ตอนที่ 706

Elixir Supplier

706 ท้องเสีย

 

นี่เป็นเรื่องของศีลธรรม!

 

เมื่อเห็นสีหน้าขึงขังและสายตาที่จับจ้องมาที่เขา กั๋วเจิ้งเหอที่มักจะเฉลียวฉลาดและพูดจาเก่ง กลับไม่สามารถตอบอะไรได้เลย เขาทำได้เพียงแต่ต้องยอมรับความผิดของตัวเองเท่านั้น

 

มีสิ่งหนึ่งที่เขากลัวที่สุดในโลก

 

และสิ่งที่เขากลัวที่สุดนั้นก็คือ พ่อของเขาเอง

 

เขาไม่ได้บอกพ่อของเขาเกี่ยวกับเรื่องการบริหารงานหรือเรื่องส่วนตัว มันไม่ใช่เพราะเขาไม่อยาก แต่เป็นเพราะเขาไม่กล้า

 

“ครั้งนี้ ลูกใช้อำนาจรัฐไปกับเรื่องส่วนตัวของตัวเอง แล้วครั้งหน้าคงไม่ใช้กับเรื่องการฆาตกรรมหรอกนะ?” กั๋วเจิ้งเหอถอนหายใจ

 

“ไม่หรอกครับ ผมไม่มีทางทำพลาดแบบนี้อีกแล้ว” กั๋วเจิ้งเหอรีบพูด เขารู้ว่า พ่อของเขาโมโหมากในตอนนี้

 

“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ลูกไม่ได้รับอนุญาตให้ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ของจังหวัดอีก ถ้าพ่อได้ยินเรื่องพวกนี้อีก ลูกจะต้องกลับปักกิ่งทันที!”

 

“ครับ” กั๋วเจิ้งเหอรีบพูด

 

“ส่วนเรื่องของหวังเย้า ลูกต้องหยุด ทิ้งความคิดชั่วร้ายไปให้หมดและจำเอาไว้ว่า เขาคือคนที่ช่วยชีวิตของลูกเอาไว้ ในเมื่อเธอไม่ชอบลูก ก็เลิกชอบเธอไปซะ โลกนี้ตั้งกว้าง ผู้หญิงดีดีมีอีกตั้งมากมาย!”

 

“ผมเข้าใจแล้วครับ คุณพ่อ” กั๋วเจิ้งเหอพูด

 

“เอาล่ะ บอกพ่อมาว่าต่อไปลูกจะทำอะไร”

 

กั๋วเจิ้งเหอคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะบอกความคิดในเรื่องของงานที่เขาทำอยู่ในตอนนี้ นี่ถือเป็นการสรุปประสบการณ์ในการทำงานทั้งหมดตั้งแต่ที่เขาเริ่มเข้ามาทำงานในสายนี้ และเขาก็ไม่เคยพูดเรื่องนี้กับใครมาก่อนเลย

 

กั๋วจ้าวจวินรับฟังอยู่เงียบๆ เขาขัดลูกชายของเขาในบางช่วง ถามออกไปสองสามคำถามและปล่อยให้กั๋วเจิ้งเหอพูดต่อ

 

เขาพอใจที่เห็นว่า ลูกชายของเขาสามารถหาแนวทางของตัวเองได้ เขารู้ถึงจุดประสงค์ในเรื่องที่เขากำลังจะทำ รวมไปถึงขั้นตอนและความหมายในเรื่องที่กำลังทำอยู่ นี่ถือเป็นขั้นพื้นฐานของงาน กั๋วเจิ้งเหอไม่ได้มีปัญหาทางด้านนี้เลย และกั๋วจ้าวจวินก็ไม่ได้บอกความคิดเห็นของเขาออกไปแบบตรงๆ แต่เขาจะค่อยๆอธิบายให้ลูกชายของเขาได้รู้ถึงภาพรวมและให้เขาเอาไปคิดต่อเอง

 

ทั้งหมดที่กั๋วเจิ้งเหอพูดมาคือสิ่งที่สามารถทำให้สำเร็จได้, สิ่งไหนที่จะเริ่มทำเป็นอันดับแรก, สิ่งไหนที่ไม่สามารถทำได้, และมีความเข้าใจความสำคัญของการเป็นผู้นำอยู่อย่างเต็มเปี่ยม

 

นี่คือสิ่งที่คนเป็นผู้นำควรมี

 

“เจิ้งเหอ ถึงตระกูลของเราจะมีธุรกิจอยู่มากมายและรับราชการมาหลายรุ่น แต่ก็อย่าได้คิดว่า เราจะสามารถทำทุกอย่างที่เราต้องการได้ พ่ออยู่ในตำแหน่งนี้ พ่อรู้ดีว่า มีคนมากมายแค่ไหนที่กำลังคอยจับจ้องการกระทำของพวกเราอยู่ และรอคอยให้เราพลาดท่าเพื่อจะได้เข้ามาแทนที่พวกเรา”

 

การเป็นสมาชิกในตระกูลใหญ่คือสิ่งที่น่าอิจฉา แต่ภายใต้ความน่าอิจฉานั้นกลับเต็มไปด้วยความกดดัน ที่คนภายนอกมองไม่เห็น

 

ไม่มีใครที่อยากจะขึ้นไปยืนอยู่บนที่สูง แต่วันต่อมากลับต่อไปยืนอยู่ขอบเหวเพื่อรอความตาย

 

กั๋วจ้าวจวินต้องการให้ลูกชายของเขาเข้าในเรื่องนี้ อย่างน้อย เขาก็ไม่สามารถทำผิดพลาดให้ใครจับได้ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าหากเรื่องการเปลี่ยนแปลงการก่อสร้างถนนได้ยินไปถึงหูของฝ่ายตรงข้าม มันก็จะกลายเป็นหายนะที่พวกเขาจะนำมาใช้โจมตีพวกเขาได้

 

ในเรื่องนี้ ไม่ว่าจะมีตำแหน่งสูงส่งแค่ไหน แต่ถ้าหากทำพลาดขึ้นมา ทุกอย่างก็สามารถพังลงได้ กฎเหล็กที่มีมาแต่โบราณกาลก็คือ การเป็นที่นับหน้าถือตาของเจ้าหน้าที่รัฐ

 

เขารู้ถึงลักษณะนิสัยลูกชายของเขาดี เขาต้องการจะทำให้สิ่งที่ยิ่งใหญ่ และต้องการจะทำให้ได้ดีกว่าคนอื่น เขาอาจจะยังไม่ถึงกับเป็นคนที่มักใหญ่ใฝ่สูงจนเกินไป แต่เขาก็กระตือรือร้นที่จะเอาชนะ ซึ่งเป็นลักษณะนิสัยที่เกิดขึ้นได้กับคนหนุ่มเลือดร้อนอยากพิสูจน์ตนเอง แต่ในวงการข้าราชการนั้น มันคือสิ่งอันตราย

 

“คืนนี้อย่าเพิ่งกลับนะ อยู่ดื่มเป็นเพื่อนพ่อก่อน”

 

“ครับ”

 

กั๋วจ้าวจวินเป็นพ่อที่เข้มงวด ด้วยหวังว่า ลูกชายของเขาจะสามารถไปได้ไกลกว่าที่เขาเป็นอยู่

 

ตระกูลอยู่ในจุดเริ่มต้นที่เหนือกว่าคนอื่นๆ แต่ก็ทำให้ในชีวิตของเด็กๆในตระกูลราบรื่นจนเกินไป ในช่วงชีวิตของคน ไม่มีใครที่จะมีชีวิตที่ราบรื่นไปได้ตลอด

 

ในหมู่บ้านกลางเขา หวังเย้าได้เก็บเกี่ยวสมุนไพรจากแปลงของเขามาได้จำนวนหนึ่ง เขาปรับพื้นที่ภายในแปลงและลงเมล็ดพันธุ์ชุดใหม่

 

ส่วนสมุนไพรที่ถูกตัดไปแล้วนั้น เขาก็ไม่จำเป็นต้องไปทำอะไรมาก เพราะแค่มีพลังวิญญาณจากค่ายกลก็เพียงพอแล้ว

 

หลังจากที่เขาจัดการกับแปลงสมุนไพรเสร็จแล้ว เขาก็เก็บสมุนไพรแต่ละชนิดและเตรียมที่จะนำไปทำยาในอีกสองวันข้างหน้า

 

เมื่อถึงเวลาใกล้ค่ำ เขาก็ลงมาจากเขา เขาได้บังเอิญเจอเข้ากับหวังเจ๋อเชิง ที่เดินออกมาจากบ้านพร้อมกับเครื่องมือและเตรียมที่จะขึ้นไปบนเขา

 

“ทำไมวันนี้ถึงกลับบ้านเร็วได้ล่ะครับ?”

 

“งานของทางนั้นไม่ค่อยยุ่งเท่าไหร่น่ะ แล้วฉันก็ไม่ได้ทำงานกะกลางคืนที่นั่นด้วย” หวังเจ๋อเชิงพูดด้วยรอยยิ้ม

 

“แล้วพี่กำลังจะไปที่ไหนเหรอครับ?”

 

“ฉันว่าจะไปที่ดูสมุนไพรที่เพิ่งปลูกเอาไว้ในแปลงนาสักหน่อยน่ะ”

 

“งั้นไปด้วยกันเถอะครับ”

 

“โอ้ ได้สิ”

 

ทั้งสองพากันเดินไปที่แปลงปลูกสมุนไพรของหวังเจ๋อเชิงที่อยู่บนเนินเขาตงชาน มันเป็นแปลงที่ทำเป็นขั้นบันได, แบ่งเป็นช่องสี่เหลี่ยมหลายช่อง, และไล่เรียงไปตามไหล่เขา แปลงแต่ละอันมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก และไม่ได้ปลูกแค่สมุนไพรเท่านั้น แต่โดยรอบยังมีต้นไม้อื่นๆเช่น ต้นพีช, อัลมอน, และเชอร์รี่อยู่ด้วย

 

บนที่นาของหวังเจ๋อเชิง เมล็ดที่นำลงปลูกในแปลงกำลังเติบโตอย่างน่าพอใจ

 

“ดูสิ ดีไหมล่ะ?” เพื่อที่จะปลูกสมุนไพรเหล่านี้ เขาได้ให้การดูแลใส่ใจเป็นอย่างดี

 

“ครับ ดีมาก” หวังเย้ายิ้ม

 

สมุนไพรเหล่านี้เดิมทีเป็นเพียงแค่พืชที่เติบโตขึ้นในป่า จากนั้นก็มีคนไปค้นพบสรรพคุณทางยาของสมุนไพรเหล่า มันก็เหมือนกับการเริ่มปลูกพืชทั่วๆไป ในเมื่อพวกเขาปลูกพวกมันบนเขา พวกมันจึงไม่ได้มีขั้นตอนยุ่งยากอะไรมาก แล้วเนินเขาตงชานก็ยังมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะแก่การปลูกสมุนไพรด้วย

 

“พวกนี้เป็นต้นอ่อนใช่ไหม?” หวังเจ๋อเชิงชี้ไปที่ต้นอ่อนที่ขึ้นอยู่บนแปลง

 

“ใช่ครับ แต่เราไม่จำเป็นต้องไปทำอะไรกับมันมากหรอกนะครับ”

 

หวังเจ๋อเชิงอยู่ต่อเพื่อกำจัดวัชพืชที่ขึ้นในแปลง ส่วนหวังเย้าก็ลงไปจากเขาเพียงลำพัง

 

ท้องฟ้ามืดลงแล้ว สายลมพัดโชยมาช่วยขับไล่ความร้อนให้เบาบางลง

 

วันต่อมา คลินิกเปิดทำการตามปกติ

 

เวินหว่านและลูกชายของเธอมาที่คลินิกตั้งแต่เช้า

 

“เราอยากจะออกไปเที่ยวข้างนอกน่ะครับ แต่ผมก็เป็นห่วงเรื่องสุขภาพของแม่ด้วย”

 

“ไม่ต้องกังวลครับ คุณพาแม่ของคุณออกไปข้างนอกได้เลย”

 

“โอเคครับ ขอบคุณมาก” ฟ่านโยวเหรินมีความสุขกับเรื่องนี้

 

“เราจะไปที่ไหนกันดีครับ?” เขาหันไปถามแม่ของเขา

 

“ไปทะเลดีกว่านะจ๊ะ”

 

“อย่าเพิ่งไปทะเลยครับ” หวังเย้าพูด

 

“ทำไมล่ะ? มีอะไรรึเปล่า?”

 

“ฝนอาจจะตกได้น่ะครับ” หวังเย้ายิ้ม

 

“อ่อ โอเคครับ” ฟ่านโยวเหรินตบศีรษะของตัวเอง เขาลืมเช็คเรื่องอากาศไปได้ยังไงกัน?

 

หลังจากที่สองแม่ลูกออกไปจากคลินิกแล้ว ก็มีคนไข้เข้ามาตรวจที่คลินิก พวกเขาต่างก็มาด้วยอาการไม่สบายท้อง

 

คนไข้รายแรกเป็นชายหนุ่มคนหนึ่ง เขามีใบหน้าซีดเซียวและท้องเสียอย่างหนัก เขาคือชาวบ้านที่อยู่หมู่บ้านนี้

 

“พี่”

 

“ท้องเสียเหรอ?”

 

“ครับ”

 

“เป็นวันกี่วันแล้วล่ะ?”

 

“สามวันแล้วครับ”

 

“อ้าปากแล้วพูดว่า ‘อ้า’ซิ” หวังเย้าพูด “ช่วงนี้ นายได้กินพวกปิ้งย่างรึเปล่า?”

 

“อืม ผมกินไปสี่หรือห้าครั้งนี้แหละ”

 

“แล้วนายดื่มเบียร์ด้วยไหม?”

 

“กินปิ้งย่างจะขาดเบียร์ได้ยังไงล่ะ?” เขายิ้ม เขาเริ่มมีอาการท้องเสียเมื่อวันก่อน และเขาต้องมาที่หมู่บ้านเพราะเป็นวันเกิดปู่ของเขา ที่บ้านจึงบอกให้เขามาตรวจกับหวังเย้าดู

 

“มันเป็นเพราะกระเพาะของนายถูกรบกวนและความชื่นในร่างกายสูง นายควรหยุดกินของพวกนั้นไปก่อน ฉันจะจ่ายยาให้นายไปกินนะ”

 

วูเหมย, ตานเซิน, ป่ายจู, เหอจื๋อ

 

ทั้งหมดนี้คือสมุนไพรทั่วไปที่ใช้ในการรักษาอาการท้องเสีย

 

“ช่วงนี้ให้กินอาหารอ่อนๆ ห้ามกินของมัน, เผ็ด, หวาน, แล้วก็อย่ากินแตงโมเยอะเกินไปด้วย”

 

“อ้อ” ชายหนุ่มลุกขึ้นและจากไป

 

มันคงจะดีกว่า ถ้าเขาจะไปหาซื้อยาเม็ดมากินแทน

 

คนไข้รายที่สองเป็นเด็กน้อยอายุราว 5-6 ขวบ แม่ของเด็กได้พามาที่คลินิก เพราะเขามีอาการท้องเสียเช่นเดียวกับชายหนุ่มคนก่อนหน้า

 

“เขากินน้ำอัดลมเยอะแค่ไหนครับ?”

 

“ก็ประมาณ 3 ขวดต่อวัน” ผู้เป็นแม่ตอบ

 

“มาตรงนี้ที นอนลง เดี๋ยวหมอจะนวดให้”

 

หลังจากเด็กน้อยนอนลงแล้ว หวังเย้าก็กดไปที่หน้าท้องของเด็กชายเบาๆ เขาได้ยินเสียงท้องของเด็กชายร้องดังครืนครัน

 

“กระเพาะของเด็กอ่อนแอกว่าผู้ใหญ่ พวกน้ำอัดลมเย็นๆพวกนี้ควรให้กินแต่พอดี เธอไม่ควรกินเยอะ ถ้าให้ดีที่สุดก็อย่ากินเลย” หวังเย้าพูดไปด้วยในตินที่เขานวดให้เด็กชาย

 

โคล่าและน้ำอัดลมไม่ได้ทำให้ร่างกายเย็นลง กลับกัน มันอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ท้องเสียได้ ผู้คนชื่นชอบดื่มของพวกนี้ก็เพราะรสชาตอที่อร่อย และเมื่อดื่มเข้าไปแล้ว ก็จะทำให้รู้สึกเย็นสบาย

 

“เธอรู้สึกเป็นยังไงบ้าง?”

 

“สบายขึ้นเยอะเลยฮะ” เด็กชายพูด ในตอนที่หวังเย้านวดให้ เด็กชายก็ผายลมออกมาไม่หยุด แต่หวังเย้าก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้

 

หวังเย้าเอายาให้เด็กชายกินเพื่อหยุดอาการท้องเสีย

 

คนไข้รายที่สามก็มาด้วยอาการท้องเสีย

 

รวมไปถึงมีอาการไอด้วย

 

“เป็นหวัดเหรอครับ?”

 

“ใช่”

 

“เป็นมากี่วันแล้วครับ?”

 

“สามวันแล้วล่ะ แล้วเริ่มท้องเสียตั้งแต่เมื่อวาน”

 

“คุณได้กินยาอะไรไปบ้างแล้วครับ?”

 

ชายคนนั้นบอกตัวยาที่เขาได้กิน

 

“อาการท้องเสียมีสาเหตุมาจากหวัดครับ ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ เป็นเพราะยาแก้หวัดที่คุณกินเข้าไป” หวังเย้าพูด