ตอนที่ 134 เธอก็ยังมีฉันไม่ใช่เหรอ (4) / ตอนที่ 135 ฉันกลัวว่านายจะเรียกฉันว่ายัยงี่เง่า (1)

ยัยจอมกวนป่วนหัวใจนายไอดอล

ตอนที่ 134 เธอก็ยังมีฉันไม่ใช่เหรอ (4)

 

 

เมื่อเซิ่งอี่เจ๋อมาถึงฉากนั้น อันซย่าซย่าก็ยังคงควานหาต่างหูอยู่ในน้ำ

 

 

เจ้าหน้าที่ทุกคนต่างก็เหนื่อยล้า กำลังนั่งบ่นพึมพำกันอยู่ที่ริมฝั่งระหว่างพัก

 

 

“ทั้งหมดเป็นความผิดของเด็กนั่น น้ำก็เย็นเหลือเกิน ถ้าเกิดฉันไม่สบายไปล่ะ…”

 

 

“ฉันว่านะ เราอย่าพูดแบบนั้นกับเธอเลย เธอเพิ่งมาใหม่ ยังไม่รู้หรอกว่าอะไรเป็นอะไร อีกอย่าง เธอก็งมหาอยู่ตลอดเวลา น้ำเย็นๆ ทำเอาเธอซีดเซียวไปหมดแล้ว…” คนตีสเลตพยายามออกรับแทนอันซย่าซย่า แต่กลับถูกตอกกลับจากคนอื่นที่เหลือทันที

 

 

“เป็นหน้าใหม่แล้วยังไง เป็นความผิดของเธอก็แล้วกัน!”

 

 

“ให้หนาวตายไปตรงนั้นเลยก็ดี เธอไม่มีปัญหาหาเงินมาจ่ายคืนอยู่แล้วนี่!”

 

 

“เชอะ ยัยเด็กซุ่มซ่าม ไม่รู้ทำไมสตาร์รี่ไนต์ถึงได้พาเธอมาที่นี่ด้วย เพื่อสร้างความอับอายให้พวกเขาเรอะ”

 

 

ทั้งหมดพากันหัวเราะครืน

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อบีบกำปั้นแน่น รังสีอันมืดมัวแผ่ซ่านออกมาจากตัวเขา

 

 

ราวกับรังสีนั้นแผ่ซ่านออกมาจากเขาจริงๆ จนบางคนรู้สึกถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไป เมื่อเงยหน้าขึ้นพวกเขาก็ได้เห็นใบหน้าอันโกรธขึ้งของเซิ่งอี่เจ๋อ

 

 

“จุ๊ๆ …เซิ่งอี่เจ๋อมา…” ทั้งหมดพากันหยุดคุยในทันที

 

 

ชายหนุ่มถลกชายชุดคลุมยาวของเขาขึ้นพลางมองไปที่อันซย่าซย่าผู้ซึ่งยังควานหาของในน้ำอย่างตั้งอกตั้งใจ เธอน่าจะกำลังร้องไห้ เพราะขอบตาแดงเรื่อของเธอทำให้เขานึกถึงกระต่าย อย่างไรก็ตาม เธอเบ้ปากอย่างดื้อดึง ไม่ยอมให้ใครเห็นความอ่อนแอของเธอ

 

 

เมื่อเห็นอันซย่าซย่าแบบนั้น หัวใจก็เขาเจ็บปวดและมันกัดกร่อนใจเขา

 

 

พวกนั้นทำให้คนที่เขาชอบต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้ได้ยังไง

 

 

“อันซย่าซย่า ขึ้นมานี่เลย!” เขาสั่งด้วยเสียงทุ้มต่ำ

 

 

เมื่อได้ยินเสียงเขา อันซย่าซย่าก็เหลียวกลับมามองด้วยความแปลกใจ ดวงตาเธอมีน้ำตารื้นขึ้นมาจนเขามั่นใจว่าเพียงแค่เธอกะพริบตาเท่านั้น มันก็จะร่วงผล็อยลงมาที่แก้ม

 

 

หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็เอ่ยขึ้น “ขอโทษ…”

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อกัดฟันกรอด ยัยโง่! เธอไม่จำเป็นต้องขอโทษเขาเลย!

 

 

“ช่างมัน! ขึ้นมานี่!” เขายื่นมือให้หญิงสาว

 

 

อันซย่าซย่าส่ายหน้าพลางตอบด้วยเสียงสั่นเครือ “แต่ว่าฉันยังไม่เจอ… ฉัน-ฉัน…”

 

 

เธอไม่อยากสร้างปัญหาให้เซิ่งอี่เจ๋อมากไปกว่านี้แล้ว อย่าว่าแต่ปัญหาใหญ่โตอย่างเรื่องนี้เลย

 

 

เขาต้องเกลียดเธอมาก และเคยบอกเธอว่าอย่ามาหาเขา ให้เขาช่วยอีกไม่ว่ายังไงก็ตาม

 

 

เธอจะไปหาเขาได้ยังไง เธอเป็นอะไรกับเขาถึงจะทำอย่างนั้นได้

 

 

เธอหามันไม่พบเลย หลังจากแช่อยู่ในน้ำเย็นเฉียบตั้งนาน แต่สมองเธอก็โล่งขึ้นมากแล้ว

 

 

หญิงสาวกระจ่างแล้วว่าหลีฝานซิงจงใจทำ แต่เธอก็ไม่มีข้อพิสูจน์

 

 

ทุกคนพากันคิดว่าเธอทำ ดังนั้นเธอจึงไม่มีทางเลือกนอกจากยอมรับผิด

 

 

ยิ่งไปกว่านั้น จากจิตใต้สำนึกแล้ว เธอไม่อยากให้เขาต้องมาเห็นเธอในสภาพนี้…

 

 

เมื่อเห็นว่าเธอเสียใจแค่ไหน และยังสั่นเทาอย่างกับหนูตกน้ำแล้ว เซิ่งอี่เจ๋อก็ไม่อาจทนมองได้อีกต่อไป เขาก้าวลงไปในน้ำ คว้าแขนเธอไว้แล้วอุ้มเธอขึ้นมาด้วยแขนทั้งสองข้าง

 

 

ฝูงชนต่างเฝ้าดูทั้งสองคนอย่างตื่นเต้น บ้างก็ถึงกับพยายามถ่ายรูปเอาไว้แต่ก็หยุดชะงักเพราะผู้กำกับมาถึงที่นั่นพอดี

 

 

“พวกคุณมายืนทำอะไรอยู่รอบๆ นี้ล่ะ ยังไงเรื่องมันก็เกิดขึ้นแล้ว พวกเราต้องหาทางแก้ไข การโยนความผิดทั้งหมดให้กับเด็กสาวเพียงคนเดียวมันได้อะไรขึ้นมา” ผู้กำกับตำหนิด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว เนื่องจากเขาเป็นบุคคลที่ทุกคนในกองต่างก็เคารพนับถือ ดังนั้นทั้งหมดจึงพากันเงียบทันที

 

 

“ยัยโง่! หาไม่เจอแล้วยังไง มันไม่คุ้มที่จะร้องไห้หรอก!” เซิ่งอี่เจ๋อดุว่าเธอด้วยน้ำเสียงแผ่วต่ำ

 

 

อันซย่าซย่าจับชุดเขาไว้อย่างอายๆ “แต่พวกเขาบอกว่ามันแพงมาก… ว่าฉันไม่มีปัญญาจ่ายค่าชดเชยต่อให้ต้องขายตัวก็ตาม” แล้วเธอก็เห็นโคลนซึ่งติดอยู่ใต้ซอกเล็บ จึงดึงมือกลับอย่างเกรงๆ เพราะกลัวจะเปื้อนชุดของเขา

 

 

“ไม่มีปัญญาจ่ายแล้วยังไงเล่า เธอยังมีฉันไม่ใช่เหรอ” เส้นเลือดดำที่หน้าผากเขาปูดโปนขณะบ่นว่าเธอ “แล้วนี่ปล่อยมือทำไม คิดว่ามันง่ายนักเหรอที่จะอุ้มเธอน่ะ เกาะแน่นๆ!”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 135 ฉันกลัวว่านายจะเรียกฉันว่ายัยงี่เง่า (1)

 

 

อันซย่าซย่าสะดุ้งไปกับคำพูดของเขาพลางจับเขาไว้แน่นทันที

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อเดินมาหาผู้กำกับและสัญญากับเขาด้วยใบหน้าไม่บ่งบอกความรู้สึก “ขอโทษสำหรับเรื่องวันนี้ด้วยครับ ผมจะจัดการเอง”

 

 

ผู้กำกับพยักหน้าพลางตอบอย่างอ่อนโยน “ไม่ต้องเป็นกังวลจนเกินไปนะ ฉากที่เธอแสดงก็เสร็จเรียบร้อยแล้วสำหรับวันนี้ เธอกลับไปก่อนก็ได้”

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อกล่าวลาและเดินออกไปพร้อมกับอันซย่าซย่าในอ้อมแขน

 

 

ก่อนที่ทั้งคู่จะลับตาไป ผู้กำกับก็มองไปที่เด็กสาวในอ้อมแขนของเขาพลางถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้

 

 

ในเรื่อง “ตำนานเซียนตกสวรรค์” เยี่ยหวนเป็นเด็กที่ถูกเอาใจและเป็นลูกชายซึ่งจอมเทพภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก

 

 

แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงกลางเรื่อง เยี่ยหวนยอมจำนนต่อความรักที่มีต่อหญิงนางหนึ่ง ซึ่งเป็นการชักนำให้เขาต้องสังหารทั้งเทพเซียนและปีศาจ และล้างบางดินแดนนรก ในท้ายที่สุดแล้วเซียนฉางหรงจำต้องปราบและขังเขาไว้ในหอคอยสูงเสียดฟ้าเพื่อแก้ไขทุกสิ่งให้กลับคืน

 

 

นั่นอาจเป็นสิ่งที่ใครๆ พากันพูดว่า “แม้แต่วีรบุรุษยังต้องพ่ายให้แก่สตรี”

 

 

 

 

หลูเคอหาเวลามาเยี่ยมสตาร์รี่ไนต์ที่กองถ่ายและกำลังต่อว่าฉือหยวนเฟิงที่น้ำหนักขึ้นอีกแล้วเมื่อเซิ่งอี่เจ๋อเดินกลับมาพร้อมใบหน้าโกรธจัดและเด็กสาวในอ้อมแขน

 

 

แล้วหน้าเธอก็เปลี่ยนเป็นโกรธจัดยิ่งกว่าเขาเสียอีก

 

 

เมื่อเห็นว่าหลูเคอมาที่นี่ เซิ่งอี่เจ๋อก็เลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นพลางเดินเข้าไปหาเธอ “เจ้เคอ ช่วยหาเสื้อผ้าให้เธอทีสิ”

 

 

การบริภาษของเธอชะงักลงกลางคันขณะที่เซิ่งอี่เจ๋อยังคงรักษาสีหน้าสบายๆ และสงบนิ่งไว้ได้โดยสิ้นเชิง ราวกับว่าเขาไม่รู้เลยว่าเพิ่งโยนระเบิดใส่เธอไว้หยกๆ

 

 

“เซิ่งอี่เจ๋อ ไม่สิ นายน้อยเซิ่งคะ เธอนี่มันจริงๆ เลยนะ!” เมื่อเธอไม่สามารถสะกดกลั้นความโมโหได้อีกต่อไปและกำลังจะอาละวาดอยู่รอมร่อนั้น เสียงจามสามครั้งติดกันของอันซย่าซย่าก็หยุดเธอไว้อีกครั้ง

 

 

เมื่อเห็นดวงหน้าน้อยๆ อันซีดเผือดของอันซย่าซย่าพร้อมกับเสื้อผ้าเปียกโชก หลูเคอก็ไม่สามารถอาละวาดได้ถึงแม้จะอยากทำก็ตาม จากนั้นเธอก็เดินหายไปบนรองเท้าส้นสูงเพื่อหาเสื้อผ้าให้อันซย่าซย่า

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อรู้จักเธอดีเกินไป—เจ้เคอผู้ปากร้ายแต่จิตใจดี เมื่อเห็นสภาพอันน่าสังเวชของอันซย่าซย่าแล้ว เธอจะยังโมโหอยู่ได้อย่างไร

 

 

ระหว่างที่อันซย่าซย่าเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าภายในรถตู้ หลูเคอก็ลากตัวเซิ่งอี่เจ๋อไปยังมุมเงียบๆ มุมหนึ่งและจัดการเทศนาเขาเสียยกใหญ่

 

 

“บอกฉันมาซิว่าเธอเสียสติไปแล้วหรือยังไง อะไรดลจิตดลใจให้เธอคิดว่ามันโอเคที่จะอุ้มเด็กสาวคนหนึ่งเดินไปเดินมาต่อหน้าคนทั้งกองถ่าย เธอรู้บ้างไหมว่ามันหมายความว่าอะไร เธออยากจะเป็นข่าวพาดหัวนักหรือไง เจ้าเด็กบ้า!”

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อยกแขนขึ้นกอดอกพลางตอบด้วยความสงบนิ่ง “ก็นั่นไม่ใช่สิ่งที่เจ้ต้องการหรอกเหรอ ไอดอลคนหนึ่งจะดังได้ยังไงถ้าไม่ขึ้นเป็นข่าวพาดหัว”

 

 

เจ้เคอแทบกระอักเมื่อได้ยินคำพูดนั้น เธอตบหน้าอกตัวเองพลางว่า “สิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบนคงจะเกลียดฉันมากจริงๆ เจ้าเด็กเหลือขอ! เธอจะให้ฉันเส้นเลือดสมองแตกให้ได้ใช่ไหม”

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อหัวเราะหึๆ ตบไหล่เธอเบาๆ ก่อนเดินจากไป

 

 

เขากดโทรศัพท์หาสองหมายเลขเพื่อจัดการทุกสิ่งทุกอย่างก่อนจะกลับไปที่รถตู้

 

 

อันซย่าซย่าเปลี่ยนมาใส่เสื้อผ้าแห้งแล้ว แต่ขนาดมันไม่พอดีสำหรับเธอเท่าไหร่ เมื่ออยู่ในเสื้อสเวตเตอร์ตัวหลวม เธอก็ยิ่งดูตัวเล็กและบอบบางเข้าไปอีก

 

 

เธอกำลังอุ่นฝ่ามือด้วยชานมร้อนๆ ที่ฉือหยวนเฟิงเอามาให้ เมื่อเห็นว่าเซิ่งอี่เจ๋อเข้ามา เธอก็กระถดตัวหลบเข้ามุมหนึ่ง ดูท่าทางหวาดกลัว

 

 

ฉือหยวนเฟิงกำลังจะเข้าไปในรถเหมือนกันเมื่อเหอจยาอวี๋ดึงตัวเขากลับมา

 

 

“อ้า! ผมจะกลับบ้านพร้อมซย่าซย่า! อย่ามาห้ามผม…” เขาฟึดฟัด

 

 

นอกจากรอยยิ้มที่ไร้พิษสงแล้ว เหอจยาอวี๋ยังมีฝ่ามืออันแข็งแกร่งอีกด้วย “มือที่สามไม่เป็นที่ต้อนรับในนั้น”

 

 

ฉือหยวนเฟิง : T_T

 

 

ภายในรถตู้

 

 

ดูเหมือนเนิ่นนานราวกับชั่วนิรันดร์กว่าที่เซิ่งอี่เจ๋อจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาในที่สุด “อันซย่าซย่า ยัยบื้อตัวน้อย เธอจะอยู่ในน้ำอีกนานเท่าไหร่ถ้าหากฉันไม่ไปตาม”

 

 

อันซย่าซย่าสูดจมูกพลางมองเขาหน้าเจื่อนๆ

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อหยิบทิชชูออกมาแล้วเช็ดจมูกให้เธออย่างกระแทกกระทั้น

 

 

“เจ็บนะ…” อันซย่าซย่าบ่นพึมพำ