ตอนที่ 92 ครูฝึกซ่ง / ตอนที่ 93 ปฏิเสธ

[นิยายวาย] เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ

ตอนที่ 92 ครูฝึกซ่ง 

 

 

เห็นได้ชัดว่าพวกเขาทุกคนรู้จัก มิฉะนั้นคงจะไม่พูดแบบนั้นออกมา 

 

 

นายทหารอ้วนคนนั้นมองผ่านมาทางนี้ จากนั้นเอาของทั้งหมดวางไว้ที่รถก่อนพร้อมกับส่งสัญญาณว่าให้รถไปก่อน จากนั้นตัวเองก็เดินมาทางสนามกีฬา 

 

 

รถขับมุ่งหน้าไปทางอาคารหอพักแล้ว คงจะไปหาที่พักจัดการกับกระเป๋าสัมภาระของนายทหารอ้วนคนนี้ให้เรียบร้อย 

 

 

ครูฝึกประจำห้องสองรีบหันไปพูดกับบรรดาครูฝึกพวกนั้นว่า : “เร็วเข้า รีบตั้งแถวเร็ว” 

 

 

บรรดาครูฝึกเหล่านั้นต่างพากันรีบจัดแจงเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายใหม่ พร้อมจัดระเบียบหมวกอีกนิดหน่อย 

 

 

พวกเขายืนจัดแถวเรียงกันในเวลาอันรวดเร็ว แถมยังเป็นระเบียบพร้อมเพรียงมากด้วย 

 

 

เหล่านักศึกษาทั้งหมดเห็นแล้วต่างก็รู้สึกละอายใจไปตามๆ กัน แบบนี้มันไม่เท่ากับแกว่งมือตบหน้าพวกเขาหรอ 

 

 

ขนาดพวกครูฝึกแค่จัดระเบียบแถวแบบสบายๆ ยังดูเป็นระเบียบทรงพลังขนาดนี้ แล้วดูพวกเขาที่ทุกวันไม่ว่าจะทำยังไงก็ยังคงดูท่าทางเหมือนไข่อ่อนอยู่เลย ช่างแตกต่างกันราวกับฟ้ากับเหวเลยจริงๆ 

 

 

นายทหารอ้วนคนนั้นเดินเข้าไป ครูฝึกประจำห้องสองรีบนำทำความเคารพพร้อมกับตะโกนเสียงดังลั่นว่า: “ผู้บังคับกองสวัสดีครับ” 

 

 

คนอ้วนคนนี้ที่แท้เป็นถึงผู้บังคับกองเลยหรอ 

 

 

แต่ว่าดูจากท่าทางของเขาแล้วอายุก็คงจะประมาณสามสิบเท่านั้นเองนะ 

 

 

“พัก” ผู้บังคับกองคนนั้นว่า 

 

 

เสียงของเขาก็ฟังดูหนาทุ้มดังกังวานเหมือนกัน แต่ได้ยินว่ามาเสียงของคนอ้วนมักจะมีพลังและกังวานมาก 

 

 

“ฉันไม่ได้มาช้าไปใช่ไหม” ผู้บังคับกองตัวอ้วนถามขึ้น 

 

 

“รายงานผู้บังคับกอง ไม่ครับ” ครูฝึกประจำห้องสองตอบกลับ 

 

 

“แถวไหนคือแถวสาม?” ผู้บังคับกองตัวอ้วนถามขึ้นมาอีกประโยค 

 

 

ในเวลานั้นชุยหังมีลางสังหรณ์ว่าผู้บังคับกองร้อยที่มาใหม่คนนี้อาจจะมาแทนรับช่วงต่อแทนหลูจื้อ 

 

 

ตอนนี้หลูจื้อเป็นรองผู้บังคับกองร้อยและอีกไม่นานก็จะได้รับเลื่อนตำแหน่งแล้ว ส่วนคนนี้เป็นผู้บังคับกองแล้วดูเหมือนว่าจะเป็นเจ้านายของหลูจื้อสินะ  

 

 

“รายงานผู้บังคับกอง อยู่ด้านหลังของผู้บังคับกองครับ” 

 

 

ผู้บังคับกองตัวอ้วนหันกลับมาพลางพูดขึ้นว่า: “แถวสาม ฟังคำสั่งผม แถวตรง” 

 

 

นักเรียนห้องสามทุกคนที่เมื่อครู่นี้กำลังเล่นสนุกกันอยู่ เมื่อได้ยินคำสั่งก็ยืนตัวตรงในทันที 

 

 

จากนั้น ผู้บังคับกองตัวอ้วนก็หันไปพูดกับเหล่าบรรดาครูฝึกที่ยืนอยู่ด้านหลังว่า: “เหมือนจะได้เวลาแล้วให้พวกเขาแยกย้ายเถอะ” 

 

 

“รับทราบครับ ผู้บังคับกอง” 

 

 

หลังจากบรรดาครูฝึกทุกคนแยกย้ายกันออกไปก็เดินแยกไปตามหน้าแถวของห้องที่ตนดูแลอยู่ ก่อนจะปล่อยพวกเขาแยกย้ายกันได้ เป็นการสิ้นสุดกิจกรรมการฝึกในวันนี้ 

 

 

มีเพียงแค่แถวสามเท่านั้นที่ยังอยู่โดยด้านหน้ามีครูฝึกตัวอ้วนยืนอยู่ 

 

 

“แนะนำตัวกันสักหน่อยนะ ผมชื่อซ่งไข่ เป็นครูฝึกสอนคนใหม่ของพวกคุณทุกคน ครูฝึกหลูมีธุระต้องออกเดินทางไปที่อื่น ดังนั้นวันที่เหลืออยู่ผมจะรับผิดชอบเป็นผู้ดูแลพวกคุณ ตอนก่อนที่ครูฝึกหลูจะเดินทางต่างก็คอยชื่นชมพวกคุณตลอดว่าแต่ละคนสามารถแสดงผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ผมหวังว่าพวกคุณจะไม่ทำให้ผมผิดหวัง ได้ยินหรือยัง” 

 

 

“ได้ยินแล้วครับ” ทุกคนขานรับอย่างพร้อมเพรียงกัน 

 

 

ชุยหังเดาถูกแล้ว คนๆ นี้มารับช่วงต่อจากหลูจื้อจริงๆ 

 

 

เพียงแต่ว่าหลูจื้อไปเพราะเรื่องอะไรกันแน่นั้น อันนี้ยังไม่แน่ใจเลยจริงๆ 

 

 

“วันนี้ก็ทำความรู้จักกับทุกคนก่อนนิดหน่อย ไม่มีเรื่องอื่นเพิ่มเติมแล้ว พรุ่งนี้ยังคงยึดตามเวลาเดิม นัดรวมตัวกันตรงสถานที่เดิม แยกย้าย” ในที่สุดครูฝึกซ่งก็ปล่อยให้พวกเขาแยกย้ายแล้ว 

 

 

ระหว่างทางเดินไปโรงอาหาร ทุกคนกำลังถกเถียงกันอยู่ว่าครูฝึกหลูเขาไปไหนกันแน่ แล้วทำไมจู่ๆ ถึงมีครูฝึกใหม่ที่มียศใหญ่กว่าเขามาเป็นคนฝึกให้พวกเขาแบบนี้ 

 

 

ว่าตามเหตุผลแล้ว คนระดับผู้บังคับกองร้อยคงไม่จำเป็นต้องมาฝึกทหารให้นักศึกษาแบบนี้หรอก? 

 

 

ชุยหังยังคงหมกมุ่นอยู่ในความคิดของตัวเอง ดูเหมือนว่าหลูจื้อคงจะไม่ได้กลับมาที่นี่แล้วจริงๆ สินะ 

 

 

เขาพูดไม่ออกว่ารู้สึกสบายใจหรือว่าเสียใจกันแน่ เอาแต่รู้สึกว่าภายในใจของเขามีอะไรบางอย่างอยู่ มันเบาหวิวแต่กลับไม่สามารถจับมันได้เลย 

 

 

ตอนกลางคืนชุยหังนอนพลิกไปเอียงมาอยู่บนเตียง นอนยังไงก็นอนไม่หลับ 

 

 

หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เลื่อนไปที่หน้าข้อความที่ชย่าอวี่ชิวส่งมาให้เขาเมื่อก่อนหน้านี้ แล้วในที่สุดเขาก็ส่งข้อความวีแชทกลับไปให้ชย่าอวี่ชิวจนได้ 

 

 

[ฉันคิดดีแล้วนะ ฉันว่าพวกเราเป็นเพื่อนกันมันก็ดีอยู่แล้วนะ นายว่าไง?] 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 93 ปฏิเสธ 

 

 

เมื่อเขาส่งข้อความเสร็จก็รู้สึกไม่ค่อยอยากดูโทรศัพท์แล้ว เพราะไม่รู้ว่าชย่าอวี่ชิวจะตอบกลับว่ายังไง 

 

 

แต่ว่าไม่ว่าอย่างไรก็ตามสุดท้ายก็ต้องเผชิญหน้ากับมัน 

 

 

ในเมื่อเดินมาจนถึงขั้นนี้แล้ว ยังไงก็ต้องดูว่าชย่าอวี่ชิวจะว่ายังไง 

 

 

เป็นอย่างที่คาดไว้ ชย่าอวี่ชิวตอบกลับข้อความภายในเวลาอันรวดเร็ว : [ทำไมล่ะ นายมีคนในใจแล้ว?] 

 

 

[อืม] ชุยหังลังเลอยู่นิดหน่อยก่อนที่จะกดส่งข้อความตอบกลับไป 

 

 

[ฉันรู้จักไหม] ชย่าอวี่ชิวถามกลับมาอีก 

 

 

ชุยหังคิดอยู่ครู่หนึ่งและตอบกลับข้อความไปว่า: [ไม่รู้จัก ที่จริงฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันใช่ความชอบหรือเปล่า เพราะสุดท้ายมันไม่มีผลลัพธ์อะไร] 

 

 

[ก็เหมือนฉันกับนาย?] ชย่าอวี่ชิวถามกลับมาตรงๆ 

 

 

ชุยหังตอบกลับไปว่า: [ไม่เหมือนกัน อย่างน้อยพวกเราสองคนยังเป็นเพื่อนกันได้ เรื่องนี้นายคงจะไม่ปฏิเสธหรอกใช่ไหม] 

 

 

[ไม่อยู่แล้ว นี่ฉันพึ่งโดนผู้ชายปฏิเสธเป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ย ตอนแรกก็คิดว่าจะลองเปลี่ยนทิศทางดู ปรากฏว่าไม่สำเร็จซะงั้น ดูเหมือนว่าฉันคงจะเหมาะกับผู้หญิงมากกว่าสินะ] ชย่าอวี่ชิวพูดเยาะเย้ยตัวเองสองสามประโยค 

 

 

ชุยหังคิดว่าแบบนี้ดีที่สุดแล้ว เพราะเดี๋ยวเขาก็จะสามารถลืมเรื่องราวเกี่ยวกับแวดวงนี้ไปได้ และจะได้ไม่ต้องรู้สึกสนใจแวดวงนี้อีก 

 

 

ดังนั้นจึงตอบกลับไปว่า: [คณะของนายมีผู้หญิงเยอะไม่ใช่หรอ] 

 

 

[ผู้หญิงคณะการคมนาคมดูได้หรอ นายคิดว่าเป็นคณะรัฐศาสตร์หรือไง] ชย่าอวี่ชิวตอบกลับข้อความ 

 

 

[ก็ไม่แน่นะ เผื่อว่ามีที่ไม่เลวสักคนไง ตอนที่ควรลงมือก็รีบลงมือเถอะ] ชุยหังตอบกลับไป 

 

 

ผ่านไปพักหนึ่งชย่าอวี่ชิวถึงตอบข้อความของเขา: [ก็จริง สำหรับเรื่องนาย ฉันก็ลงมือช้าไปหน่อย] 

 

 

ชุยหังพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ตอนแรกคิดว่ามาพูดเรื่องนี้กันมันอาจจะทำให้พวกเขาอึดอัดมาก แต่คิดไม่ถึงว่าคุยไปคุยมาจะยิ่งผ่อนคลายลงเรื่อยๆ แบบนี้ 

 

 

ถึงแม้จะไม่รู้ว่าตอนนี้ทางด้านชย่าอวี่ชิวอยู่ในอารมณ์ไหน แต่ตอนนี้ตัวเขาหลุดพ้นแล้ว 

 

 

อย่างน้อยก้อนหินหนักอึ้งสองก้อนในใจของเขาก็ได้ปล่อยวางไปแล้วก้อนหนึ่ง 

 

 

อีกก้อนที่เหลือนั้นแน่นอนว่าต้องเป็นหลูจื้อ 

 

 

แต่ดูจากตอนนี้ก้อนหินก้อนนั้นคงจะทำได้แค่แขวนเอาไว้แล้วล่ะ เพราะในเมื่อตอนนี้มีครูฝึกคนใหม่มาแทนแล้ว หลูจื้อคงจะไม่ได้กลับมาอีกแล้ว  

 

 

หากเป็นแบบนี้ต่อไปพวกเขาก็ไม่ต้องเกี่ยวข้องอะไรกันอีกแล้ว 

 

 

[ปากอย่างนายนี่นะ ถ้าเอาไปใช้จีบสาวล่ะก็ไม่ว่าจะกี่คนก็สำเร็จแน่นอน] ชุยหังพูดปลอบชย่าอวี่ชิว 

 

 

ในไม่ช้าชย่าอวี่ชิวก็ตอบกลับข้อความของเขา เป็นข้อความที่ทำเอาชุยหังกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเลยทีเดียว: [ก็ไม่ใช่ว่าเรือล่มในคลองระบายน้ำ [1] ตั้งแต่กับนายแล้วหรอ ไม่มีความมั่นใจแล้ว โดนเด็กหนุ่มปฏิเสธเอาแบบนี้ต่อไปฉันจะทำยังไงล่ะ ฉันไม่มีหน้าไปเจอบรรพบุรุษแล้ว] 

 

 

[ถ้าอย่างนั้นจะทำยังไงล่ะ คนที่ควรเจอยังไงก็ต้องเจอ] 

 

 

[หัวใจฉันแตกสลายไปหมดแล้ว นายดูนายสิว่าตรงไปตรงมาขนาดไหน ไม่ลังเลเลยสักนิด] ชย่าอวี่ชิวตอบกลับ 

 

 

นี่คงจะเป็นคำพูดจากใจของเขาสินะ แต่ว่าชุยหังไม่กล้าคิดจริงจังจึงได้แต่ทำเป็นว่าเขาล้อเล่น แล้วตอบกลับข้อความไปอีกว่า: [ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันเอาเทปกาวแปะให้] 

 

 

[เจ็บจี๊ดเลย จะเอาเทปกาวมาหลอกฉัน?] ชย่าอวี่ชิวตอบ 

 

 

ชุยหังคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะส่งสติ๊กเกอร์มึนงงไปให้เขา แล้วตอบกลับไปอีกประโยคว่า: [ถ้าไม่อย่างนั้น กาวน้ำ?] 

 

 

[โหดเ**้ยมสุดๆ ฉันยอมแพ้แล้ว ออกไปกินเหล้าด้วยกันสักวันไหม] อารมณ์ของชย่าอวี่ชิวค่อยๆ เปลี่ยนเป็นนิ่งขึ้นเรื่อยๆ 

 

 

ชุยหังคิดว่า คนสองคนที่พึ่งจะมีเรื่องอึดอัดใจกันเมื่อสามารถกลับมาพูดคุยกับแบบสบายๆ ได้แล้ว ยังไงก็ต้องตระหนักว่าฝ่ายตรงข้ามอาจจะมีรู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้าง ก่อนที่จะสามารถสรุปผลลัพธ์เรื่องนี้ได้นั้นอันที่จริงก็ยังคงต้องการขั้นตอนบางอย่างอยู่ 

 

 

[ได้สิ รอฝึกทหารเสร็จเถอะ] 

 

 

[ทำไมต้องรอจนกว่าจะฝึกเสร็จล่ะ วันนั้นนายก็ออกไปดื่มมาไม่ใช่หรอ] ชย่าอวี่ชิวถามกลับมา 

 

 

ชุยหังจึงอธิบายไปว่า: [ครูฝึกคนเก่าของเราย้ายไปแล้ว ก็เลยได้ครูฝึกคนใหม่มาแทนแถมยังเป็นระดับหัวหน้าของเขาเลยด้วย ฉันท้าทายไม่ไหวหรอกนะ] 

 

 

 

 

 

—— 

 

 

[1] เรือล่มในคลองระบายน้ำ 阴沟翻船อุปมาว่า ควบคุมไม่ดีจนเกิดปัญหาหรือเรื่องที่ทำดีมาตลอดกลับต้องพลาด