ตอนที่ 705

Elixir Supplier

705 ใช้ของหลวงในกิจส่วนตัว

 

เจ้าหน้าที่คิด คนในหมู่บ้านนี้อวดดีกันจริงๆ!

 

เมื่อคนคนหนึ่งสำคัญตนว่าอยู่เหนือกว่าผู้อื่น และพยายามเหยียบย้ำคนอื่นให้อยู่ใต้ฝ่าเท้าตนเอง แต่ในขณะเดียวกัน ตัวเขาเองก็อาจจะเป็นแบบเดียวกับคนที่เขายัดเยียดความต่ำต้อยให้

 

“ฮึ่ม!” เจ้าหน้าที่จากไปด้วยท่าทีไม่พอใจ

 

การโมโหส่งผลเสียต่อตับ การดื่มแอลกอฮอลมากเกินไปจะส่งผลเสียต่อกระเพาะ การสูบบุหรี่จะทำให้ปอดได้รับความเสียหาย

 

หวังเย้าสามารถบอกได้เลยว่า จากการมองและดมกลิ่นของเจ้าหน้าที่เหล่านี้แล้ว ไม่มีใครในหมู่พวกเขาที่มีสุขภาพดีเลย

 

พวกเขาดื่มทั้งวันทั้งคืน โดยที่ไม่รู้เลยว่า ในเวลาไม่ช้าเรื่องร้ายจะเกิดกับตัวของพวกเขา

 

“บาย” หวังเย้าพูด

 

เจ้าหน้าที่ขับรถออกไปจากหมู่บ้าน หวังเจียนหลี่ก็กลับไปนั่งสูบบุหรี่อยู่ที่ที่ทำการหมู่บ้าน

 

“ชาวบ้านพวกนั้นอวดดีจริงๆ” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งบ่น

 

“เราน่าจะลดเงินค่าชดเชยพวกนั้นลงนะ โดยเฉพาะไอ้หนุ่มหน้าอ่อนนั่น” เจ้าหน้าที่อีกคนเสนอ

 

ในเป็นวันที่ร้อนมากวันหนึ่ง อากาศแบบนี้จึงมีคนไข้มารักษาที่คลินิกของหวังเย้าไม่มาก เขามีคนไข้สองคนในตอนเช้าและไม่มีใครมาในตอนบ่ายเลย ดังนั้น เขาจึงใช้เวลาไปกับการทำความสะอาดคลินิก

 

ภายในคลินิกอากาศค่อนข้างดีและเย็นกว่าด้านนอก อุณหภูมิด้านในอยู่ที่ประมาณ 24 องศา หวังเย้าที่นั่งอยู่ภายในสวนรู้สึกได้ถึงความเย็นสบาย

 

เขามีแขกมาพบในตอนใกล้ค่ำ เขาก็คือ หวังเฟิงหมิง

 

“สวัสดีครับ ลุงเฟิงหมิง มีอะไรให้ผมช่วยเหรอครับ?” หวังเย้าเชิญเขาเข้าไปด้านในคลินิกและชงชาให้กับเขา

 

“ลุงมีเรื่องให้ช่วยหน่อยน่ะ” หวังเฟิงหมิงพูด

 

“มีเรื่องอะไรเหรอครับ?” หวังเย้าถาม

 

“คือ ลุงเอาเมล็ดพันธุ์ที่เธอให้มาลงปลูกแล้ว” หวังเฟิงหมิงพูด “แต่อากาศมันร้อนขนาดนี้ ลุงควรจะทำยังไงดีล่ะ?”

 

“เรื่องนี้เองเหรอครับ?” หวังเย้าหัวเราะ “ลุงไม่จำเป็นต้องทำอะไรเป็นพิเศษหรอกครับ ลุงได้ปลูกเมล็ดของมันเอาไว้ที่ใต้ร่มไม้ ผมไปดูมาแล้ว มันไม่น่าจะมีปัญหาอะไรหรอกครับ”

 

เมล็ดพันธุ์ค่อนข้างอ่อนไหวกับแสงแดดที่รุนแรง

 

“ถ้าอย่างนั้นก็ดี” หวังเฟิงหมิงพูด เขาไม่ได้คาดหวังกับรายได้ที่จะได้จากการปลูกสมุนไพร แต่เขาแค่ไม่อยากจะให้เมล็ดที่เขาได้ปลูกไปแล้วต้องเสียเปล่า

 

“มีเรื่องอื่นอยากจะถามอีกไหมครับ?” หวังเย้าถาม

 

“ไม่มีแล้วล่ะ” หวังเฟิงหมิงพูด

 

เขาไม่ใช่คนพูดมากอยู่แล้ว หลังจากที่ดื่มชาหมด เขาก็ออกมาจากคลินิก

 

ในตอนที่หวังเย้าออกมาจากคลินิก ด้านนอกยังคงพอมีแสงสว่างอยู่ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเวลาหกโมงครึ่งแล้วก็ตาม

 

จำนวนคนที่ย้ายออกจากหมู่บ้านมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พอหลังผ่านเวลาอาหารเย็นไป อากาศด้านนอกก็เริ่มเย็นลง ชาวบ้านจึงออกมาจากบ้านเพื่อพูดคุยกับเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้กัน

 

หวังเย้ามองไปที่พวกเขาเหล่านั้น และพบว่า คนที่อายุน้อยที่สุดในนั้นคือ 40 กว่า และส่วนใหญ่มีอายุอยู่ที่ประมาณ 50-60 ปี

 

หมู่บ้านว่างเปล่าและประชากรผู้สูงอายุคือสองปัญหาในสังคมปัจจุบัน และในแถบชนบทก็มีอยู่เป็นจำนวนมาก

 

หลังจากที่ทานอาหารเสร็จ หวังเย้าก็เดินอยู่ในหมู่บ้าน เขาได้พบเจอเข้ากับผู้สูงอายุและเด็กๆที่อายุราวๆ 5-6 ขวบ แต่กลับไม่มีคนหนุ่มรุ่นเดียวกับเขาให้เห็นเลย

 

“คนหนุ่มสาวในหมู่บ้านย้ายไปกันหมดแล้วสินะ” คนแก่คนหนึ่งในหมู่บ้านพูด

 

“ใช่ นั่นลูกชายของหวังเฟิงฮวานี่” ชาวบ้านอีกคนพูด

 

“เขาเป็นคนหนุ่มคนเดียวที่ยังเหลืออยู่ในหมู่บ้านของเราสินะ” คนแก่พูด

 

หวังเย้าบังเอิญได้ยินบทสนทนาของพวกเขาเข้า

 

ฉันเป็นคนหนุ่มคนเดียวที่เหลืออยู่อย่างนั้นเหรอ?

 

เขาเดินขึ้นไปบนเนินเขาหนานชาน สมุนไพรในแปลงบางอย่างก็พร้อมสำหรับการเก็บเกี่ยวแล้ว เขาเก็บต้นที่โตพอแล้ว เพื่อจะนำไปเข้ากระบวนการการถนอมในวันถัดไป

 

ในขณะเดียวกัน ภายในเมืองหลวงของจังหวัด ชายวัยกลางคนท่าทางเคร่งเครียดกำลังคุยอยู่กับผู้ช่วยของเขา “ไปสืบมารึยัง?”

 

“ครับ” ผู้ช่วยของเขาพูด

 

“ดี คุณไปได้แล้ว” ชายวัยกลางคนพูด

 

ผู้ช่วยของเขาเดินออกไปจากห้องอย่างเงียบเชียบ ก่อนที่จะปิดประตูตามหลัง

 

เคร้ง! ชายวัยกลางคนกระแทกแก้วลงไปบนโต๊ะและถอนหายใจออกมา

 

พระอาทิตย์ลอยสูงแต่เช้า ในเป็นวันที่อากาศร้อนอีกวันหนึ่ง

 

“ผมล่ะเกลียนหน้าร้อนจริงๆ” ฟ่าวโยวเหรินพูดพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองพระอาทิตย์ที่อยู่บนท้องฟ้า

 

“ฤดูใบไม้ผลิ, ฤดูร้อน, ฤดูใบไม้ร่วง, และฤดูหนาวล้วนแล้วแต่ต่างกันไป” เวินหว่านที่นั่งอยู่ใต้ร่มเงาพูดขึ้นมา

 

ในช่วงเวลานี้ของปี ที่บ้านเกิดของพวกเขาจะมีอากาศที่ร้อนมาก และร้อนยิ่งกว่าในหมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้ด้วย

 

“ที่นี่เป็นที่ที่ดีทีเดียวนะ” เวินหว่านพูด

 

ที่ที่ดีคือแบบไหน? ก็คือที่ที่คนไม่อยากจะจากไป

 

“แม่ชอบที่นี่ แต่ผมไม่ชอบ” ฟ่านโยวเหรินพูด

 

มีคนหนุ่มสาวไม่มากที่จะชื่นชอบสถานที่แบบหมู่บ้านแห่งนี้ เพราะมันน่าเบื่อหน่ายเกินไป

 

“วันนี้ หมอหวังอยู่คลินิกรึเปล่าจ๊ะ?” เวินหว่านถาม

 

“ไม่อยู่ครับ เขาโพสในเวยป๋อว่า วันนี้จะปิดคลินิก” ฟ่านโยวเหรินพูด

 

“พรุ่งนี้ แม่อยากจะไปหาหมอหวังสักหน่อย แม่ว่าร่างกายของแม่ดีขึ้นมากแล้ว คงได้เวลาที่แม่จะได้ออกไปข้างนอกบ้างแล้ว” เวินหว่านพูด

 

“แล้วแม่คิดจะไปที่ไหนเหรอครับ?” ฟ่านโยวเหรินถาม

 

“ที่ไหนก็ได้ แม่รู้ ว่าลูกเบื่อที่จะอยู่ที่นี่แล้ว” เวินหว่านพูดด้วยรอยยิ้ม

 

“ผมไม่ได้คิดมากอะไรหรอกครับ แม่อย่าสนใจคำพูดของผมมากนักเลย” ฟ่านโยวเหรินตอบ

 

“เราไปทะเลกันดีไหมจ๊ะ?” เวินหว่านถาม “แม่อยากเห็นทะเล”

 

“ได้สิครับ” ฟ่านโยวเหรินพูด

 

ในขณะเดียวกัน หวังเย้านั้นกำลังเก็บเกี่ยวสมุนไพรที่โตเต็มที่แล้ว เขาเก็บส่วนรากและลำต้นของต้นสมุนไพรหลงตาน; เก็บใบของต้นสมุนไพรป้านเซี่ย; แล้วเก็บใบ, ลำต้น, และรากจากสมุนไพรต้นอื่นๆ

 

เขาเก็บสมุนไพร,เอาดินที่ติดอยู่กับต้นสมุนไพรออก, ล้างสมุนไพรแต่ละต้น, แล้วจึงเอาไปตากแดดให้แห้ง

 

สมุนไพรส่วนใหญ่จำเป็นต้องผ่านกระบวนการบางอย่างก่อนที่จะสามารถนำไปทำเป็นยารักษาโรคได้ สมุนไพรส่วนใหญ่สามารถเอาไปตากแห้งและใช้ได้เลย บางส่วนต้องนำไปพัดให้แห้งก่อน และมีอีกส่วนน้อยที่สามารถนำมาใช้ได้เลยโดยไม่ต้องผ่านกระบวนการใดๆ

 

หวังเย้าตัดสินใจเก็บสมุนไพรทั้งหมดเอาไว้กับตัวเอง ในแต่ละวัน มีคนไข้มากมายมารักษากับเขาที่คลินิก ดังนั้น เขาจึงต้องการสมุนไพรเป็นจำนวนมาก เขายังได้เก็บบางส่วนเอาไว้สำหรับบริษัทยาของเขาเองด้วย สินค้าชุดแรกจะต้องได้รับการการันตีคุณภาพจากเขาก่อนที่จะถูกนำออกไปวางขาย

 

เขาทำงานอยู่ภายในแปลงสมุนไพรไปตลอดทั้งเช้า

 

อากาศบนเนินเขาหนานชานเย็นสบาย และเป็นแบบนี้ตลอดทั้งปี

 

มันต่างจากเมืองจี้ ซึ่งเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในเรื่องของการเป็นหนึ่งในเมืองที่ร้อนที่สุดของประเทศ ตอนนี้อุณหภูมิได้สูงถึง 30 องศาแล้ว และตอนเที่ยงก็เป็นช่วงเวลาที่ร้อนที่สุดของวันอีกด้วย

 

ในฐานะของผู้นำของเมือง ที่มีการพัฒนาทางด้านเศรษฐ์กิจและการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรอย่างรวดเร็วนั้น กั๋วเจิ้งเหอจึงมีงานให้ทำจนล้นมือ แต่เขากลับยกเลิกการประชุมทั้งหมดและเอาเวลาเหล่านั้นไปพบกับบุคคลพิเศษในตอนบ่าย

 

“คุณพ่อ ทำไมถึงได้เร่งให้ผมมาเจอด้วยล่ะครับ?” กั๋วเจิ้งเหอถาม

 

เขาเดินทางจากทางใต้ของซินเจียงมาที่เมืองจี้ก็เพราะพ่อของเขาเรียกตัวเขามา

 

บนใบหน้าของพ่อเขาเผยให้เห็นรอยยิ้มที่แสนอบอุ่น “นั่งก่อนสิ งานของลูกที่ซินเจียงเป็นยังไงบ้าง?”

 

“ก็ไม่เลวเลยครับ ผมเพิ่งจะเซ็นสัญญากับบริษัทหนึ่งที่จะเข้ามาลงทุนในซินเจียงไป คุณพ่อก็รู้ว่า เมืองที่ผมดูแลอยู่ห่างไกลแค่ไหน การเดินทางก็ไม่ค่อยสะดวก และการพัฒนาแต่ละด้านก็ช้ากว่าที่อื่นไปมาก ที่นั่นยากจนมากเลยล่ะครับ” กั๋วเจิ้งเหอชงชาให้กับตัวเองและพ่อของเขา

 

“เป็นโครงการเกี่ยวกับอะไรเหรอ?” กั๋วจ้าวจวินถาม

 

“เป็นบริษัทผลิตชิ้นส่วนแบตเตอร์รี่ครับ” กั๋วเจิ้งเหอพูด

 

“ทำแบตเตอร์รี่เหรอ?” กั๋วจ้าวจวินถาม

 

“มันจะเป็นการสร้างมลพิษนะ” กั๋วจ้าวจวินพูด

 

“ผมรู้ครับ ผมได้ขอให้ทางบริษัทเตรียมอุปกรณ์ที่ใช้จัดการเรื่องบำบัดน้ำเสียเอาไว้แล้ว” กั๋วเจิ้งเหอพูด

 

“ดี หลายปีมานี้ เราทำลายธรรมชาติเพื่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจไปมากแล้ว” กั๋วจ้าวจวินพูด “ตอนนี้ เราเลยต้องมาแก้ไขสิ่งที่ทำลงไปก่อนหน้านี้ เราต้องฟื้นคืนธรรมชาติให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม ทางรัฐบาลกลางสั่งการมาโดยตรงว่า เราจะต้องมั่นใจว่า สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติของประเทศจะต้องไม่มีการเสื่อมโทรมลงไปกว่านี้ แล้วก็ต้องใส่ใจความปลอดภัยในสถานที่ทำงานเป็นกรณีพิเศษด้วย พวกเขาจะไม่มีการประนีประนอมใดๆในเรื่องของความเสียหายทางธรรมชาติ ดังนั้น ลูกจะต้องมั่นใจว่า ทุกอย่างที่ทำนั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้อง”

 

“ผมเข้าใจครับ คุณพ่อ” กั๋วเจิ้งเหอพูด

 

“เอาล่ะ ตอนนี้ พ่อมีอีกเรื่องอีกอยากจะพูดกับลูกด้วย” กั๋วจ้าวจวินพูด

 

กั๋วเจิ้งเหอนั่งตัวตรง เขารู้ว่าที่พ่อเรียกเขามาถึงที่นี่ไม่ใช่แค่เพราะเรื่องงานเท่านั้น เขาได้คาดเดาไปต่างๆนาๆว่าพ่อของเขากำลังจะพูดเรื่องอะไรกับเขา

 

“ที่ซินเจียง ลูกได้คบหากับใครบ้างไหม?” กั๋วจ้าวจวินถาม

 

“ไม่มีแน่นอนครับ” กั๋วเจิ้งเหอตอบออกมาด้วยความแปลกใจ

 

มีหญิงสาวในเขตยากจนแห่งนั้นหลายคนที่แสดงความออกชัดเจนว่าสนใจในตัวเขา แต่เขาเชื่อว่า พวกเธอแค่สนใจฐานะของเขาก็เท่านั้น แล้วเขาก็ไม่ได้สนใจผู้หญิงพวกนั้นเลยด้วย และไม่คิดจะไปเสียเวลาคบหาเล่นๆกับพวกเธอด้วย

 

“ลูกยังคิดเรื่องเสี่ยวซวีอยู่เหรอ?” กั๋วจ้าวจวินถาม

 

“เอ่อ ครับ” กั๋วเจิ้งเหอยอมรับ

 

“แม่ของลูกได้ไปคุยกับน้าซงแล้ว แล้วพ่อก็คุยกับพ่อของเสี่ยวซวีแล้วด้วย” กั๋วจ้าวจวินพูด “พวกเขาทั้งสองต่างก็ต้องการที่จะเคารพการตัดสินใจของเสี่ยวซวี พ่อได้ยินว่า เสี่ยวซวีกำลังคบกับใครคนหนึ่งอยู่ แล้วพ่อเดาว่า ลูกก็น่าจะรู้อยู่แล้ว”

 

“ผมรู้ครับ แต่พวกเขาก็ยังไม่ได้แต่งงานกันนี่ครับ” กั๋วเจิ้งเหอพูดด้วยรอยยิ้ม

 

“ลูกจะไปบังคับให้เธอมาแต่งงานกับลูกไม่ได้ ถ้าลูกอยากให้เธอชอบลูก ลูกก็ต้องไม่ทำเรื่องน่าอับอาย พ่ออยากให้ลูกเป็นคนที่ซื่อตรง” กั๋วจ้าวจวินพูด

 

กั๋วเจิ้งเหอก้มหน้าและเงียบไป เขารู้ว่าพ่อของเขาเป็นคนยังไง “ผมขอโทษครับ คุณพ่อ”

 

“พ่อเป็นผู้นำของจังหวัด และก็มีหน้าที่รับผิดชอบชีวิตของคนที่นี่” กั๋วจ้าวจวินพูด “การเปลี่ยนแผนการสร้างทางหลวง ถึงมันจะแค่นิดเดียว มันก็ต้องจ่ายเงินค่าชดเชยให้กับชาวบ้านหลายล้าน แล้วใครล่ะที่เป็นคนจ่ายเงินพวกนี้? เงินทั้งหมดเป็นของหลวง ตอนนี้ลูกกำลังใช้เงินของหลวงไปกับเรื่องส่วนตัว!”

 

เขาผิดหวังในตัวลูกชาย ที่แอบทำเรื่องน่าอับอายลับหลังเขาแบบนี้