บทที่ 501

บทที่ 501

แม้ว่าเหลียงซิงจะหลอกลวงผู้มีอำนาจของกองทัพชานซุยด้วยกองกำลังของพวกเขาเอง แต่ก็เป็นเรื่องง่ายสำหรับพรรคพวกของถังหยินที่จะหยุดเหลียงซิงจากการอ้างสิทธิ์ในตำแหน่งราชา

ทว่าในช่วงเวลานี้ แม่ทัพที่นำโดยชิวเจิ้นกลับไม่ได้ทำอะไรเลย เห็นได้ชัดว่าพวกเขามีจุดประสงค์เพื่อตามใจเหลียงซิง และหลังจากที่ฝ่ายหลังประกาศตั้งตนเป็นราชาแล้ว เหลียงซิงก็พยายามจะทำให้พวกเขาจนมุม อันที่จริงพวกชิวเจิ้นไม่ต้องทำถึงเพียงนี้ก็ย่อมได้ จะใช้วิธีที่เด็ดขาดกำจัดเหลียงซิงและราชสำนักที่เขาก่อตั้งขึ้นก็ยังได้

แต่ไม่ทำ…

หลีเทียนดูเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง เขาแน่ใจเรื่องหนึ่งแล้วว่า พวกเขาไม่สามารถอยู่ในเฮาเทียนได้อีกและต้องรีบกลับไปโดยด่วนที่สุด เขากล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ข้าว่า เราต้องออกเดินทางทันที มิฉะนั้น หากปล่อยเหลียงซิงไว้นานเกินไปและเขาได้รับความเห็นชอบจากพลเมือง เราก็จะเสียเปรียบอย่างมาก!”

“หึหึ!” ถังหยินกลอกตาของเขาหัวเราะเบา ๆ และกล่าวว่า “ชิวเจิ้นเต็มใจที่จะให้เหลียงซิงขึ้นครองราชย์ เขาก็ควรมีวิธีที่จะทำให้เหลียงซิงต้องนั่งไม่ติดบัลลังค์อย่างแน่นอน ไม่จำเป็นต้องกังวลไป”

“แต่ว่า…?” เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้หลีเทียนไม่สามารถสบายใจได้ แต่เมื่อมองไปยังถังหยินที่ดูมั่นใจ เขาก็รู้สึกสับสนอย่างที่สุด “นายท่าน…แล้วเราจะทำยังไงต่อ”

“รอ”

“หมายความว่าอย่างไรขอรับ…?”

“รอสามวัน แล้ว…เราจะกลับไป” ถังหยินพูดราวกับว่าเขากำลังคิดอะไรบางอย่าง

สามวัน?

ทั้งหลีเทียน เจี๋ยงฟานและเจียงหลูต่างก็ตกตะลึง พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมนายของพวกเขาถึงต้องเสียเวลาสามวัน ทั้ง ๆ ที่เกิดเหตุการณ์ใหญ่ในเมืองหลวง แต่เมื่อเห็นว่าถังหยินไม่มีความตั้งใจที่จะพูดอีกต่อไป ทุกคนทำได้เพียงพยักหน้าเห็นด้วย

วันรุ่งขึ้นถังหยินตื่นเช้ามากและเรียกหลีเทียนมา ให้เขาซื้อหนังสือมาให้ ตัวถังหยินไม่ชอบอ่านหนังสือ แต่ในยุคนี้ไม่มีความบันเทิงใด ๆ ให้เขาเลย อีกอย่าง ยามนี้มีผู้ใช้ศาสตร์มืดคอยจ้องมองเขาอยู่ เขาอยากจะหลีกเลี่ยงการออกไปข้างนอก

ตามคำสั่งของถังหยิน หลีเทียนนำคนของเนตรเวหาสามคนที่คุ้นเคยกับในเมืองหลวงของเฮาเทียนเดินไปรอบ ๆ ข้างนอก แล้วนำหนังสือจำนวนมากกลับมา มีเนื้อหาทุกประเภทตั้งแต่ดาราศาสตร์ไปจนถึงภูมิศาสตร์

ถังหยินนำหนังสือเหล่านี้ไปที่ห้องของเขา ก่อนจะพลิกอ่านผ่าน ๆ

ตลอดทั้งวัน ถังหยินแทบไม่ออกจากห้องของเขาเลย เขาแค่อ่านหนังสือ กินและนอน ในวันที่สองก็ยังคงเป็นเช่นเคย ในวันที่สามเมื่อ เห็นว่ายังคงเหมือนเดิม หลีเทียน เจี๋ยงฟาน และเจียงหลูต่างก็ตกตะลึง

ทั้งสามคนพึมพำนอกห้องของถังหยิน “ทำไมนายท่านถึงเอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องของเขาทั้งวันมัน…”

“…ป่วยกระมัง?”

“นายท่านทานอาหารสามมื้อต่อวัน แล้วยังทานค่อนข้างเยอะทุกมื้อ เขาจะป่วยได้อย่างไร?”

“มันอาจจะเป็นโรคหัวใจก็ได้นะ!”

“หรือเพราะเรื่องที่เมืองหยาน?”

“อาจไม่ใช่เป็นเช่นนั้น บางทีมันอาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่องเบื้องบน?”

ทันใดนั้นประตูก็เปิดออก ถังหยินเดินออกมา เมื่อเห็นนายเหนือหัว พวกเขาทั้งสามก็ตกใจและอธิบายอย่างประหม่า

“นายท่าน…”

“ขออภัยขอรับ รบกวนท่านหรือเปล่า…?”

ถังหยินมองดูพวกเขาทั้งสามอย่างแปลก ๆ และพูดด้วยความงุนงง “ข้าจะไปห้องน้ำ”

ในช่วงบ่าย ผู้ติดตามทั้งสามได้เริ่มเก็บของเพื่อออกเดินทางกลับ นับตั้งแต่ถังหยินกล่าวว่าจะอยู่ที่นี่ต่ออีกสามวัน ตอนนี้วันเวลาได้ผ่านไปสองวันครึ่งแล้ว และพวกเขาจะกลับไปยังแคว้นเฟิงได้ในเช้าวันพรุ่งนี้

ขณะที่ทั้งสามกำลังยุ่งอยู่กับการเก็บข้าวของเสี่ยวมินก็เข้ามา

เสี่ยวมินเป็นหัวหน้าองครักษ์ของหยินโหรว หลีเทียนและคนอื่น ๆ ไม่กล้าที่จะรอช้า รีบไปรายงานให้ถังหยินทราบทันที นายท่านของพวกเขากำลังอ่านหนังสืออยู่ในห้อง เมื่อได้ยินข่าวการมาถึงของเสี่ยวมิน สีหน้าของเขาพลันฉายแววโล่งอกชั่วขณะ แต่ก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว

หลังจากนั้นไม่นาน เสี่ยวมินก็เดินเข้ามาจากด้านนอก เมื่อเห็นกองหนังสือตั้งสูงอยู่บนโต๊ะ นางถึงกับต้องทักอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจ “ข้าไม่เคยรู้มาก่อนว่า เจ้าชอบอ่านหนังสือ”

ถังหยินทำสีหน้าเรียบเฉยและพูดตามความเป็นจริง “ถ้าอย่างนั้นก็มันรู้ซะวันนี้!”

“ทำไมข้าถึงไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้นะ!” เสี่ยวมินพึมพำ

ถังหยินเปลี่ยนเรื่องและหัวเราะ “มาหาข้าทำไม”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นเสี่ยวมินก็เชิดหน้าขึ้นหลังเหยียดตรง ยื่นมือออกมาหยิบหนังสือ หลังจากพลิกอ่านสองสามครั้ง นางก็ถอนหายใจ

ถังหยินที่กำลังมีความสุข เอียงศีรษะมองและส่งยิ้มให้เสี่ยวมิน

หลังจากวางหนังสือลง เสี่ยวมินก็โน้มตัวเข้าไปใกล้ถังหยินและกระซิบว่า “ไม่ขอบคุณข้าเสียหน่อยหรือ?”

ถังหยินมองไปยังดวงตากลมโตตรงหน้า เขาเลิกคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ

เสี่ยวมินจ้องมองเขา ก่อนที่นางจะลุกขึ้นยืนอย่างภาคภูมิใจและกล่าวว่า “องค์หญิงเรียกหาเจ้า”

คำพูดสบาย ๆ แต่กลับทำให้หัวใจของถังหยินกระโดดโลดเต้นด้วยเรื่องนี้ เขาไม่รู้ว่าหยินโหรวจะพูดกับโอรสสวรรค์แล้วหรือไม่ ทำให้เขาตัดสินใจรอที่ที่นี่เป็นเวลาสามวัน หากไม่มีข่าวหลังจากสามวัน เขาจะกลับไปที่เมืองหยานเพื่อจัดการเรื่องทุกอย่างให้เรียบร้อย

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ถังหยินก็เงยหน้าขึ้นอย่างใจเย็นและถามว่า “ตอนนี้หรือ”

ย่อมเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับการอัญเชิญโดยโอรสสวรรค์ แต่บนใบหน้าของถังหยินกลับดูไม่มีความสุขเลย “เจ้าไม่ดีใจหรือ?”

“แน่นอนว่าไม่” มุมปากของถังหยินยกยิ้ม

“แปลกคนเสียจริง” เสี่ยวมินไม่สามารถอ่านความคิดของถังหยินได้

ถังหยินไม่สนใจ เขาประสานมือและพูดว่า “ครั้งนี้ต้องขอบคุณความช่วยเหลือของเจ้ามาก”

“ไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก!” เสี่ยวมินโบกมือและกล่าวว่า “เหตุผลที่โอรสสวรรค์เรียกเจ้ามาก็เพราะองค์หญิง”

ในสองวันที่ผ่านมาเจ้าหญิงได้พูดถ้อยคำดี ๆ มากมายกับโอรสสวรรค์ และคำพูดของนางก็เป็นเช่นนั้น

“ข้ารู้สึกขอบคุณอย่างมากต่อความกรุณาของเจ้า” ปกติถังหยินไม่ใช่คนพูดจาไพเราะ คำพูดแบบนี้ของเขามักทำให้คนอื่นรู้สึกอึดอัดใจ

เสี่ยวมินกลอกตาไปมาให้ถังหยินอย่างไม่พอใจ และพูดว่า “มีหลายสิ่งที่เจ้าไม่ควรพูด!”

หลังจากหยุดอยู่ครู่หนึ่งนางก็ถามอย่างจริงจังว่า “ถ้าเจ้าได้ครองแคว้นเฟิงจริง เจ้าจะหยุดพิธีอภิเษกสมรสขององค์หญิงได้จริงอย่างนั้นหรือ?”

นี่เป็นปัญหาที่เสี่ยวมินกังวลมากที่สุด หยินโหรวไม่เต็มใจที่จะเข้าพิธีกับหลีตานแม้แต่น้อย

ถังหยินหรี่ตาของเขาและพูดเบา ๆ ว่า “แน่นอน”

เสี่ยวมินถามว่า “แล้วจะทำยังไง?”

ถังหยินถามอย่างช้า ๆ ทีละคำ “ส่ง…กอง…กำลัง…ไป?”

เสี่ยวมินตกใจมากและพูดว่า “ส่งกองกำลังไป…เจ้าบ้าไปแล้วหรือ! หากทำเช่นนั้นเจ้าได้ตกเป็นเป้าของแคว้นอื่น ๆ อย่างแน่นอน!”

“แล้วอย่างไร…?” ถังหยินเย้ยหยันและพูดว่า “บุรุษเช่นไรที่ยอมให้หญิงที่รักตกอยู่ในน้ำมือของชายอื่น?!”

เสี่ยวมินมองไปที่ถังหยินเป็นเวลานาน หากถังหยินทำตามที่พูดจริง นางย่อมไม่มีทางให้ถังหยินได้ครองราชย์อยา่งแน่นอน แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ ด้วยฐานะและความสามารถอย่างนางย่อมไม่มีสิทธิที่จะทำอะไรได้

ครั้งสุดท้ายที่ถังหยินเข้าไปในวัง เขาถูกเสี่ยวมินพาเข้ามาอย่างลับ ๆ แต่คราวนี้เขาถูกโอรสสวรรค์เรียกตัวเข้าวังในเวลากลางวันแสก ๆ

ประตูทางทิศใต้ของพระราชวังเป็นประตูหลัก มันสูงใหญ่และโอ่อ่ากว่าประตูวังอื่น ๆ มาก ทหารชุดเกราะทั้งสองข้างของพระราชวังเป็นเหมือนแนวรั้ว

โอรสสวรรค์ไม่ได้เรียกถังหยินมาที่ห้องโถงใหญ่ของพระราชวัง แต่ให้ไปที่ห้องทรงอักษรแทน

ห้องทรงอักษรของโอรสสวรรค์นั้นไม่ได้แตกต่างไปจากพระราชวังปกติมากนัก อันที่จริงควรมีตำราเคล็ดคัมภีร์หลายหมื่นเล่มอยู่ข้างใน แต่ห้องที่แสนกว้างขวางเช่นนี้กลับว่างเปล่า ถังหยินถูกทหารยามหลายคนหยุดอยู่ด้านนอกลาน พวกเขาตรวจดูทั่วร่างกายของถังหยินอย่างระมัดระวัง และหลังจากยืนยันได้ว่าไม่มีอาวุธก็ปล่อยเขาเข้าไป

เมื่อเขาเดินไปที่ประตูของห้องทรงอักษร ถังหยินก็ถูกองครักษ์สามคนขวางเอาไว้ คนหนึ่งนั้นใช้ตาทิพย์เพื่อสำรวจเขา จากนั้นพยักหน้าให้คนข้าง ๆ เมื่อเห็นเช่นนั้นอีกคนก็หยิบยาสลายวิญญาณออกมาให้ถังหยินกินเข้าไป

ไม่รู้มาก่อนเลยว่า เพียงต้องการพบโอรสสวรรค์ มันจะกฎเล็ก ๆ เช่นนี้ด้วย ในขณะนี้เขากำลังลังเล หากกินยานี้เข้าไป เขาก็จะไม่ต่างจากคนปกติ ถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาแล้วจะทำอย่างไร? ทหารโดยรอบทุกคนกำลังจ้องมาที่เขาอยู่ โดยไม่มีเวลาคิด ถังหยินตัดสินใจกลืนยานั้นลงไป

หลังจากรออยู่ครู่หนึ่ง ผู้พิทักษ์ที่มีญาณทิพย์ก็ตรวจสอบถังหยินอีกครั้ง และเมื่อยืนยันได้ว่าพลังวิญญาณทั้งหมดของเขาหมดไปแล้ว เขาก็หันกลับมาเปิดประตูห้องทรงอักษร ก่อนจะพูดว่า “เชิญท่านถัง!”

เมื่อมาถึงที่นี่ เสี่ยวมินไม่สามารถติดตามถังหยินเข้ามาได้อีกต่อไป แม้ว่านางจะเป็นองครักษ์ขององค์หญิงก็ตาม ซึ่งหากปราศจากคำสั่งจากโอรสสวรรค์ นางก็ไม่มีสิทธิ

ถังหยินหันไปมองเสี่ยวมินและเห็นคนหลังพยักหน้าให้เขา จากนั้นจึงเดินเข้าไป

พื้นห้องถูกปูด้วยหินอ่อนสีดำขัดเงา มันเรียบเนียนราวกับกระจก หากมองลงไปคงจะสามารถมองเห็นภาพสะท้อนของตัวเองได้อย่างชัดเจน เมื่อมองไปรอบ ๆ ภายในถูกประดับไปด้วยทองคำ และหยกสีสดใสก็ถูกฝังเอาไว้ตามชั้นหนังสือและคานหลังคาทั้งสอง

ในขณะที่เขาเงยหน้าขึ้นมอง พลันมีเสียงหวานดังขึ้นมาจากด้านข้างของเขา “เชิญเข้ามาเจ้าค่ะ…”

ถังหยินหันไปมอง เห็นสาวใช้ในวังตัวน้อยอายุราวสิบห้าถึงสิบหกปี ยืนอยู่ที่ประตู นางมีใบหน้าที่สวยงามและท่าทางที่อ่อนน้อมถ่อมตน มือประสานเอาไว้หน้าตัวและศีรษะของนางก็ลดลง ขณะที่นางนำทางไป

เขาเดินตามสาวใช้ในวังเข้าไปที่ห้องด้านใน บริเวณที่นั่งเขาได้เห็นชายและหญิงคู่หนึ่ง ทั้งคู่อายุยังน้อย ถังหยินจำเด็กสาวผู้งดงามราวกับนางฟ้าได้ทันที

นางไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหยินโหรว