คุณกำลังบอกว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้น?”

สีหน้าของฟีโซราได้เปลี่ยนเป็นแปลกไปเมื่อได้ยินน้ำเสียงโล่งใจของซอลจีฮู

“ทำไมล่ะ นายคิดว่าฉันกลืนกินนายอะไรแบบนั้นงั้นหรอ?”

“คุณไม่ต้องพูดแบบนั้น…”

“มันตรงกันข้ามเลย นายเป็นคนที่กลืนกินฉัน”

“อะไรนะ!?”

ซอลจีฮูได้ผงะไปอย่างตกใจ

“ฉันหมายถึง~ นายค่อยๆเริ่มมันขึ้นน่ะ~ นายทั้งฟิตแล้วก็ดูดีมาเลย แถมในตอนนั้นฉันก็เมาอยู่ด้วย มันก็เลยตื่นเต้นหน่อยๆ~”

ฟีโซราได้พึมพำออกมาพร้อมกับบิดปลายผม จนทำให้ซอลจีฮูอ้าปากค้างออกมา

“ยังไงก็เถอะนะ เรี่ยวแรงนายนี่มันน่าทึ่งจริงๆเลย นายมันเหมือนกับสัตว์ป่า อู้วว พูดไปแล้วฉันก็ยังเจ็บท้องอยู่เลย…”

ฟีโซราได้พึมพำออกมาพร้อมกับลูบท้องน้อยเบาๆ จากนั้นก็ระเบิดหัวเราะขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าของซอลจีฮู

“ฮ่าฮ่า! หน้าของนายนี่มัน! ล้ำค่าจริงๆเลย!”

เธอได้หัวเราะขึ้น จากนั้นก็เตะผ้าห่มออกมา

“เห็นไหมล่ะ นายมีปฏิกิริยาเหมือนกับคนมีแฟนเลย”

หลังจากเด้งตัวออกมาจากเตียงแล้ว เธอก็บิดตัวโดยไม่อายเลยสักนิด

“โอ๊ยยย~ เอาล่ะ ไปอาบน้ำก่อนดีกว่า จากนั้นค่อยไปกินซุปแก้เมาค้างกัน”

“…คุณแค่ล้อผมเล่นใช่ไหม?”

“ใครจะไปรู้~?”

หลังจากยิ้มออกมาแล้ว ฟีโซราก็เดินเข้าไปในห้องน้ำพร้อมงึมงำว่า “อ๊า~ ทำไมฉันเมื่อยตัวจังเลยน้า~?”

ซ่าาา

จากนั้นเมื่อเสียงฝักพัวถูกเปิดดังออกมา ซอลจีฮูก็ถูกตัวว่าโดนเล่นเข้าให้แล้ว

‘ผู้หญิงคนนี้…!’

***

“อึก-“

ขณะกำลังกินซุปห่ออยู่ จู่ๆฟีโซราก็สำลักออกมา

ซอลจีฮูได้ถามขึ้นอย่างตกใจทันที

“เกิดอะไรขึ้น?”

“…ไม่รู้สิ”

ฟีโซราได้ก้มหัวลง จากนั้นก็เอียงหัวออกมา

“จู่ๆก็รู้สึกคลื่นไส้… แพ้ท้องหรือเปล่านะ? แต่ก็ไม่น่าแปลกใจหรอก…”

‘ไม่น่าแปลกใจ?’

เมื่อซอลจีฮูมองไปที่เธอ ฟีโซราก็ทุบโต๊ะ และหัวเราะออกมา

“อะไรล่ะ ฉันแพ้ท้องไม่ได้งั้นหรอ?”

“แกล้งคนอื่นมันสนุกหรอครับ?”

“ก็ใช่น่ะสิ มันทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นเป็นพันเท่า”

ซอลจีฮูดูเหมือนจะไม่พอใจกับรอยยิ้มของฟีโซรานี้ ไม่สิ ไม่ใช่ดูเหมือน แต่ว่าเขาไม่พอใจจริงๆ

เขาเข้าใจว่าเขาทำให้ฟีโซราต้องลำบากเมื่อคืน แต่ว่าเธอแกล้งเขามากเกินไปแล้ว

‘เธอกล้า…’

เธอกล้าที่จะแกล้งคนที่ได้รับฉายาอย่างเป็นทางการว่าคนขี้แกล้งงั้นหรอ?

ฉันจะแสดงการแกล้งที่แท้จริงให้ดูเองว่ามันเป็นยังไง

ซอลจีฮูได้สาบานกับตัวเองพร้อมกับดื่มน้ำซุปจนหมด

หลังจากกินอาหารแล้ว ฟีโวราก็ได้เอาโทรศัพท์ออกมา

“เอาเบอร์นายมาหน่อยสิ”

“เบอร์ผม? ทำไมล่ะ?”

“ก็นายจะจ้างงานฉันไปอีกหลายเดือนนี้ อย่างน้อยฉันก็ควรจะรู้เบอร์โทรศัพท์ของนาย”

“เบอร์โทรศัพท์ของผม… มันอะไรกันนะ?”

เมื่อซอลจีฮูลังเลขึ้น ฟีโซราก็ขมวดคิ้วขึ้นทันที แต่ว่าซอลจีฮูจำเบอร์โทรศัพท์ของเขาไม่ได้จริงๆ มันไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากจะให้เธอ

เมื่อเขาได้เค้นสมองคิดอย่างหนักและบันทึกลงบนโทรศัพท์ให้กับเธอ ฟีโซราก็รับโทรศัพท์กลับคืนมาด้วยอาการไม่พอใจที่เขาทำเป็นเล่นตัว

“แล้วเมื่อไหร่นายจะกลับไปล่ะ?”

“ประมาณอาทิตย์นึง”

“เร็วกว่าที่คิดอีกนะ เอาเถอะ ก่อนจะกลับก็โทรมาหาฉันแล้วกัน ฉันจะส่งข้อความไปหา เพราะงั้นตอบกลับมาดีๆล่ะ”

ฟีโซราได้พูดสิ่งที่เธออยากจะพูดออกมา จากนั้นก็หันหลังกลับไปพร้อมโบกมือออกมา ซอลจีฮูที่กำลังจ้องแผ่นหลังเธอเดินจากไป…

‘…หืม?’

…ดวงตาเขาได้เบิกกว้างขึ้นเมื่อเขารู้สึกว่าเขาใจสงบกว่าแต่ก่อน

เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมาโดยใช้มือบังแสงอาทิตย์จากการตกกระทบบนใบหน้าไว้ เขาก็ได้เห็นท้องฟ้าสดใสที่ไร้เมฆหมอกใดๆ

‘อบอุ่น’

ทำไมกันนะ? เขาไม่รู้สึกไม่ดีอีกแล้ว

สิ่งที่เขาทำลงไปก็มีแค่การทะเลาะกับฟีโซรา กินข้าว แล้วก็ตื่นนอน แต่ว่าความอ้างว้างที่เขาเคยรู้สึกก็หายไปเกือบจะหมดแล้ว

เขารู้สึกเหมือนกับว่าหน้าอกที่ว่างเปล่าของเขาได้ถูกเติมเต็มเข้ามา

‘เอาล่ะ ในเมื่อมันกลายมาเป็นแบบนี้แล้ว ฉันก็ควรจะเตรียมอะไรบ้างก่อนจะกลับไปสินะ?’

ซอลจีฮูได้เปลี่ยนมาเป็นร่าเริง

ตอนนี้ฉันก็มีเพื่อนใหม่แล้วเหมือนกัน

แม้ว่าเขาจะไม่ได้รู้ตัวเอง แต่ว่าเขากระทั่งฮัมเพลงอย่างมีความสุข เสียงฝีเท้าของเขาก็ยังดูสดใสกว่าเมื่อวานอีกด้วย

ทันทีที่กลับมาถึงห้อง ซอลจีฮูก็ได้มองไปรอบๆ โทรศัพท์ของเขาได้ถูกวางทิ้งเอาไว้ตรงมุมห้อง

หลังจากเสียลปลั๊กชาร์จและกดปุ่มเปิดขึ้นมาแล้ว เขาก็ผงะไปเล็กน้อย เขาคิดว่ามันจะไม่มีอะไ แต่ว่า…

[กลับไปถึงแล้วใช่ไหม? นี่ฟีโซรานะ]

เริ่มจากข้อความล่าสุดที่มาจากฟีโซรา แถมยังมีข้อความอื่นๆอีกด้วย

[โอปป้า ฉันได้ยินว่าคุณตื่นแล้ว รู้สึกดีขึ้นไหม?]

[นี่ฉันเองนะ ฉันได้ยินว่านายกลับโลกแล้ว โทรกลับมาหาด้วย]

[สายจาก…]

ยุนซอรา คิมฮันนาห์ ผู้รักษาประตู และก็…

เมื่อเลื่อนลงมา เขาก็เห็นเบอร์หนึ่ง และชะงักไป มันเป็นข้อความจากครอบครัวของเขาที่ซึ่งถูกส่งมานานแล้ว

“…”

มีสายเข้ามาทั้งหมดสี่สาย โดยแต่ล่ะครั้งห่างกันแค่ไม่กี่วัน

ขณะที่ดูทีล่ะข้อความ ความรู้สึกแปลกๆก็เข้าปกคลุมซอลจีฮู เขารู้สึกตกตะลึงที่เขาสงบแบบนี้ ทั้งๆที่เขาได้เฝ้ารอให้ครอบครัวติดต่อมาหาตั้งนานแล้ว

มันไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้สึกเสียใจหรือยินดี แต่ว่าเขาไม่ได้ตัวสั่นจากความกังวลและความกลัวอีกแล้ว เขากระทั่งไม่รู้สึกตื่นเต้นหรือคาดหวังอะไรอีกด้วย

เขาก็แค่รู้สึก… สงบ

หากว่าให้เขาพูดออกมาเป็นคำพูด มันก็คงเป็นอย่างว่า ‘ในที่สุดก็มาถึงตรงนี้หรอ?’

เขาได้ก้าวหน้ามามากเมื่อเทียบกับในอดีตตอนที่เขากลัวที่จะตรวจโทรศัพท์ และโยนมันเอาไว้ตรงมุมห้อง

‘การแก้ไขเรื่องของอดีตก็สำคัญเหมือนกันสินะ’

พอเขาคิดแบบนี้ ซอลจีฮูก็ได้มองดูข้อความอยู่นานก่อนที่จะกดปุ่มโฮมอีกครั้ง

จากนั้นเขาก็หารายชื่อติดต่อ และกดโทรออกไป สายได้ถูกรับในทันที

-ฮัลโล?

ซอลจีฮูได้กระแอ่มออกมา จากนั้นก็พูดขึ้น

“ครับ แม่ นี่ผมเอง”

***

ตึง ตึง ตึง!

ประตูได้สั่นอย่างรุนแรง ซอลจีฮูที่กำลังจินจาจังมย็อนอยู่ได้ตะโกนขึ้น “ไม่ได้ล็อค?” และหญิงสาวผมหางม้าที่แบกกล่องเล็กๆสองใบก็ได้บุกเข้ามาในห้อง

เธอได้เตะรองเท้าส้นสูงออกมา จากนั้นก็พุ่งมาข้างหน้า และโยนกล่องใส่ซอลจีฮู

“ยินดี-“

“อะไร?”

ผัวะ คราวนี้เขาได้ถูกกล่องกระแทก

“แม่?”

เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมา เขาก็เห็นคิมฮันนาห์กำลังมองลงมาที่เขาอย่างเย็นชา

“นายอยากจะตายงั้นหรอ? นายกล้าเรียกสาวบริสุทธิ์ที่ยังไม่ได้แต่งงานแบบนี้งั้นหรอ?”

จู่ๆซอลจีฮูที่กำลังลูบหัวก็ได้กลิ่นหอมขึ้นมา กลิ่นหอมมันโชยออกมาจากกล่องที่มันเยิ้ม มันก็คงจะเป็นไก่ทอด

“ว้าว เธอซื้อมาให้ฉันหรอ?”

ซอลจีฮูได้คว้ากล่องเล็กๆอีกกล่องมา โดยไม่สนใจกล่องที่ถูกเขียนว่า ‘โจ๊ก’ เลยสักนิด

คิมฮันนาห์ได้พูดขึ้นอย่างไม่พอใจ

“…ทำไมถึงไม่กินโจ๊กก่อนล่ะ?”

“ก็ไม่อยากกินนี่”

หลังจากโชว์ถ้วยจาจังมย็อนให้เธอดูแล้ว เขาก็ส่ายหัวออกมา และเปิดกล่องไก่ทอด

“ฉันไม่ได้กินอะไรเลยนอกจากโจ๊กทั้งวัน ตอนนี้ฉันเบื่อจะตายอยู่แล้ว”

“อย่างน้อยนายก็ช่วยคิดถึงคนที่ซื้อมันมาให้ แล้วลองเปิดดูหน่อยไม่ได้หรอ?”

“ไม่ล่ะ แค่เห็นมันฉันก็อยากจะโยนทิ้งไปอยู่แล้ว”

“…ให้ตายสิ ถ้างั้นฉันก็ไม่น่าซื้อมันมาเลย”

คิมฮันนาห์ได้บ่นสั้นๆ ก่อนจะมองไปรอบๆห้อง และเบิกตากว้างขึ้นมา

มีถ้วยเปล่าวางซ้อนเรียงกันสูงเป็นชั้นๆ เหมือนกับตามร้านอาหารจีนที่เห็นได้บ่อยๆ

ถ้วยจาจังมย็อนสองถ้วย จับปงสี่ถ้วย ข้ามผัดสี่ถ้วย แล้วก็หมูหมักซอสอีกหนึ่งถ้วย

คิมฮันนาห์ได้นับดูทีล่ะถ้วยด้วยสีหน้าตกใจ เมื่อเห็นซอลจีฮูยังกัดไก่ถอดอยู่อีก เธอก็ยิ่งตกใจกว่าเดิม

“เฮ้… นายกินทั้งหมดนี่คนเดียวเลย?”

“หืม? โอ้ ก็ใช่สิ”

“บ้าอะไรเนี้ย… ท้องนายรับไหวหรอ?”

“สบายอยู่แล้ว”

ซอลจีฮูได้พูดขึ้นทั้งๆที่กัดไก่ทอดอยู่ และคิมฮันนาห์ก็กลืนน้ำลายออกมา

“อะไรกัน… แต่ว่าเขายังไม่ได้เป็นผู้บริหารแห่งความตะกละเลยนะ… นี่มันแปลกเกินไปแล้ว เทพธิดานั่น เธอทำตราประทับไว้กับนายแล้วหรอ?”

“ตราประทับ?’

ซอลจีฮูที่ไม่รู้ว่าคิมฮันนาห์กำลังพูดเรื่องอะไรก็กัดไก่ของเขาต่อไป

เมื่อเห็นชายหนุ่มทุ่มเทไปกับการกินขนาดนี้ คิมฮันนาห์ก็ถอนหายใจ และนั่งลงข้างๆเขา เธอเป็นกังวลว่าเขาอาจจะมีอาการบาดเจ็บทางใจหลังสงคราม…

แต่ว่าตัดสินจากการกินขาไก่ของเขาแล้ว มันก็คงยากที่จะเชื่อว่าเขาเป็นคนๆเดียวกันที่เพิ่งจะรอดมาจากสงครามที่น่ากลัว

“นายสภาพดีกว่าที่ฉันคิดอีกนะ”

“?”

“ฉันคิดว่านายจะอยู่นิ่งๆเหมือนกับเครื่องหมดพลังซะอีก”

ซอลจีฮูได้หัวเราะออกมาพร้อมกับกินต่อไป สิ่งที่คิมฮันนาห์อธิบายก็เกือบจะเป็นจริง แต่ว่าเขาได้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่คาดไม่ถึงขึ้นมา เพราะแบบนั้นมันจึงทำให้ความอยากอาหารของเขากลับมาเป็นปกติ

“อ่า แล้วเรื่องที่ฉันขอไปล่ะ?”

“ฉันเอามาด้วย แต่ว่า…”

คิมฮันนาห์ได้เหลือบมองไปที่กระเป๋าสะพายของเธอ

“มีอะไรงั้นหรอ?”

“หมายความว่าไง?”

“นายบอกว่านายจะทำมันด้วยตัวเอง จำครั้งก่อนได้ไหม? นายปิดประตูใส่ฉันหลังจากที่ฉันบอกให้นายทำอะไรสักอย่าง”

“ก็ไม่นี่ ฉันบอกว่าฉันจะรับความช่วยเหลือจากเธอต่อไป”

คิมฮันนาห์ได้แต่ยิ้มแห้งๆกับคำพูดของซอลจีฮู พวกเขาไม่ค่อยเหมือนกันอยู่แล้ว จากมุมมองของคิมฮันนาห์ ซอลจีฮูเป็นคนที่เข้าใจได้ยาก

เขาเป็นคนที่เปล่งประกายเจิดจ้าในพาราไดซ์ แต่แล้วจู่ๆก็กลับกลายมาเป็นแปลกๆในตอนที่กลับมาที่โลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องความสัมพันธ์ของครอบครัว เขากลับไม่รู้เรื่องอะไรเลยสักนิด เธอได้เห็นเขาขุดหลุมฝังตัวเองมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว

เพราะแบบนี้เธอถึงได้บอกว่าเธอจะจัดการดูแลเรื่องความสัมพันธ์ของครอบครัวเขาให้ในฐานะของผู้พิทักษ์เอง แต่ว่าจู่ๆซอลจีฮูก็ได้ขอยกเลิกข้อตกลงนี้อย่างกระทันหัน

เขาบอกว่าเขาจะจัดการมันด้วยตัวเอง และเธอก็แค่ต้องให้ข้อมูลที่จำเป็นกับเขา

คิมฮันนาห์ก็ค่อนข้างจะสงสัยในตอนที่เธอได้ยินเขาขอข้อมูลอย่างใจเย็น แต่ว่าในตอนนี้…

‘เขาเปลี่ยนไปอีกแล้ว’

เธอรู้สึกได้ว่าเขาเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อยในตอนที่งานจัดเลี้ยงจบลง แต่ว่าหลังจากสงครามคราวนี้ เขาได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก

หากว่ามีซอลจีฮูสองคน หนึ่งคือคนในพาราไดซ์ และอีกคนคือคนในโลก มันก็เหมือนกับว่าซอลจีฮูในพาราไดซ์ได้เข้ามาซ้อนทับกับซอลจีฮูบนโลกแล้ว

เธอไม่มั่นใจว่านี่เป็นเรื่องดีหรือเรื่องแย่… แต่หากว่าพรสวรรค์ในฐานะนักแก้ปัญหาของเขาถูกเอามาใช้ที่โลกด้วย ถ้างั้นเธอก็รู้สึกได้ว่าเขาจะต้องหาทางออกของความสัมพันธ์ของครอบครัวที่น่าหนักใจนี้ได้แน่