บทที่ 306
แสงดาบสาดลงพื้น แสงดาบที่ปรากฏในสายตา ทะลักออกไปเป็นแถบ โจมตีลงบนตัวผางไห่

เห็นพลังปราณบนตัวผางไห่แตกออก ถอยไปข้างหลังไม่หยุด

ทันใดนั้น ผางไห่โดนแสงดาบกดลงกับพื้น

ประกายในแววตาแดงก่ำวูบไหว ผางไห่เจอการโจมตีแบบนี้ ไม่สามารถโจมตีกลับได้เลย

พลังที่สาดลงไป ทำให้นักเรียนคณะกำแหงที่ดูอยู่ ตัวแข็งทื่อ พวกที่พละกำลังแย่หน่อย โงหัวกันไม่ขึ้นเลย

ทันใดนั้น แสงดาบหายไป

ฉู่เทียนเก็บดาบอย่างสุขุม ความเกรี้ยวกราดบนตัวหายไป เขากลับมาเป็นคนธรรมดาเหมือนเดิม

ทั้งเวทีประลองโดนแสงดาบของเขาปาดไปหนึ่งชั้น ผางไห่ที่ล้มลงบนพื้นสลบไปแล้ว เสียงลมหายใจดูเบา บนตัวมีรอยดาบอันน่ากลัวเต็มไปหมด

แต่ไม่ว่าอย่างไร ผางไห่ยังคงมีชีวิตอยู่ นี่เป็นการบอกอ้อมๆ ว่า ตอนฉู่เทียนใช้เคล็ดวิชาบู๊อันน่ากลัว เขายังยับยั้งชั่งใจเอาไว้

อาจารย์ทุกท่านมองออก ผางไห่ดูมีแผลเต็มตัว อันที่จริงเป็นแผลภายนอกที่ไม่ถึงเอ็นและกระดูก ฉู่เทียนไม่ได้ลงมือรุนแรง

อาจารย์เซินถูสีหน้าไม่พอใจ “ทำไมคนฝีมือดีล้วนไปคณะหนึ่งเดียว ดาบเทียนควบ ได้ยินมาว่ามือซ้ายมีแรงสุด ไอ้เด็กนี่ใช้แค่มือขวา”

คำพูดของอาจารย์เซินถู ทำให้เฉียวเซวียนอดหน้าเปลี่ยนสีไม่ได้

เห็นได้ชัดว่า อาจารย์เซินถูคิดว่าถ้าฉู่เทียนใช้มือซ้ายลงมือ ต้องมีพลานุภาพมากกว่านี้

อาจารย์คนอื่นต่างมีสีหน้าต่างๆ นานา โดยเฉพาะอาจารย์เสวียนเจินมองฉู่เทียน เหมือนคนเห็นแก่เงินเห็นตุ๊กตาทองคำที่เปล่งประกาย

“เกรี้ยวกราด เกรี้ยวกราดจริงๆ ถ้าเด็กคนนี้เข้าคณะกระบี่ ต้องฝึกเพลงกระบี่คลั่งเทียมฟ้าของคณะกระบี่ได้แน่นอน น่าเสียดายที่เขาใช้ดาบ”

เสวียนเฟิงที่อยู่ข้างเขาก็ตาเป็นประกาย

เสวียนเฟิงยิ้มยิงฟันแล้วพูดว่า “ความสามารถดีจริงๆ ผมต้องสู้กับคนคนนี้แน่นอน”

เสวียนเจินยิ้มบางๆ “รอเถอะ คนพวกนี้ของคณะหนึ่งเดียว มีความสามารถมาถึงคณะกระบี่ของเรา”

เสวียนเฟิงพยักหน้าเห็นด้วย

สีหน้าอาจารย์ซิงยวนไม่สู้ดีเป็นอย่างมาก ครั้งก่อนที่ลานประลองคณะหลัก ยังดูไม่ออกว่าพวกคณะหนึ่งเดียวเก่งแค่ไหน เพราะพวกเหลิ่งหานพละกำลังไม่เพียงพอ จึงเดาได้ไม่หมด

แต่ตอนนี้อาจารย์ซิงยวนสัมผัสได้ถึงภัยคุกคามจริงๆ แล้ว

นักเรียนคณะหนึ่งเดียวพวกนี้ แต่ละคนล้วนไม่ธรรมดา แต่ยังอยู่ในขอบเขตที่ควบคุมได้

ซิงยวนหันไปมองผู้หญิงด้านหลัง

“ฮ่วนเย่ว์ เธอจัดการคนที่ชื่อฉู่เทียนได้ไหม”

ฮ่วนเย่ว์มัดผมหางม้า ท่าทางไม่เคารพซิงยวนสักนิด กลอกตาใส่ซิงยวนแล้วพูดว่า “เขาสู้ฉันไม่ได้”

ได้ยินคำพูดของฮ่วนเย่ว์ เอี๋ยนชิงที่อยู่ข้างหน้า หัวเราะพรืดออกมา

ฮ่วนเย่ว์ตบท้ายทอยเอี๋ยนชิง เสียงดังฟังชัด ดึงดูดสายตาคนจำนวนไม่น้อย

“ขำอะไร”

เอี๋ยนชิงจ้องฮ่วนเย่ว์อย่างโหดเหี้ยม แล้วกัดฟันพูดว่า “ฮ่วนเย่ว์ เธอรนหาที่ตายใช่ไหม”

ฮ่วนเย่ว์มองเอี๋ยนชิงอย่างดูหมิ่น “ใช่ แล้วไง นายกล้าทำฉันไหมล่ะ นายกล้าแตะต้องฉันแม้แต่ปลายนิ้วไหม”

เอี๋ยนชิงโมโหมาก แต่กลับพูดอะไรไม่ออกสักคำ

เขาไม่กล้าแตะต้องฮ่วนเย่ว์แม้แต่ปลายนิ้วจริงๆ ไม่เพียงแค่เขารู้ที่มาของฮ่วนเย่ว์ มันเป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถหาเรื่องได้ สิ่งสำคัญไปกว่านั้น พละกำลังของฮ่วนเย่ว์ในตอนนี้ก็……

เอี๋ยนชิงหันหน้ากลับมา ไม่ยอมพูดกับฮ่วนเย่ว์อีก