บทที่ 410 อุบัติเหตุที่ไซต์ก่อสร้าง

ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]

บทที่ 410 อุบัติเหตุที่ไซต์ก่อสร้าง

บทที่ 410 อุบัติเหตุที่ไซต์ก่อสร้าง

ผู้สัมภาษณ์หญิงวัยกลางคนรีบตอบอย่างสุภาพเมื่อถูกเจ้านายถาม เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเจ้านาย เธอจึงไม่กล้าแสดงท่าทางหยิ่งยโสเหมือนก่อนหน้านี้

“ครับ ผมจะไปถามเธอสักหน่อย”

ผู้จัดการทั่วไปหวังพยักหน้า ก่อนหันหลังกลับแล้วเดินจากไปทันที

ภายในห้องรับแขกที่อยู่ติดกัน มีผู้ที่ผ่านการสอบสัมภาษณ์สี่คนอยู่ในนั้น

“นี่ เธออย่าเพิ่งตัดสินคนที่ภายนอกสิ ถึงฉันจะเป็นปากร้าย แต่ความจริงแล้วใจดีมากนะ”

ผู้หญิงผมสีแดงก็สอบผ่านการสัมภาษณ์รอบแรกสำเร็จเช่นกัน ตอนนี้ท่าทีของเธอเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเหมือนกับผู้สัมภาษณ์หญิงไม่มีผิด

หลิวว่านฉิงถูกพาตัวมาที่นี่ทั้งที่ยังไม่ได้รับการสัมภาษณ์ เธอนั่งฟังอีกฝ่ายพูดอย่างเงียบ ๆ โดยไม่รู้จะตอบยังไง

ก่อนหน้านี้อีกฝ่ายยังคงพูดจาถากถางไม่หยุดปาก แต่ตอนนี้กลับทำดีกับเธอ

จู่ ๆ ถงเสวี่ยอิงที่นั่งอยู่ด้านข้างก็โพล่งขึ้นด้วยน้ำเสียงรังเกียจ

“เฮอะ คนบางคนไม่ต่างกับยอดหญ้าบนกำแพง*[1] จริง ๆ”

ถงเสวี่ยอิงผ่านการสัมภาษณ์ในรอบแรกเช่นเดียวกับคนอื่น ๆ และตอนนี้ท่าทางประจบประแจงของอีกฝ่ายทำให้เธอรู้สึกหมั่นไส้

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอ?”

หญิงสาวผมแดงตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ ซึ่งในขณะนั้นเอง หวังจุนก็เดินเข้ามาในห้องรับรอง

“หลิวว่านฉิง? คนไหนเหรอครับ?”

เขาเงยหน้ามองผู้หญิงสามคนที่อยู่ตรงหน้า

“ฉันเองค่ะ…”

หลิวว่านฉิงมองคนข้างหน้า ก่อนลุกยืนขึ้นและตอบผู้ชายตรงหน้าอย่างไม่มั่นใจ

หวังจุนพยักหน้า

“ใจเย็น ๆ ไม่เป็นไรนะครับ ตอนนี้ไม่มีใครสนว่าคุณจบจากมหาวิทยาลัยไหนแล้ว”

เขาปลอบอีกฝ่าย ขณะเดียวกันในใจก็อดรู้สึกอิจฉาผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ ภายใต้การดูแลของเขา หญิงสาวคนนี้ต้องทำงานที่นี่อย่างราบรื่นแน่นอน

หลังจากเข้าไปในห้องรับรอง เขาก็อธิบายจุดประสงค์ทันที

“หือ? เร็วขนาดนี้เลยเหรอคะ?”

หลิวว่านฉิงงุนงง เธอได้รับมอบหมายงานทันทีที่สอบสัมภาษณ์ครั้งแรกผ่านเลยเหรอ?

“ครับ นั่นคือความตั้งใจของท่านประธานอวี้”

หวังจุนมองท่าทางกังวลของอีกฝ่ายพร้อมพูดปลอบโยนด้วยท่าทีผ่อนคลาย

“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมจะจัดหาตำแหน่งที่เหมาะสมให้คุณแน่นอนครับ นี่คือความตั้งใจของท่านประธานอวี้ที่ต้องการให้คุณทำงานที่นี่ ดังนั้นคุณสบายใจได้ครับ”

ผู้หญิงสองคนที่อยู่ข้าง ๆ ต่างมองเธออย่างอิจฉาตาร้อน ทำไมถึงได้รับการปฏิบัติดีขนาดนี้!

ประธานบริษัทเป็นคนบอกให้ไม่ต้องกังวลเรื่องงาน นี่เป็นสิทธิพิเศษใช่ไหม?!

แม้แต่ถงเสวี่ยอิงยังอดอิจฉาไม่ได้

เธอเข้าใจระบบอุปถัมภ์ในบริษัทขนาดใหญ่ดี แถมยังรู้อีกว่าถ้าอีกฝ่ายได้รับการดูแลดีอย่างนี้ เธอต้องได้รับเงินเดือนและสวัสดิการดีกว่าคนอื่นแน่นอน

“ถ้าอย่างนั้นคุณสนิทกับใครในนี้ไหมครับ?”

หวังจุนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนหันมองหญิงสาวสามคนที่เหลือ

“ฉัน! ฉันสนิทกับเธอค่ะ!”

เพื่อให้ได้ตำแหน่งที่ดี หญิงสาวผมแดงจึงยกมือขึ้นทันที ทำให้หลิวว่านฉิงตกตะลึงอย่างมาก

“ฉัน…ฉันไม่ได้สนิทกับเธอค่ะ”

ในอนาคตหญิงสาวไม่ต้องการร่วมงานกับคนที่มีทัศนคติอย่างนี้ จากนั้นเธอก็หันไปมองถงเสวี่ยอิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ

“พี่ถง อยากทำงานกับฉันไหม”

เธอไม่รู้ว่าอีกฝ่ายหมายความว่ายังไง ดังนั้นเธอจึงถามด้วยความสบาย ๆ

“ดีเลย! พี่ถงคนนี้จะดูแลเธออย่างดี จะไม่เป็นตัวถ่วงแน่นอน”

ถงเสวี่ยอิงมีประสบการณ์ทำงานอย่างโชกโชน ดังนั้นเธอจึงไม่ยอมปล่อยโอกาสนี้หลุดมือไปง่าย ๆ

หวังจุนพยักหน้า

“ถ้าอย่างนั้นมีแค่คุณกับเธอนะครับ พวกคุณไม่ต้องเข้าสัมภาษณ์รอบต่อไปเพราะผ่านการสัมภาษณ์แล้ว พรุ่งนี้ให้มาทำงานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายเลยนะครับ”

หญิงสาวผมแดงรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก

ไม่อย่างนั้นโอกาสดี ๆ อย่างนี้ต้องตกเป็นของเธอแน่

น่าเสียดายที่ตอนนี้สายเกินไป ทั้งสองคนถูกหวังจุนพาตัวออกไปแล้ว

ขณะเดียวกัน

ภายในไซต์ก่อสร้างใกล้กับเครือฮ่าวหราน

“นี่คือบริษัทที่พวกเขาพัฒนาขึ้นเร็ว ๆ นี้ครับ”

ชายพุงพลุ้ยคนหนึ่งก้าวขึ้นไปข้างหน้าขณะพูดแนะนำ ผู้ชายคนนี้คือกัวหย่งซิน!

คนที่อยู่ข้างหลังเขาคือฉางชิงหนิง เจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์แห่งหนึ่ง เขาจ้องมองตึกสูงตระหง่านตรงหน้าด้วยสายตาชั่วร้าย

“คุณคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเกิดอุบัติเหตุด้านความปลอดภัยอย่างร้ายแรง แถมยังมีกลุ่มคนปริศนาเข้าไปก่อความวุ่นวาย?”

“ฮ่า ๆ ถ้าเป็นอย่างนั้นผมกลัวว่าบริษัทนี้จะถูกสั่งปิดทันที ส่วนคนที่เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุครั้งนี้จะต้องถูกสอบสวนแน่นอน!”

กัวหย่งซินหัวเราะเบา ๆ ขณะมองตรงไปที่ตึกเครือฮ่าวหรานด้วยสายตาหยิ่งยโส ก่อนพูดคำต่อไปอย่างช้า ๆ

“ผู้ที่มีส่วนรับผิดชอบด้านการรักษาความปลอดภัยจะถูกแจ้งข้อหาหนัก! แต่…”

ในฐานะผู้บริหารบริษัทอสังหาริมทรัพย์ เขาก็ตระหนักถึงกฎหมายและบทลงโทษเกี่ยวกับเรื่องนี้ดี แถมยังรู้ถึงความร้ายแรงของเหตุการณ์นี้ดี และดูเหมือนว่าอีกฝ่ายก็เข้าใจมันดีเช่นกัน!

“อวี้ฮ่าวหรานไม่ใช่คนโง่ ในเมื่อตัดสินใจเข้ามาทำธุรกิจนี้ เขาต้องเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่แน่นอน”

พอได้ยินอย่างนั้น ฉางชิงหนิงที่ยืนอยู่ข้างเขาก็หัวเราะออกมา

“ฮ่า ๆ โบราณบอกว่าโจรปล้นพันวัน มันจะระวังตัวทุกวันได้ยังไง?”

เขาเหลือบมองตึกของบริษัทเครือฮ่าวหรานที่อยู่ตรงหน้าด้วยสายตาดูถูก เห็นได้ชัดว่าเขามีความคิดชั่วร้ายอยู่ในใจ

“ไม่นานหรอก ผมจะทำให้อวี้ฮ่าวหรานล้มละลายและติดคุกให้ได้!”

หลายวันต่อมา

ณ ห้องเปียโนของเครือฮ่าวหราน อวี้ฮ่าวหรานนั่งฟังลูกสาวซ้อมเปียโนอย่างเพลิดเพลิน

หลิวว่านฉิงถูกรับเข้าทำงานในบริษัทอย่างเป็นทางการ เธอจึงมีเวลามาสอนเปียโนเป็นครั้งคราว

เด็กน้อยเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว แถมยังมีความสุขที่ได้เล่นเปียโน นิ้วมือขาวเต้นรำบนเปียโนราวกับเอลฟ์ตัวเล็ก

จู่ ๆ ประตูห้องก็ถูกเปิดออก!

เสียงนั้นดังรบกวนถวนถวนที่กำลังเล่นเปียโนอยู่

อวี้ฮ่าวหรานขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ต้องประหลาดใจเพราะผู้มาเยือนคือหวังจุน คนสนิทของเขา

แต่ตอนนี้ใบหน้าของเขาซีดขาวต่างจากก่อนหน้านี้มาก!

“แย่แล้ว! มีเรื่องแล้ว!”

ผู้จัดการทั่วไปหวังอุทานอย่างตื่นตื่นตระหนก

“หา! เกิดอะไรขึ้น?”

เมื่อเห็นท่าทางของอีกฝ่าย อวี้ฮ่าวหรานก็ตระหนักถึงความร้ายแรงของเรื่องที่เกิดขึ้น เขาผุดลุกขึ้นยืนและถามอย่างรวดเร็ว

“เรื่องเกิดในที่ดินที่ที่เราได้รับสัมปทานครับ สายลวดสลิงของรถเครนขาดทำให้ในที่เกิดเหตุมีคนตายและบาดเจ็บนับสิบคน!”

หวังจุนถอนหายใจก่อนอธิบายอย่างละเอียด

ตอนนี้หัวคิดของอวี้ฮ่าวหรานขมวดเป็นปม เรียกได้ว่าอุบัติเหตุครั้งนี้ร้ายแรงอย่างมาก!

ถ้าเรื่องนี้ไม่ถูกจัดการอย่างดี เครือฮ่าวหรานที่เป็นผู้ดำเนินการอาจถูกสั่งปิด!

“เป็นไปได้ยังไง? ผมกำชับเรื่องความปลอดภัยแล้วไม่ใช่เหรอ?”

เขามองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“ผม…ผมไม่รู้ครับ ผมไปตรวจงานที่นั่นบ่อยมาก แต่ไม่เห็นพนักงานคนไหนมีปัญหาเลยครับ”

หวังจุนสับสนอย่างมาก ด้วยกลัวว่าจะสูญเสียความไว้วางใจจากอวี้ฮ่าวหรานเพราะเหตุการณ์ครั้งนี้

[1] ยอดหญ้าบนกำแพง หมายถึงคนกลับกลอกหรือนกสองหัว