ตอนที่ 88 มิตรภาพในมหาวิทยาลัย / ตอนที่ 89 คนรักเก่า

[นิยายวาย] เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ

ตอนที่ 88 มิตรภาพในมหาวิทยาลัย

 

 

ฝนหยุดตกอย่างที่เหล่าซานบอกจริงๆ ไม่นานท้องฟ้าก็สว่างสดใส

 

 

หลังจากฝนหยุดตก กลุ่มเมฆก็ค่อยๆ กระจายตัวออก พระอาทิตย์ก็โผล่ออกมาแล้ว

 

 

สีท้องฟ้ามืดครึ้มเมื่อครู่นี้ก็เหมือนเลือนหายไปในชั่วพริบตา

 

 

แสงอาทิตย์เหมือนจะคิดว่าตัวเองมาสายมากแล้ว ดังนั้นจะต้องชดเชยให้ผืนดินผืนนี้ก็เลยกำลังส่องแสงอย่างสุดกำลัง

 

 

ในบริเวณมหาวิทยาลัยที่พึ่งจะถูกสายฝนโปรยปรายจนเปียกชื้นไปเมื่อช่วงเช้าก็แห้งเหือดไปในไม่ช้า

 

 

ความเร็วระดับนี้มันทำให้ชุยหังถึงกับต้องอุทานอย่างตื่นตะลึงไปเลยทีเดียว

 

 

ดูเหมือนว่าการฝึกในช่วงบ่ายนี้คงจะหนีไม่พ้นแล้วจริงๆ สินะ

 

 

“เป็นครั้งแรกที่ฉันเกลียดดวงอาทิตย์ขนาดนี้” ชุยหังพูดขึ้น

 

 

วังเฉียงหัวเราะพลางพูดขึ้นว่า : “ไม่เป็นไร พระอาทิตย์ก็คงไม่ชอบนายเหมือนกัน”

 

 

ชุยหังหัวเราะแล้วพูดตอบ: “นั่นมันก็ไม่แน่นะ ฉันเดินไปทางไหนก็มีแต่แสงแดดตลอด”

 

 

“นั่นเพราะอยากจะเผานายให้ตายไงล่ะ” หาโอกาสได้ยากที่ด้านวังเจิ้นเฉียงจะพูดล้อเล่นขึ้นมาด้วย

 

 

ชุยหังหันไปมองแล้วพูดกับเขาว่า: “พี่รอง นี่นายก็อยู่แนวรบเดียวกันกับพวกเขาหรอ”

 

 

วังเจิ้นเฉียงพูดตอบ: “สำคัญที่ปากของนายนี่แหละที่มันร้ายกาจเกินไป ฉันเกรงว่าพวกเขาจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาย”

 

 

“จะเป็นไปได้ยังไง พวกเขาแต่ละคนต่างหากที่ปากคอเราะร้าย นายดู ดูท่าทีแยกเขี้ยวยิงฟันของพี่ใหญ่กับเหล่าซื่อนั่นสิ ถ้าพวกเขาสองคนใส่ชุดกี่เพ้าคงจะไปยืนขายเมล็ดทานตะวันหน้าประตูไป่ตงเหมินได้เลยมั้ง” ชุยหังว่า

 

 

“ฮ่าๆๆ …” วังเฉียงหัวเราะออกมาอย่างกลั้นเอาไว้ไม่ไหวจริงๆ

 

 

ด้านถังเฉิงที่ถูกชุยหังว่าจนหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกก็พูดขึ้นว่า: “เหลาอู่ฉันอยากหยิกนายให้ตายจริงๆ”

 

 

“อืม ฉันรู้ว่าฉันมีนิสัยประเภทหนึ่งที่นายรับไม่ได้แต่ทำอะไรฉันไม่ได้” ชุยหังว่า

 

 

วังเฉียงถูกคำล้อเล่นของชุยหังเล่นเอาทนไม่ไหว ได้แต่นอนหัวเราะท้องคัดท้องแข็งอยู่เตียงชั้นบน ขนาดวังเจิ้นเฉียงกับจังเผิงยังต้องหัวเราะตามอยู่อีกด้าน

 

 

จ้าวหลินพูดขึ้น: “เหล่าซื่อ ชายชาตรีตกลงด้วยกำลังไม่ใช่คำพูด อย่าไปทน”

 

 

ถังเฉิงเอาโทรศัพท์ของตัวเองโยนไปไว้อีกทางแล้วพูดขึ้น: “เหลาอู่ วันนี้ฉันจะสู้กับนายให้รู้แพ้รู้ชนะกันไปเลย”

 

 

จ้าวหลินก็รีบเข้ามาจับตัวชุยหังไว้ไม่ให้เขาขยับ

 

 

ชุยหังร้องว่า: “พี่ใหญ่ นายกำลังทำลายความสามัคคีภายในห้องพักนะ นายเป็นถึงหัวหน้าห้องพักเลยนะ ทำไมถึงนำทีมให้เกิดความขัดแย้งสู้กันในทีมแบบนี้”

 

 

“นี่ฉันแค่ขจัดความทุกข์ร้อนเพื่อประชาชน เพราะไม่อย่างนั้นปากนี้ของนายมันคงจะร้ายสุดเกินไปหน่อยจริงๆ” จ้าวหลินว่า

 

 

ชุยหังว่าตอบ: “ไม่ได้ ฉันไม่ยอม พี่ใหญ่นายทำแบบนี้มันใช้อำนาจส่วนรวมแก้แค้นเรื่องส่วนตัวชัดๆ เลย”

 

 

“ไม่เป็นไรหรอก ฉันกับเหล่าซื่อสองคนคงทำอะไรนายไม่ได้หรอกน่า”

 

 

แต่ทว่า แรงของชุยหังก็มากอยู่พอสมควรถึงกับสามารถดิ้นรนจนหลุดออกมาจากการกักตัวของจ้าวหลินได้ ก่อนจะหันไปพูดกับเหล่าซื่อที่กำลังพุ่งเข้ามาว่า: “พี่สี่ครับ ผมผิดไปแล้ว…”

 

 

ถังเฉิงหัวเราะแล้วพูดขึ้นว่า: “เจ้าเด็กน้อย แค่นี้ก็ยอมแพ้แล้ว?”

 

 

ชุยหังพูดตอบ: “ไม่มีทางเลือกนี่นา ตอนที่คนเราอยู่ในสถานการณ์ที่ตกต่ำกว่าจะไม่ก้มหัวก็ไม่ได้”

 

 

จ้าวหลินก็ยืนพูดอยู่ข้างหลังว่า: “เชรด เหลาอู่ นายนี่แรงเยอะจริงๆ นะ”

 

 

ชุยหังพูดตอบ: “ฉันไม่ได้แรงเยอะอะไรสักหน่อย เพียงแค่พี่ใหญ่ออมแรงให้ต่างหาก”

 

 

จ้าวหลินก็หัวเราะออกมาแล้วพูดว่า: “เหลาอู่ นายนี่มันอวดฉลาดเก่งจริงๆ เลยนะ”

 

 

“พอได้น่ะ ในช่วงเวลาคับขันยังไงก็ต้องยอมก้มหัวให้พวกชั่วร้ายก่อน”

 

 

วังเฉียงที่ฟังอยู่หัวเราะขึ้นมาอีกพลางพูดว่า: “พี่ใหญ่ เหล่าซื่อ ถ้าพวกนายยังไม่จัดการกับเหลาอู่ ผมจะทนดูต่อไปไม่ได้แล้วนะ”

 

 

ชุยหังหันมาว่าเขา: “เหล่าลิ่ว นี่นายคิดจะก่อกบฏใช่ไหม”

 

 

“เปล่านะ ผมเองก็ช่วยขจัดความทุกข์ร้อนเพื่อประชาชนเหมือนกัน” วังเฉียงพูด

 

 

ชุยหังว่าต่อ: “หรือว่าฉันให้นายขึ้นมาเป็นเหลาอู่ดีไหม เดี๋ยวฉันเป็นเหล่าลิ่ว?”

 

 

“ไม่เอา พี่อายุตั้งปูนนั้นแล้ว ผมไม่เปลี่ยนด้วยหรอกนะ…” วังเฉียงให้เหตุผลที่ชุยหังไม่มีทางปฏิเสธได้

 

 

ฟังจบประโยคก็ไม่ใช่แค่ชุยหังคนเดียวแต่พี่ชายอีกทั้งสี่คนต่างก็แข็งเป็นหินกันไปหมด

 

 

มีคนเคาะประตูอีกแล้ว ช่วยชีวิตชุยหังเอาไว้อีกครั้งพอดี

 

 

เดิมชุยหังคิดอยากจะเอ่ยขอบคุณสักหน่อย แต่ปรากฏว่าคนที่เข้ามากลับทำเอาเขาต้องตกตะลึงไป คนๆ นั้นคือชย่าอวี่ชิว แถมในมือยังถือถุงของกินยืนอยู่หน้าประตูห้อง

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 89 คนรักเก่า

 

 

“ทำไมนายมาอยู่ที่นี่ล่ะ” ชุยหังร้องถาม

 

 

ชย่าอวี่ชิวพูดตอบ: “เมื่อกี้พึ่งออกมา แล้วก็ผ่านมาพอดีก็เลยแวะเอาของกินมาให้นายด้วย ทำไม ไม่ต้อนรับหรอ”

 

 

“ต้อนรับสิ จะไม่ต้อนรับได้ยังไงล่ะ” ชุยหังว่า

 

 

พูดจบชุยหังก็เดินหลบเข้ามุมข้างๆ อย่างกล้าๆ กลัวๆ เพื่อหลบให้ชย่าอวี่ชิวเดินเข้ามา

 

 

ด้านชย่าอวี่ชิวก็ดูเหมือนจะไม่มีเหตุผลที่จะรู้สึกตื่นเต้นเพียงเพราะว่าในห้องพักมีคนอยู่ไม่น้อย แถมเขากลับเดินเข้ามาพลางเอ่ยทักทายทุกคนในห้องอย่างเป็นมิตรอีกด้วย

 

 

“สวัสดีทุกคน สวัสดี”

 

 

“สวัสดี นายเป็นเพื่อนบ้านเดียวกันของเหลาอู่ใช่ไหม” วังเฉียงเอ่ยถาม

 

 

ชย่าอวี่ชิวพูดตอบ: “ไม่ใช่แค่คนบ้านเดียวกันนะ ยังเป็นคนรักเก่าด้วย ปกติแล้วพวกนายดูแลเขามากเลยสินะ”

 

 

ตอนนั้นชุยหังรู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองจู่ๆ ก็ร้อนผ่าวขึ้นมา ประโยคนี้มันทำให้คนอื่นเข้าใจผิดเอาได้ง่ายๆ เลยนะ

 

 

แต่ทว่า ดูเหมือนคนอื่นๆ จะไม่มีใครเก็บมันเอาไปคิดเป็นจริงเป็นจัง เพียงแต่คิดว่าชย่าอวี่ชิวคงจะกำลังล้อเล่นอยู่ ถังเฉิงพูดขึ้น: “พวกเราดูแลเขานะ แต่เขากลับเอาแต่รังแกพวกเราเนี่ยสิ”

 

 

“ไม่หรอกมั้ง ทำไมเขาไม่รังแกฉันเลยล่ะ” ชย่าอวี่ชิวเอ่ยถาม

 

 

“อาจเพราะรังแกนายไม่ได้มั้ง นายตัวใหญ่ขนาดนั้น เขาจะกล้ารังแกนายสุ่มสี่สุ่มห้าหรอ” ถังเฉิงว่า

 

 

ชย่าอวี่ชิวตอบ: “ฉันก็บอกได้แค่ว่าฉันทนให้รังแกได้นะ หัวใจสำคัญคือฉันอยากให้เขารังแกนะ แต่เขาไม่รังแกฉันจริงๆ”

 

 

ในใจของชุยหังสับสนยุ่งเหยิงไปหมด ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะพูดยังไงดี

 

 

ก็เพราะคำพูดมากมายมันจุกรวมกันอยู่ตรงนั้น พูดอะไรไม่ออกเลย

 

 

เมื่อเห็นชุยหังที่ปกติจะพูดเก่งแต่ตอนนี้กลับพูดอะไรไม่ออก จ้าวหลินจึงพูดขึ้นว่า: “เหลาอู่ นายคงไม่ได้แกล้งทำเป็นคนซื่อต่อหน้าเพื่อนคนนี้ใช่หรือเปล่า”

 

 

“เปล่านะ ไม่มีจริงๆ” ชุยหังพูดขึ้น “ปกติฉันก็เป็นคนซื่อนะ ไม่เคยรังแกคนอื่นมาก่อนเลยด้วย”

 

 

ทุกคนต่างแสดงสีหน้าแบบไม่อยากเชื่อออกมากันหมด วังเฉียงหัวเราะพลางพูดขึ้นว่า : “เจ้าคนขี้โกหก”

 

 

ชุยหังรีบพูดขึ้น: “ฉันไม่ใช่คนขี้โกหกนะ ฉันเป็นเด็กสะอาดบริสุทธิ์นะ”

 

 

“อย่างนายนี่นับด้วยหรอ ฉันมองไม่ออกเลยนะเนี่ย” ถังเฉิงพูดขึ้นอย่างทนไม่ไหว

 

 

ชย่าอวี่ชิวดึงตัวชุยหังเข้ามาโอบไว้แล้วพูดว่า: “ฉันเชื่อนะ ชุยหังเป็นคนซื่อมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว”

 

 

“นายไม่ต้องหลอกตัวเองแล้วล่ะ ที่จริงนายเองก็แค่ไม่อยากเชื่อใช่ไหมล่ะ” จ้าวหลินพูดเยาะเย้ย

 

 

แต่ว่าเมื่อเผชิญหน้ากับความผ่อนคลายแบบนี้ของพวกเขา ชุยหังกลับยิ่งรู้สึกตึงเครียดมากขึ้นไปอีก

 

 

ถ้าเป็นเมื่อก่อนตอนที่ชย่าอวี่ชิวยังไม่ได้บอกเรื่องพวกนั้นกับเขา บางทีตัวเขาก็อาจจะไม่คิดอะไรก็ได้

 

 

แต่ว่าตอนนี้เขาพูดมันออกมาแล้ว ทุกๆ การกระทำของเขา ชุยหังไม่มีวิธีที่จะทำให้ตัวเองไม่คิดมากได้เลย

 

 

“อากาศดีขนาดนี้ พวกนายไม่คิดจะออกไปเดินเล่นสักหน่อยหรอ” ชย่าอวี่ชิวกล่าว

 

 

“หลายวันมานี้โดนแดดเผาผิวเสียไปชั้นนึงแล้วเนี่ย อยู่นอนตากพัดลมที่ห้องก็ดีเหมือนกัน” วังเจิ้นเฉียงกล่าว

 

 

ชย่าอวี่ชิวถามขึ้น: “พวกนายไม่มีใครชอบเล่นบาสฯ สักคนเลยหรอ พวกเราไปหาที่เล่นสักหน่อยเหอะ”

 

 

“แดดแรงขนาดนี้นายจะออกไปเล่นบาสฯ? นายไม่พอใจที่พวกเราตายช้าเกินไปใช่ไหม” ถังเฉิงพูดพร้อมกับทำหน้าเหลือเชื่อ

 

 

แต่ชย่าอวี่ชิวกลับพูดว่า: “อากาศแบบนี้สิถึงเป็นการออกกำลังกายน่ะ เวลาเหงื่อออกเยอะๆ แล้วกลับมาอาบน้ำเย็นๆ ก็สบายออกไม่ใช่หรือไง”

 

 

ขณะที่เขากำลังพูดอยู่นั้นก็ยังไม่ปล่อยตัวชุยหังเลย

 

 

ชุยหังถูกเขารัดคออยู่แบบนี้ก็รู้สึกไม่ค่อยสบายตัว แต่ก็พูดอะไรไม่ได้อยู่ดี

 

 

“ชุยหัง นายไปไม่ไป?” จู่ๆ ชย่าอวี่ชิวก็หันมาถามชุยหังแบบกะทันหัน

 

 

“ฉัน? ไม่เอาล่ะ ตอนบ่ายยังต้องไปฝึกทหารอีกอะ” ชุยหังว่า

 

 

ชย่าอวี่ชิวพูดต่อ: “ก็จริงนะ ทำนายเหนื่อยแย่เดี๋ยวฉันต้องคอยมาดูนายทุกวันอีก ไม่คุ้มค่าเท่าไหร่ เอาล่ะ พวกนายค่อยๆ คุยกันไปนะฉันต้องกลับก่อนละ”

 

 

“จะกลับไปแล้วหรอ” ชุยหังถามขึ้นพอเป็นพิธีรีตอง

 

 

ปรากฏว่าชย่าอวี่ชิวกลับพูดว่า: “ไม่อย่างนั้น ฉันไม่กลับไปนะ?”

 

 

ชุยหังเหงื่อตก ในที่สุดก็มีคำถามที่เขาตอบกลับไปไม่ได้แล้ว

 

 

“ล้อนายเล่นน่ะ อีกเดี๋ยวพวกเราจะออกไปกินข้าวแล้ว พวกเราก็ต้องฝึกทหารเหมือนกัน นั่นน่ะเป็นคะแนนเรียนเลยนะ”