ตอนที่ 92 ครูฝึกซ่ง
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาทุกคนรู้จัก มิฉะนั้นคงจะไม่พูดแบบนั้นออกมา
นายทหารอ้วนคนนั้นมองผ่านมาทางนี้ จากนั้นเอาของทั้งหมดวางไว้ที่รถก่อนพร้อมกับส่งสัญญาณว่าให้รถไปก่อน จากนั้นตัวเองก็เดินมาทางสนามกีฬา
รถขับมุ่งหน้าไปทางอาคารหอพักแล้ว คงจะไปหาที่พักจัดการกับกระเป๋าสัมภาระของนายทหารอ้วนคนนี้ให้เรียบร้อย
ครูฝึกประจำห้องสองรีบหันไปพูดกับบรรดาครูฝึกพวกนั้นว่า : “เร็วเข้า รีบตั้งแถวเร็ว”
บรรดาครูฝึกเหล่านั้นต่างพากันรีบจัดแจงเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายใหม่ พร้อมจัดระเบียบหมวกอีกนิดหน่อย
พวกเขายืนจัดแถวเรียงกันในเวลาอันรวดเร็ว แถมยังเป็นระเบียบพร้อมเพรียงมากด้วย
เหล่านักศึกษาทั้งหมดเห็นแล้วต่างก็รู้สึกละอายใจไปตามๆ กัน แบบนี้มันไม่เท่ากับแกว่งมือตบหน้าพวกเขาหรอ
ขนาดพวกครูฝึกแค่จัดระเบียบแถวแบบสบายๆ ยังดูเป็นระเบียบทรงพลังขนาดนี้ แล้วดูพวกเขาที่ทุกวันไม่ว่าจะทำยังไงก็ยังคงดูท่าทางเหมือนไข่อ่อนอยู่เลย ช่างแตกต่างกันราวกับฟ้ากับเหวเลยจริงๆ
นายทหารอ้วนคนนั้นเดินเข้าไป ครูฝึกประจำห้องสองรีบนำทำความเคารพพร้อมกับตะโกนเสียงดังลั่นว่า: “ผู้บังคับกองสวัสดีครับ”
คนอ้วนคนนี้ที่แท้เป็นถึงผู้บังคับกองเลยหรอ
แต่ว่าดูจากท่าทางของเขาแล้วอายุก็คงจะประมาณสามสิบเท่านั้นเองนะ
“พัก” ผู้บังคับกองคนนั้นว่า
เสียงของเขาก็ฟังดูหนาทุ้มดังกังวานเหมือนกัน แต่ได้ยินว่ามาเสียงของคนอ้วนมักจะมีพลังและกังวานมาก
“ฉันไม่ได้มาช้าไปใช่ไหม” ผู้บังคับกองตัวอ้วนถามขึ้น
“รายงานผู้บังคับกอง ไม่ครับ” ครูฝึกประจำห้องสองตอบกลับ
“แถวไหนคือแถวสาม?” ผู้บังคับกองตัวอ้วนถามขึ้นมาอีกประโยค
ในเวลานั้นชุยหังมีลางสังหรณ์ว่าผู้บังคับกองร้อยที่มาใหม่คนนี้อาจจะมาแทนรับช่วงต่อแทนหลูจื้อ
ตอนนี้หลูจื้อเป็นรองผู้บังคับกองร้อยและอีกไม่นานก็จะได้รับเลื่อนตำแหน่งแล้ว ส่วนคนนี้เป็นผู้บังคับกองแล้วดูเหมือนว่าจะเป็นเจ้านายของหลูจื้อสินะ
“รายงานผู้บังคับกอง อยู่ด้านหลังของผู้บังคับกองครับ”
ผู้บังคับกองตัวอ้วนหันกลับมาพลางพูดขึ้นว่า: “แถวสาม ฟังคำสั่งผม แถวตรง”
นักเรียนห้องสามทุกคนที่เมื่อครู่นี้กำลังเล่นสนุกกันอยู่ เมื่อได้ยินคำสั่งก็ยืนตัวตรงในทันที
จากนั้น ผู้บังคับกองตัวอ้วนก็หันไปพูดกับเหล่าบรรดาครูฝึกที่ยืนอยู่ด้านหลังว่า: “เหมือนจะได้เวลาแล้วให้พวกเขาแยกย้ายเถอะ”
“รับทราบครับ ผู้บังคับกอง”
หลังจากบรรดาครูฝึกทุกคนแยกย้ายกันออกไปก็เดินแยกไปตามหน้าแถวของห้องที่ตนดูแลอยู่ ก่อนจะปล่อยพวกเขาแยกย้ายกันได้ เป็นการสิ้นสุดกิจกรรมการฝึกในวันนี้
มีเพียงแค่แถวสามเท่านั้นที่ยังอยู่โดยด้านหน้ามีครูฝึกตัวอ้วนยืนอยู่
“แนะนำตัวกันสักหน่อยนะ ผมชื่อซ่งไข่ เป็นครูฝึกสอนคนใหม่ของพวกคุณทุกคน ครูฝึกหลูมีธุระต้องออกเดินทางไปที่อื่น ดังนั้นวันที่เหลืออยู่ผมจะรับผิดชอบเป็นผู้ดูแลพวกคุณ ตอนก่อนที่ครูฝึกหลูจะเดินทางต่างก็คอยชื่นชมพวกคุณตลอดว่าแต่ละคนสามารถแสดงผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ผมหวังว่าพวกคุณจะไม่ทำให้ผมผิดหวัง ได้ยินหรือยัง”
“ได้ยินแล้วครับ” ทุกคนขานรับอย่างพร้อมเพรียงกัน
ชุยหังเดาถูกแล้ว คนๆ นี้มารับช่วงต่อจากหลูจื้อจริงๆ
เพียงแต่ว่าหลูจื้อไปเพราะเรื่องอะไรกันแน่นั้น อันนี้ยังไม่แน่ใจเลยจริงๆ
“วันนี้ก็ทำความรู้จักกับทุกคนก่อนนิดหน่อย ไม่มีเรื่องอื่นเพิ่มเติมแล้ว พรุ่งนี้ยังคงยึดตามเวลาเดิม นัดรวมตัวกันตรงสถานที่เดิม แยกย้าย” ในที่สุดครูฝึกซ่งก็ปล่อยให้พวกเขาแยกย้ายแล้ว
ระหว่างทางเดินไปโรงอาหาร ทุกคนกำลังถกเถียงกันอยู่ว่าครูฝึกหลูเขาไปไหนกันแน่ แล้วทำไมจู่ๆ ถึงมีครูฝึกใหม่ที่มียศใหญ่กว่าเขามาเป็นคนฝึกให้พวกเขาแบบนี้
ว่าตามเหตุผลแล้ว คนระดับผู้บังคับกองร้อยคงไม่จำเป็นต้องมาฝึกทหารให้นักศึกษาแบบนี้หรอก?
ชุยหังยังคงหมกมุ่นอยู่ในความคิดของตัวเอง ดูเหมือนว่าหลูจื้อคงจะไม่ได้กลับมาที่นี่แล้วจริงๆ สินะ
เขาพูดไม่ออกว่ารู้สึกสบายใจหรือว่าเสียใจกันแน่ เอาแต่รู้สึกว่าภายในใจของเขามีอะไรบางอย่างอยู่ มันเบาหวิวแต่กลับไม่สามารถจับมันได้เลย
ตอนกลางคืนชุยหังนอนพลิกไปเอียงมาอยู่บนเตียง นอนยังไงก็นอนไม่หลับ
หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เลื่อนไปที่หน้าข้อความที่ชย่าอวี่ชิวส่งมาให้เขาเมื่อก่อนหน้านี้ แล้วในที่สุดเขาก็ส่งข้อความวีแชทกลับไปให้ชย่าอวี่ชิวจนได้
[ฉันคิดดีแล้วนะ ฉันว่าพวกเราเป็นเพื่อนกันมันก็ดีอยู่แล้วนะ นายว่าไง?]
ตอนที่ 93 ปฏิเสธ
เมื่อเขาส่งข้อความเสร็จก็รู้สึกไม่ค่อยอยากดูโทรศัพท์แล้ว เพราะไม่รู้ว่าชย่าอวี่ชิวจะตอบกลับว่ายังไง
แต่ว่าไม่ว่าอย่างไรก็ตามสุดท้ายก็ต้องเผชิญหน้ากับมัน
ในเมื่อเดินมาจนถึงขั้นนี้แล้ว ยังไงก็ต้องดูว่าชย่าอวี่ชิวจะว่ายังไง
เป็นอย่างที่คาดไว้ ชย่าอวี่ชิวตอบกลับข้อความภายในเวลาอันรวดเร็ว : [ทำไมล่ะ นายมีคนในใจแล้ว?]
[อืม] ชุยหังลังเลอยู่นิดหน่อยก่อนที่จะกดส่งข้อความตอบกลับไป
[ฉันรู้จักไหม] ชย่าอวี่ชิวถามกลับมาอีก
ชุยหังคิดอยู่ครู่หนึ่งและตอบกลับข้อความไปว่า: [ไม่รู้จัก ที่จริงฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันใช่ความชอบหรือเปล่า เพราะสุดท้ายมันไม่มีผลลัพธ์อะไร]
[ก็เหมือนฉันกับนาย?] ชย่าอวี่ชิวถามกลับมาตรงๆ
ชุยหังตอบกลับไปว่า: [ไม่เหมือนกัน อย่างน้อยพวกเราสองคนยังเป็นเพื่อนกันได้ เรื่องนี้นายคงจะไม่ปฏิเสธหรอกใช่ไหม]
[ไม่อยู่แล้ว นี่ฉันพึ่งโดนผู้ชายปฏิเสธเป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ย ตอนแรกก็คิดว่าจะลองเปลี่ยนทิศทางดู ปรากฏว่าไม่สำเร็จซะงั้น ดูเหมือนว่าฉันคงจะเหมาะกับผู้หญิงมากกว่าสินะ] ชย่าอวี่ชิวพูดเยาะเย้ยตัวเองสองสามประโยค
ชุยหังคิดว่าแบบนี้ดีที่สุดแล้ว เพราะเดี๋ยวเขาก็จะสามารถลืมเรื่องราวเกี่ยวกับแวดวงนี้ไปได้ และจะได้ไม่ต้องรู้สึกสนใจแวดวงนี้อีก
ดังนั้นจึงตอบกลับไปว่า: [คณะของนายมีผู้หญิงเยอะไม่ใช่หรอ]
[ผู้หญิงคณะการคมนาคมดูได้หรอ นายคิดว่าเป็นคณะรัฐศาสตร์หรือไง] ชย่าอวี่ชิวตอบกลับข้อความ
[ก็ไม่แน่นะ เผื่อว่ามีที่ไม่เลวสักคนไง ตอนที่ควรลงมือก็รีบลงมือเถอะ] ชุยหังตอบกลับไป
ผ่านไปพักหนึ่งชย่าอวี่ชิวถึงตอบข้อความของเขา: [ก็จริง สำหรับเรื่องนาย ฉันก็ลงมือช้าไปหน่อย]
ชุยหังพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ตอนแรกคิดว่ามาพูดเรื่องนี้กันมันอาจจะทำให้พวกเขาอึดอัดมาก แต่คิดไม่ถึงว่าคุยไปคุยมาจะยิ่งผ่อนคลายลงเรื่อยๆ แบบนี้
ถึงแม้จะไม่รู้ว่าตอนนี้ทางด้านชย่าอวี่ชิวอยู่ในอารมณ์ไหน แต่ตอนนี้ตัวเขาหลุดพ้นแล้ว
อย่างน้อยก้อนหินหนักอึ้งสองก้อนในใจของเขาก็ได้ปล่อยวางไปแล้วก้อนหนึ่ง
อีกก้อนที่เหลือนั้นแน่นอนว่าต้องเป็นหลูจื้อ
แต่ดูจากตอนนี้ก้อนหินก้อนนั้นคงจะทำได้แค่แขวนเอาไว้แล้วล่ะ เพราะในเมื่อตอนนี้มีครูฝึกคนใหม่มาแทนแล้ว หลูจื้อคงจะไม่ได้กลับมาอีกแล้ว
หากเป็นแบบนี้ต่อไปพวกเขาก็ไม่ต้องเกี่ยวข้องอะไรกันอีกแล้ว
[ปากอย่างนายนี่นะ ถ้าเอาไปใช้จีบสาวล่ะก็ไม่ว่าจะกี่คนก็สำเร็จแน่นอน] ชุยหังพูดปลอบชย่าอวี่ชิว
ในไม่ช้าชย่าอวี่ชิวก็ตอบกลับข้อความของเขา เป็นข้อความที่ทำเอาชุยหังกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเลยทีเดียว: [ก็ไม่ใช่ว่าเรือล่มในคลองระบายน้ำ [1] ตั้งแต่กับนายแล้วหรอ ไม่มีความมั่นใจแล้ว โดนเด็กหนุ่มปฏิเสธเอาแบบนี้ต่อไปฉันจะทำยังไงล่ะ ฉันไม่มีหน้าไปเจอบรรพบุรุษแล้ว]
[ถ้าอย่างนั้นจะทำยังไงล่ะ คนที่ควรเจอยังไงก็ต้องเจอ]
[หัวใจฉันแตกสลายไปหมดแล้ว นายดูนายสิว่าตรงไปตรงมาขนาดไหน ไม่ลังเลเลยสักนิด] ชย่าอวี่ชิวตอบกลับ
นี่คงจะเป็นคำพูดจากใจของเขาสินะ แต่ว่าชุยหังไม่กล้าคิดจริงจังจึงได้แต่ทำเป็นว่าเขาล้อเล่น แล้วตอบกลับข้อความไปอีกว่า: [ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันเอาเทปกาวแปะให้]
[เจ็บจี๊ดเลย จะเอาเทปกาวมาหลอกฉัน?] ชย่าอวี่ชิวตอบ
ชุยหังคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะส่งสติ๊กเกอร์มึนงงไปให้เขา แล้วตอบกลับไปอีกประโยคว่า: [ถ้าไม่อย่างนั้น กาวน้ำ?]
[โหดเ**้ยมสุดๆ ฉันยอมแพ้แล้ว ออกไปกินเหล้าด้วยกันสักวันไหม] อารมณ์ของชย่าอวี่ชิวค่อยๆ เปลี่ยนเป็นนิ่งขึ้นเรื่อยๆ
ชุยหังคิดว่า คนสองคนที่พึ่งจะมีเรื่องอึดอัดใจกันเมื่อสามารถกลับมาพูดคุยกับแบบสบายๆ ได้แล้ว ยังไงก็ต้องตระหนักว่าฝ่ายตรงข้ามอาจจะมีรู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้าง ก่อนที่จะสามารถสรุปผลลัพธ์เรื่องนี้ได้นั้นอันที่จริงก็ยังคงต้องการขั้นตอนบางอย่างอยู่
[ได้สิ รอฝึกทหารเสร็จเถอะ]
[ทำไมต้องรอจนกว่าจะฝึกเสร็จล่ะ วันนั้นนายก็ออกไปดื่มมาไม่ใช่หรอ] ชย่าอวี่ชิวถามกลับมา
ชุยหังจึงอธิบายไปว่า: [ครูฝึกคนเก่าของเราย้ายไปแล้ว ก็เลยได้ครูฝึกคนใหม่มาแทนแถมยังเป็นระดับหัวหน้าของเขาเลยด้วย ฉันท้าทายไม่ไหวหรอกนะ]
——
[1] เรือล่มในคลองระบายน้ำ 阴沟翻船อุปมาว่า ควบคุมไม่ดีจนเกิดปัญหาหรือเรื่องที่ทำดีมาตลอดกลับต้องพลาด