ภาคที่ 4 ตอนที่ 52 เหตุใดระฆังจึงดัง

มรรคาสู่สวรรค์

ตามหลักแล้ว ชายชราควรจะลงไปตรวจดูข้างล่างคุกสะกดมารด้วยตัวเอง แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าพิษและความสามารถในการกัดกร่อนของน้ำที่อยู่ในบึงนั้นรุนแรงอย่างมาก กระทั่งตัวเขาเองก็ยังรู้สึกว่าค่อนข้างยุ่งยาก

ที่ยุ่งยากกว่านั้นก็คือต่อให้ตัวเขาไปที่นั่น เขาก็ยังรู้สึกคลื่นไส้อยู่ดี

เขาลูบท้อง ไม่รู้สึกถึงความผิดปกติอะไร จึงนั่งลงไปริมผา

หากผีตัวนั้นอยากจะออกไปจากคุกสะกดมาร เช่นนั้นก็ต้องออกมาจากทางนี้

ชายชรานั่งอยู่ริมผามองดูบึงสีเขียวที่อยู่เบื้องล่าง มองดูอยู่หลายวัน

เขารู้สึกค่อนข้างเบื่อ แล้วก็รู้สึกหิวเล็กน้อย จึงเงยหน้ามองขึ้นไปด้านบน มือคว้าตะปบออกไป

บริเวณหน้าผาบนชั้นที่หนึ่งของคุกสะกดมาร ลมพัดขึ้นมาอย่างรุนแรง เสียงพูดและเสียงร้องเพลงเงียบไปอีกครั้ง

ประตูห้องขังห้องหนึ่งเปิดออก ชายรูปร่างสูงผอมคนหนึ่งถูกกระแทกลอยออกมา ก่อนจะร่วงตกลงบนพื้นอย่างแรง

ชายรูปร่างสูงผอมผู้นี้เป็นยอดฝีมือของพรรคมารผู้หนึ่ง สภาวะแข็งแกร่ง แต่ถูกกุญแจพลังวิญญาณล่ามเอาไว้ จึงไม่สามารถตอบโต้ได้

ในโลกอันมืดมิดมีพลังที่ไร้รูปร่างสายหนึ่งปรากฏขึ้นมา คล้ายดั่งมือที่มองไม่เห็น คว้าจับยอดฝีมือพรรคมารผู้นั้น ก่อนจะลากออกไปอย่างรวดเร็ว

ไม่รู้ว่าใช้เวลาไปนานเท่าไร ยอดฝีมือของพรรคมารผู้นั้นตกลงมาจากหน้าผา ข้ามพื้นทรายอันร้อนระอุ มาถึงตรงหน้าชายชราที่อยู่ริมผาผู้นั้น

ชายชรายื่นมือออกไปขยำแขนของยอดฝีมือพรรคมาร รู้สึกค่อนข้างแน่น จึงกล่าวอย่างพอใจ “กล้ามเนื้อไม่เลว พลังอันชั่วร้ายเต็มเปี่ยม ถือเป็นมื้อหลักได้”

ยอดฝีมือพรรคมารผู้นั้นคล้ายจะรู้ถึงสิ่งที่น่ากลัวที่สุดในคุกสะกดมาร จึงตะคอกเสียงดังว่า “เจ้าปีศาจ จะฆ่าก็ฆ่า อย่าได้หวังจะดูหมิ่นข้า!”

ชายชรามิได้สนใจเขา สองมือออกแรงเล็กน้อย กระชากแขนข้างขวาของยอดฝีมือพรรคมารผู้นั้นออกมา

โลหิตสดๆ สาดกระจาย ใบหน้าอันเจ็บปวดของยอดฝีมือพรรคมารผู้นั้นขาวซีด แต่เขากลับแค่ส่งเสียงอึกอยู่ในลำคอ

เพราะแขนที่ขาดไป กุญแจพลังวิญญาณจึงคลายออกเล็กน้อย เขารวบรวมปราณก่อกำเนิดกระแทกไปที่หัวสมอง ด้วยหวังจะตายอย่างรวดเร็ว

ริมผามีพลังอันรุนแรงสายหนึ่งปรากฏขึ้น

ชายชราตะปบลำคอของเขา มองดูเขาพลางกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ต่อให้เป็นชายชาตรี แต่ถ้าตายแล้วเนื้อก็ไม่อร่อยเช่นกัน”

ครั้นพูดจบ เขาก็โยนยอดฝีมือพรรคมารผู้นั้นตกลงไปจากหน้าผา

ชายชราโบกมือ พลังอันรุนแรงสายนั้นพุ่งผ่านปลายนิ้วของเขา ทะลุเข้าไปในร่างกายของยอดฝีมือพรรคมาร ปิดผนึกการหมุนเวียนของลมปราณเอาไว้ ทำให้เขาไม่สามารถขยับเขยื้อนได้

ยอดฝีมือพรรคมารผู้นั้นตกลงไปในบึงสีเขียวที่อยู่ในส่วนลึกที่สุด น้ำสีเขียวกระเด็นขึ้นมา หลังผลุบๆ โผล่ๆ อยู่หลายครั้ง เนื้อหนังของเขาก็เริ่มหลุดลอก ก่อนจะจมลงไปในบึง

ชายชรายืนอยู่ริมผา มองดูภาพที่อยู่ในบึง

เขาลูบท้อง เรอออกมาทีหนึ่ง รู้สึกว่าในที่สุดก็เริ่มอิ่มเสียที อารมณ์เองก็เปลี่ยนเป็นดีขึ้นกว่าเดิม

ในบึงที่อยู่ด้านล่างหน้าผามีความเคลื่อนไหวขึ้นมาอีกครั้ง เงาที่เหมือนปลาสีขาวว่ายขึ้นมาด้านบนอย่างไร้ซุ่มเสียง ก่อนจะแหวกจอกแหนสีเขียวมายังริมบึง

คนผู้นั้นเอาของสิ่งหนึ่งออกมาจากใต้บึง รูปร่างค่อนข้างแปลกประหลาด คล้ายกิ่งไม้ที่ถูกฟ้าผ่า แล้วก็คล้ายหินโสโครกที่มีขนาดยาว

คนผู้นั้นมองดูของสิ่งนั้นพลางกล่าวประโยคหนึ่ง จากนั้นลุกขึ้นยืนหันหลังให้ชายชราที่อยู่บนหน้าผา ร่างกายสั่นเทาเล็กน้อย น้ำพิษในบึงถูกทำให้ระเหยกลายเป็นไอ ก่อนจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย

คนผู้นั้นหยิบเอาชุดสีขาวออกมาสวมใส่ มือขวาลูบไปบนใบหน้า ใช้พายุกระบี่ปิดบังใบหน้าที่แท้จริงของตัวเอง จากนั้นถึงจะหมุนตัวกลับมา

ชายชรายืนอยู่ริมผา นิ่งเงียบไม่กล่าวกระไร

คนผู้นี้คือใครกันแน่ กระทั่งเขาก็ไม่สามารถมองทะลุพายุกระบี่ชั้นนั้นเข้าไปได้?

ที่ยิ่งไม่เข้าใจกว่านั้นก็คือคนผู้นี้กลับสามารถเข้าไปยังชั้นล่างของคุกสะกดมารได้โดยไม่ถูกเขาพบเห็น อีกทั้งยังกลับออกมาได้อย่างปลอดภัย ราวกับมองไม่เห็นน้ำในบึงอยู่ในสายตา

พลังและสภาวะของคนผู้นี้มิได้แข็งแกร่งอะไร เช่นนั้นเหตุใดจึงทำเรื่องเหล่านี้ได้?

เช่นนั้นก็ต้องแข็งแกร่งในด้านอื่น

แบบนี้ดีมาก

ผียิ่งแข็งแกร่งยิ่งอร่อย

ร่างกายของผีตัวนี้ดูสมบูรณ์แบบขนาดนี้ พลังวิญญาณเองก็คงจะสะอาดและสมบูรณ์อย่างมาก รสชาติจะต้องยอดเยี่ยมอย่างแน่นอน อีกทั้งจะต้องบำรุงอย่างมากแน่

หากได้กินผีตัวนี้ ตัวเองอาจจะอยู่ไปได้อีกหลายปีก็เป็นได้

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ในดวงตาของชายชราพลันมีสายตาของความหิวกระหายปรากฏขึ้นมา มุมปากมีน้ำลายไหล ส่งกลิ่นเหม็นคาวที่น่าคลื่นไส้ออกมา

……

……

ภายในอารามหลี่ว์ถังของวัดกั่วเฉิง ปรมาจารย์สำนักเสวียนอินวางคัมภีร์ที่อยู่ในมือลง มองไปทางชายหนุ่มที่อยู่ข้างกาย

เขาพบว่าอินซานมีเรื่องในใจ

นี่เป็นสิ่งที่พบเห็นได้น้อยมาก

มิใช่ว่าอินซานไม่ค่อยคิดอะไร หากแต่ถึงแม้อินซานจะกำลังคิดอยู่ว่าจะทำลายโลกอย่างไร โลกก็มักจะไม่มีทางรู้ตัว

บนใบหน้าของอินซานบ่งบอกให้รู้ว่ามีเรื่องในใจ เช่นนั้นก็แสดงว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ หรือพูดอีกอย่างก็คือเป็นเรื่องสำคัญสำหรับเขา

แม้แต่ตอนที่ราชินีแคว้นเสวี่ยคลอดลูก เขายังไม่เป็นแบบนี้เลย

ปรมาจารย์สำนักเสวียนอินนั่งยองๆ ลงตรงหน้าอินซาน พลางกล่าวถามว่าอย่างระมัดระวังว่า “เป็นอะไรหรือ?”

อินซานกล่าว “ข้าส่งจดหมายเข้าไปในคุกสะกดมารฉบับหนึ่ง”

ปรมาจารย์สำนักเสวียนอินรู้ว่าอินซานกำลังทำเรื่องบางเรื่องผ่านทางปู้เหล่าหลิน แต่กลับไม่รู้ว่าเรื่องนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคุกสะกดมาร

เขาตกใจอย่างมาก แต่สีหน้ากลับเรียบเฉยเหมือนปกติ คล้ายกับหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา

แต่จากนั้นเขาก็พบว่าการตอบสนองของตนเองมีปัญหา จึงรีบแสดงสีหน้าตกใจ

เขาใช้หางตาชำเลืองมอง พบว่าอินซานน่าจะไม่ทันสังเกตเห็น จึงรู้สึกโล่งใจ ก่อนกล่าวว่า “นั่นมันคุกสะกดมารเลยนะ…”

ปรมาจารย์สำนักเสวียนอินจำได้อย่างชัดเจน วันนั้นอินซานเก็บข้าวของเตรียมจากไป หรือว่านี่จะเกี่ยวข้องกับคุกสะกดมาร?”

สภาวะของอินซานยังต่ำต้อยอย่างมาก หากเปิดเผนตัวตนออกไปจะต้องเป็นอันตรายอย่างมากแน่นอน ดังนั้นเขาจึงไม่ค่อยทำอะไรด้วยตัวเอง

ขนาดเรื่องใหญ่อย่างการทำลายลานเมฆ เขายังแค่เดินทางไปยังเกาะหมอก พูดคุยกับซีหวังซุนไม่กี่ประโยค

เรื่องใหญ่แบบไหนถึงทำให้เขาจำเป็นต้องลงมือด้วยตัวเอง?

อินซานไม่ได้กล่าวกระไรอีก หากแต่เดินออกไปด้านนอกห้องภาวนา

เขาเดินทะลุเงามืดของป่าสนมายังป่าเจดีย์ จากนั้นหยิบเอาคัมภีร์ม้วนหนึ่งวางเข้าไปในเจดีย์หิน

ในเวลาเดียวกันนี้เอง ภายในวัดกั่วเฉิงก็มีเสียงระฆังทำวัตรเย็นดังขึ้น

ในเสียงระฆังที่อยู่ห่างออกไป อินซานเดินออกจากวัดมายังด้านนอกสวนผัก มองดูบ้านเรือนที่คล้ายกำลังลุกไหม้อยู่ในแสงอาทิตย์ยามเย็น ในใจคิดถึงแม่น้ำหมิงที่ลุกไหม้อยู่ใต้ดินสายนั้น นิ่งเงียบอยู่เป็นเวลานาน

ยุงในคุกสะกดมารไม่ได้นำเอาเพลิงวิญญาณกลับไปเผ่าหมิงเป็นเวลาสามปีแล้ว ริมสองฝั่งของแม่น้ำหมิงมีเสียงร่ำไห้

แต่เขาคิดว่าจักรพรรดิแห่งหมิงยังไม่ตาย นี่กลับกลายเป็นการยืนยันการคาดเดาของเขาก่อนหน้านี้ — จิ๋งจิ่วลงไปยังคุกสะกดมารเพื่อแก้ปัญหาเรื่องผีกระบี่

นับตั้งแต่วันที่คาดเดาได้ว่าจิ๋งจิ่วเข้าไปในคุกสะกดมาร เขาก็เริ่มวางแผน

ครั้งนี้เขาทำน้อยกว่าเดิม แล้วก็ง่ายกว่าเดิม

เขาให้ปู้เหล่าหลินส่งจดหมายฉบับหนึ่งเข้าไปในคุกสะกดมาร

ขอเพียงจิ่งซินไม่โง่พอ เขาจะต้องบอกเรื่องนี้กับสำนักจงโจว

ไม่ว่าสำนักจงโจวจะคิดอย่างไร พวกเขาจะต้องสืบจดหมายฉบับนั้นอย่างแน่นอน แล้วจดหมายฉบับนั้นก็เท่ากับว่าถูกส่งเข้าไปในคุกสะกดมาร

ด้านหลังกำแพงมีเสียงทะเลาะดังขึ้นมา แล้วก็มีกลิ่นควันน้ำมัน สมณะอ้วนรูปนั้นไม่รู้ว่าแอบขโมยอะไรกินอีก อินซานคิดในใจ ของอร่อยบนโลกนี้ มีใครบ้างจะอดใจไม่กินได้?

มังกรตัวนั้นจะต้องคิดหาวิธีที่จะกินจิ๋งจิ่วแน่

แต่ยากที่จะกลืนลงไปได้

เมื่อถึงตอนนั้นจะเกิดความวุ่นวายขึ้นมา

เมืองเจาเกอจะต้องเจอกับแผ่นดินไหว

จิ๋งจิ่วตาย

ชางหลงสิ้น

จักรพรรดิแห่งหมิงออกมา

นี่คือภาพที่เขาอยากจะเห็น

เขารู้ถึงความละโมบของมังกรตัวนั้น แล้วก็มีความมั่นใจในตัวจิ๋งจิ่ว ปัญหาเพียงหนึ่งเดียวก็คือเขาไม่รู้ว่าสถานการณ์ภายในคุกไท่ฉางนั้นเป็นอย่างไร

ระฆังของวัดกั่วเฉิงดังขึ้นอีกครั้ง

เขามองดูแสงสุดท้ายของวัน ในใจครุ่นคิดว่าคงได้แต่ต้องพึ่งตัวเจ้าเท่านั้นแล้ว

นอกจากข้า บนโลกไม่มีใครช่วยเจ้าได้