ตอนที่ 164.1 การปฏิวัติเมือง กับ ทำลายให้แตกพ่าย (1)

ยอดหญิงอันดับหนึ่ง

น้องสาวก็ติดตามในขบวนด้วยหรือ หลี่ว์ปาหวั่นไหวยิ่งนัก หันหน้าไปขอความคิดเห็นกับผู้เฒ่าเถียน “ข้าคิดว่าเป็นโอกาสอันดี ผู้เฒ่าเถียนคิดว่าอย่างไร”

 

 

ด้านข้างนั้น เมื่อผู้เฒ่าเถียนได้ยินที่ชายฉกรรจ์รายงานก็นั่งไม่ติดอยู่ก่อนแล้ว หลี่ว์ปาทำเพื่อปล้นเสบียงและช่วยน้องสาว เขาได้ยินว่าฉินอ๋องเป็นคนนำทัพอีกยังจะระดมเสบียงแถวตะวันออกของเมือง ดวงตาก็เป็นประกาย

 

 

หมู่บ้านตระกูลเว่ยแถบตะวันออกของเมือง ใกล้กับเขาหม่าโถวเพียงเดินเท้าครึ่งชั่วโมงก็ถึง

 

 

นี่เป็นโอกาสหายาก! มหาโจรรอให้กลุ่มโพกผ้าเหลืองเปิดศึกกับทหารทางการอยู่พอดี!

 

 

ถึงเวลานั้นหลี่ว์ปานำกลุ่มผ้าเหลืองปล้นเสบียง จะต้องเกิดการปะทะกันวุ่นวายของทั้งสองฝ่าย อินทรีภูเขาก็สามารถนำคนลงเขามา จับตัวฉินอ๋องเสีย แล้วฉวยโอกาสครองเมืองเยี่ยนหยางไปด้วยเลย

 

 

เวลานี้เมื่อได้ยินหลี่ว์ปาเอ่ยถามขึ้น ผู้เฒ่าเถียนก็พยักหน้าทันที “ทำได้”

 

 

หลี่ว์ปาตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว แล้วมองไปทางชายฉกรรจ์ที่ส่งสาส์นอีก “วันที่เจ็ดสาวน้อยไปตะวันออกของเมืองหรือไม่”

 

 

ชายฉกรรจ์ชะงักงันไป รู้ว่าลูกพี่หมายถึงแม่นางชิ่งเอ๋อร์ จึงส่ายหน้า “ไม่ไป”

 

 

พี่น้องรอบข้างจะเดาใจลูกพี่ไม่ออกได้อย่างไร หากแม่นางชิ่งเอ๋อร์ไปด้วย ก็จะช่วยนางมาพร้อมกับแม่นางชีเอ๋อร์เลย ในเมื่อไม่ไป เช่นนั้นก็ยุ่งยากแล้ว

 

 

ผู้เฒ่าเถียนเหลือบมองหลี่ว์ปา “ก็แค่สาวน้อยหน้าตาน่าเกลียดคนหนึ่งเท่านั้นหลี่ว์ปา”

 

 

คนที่ทุกคนเรียกว่าลูกพี่นั้นคิ้วหนาตาโตเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เขาส่ายหน้า “วันที่เจ็ดนี้เมื่อภารกิจสำเร็จ ข้าจะนำพี่น้องสองสามคนไปช่วยสาวน้อยออกมาจากพระราชนิเวศน์!”

 

 

วันที่หก ย่ำค่ำ อากาศเย็นสดใส ในอากาศนั้นมีกลิ่นของการรบราฆ่าฟันกันอย่างโหดร้ายตั้งเค้าอยู่พร้อมที่จะปะทุ ความเยือกเย็นปกคลุมไปทั่วทั้งเมือง

 

 

อากาศหนาวขึ้นมากกว่าเดิมอย่างกะทันหัน

 

 

พระอาทิตย์ยังไม่ลับฟ้าไปทั้งดวง ทหารและบ่าวในพระราชนิเวศน์ต่างก็เข้ากระโจมและห้องของตนไป เก็บแรงและสติไว้เพื่อเตรียมตัวติดตามท่านอ๋องไปแจกจ่ายเสบียงในวันรุ่งขึ้น

 

 

ในที่พักทหารชั่วคราว แสงไฟกระจัดกระจาย มีเพียงองครักษ์ที่ประจำอยู่ที่ป้อมปราการนั้นไม่ได้ออกจากที่ประจำการ ดูเงียบเหงากว่าปกติยิ่งนัก

 

 

เงาคนสวมชุดสาวใช้ในมือถือเสื้อผ้า ดูเหมือนว่าเพิ่งจะทำงานเสร็จ ภายใต้แสงจันทร์นั้น เดินไปยังเรือนพักของบ่าวรับใช้

 

 

เดินไปได้ครึ่งทาง หญิงสาวก็หันหลังกลับอย่างคล่องแคล่ว หลีกเลี่ยงแสงไฟอย่างคุ้นเคย หลบหลีกทางที่ทหารเดินลาดตระเวน แล้วเดินไปยังมุมอับของพระราชนิเวศน์ ฉวยโอกาสเวลาสั้นๆ ตอนที่ทหารเปลี่ยนเวรยาม เข้าใกล้รั้วประตูที่การคุ้มกันเบาบาง

 

 

ชายฉกรรจ์ที่แต่งตัวเป็นชาวสวนที่เคยพบกันสองครั้งแล้วนั้นพับแขนเสื้อขึ้นยืนรออยู่นอกประตู นางแนบตัวเข้าใกล้

 

 

ครั้งก่อนคุยกันไว้แล้วว่า ไม่ว่าวันที่เจ็ดนั้นกลุ่มผ้าเหลืองจะไปทางตะวันออกของเมืองหรือไม่ ก็ต้องมาตอบกลับกัน ณ ที่ตรงนี้

 

 

“แม่นางชิ่งเอ๋อร์ พรุ่งนี้ลูกพี่จะนำเหล่าพี่น้องไปปล้นเสบียงที่ทางตะวันออกของเมือง” เมื่อชายฉกรรจ์เอ่ยขึ้น อวิ๋นหว่านชิ่นก็โล่งใจ สำเร็จแล้ว แล้วจึงฟังเขากล่าวต่อ “ถึงเวลานั้น ลูกพี่จะเสียบธงสีแดงสะดุดตาบนบ้านหลังหนึ่งในหมู่บ้านตระกูลเว่ย รบกวนแม่นางชิ่งเอ๋อร์บอกแม่นางชีเอ๋อร์ว่าเมื่อเดินผ่านตรงนั้น ให้หาโอกาสไปที่บ้านหลังนั้น ถึงเวลานั้นลูกพี่จะช่วยนางออกมา”

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นกำลังคิดว่าหลี่ว์ชีเอ๋อร์ทำทีท่าอยากจะโอนเอนไปฝั่งทางการ ไม่รู้ว่านางจะยอมกลับไปกับพี่ชายหรือไม่ แต่ก็พยักหน้าไปก่อน “ได้” แล้วจึงถามอีก “พรุ่งนี้ลูกพี่นำคนมาพอหรือไม่ ทางพระราชนิเวศน์นี้ ท่านอ๋องเสด็จ องครักษ์มีมากนัก อีกยังเป็นพลทหารที่ได้รับการฝึกมาอย่างดีอีกด้วย ลูกพี่เตรียมพร้อมหรือยัง”

 

 

“แม่นางชิ่งเอ๋อร์วางใจได้” ชายฉกรรจ์ไม่ได้พูดออกมาอย่างเปิดเผย แต่ส่งเป็นสัญญาณว่า “ถึงแม้พวกเราจะมีคนไม่พอ ถึงเวลานั้นก็จะมีคนมาช่วยเอง”

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นเข้าใจแล้ว จะล่อซานอิง อินทรีภูเขาตัวนั้นออกมาได้แล้ว จึงพยักหน้าเล็กน้อยเป็นสัญญาณว่าเข้าใจแล้ว เมื่อกำลังจะหันหลังกลับ กลับได้ยินชายฉกรรจ์นั้นเอ่ยขึ้น “แม่นางชิ่งเอ๋อร์ พรุ่งนี้เจ้าไม่ได้ติดตามขบวนทัพไป พวกเราช่วยเจ้าออกมาด้วยไม่ได้ แต่ว่าเจ้ารออย่างสบายใจได้ ลูกพี่บอกว่าภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว ก็จะมาพระราชนิเวศน์นี้รับเจ้ากลับไปทันที”

 

 

ท่ามกลางฤดูหนาวนี้ อวิ๋นหว่านชิ่นก็อบอุ่นใจขึ้นมาทันใด แต่ก็ส่ายหน้า “เจ้าบอกให้ลูกพี่หลี่ว์ปาไม่ต้องสนใจข้า ทำภารกิจก่อนค่อยว่ากัน ข้าหาโอกาสหนีไปเองได้”

 

 

ชายฉกรรจ์มองดูสาวน้อยตรงหน้าอย่างมีนัยยะ “เจ้านั่นล่ะที่เป็นภารกิจของลูกพี่…คนฉลาดอย่างแม่นางชิ่งเอ๋อร์ ยังไม่เข้าใจอีกหรือ”

 

 

กล่าวเสร็จก็หันหลังให้พระราชนิเวศน์แล้วหายไปท่ามกลางความมืดมิดอย่างเร็วไว

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นชะงักไป แล้วรีบเร่งฝีเท้ากลับห้องไป

 

 

วันที่เจ็ด ล่อเสือออกจากถ้ำ ฉินอ๋องมีรับสั่งให้สังหารไม่ให้เว้นชีวิต

 

 

อินทรีภูเขาและคนอื่นๆ ก็ต้องจัดการอยู่แล้ว แต่หลี่ว์ปา นางยังคงไว้ซึ่งปณิธานในตอนแรกนั่นก็คือ อยากช่วยเอาไว้

 

 

ในห้องบ่าวรับใช้ แสงไฟสว่างไสว

 

 

หลี่ว์ชีเอ๋อร์กำลังคุยเจี๊ยวจ๊าวกับสาวใช้คนอื่นๆ อยู่ เนื่องจากวันรุ่งขึ้นจะติดตามท่านอ๋องไปแจกจ่ายเสบียงกันแถวตะวันออกของเมือง จึงดีใจยิ่งนัก อีกยังถูกท่านอ๋องเรียกให้ไปด้วยตนเอง ก็ยิ่งดีใจไปใหญ่

 

 

กำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ก็เห็นอวิ๋นหว่านชิ่นผลักประตูเข้ามา รอยยิ้มของหลี่ว์ชีเอ๋อร์ก็จางไป ไม่ได้พูดอะไรต่อ นั่งขัดสมาธิอยู่บนที่นอนเตรียมเอนตัวลงนอน

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นเห็นว่าสาวใช้คนอื่นๆ ไปตักน้ำล้างหน้าล้างตากัน จึงลงกลอนประตูและหน้าต่าง เดินเข้าไป แล้วลากนางออกมาจากในผ้าห่ม

 

 

หลี่ว์ชีเอ๋อร์ขมวดคิ้ว “ทำอะไร ข้าจะนอนแล้ว วันรุ่งขึ้นยังต้องตื่นเช้าติดตามท่านอ๋องออกไปนอกที่พักอีก”

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นเปิดประเด็นตรงๆ “เจ้าอยากรักษาชีวิตของพี่ชายเจ้าไว้หรือไม่”

 

 

ในห้องนอนของบ่าวรับใช้ แสงไฟสลัวอยู่รำไร ภายใต้แสงไฟ สาวน้อยยังคงคิ้วบางตาเล็ก หน้าเหลืองผอมโซเหมือนก่อนหน้านี้ แต่ในดวงตามีความดุร้ายอย่างไม่เคยมีมาก่อน

 

 

เป็นสีหน้าที่ตอนตบหน้าตนในวันนั้นก็ไม่เคยมีมาก่อน

 

 

ผ่านไปสักพักหลี่ว์ชีเอ๋อร์จึงได้สติ แล้วก็สะบัดมือของนางออกทันที “รักษาชีวิตเขาอะไรกัน…เจ้าพูดอะไรอยู่”

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นพูดอย่างชัดเจน “พรุ่งนี้ตอนเจ้าติดตามไปที่หมู่บ้านตระกูลเว่ย หากที่นั่นมีการจลาจลเกิดขึ้น เจ้าหาโอกาสหนีออกมาได้ หาบ้านที่หลังคาปักธงสีแดงไว้ หากเจ้ายินยอมที่จะออกจากพระราชนิเวศน์ไป ก็ไปซ่อนตัวอยู่ในบ้านหลังนั้น พี่ชายเจ้าจะไปรับเจ้าที่นั่น”

 

 

หลี่ว์ชีเอ๋อร์ชะงักอยู่นาน ก็ตกใจได้สติขึ้นมา “ที่แท้เจ้าก็สมรู้ร่วมคิดกับกลุ่มโจรโพกผ้าเหลือง เจ้าหมายความว่า พรุ่งนี้ พรุ่งนี้พวกเขาจะซุ่มจู่โจมท่านอ๋องหรือ ไม่ได้ ไม่ได้ ข้า ข้าจะไปบอกท่านอ๋องเดี๋ยวนี้…”

 

 

พูดยังไม่ทันขาดคำ ข้อมือก็ถูกคนดึงไว้ จับไว้แน่น นางหันหน้ากลับไป สาวน้อยยกมุมปากเยาะเย้ย “ในเมื่อข้ากล้าบอกเจ้า เจ้าคิดว่าท่านอ๋องไม่รู้หรือ”

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นมองดูหลี่ว์ชีเอ๋อร์ เดิมทีเพียงเห็นว่านางอ่อนแอขลาดกลัว ไม่คิดว่าจะเหมือนดั่งที่ตนเสียดสีไปตอนอยู่ข้างสระน้ำนั้น เด็กหญิงผู้นี้เพื่อความเจริญก้าวหน้าของตนแล้ว ไม่เห็นแก่ความเป็นญาติพี่น้องเลย

 

 

หลี่ว์ชีเอ๋อร์เข้าใจความหมายของนางขึ้นมาทันใด ที่แท้ที่ท่านอ๋องไปทางตะวันออกของเมืองนั้นมีแผนการแต่แรก เพื่อที่จะล่อให้กลุ่มผ้าเหลืองออกมา!

 

 

แม่นางชิ่งเอ๋อร์ผู้นี้ ที่แท้ก็เป็นคนที่ท่านอ๋องและพี่ชายไว้วางใจนัก พี่ชายน่าจะได้ฝากฝังกับนางไว้ คิดอยากจะหาโอกาสช่วยตนออกมา

 

 

ท่ามกลางแสงไฟรำไร หลี่ว์ชีเอ๋อร์ดึงมือออกมา มองดูหญิงสาวตรงหน้า ในสายตามีความโกรธแค้น น้ำเสียงมุ่งมั่น “ข้าบอกแล้ว เขาไม่ใช่พี่ชายข้า ตั้งแต่วันที่เขาตั้งตนเป็นศัตรูกับทางการ เขาก็ไม่ใช่พี่ชายของข้าอีก! รบกวนเจ้าอย่าได้พูดถึงเขาอีก เจ้าเองก็อยู่ข้างทางการมิใช่หรือ เพื่อท่านอ๋องแล้วยอมล่อกลุ่มผ้าเหลืองออกมา เจ้าฉลาดนักนะ เพื่ออนาคตแล้วเลือกทางสะดวกสบาย แล้วข้าโง่เขลาไปกว่าเจ้าหรือ ข้าก็จะเข้าพวกกับทางการ เข้าพวกกับท่านอ๋องเช่นกัน เจ้าอย่ามาขัดขวางอนาคตอันสวยงามของข้า!”