บทที่ 502
บทที่ 502
แม้ว่าเขาจะไม่เคยเห็นจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน แต่ถังหยินก็เดาได้ว่าชายที่นั่งข้างหยินโหรวคือโอรสสวรรค์ หยินจุนอย่างแน่นอน
ถังหยินมองไปที่หยินโหรวอย่างลึกซึ้ง จากนั้นคุกเข่าลงข้างหนึ่ง “กระหม่อมมีนามว่าถังหยิน ขอทำความเคารพองค์หญิงและโอรสสวรรค์พ่ะย่ะค่ะ!”
ตามหลักเหตุผล ถึงถังหยินจะเป็นแค่ขุนนาง แต่ก็มีศักดิ์เป็นถึงแม่ทัพด้วยเช่นกัน ประการแรกเขาไม่คิดว่าตัวเองเป็นขุนนางและกุมอำนาจทางการทหารไว้มาก ประการที่สองพิธีการของขุนนางคือการคุกเข่าลง เนื่องจากนิสัยที่หยิ่งผยองของถังหยิน การคุกเข่าลงนั้นเป็นที่สุดของสิ่งที่เขาสามารถทนได้แล้ว
ชายตรงหน้าอยู่ในวัยสามสิบต้น ๆ แต่ผิวของเขานั้นเต่งตึงและบอบบาง ซ้ำยังหล่อเหลามาก ใบหน้ามีเค้าโครงที่คล้ายคลึงกับหยินโหรว บนศีรษะสวมมงกุฎสีทอง ขณะบนตัวสวมเสื้อคลุมสีทอง เข็มขัดสีทอง ที่เอวและรองเท้าล้วนแล้วแต่เป็นสีทองทั้งสิ้น
นับตั้งแต่ที่ถังหยินมาถึง หยินจุนก็จับจ้องร่างของอีกฝ่ายอยู่ตลอดเวลา ในขณะเดียวกันก็ลอบพยักหน้าอย่างลับ ๆ อีกฝ่ายดูน่าจะอายุน้อยกว่าเขาเสียอีก
ความประทับใจแรกของหยินจุนที่มีต่อถังหยินไม่เลวเลย เขาไม่ได้สนใจเรื่องที่ถังหยินไม่ยอมก้มหัวให้ เมื่อมองไปยังผู้ที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้า โอรสสวรรค์ก็แย้มยิ้มเล็กน้อยและเอ่ยถามเสียงเบา “เจ้าคือชาวเฟิงคนนั้น…ถังหยินสินะ? ”
หยินโหรวเคยพูดถึงตำแหน่งอย่างเป็นทางการของถังหยินให้เขาฟัง แต่หยินจุนไม่เคยจำที่อีกฝ่ายพูดถึงเรื่องนี้ เขาจำได้เพียงว่าถังหยินมาจากแคว้นเฟิง และควบคุมทหารอยู่หลายแสนนาย
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท” ถังหยินตอบพร้อมกับขมวดคิ้ว
“เจ้ารู้จักกับน้องของเรา…?” โอรสสวรรค์ไม่ปล่อยให้ถังหยินลุกขึ้นทันที แต่เขายกถ้วยน้ำชาขึ้นมาและถามอย่างช้า ๆ
ก่อนที่ถังหยินจะได้ตอบ หยินโหรวก็ผลักแขนของผู้เป็นพี่และบ่นเสียงต่ำ “ข้าไม่ได้บอกท่านหรือว่า ข้ารู้จักกับเขาที่แคว้นเฟิง?”
“อ๋อ นั่นสินะ!” ผู้เป็นพี่ตกตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนที่จะตระหนักว่ามันเป็นเรื่องจริง เขายิ้มให้หยินโหรวอย่างเขินอายและพูดเบา ๆ ว่า “ถ้าเจ้าไม่เตือน เราคงลืมเรื่องนี้ไปแล้ว”
ด้วยเหตุนี้เขาจึงโบกมือให้ถังหยินและพูดว่า “งั้นลุกขึ้นเถอะ”
“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ!” ในตอนที่ยังไม่ได้พบกับโอรสสวรรค์ ถังหยินเคยคิดว่าเขาจะต้องเป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ แต่วันนี้เขารู้สึกว่าตนเองคิดมากเกินไปหน่อย
“น้องข้ายกย่องเจ้า บอกว่าความสามารถของเจ้านั้นโดดเด่น ทั้งยังภักดีและทุ่มเทให้กับข้า ข้าสงสัยว่านั่นเป็นเรื่องจริงหรือไม่?” หยินจุนถามพลางหัวเราะออกมา
ถ้าเป็นโอกาสอื่นหรือเป็นคนอื่น ถังหยินคงจะหัวเราะออกมาดัง ๆ คำถามแบบนี้เป็นเพียงคำถามงี่เง่า เป็นไปได้ไหมว่า เขาจำเป็นต้องยืนยันความสามารถและความภักดีกับอีกฝ่าย? แต่สิ่งที่เกิดตรงหน้าตอนนี้จะเสียเรื่องไม่ได้ ถังหยินต้องอดทนกับมัน เขามองไปที่หยินโหรวซึ่งอยู่ข้าง ๆ สิ่งที่ทำให้ถังหยินอยากจะหัวเราะก็คือ หยินโหรวลอบกลอกตาและส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้
ชายหนุ่มตอบอย่างเคร่งขรึม “กระหม่อมในเวลานั้นหมายจะทำลายซ่งเทียนผู้ทรยศกับกองทัพแคว้นหนิงกว่าสี่แสนคนที่บุกเข้ามาในดินแดนของแคว้นเฟิง กระหม่อมเชื่อว่าโอรสสวรรค์จะเห็นความสามารถของกระหม่อม รวมทั้งเรื่องความจงรักภักดีนั่นด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
“ใช่ เรารู้เรื่องนั้นดี!” หลังจากได้ยินคำพูดของถังหยิน หยินจุนก็พยักหน้าและหัวเราะอย่างเต็มที่ เขาหันหน้าไปพูดกับน้องสาวตัวเอง “สมกับที่เจ้าได้พูดเอาไว้จริง ๆ”
หยินโหรวหัวเราะ นางไม่ได้พูดอะไรมากเลย แต่ถังหยินกลับเงียบ เขาไม่รู้ว่าหยินจุนสรุป ‘บ่าวผู้ภักดี’ คนนี้อย่างไร แต่อาจเป็นเพราะคำพูดบางคำที่เขาพูดมันดูไม่จริงใจพอ?
หยินจุนไม่สนใจสิ่งที่ทั้งสองคิดเลย เขายังคงพูดต่อไป “เฟิงไร้ผู้ปกครอง และตอนนี้น้องสาวของเราก็เสนอให้เราแต่งตั้งเจ้าเป็นผู้ครองแคว้น เจ้ามีความคิดเห็นอย่างไร?
โดยไร้ซึ่งความลังเล ถังหยินคุกเข่าลงข้างหนึ่ง ประสานมือและกล่าวว่า “สำหรับเรื่องนี้ กระหม่อมขอความเมตตาจากองค์จักรพรรดิ กระหม่อมจะทำให้ดีที่สุด เพื่อปกครองแคว้นเฟิงให้เป็นดินแดนที่สงบสุขในยุครุ่งเรืองนี้”
โอรสสวรรค์ค่อย ๆ วางจอกชาลง ก่อนจะจ้องมองถังหยินอย่างอ่านไม่ออก แน่นอนว่าทุกคำของเขาล้วนเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เข้มงวด “ถ้าข้ามอบตำแหน่งให้เจ้า เจ้าจะไม่ทำกับข้าเช่นคนอื่น ๆ ที่ผ่านมาใช่หรือไม่? ”
“ท่านพี่?” คำพูดเหล่านี้ทำให้ดวงตาของหยินโหรววาวโรจน์
เพราะหยินจุนเป็นถึงจักรพรรดิ ทำให้เขาดูเหมือนเป็นผู้ปกครองที่สูงส่งและยิ่งใหญ่สำหรับผู้คนนับหมื่น ทว่าในความเป็นจริงแล้ว สถานการณ์ของเขานับว่าน่าอึดอัดและเหนื่อยล้าเป็นอย่างยิ่ง โอรสสวรรค์ก่อนหน้าไม่มีแต่สิทธิ์และตำแหน่งที่ควรมี
นี่เพราะขุนนางใหญ่ทั้งเก้าไม่ได้เห็นโอรสสวรรค์อยู่ในสายตาของพวกเขา ดังนั้น จึงไม่มีความเคารพต่อเขามากนัก คำพูดของหยินจุนที่ว่า ‘เหมือนเช่นคนอื่น ๆ ที่ผ่านมา’ ไม่ได้ไร้เหตุผลแต่อย่างใด
หยินจุนที่เติบโตมาในสภาพแวดล้อมแบบนี้ มักมีบุคลิกที่เย่อหยิ่ง อีกทั้งยังไร้สาระและอ่อนแอ ดังนั้นเมื่อเขาได้ยินถังหยินพูดว่าจะภักดีต่อตนเอง เขาก็มีความสุขเป็นพิเศษ เนื่องจากมันเป็นเรื่องยากมากสำหรับเขาที่จะได้ยินคำพูดง่าย ๆ แบบนี้
ถังหยินเป็นที่พอใจของเขามาก อีกฝ่ายเข้าใจสถานการณ์และสภาพจิตใจของหยินจุน นี่ทำให้โอรสสวรรค์รู้สึกตื้นตันใจ เพราะแม้แต่สถานะจักรพรรดิองค์ปัจจุบันของจักรวรรดิฮ่าวเทียนก็ไม่ได้สะดวกสบายเหมือนประชาชนทั่วไปที่เกิดในครอบครัวธรรมดา
ถังหยินหายใจเข้าลึก ก่อนจะพูดว่า “เรื่องเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นกับพระองค์อย่างแน่นอน หากใครกล้ากระทำเช่นนั้น กระหม่อมจะกำจัดพวกเขาเองพ่ะย่ะค่ะ!”
เมื่อถังหยินพูดจบ หยินจุนผุดลุกขึ้นยืนและเดินไปหาถังหยิน ยื่นมือไปก่อนจะพูดขึ้นว่า “เจ้าช่างเป็นคนที่ซื่อสัตย์เสียจริง!”
หยินโหรวมองถังหยินโดยไม่กะพริบตา ราวกับว่านางต้องการดูว่าเขาพูดจริงหรือไม่
ถ้าจะบอกว่าหยินจุนมีความประทับใจที่ดีต่อถังหยิน เมื่อพวกเขาพบกันครั้งแรก การสนทนาก็ได้สร้างความประทับใจของเขาให้มากขึ้นถึงขีดสุด หลังจากที่ช่วยดึงถังหยินให้ลุกขึ้นมา หยินจุนก็พูดว่า “เราต้องขอขอบคุณท่านเป็นอย่างมาก…”
แม้ว่าถังหยินจะไม่เข้าใจกฎของพระราชวัง แต่เขารู้ดีว่าขุนนางไม่มีทางทำตนเสมอตัวทัดเทียมกับจักรพรรดิ ชายหนุ่มเอ่ยว่า “ได้โปรดพระองค์นั่งลงเถิด”
“ฮะ?” หยินจุนหัวเราะ “ไม่จำเป็นหรอก เจ้าก็มานั่งด้วยกันกับเรานี่ มา!”
เมื่อเห็นว่าถังหยินต้องการปฏิเสธ หยินโหรวจึงยิ้มและพูดกับเขา “ถังหยินนั่งเถอะ เจ้าทำเช่นนี้ ท่านพี่ของข้าก็ลำบากใจนะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ถังหยินก็หัวเราะอย่างช่วยไม่ได้และนั่งลงข้าง ๆ
หยินจุนเรียกนางกำนัลเข้ามาและยกชาหนึ่งถ้วยให้กับถังหยิน จากนั้นเขาก็แย้มยิ้มพลางกล่าวว่า “เรายังต้องขอบคุณเจ้า สำหรับเรื่องที่เจ้าพยายามปกป้องน้องสาวของเราด้วยกำลังที่มีทั้งหมด!”
ถังหยินเอ่ยด้วยน้ำเสียงยินดี “กระหม่อมเพียงทำตามหน้าที่ของกระหม่อมเท่านั้น พระองค์ทรงกล่าวเกินไปแล้ว”
หยินจุนถอนหายใจ “ยามนี้คนที่ภักดีกับเราเช่นเจ้ามีน้อยมากเกินไปจริง ๆ”
“พระองค์กำลังจะบอกอะไรกับกระหม่อม…”
“สถานการณ์ปัจจุบันของแคว้นเฟิงเป็นอย่างไร”
“เนื่องจากไม่มีผู้ครองแคว้น จึงเกิดสงครามกลางเมืองไปทั่วทุกที่ ยามนี้เกิดความวุ่นวายอีกครั้ง เพราะมีคนโง่เขลาบางคนโจมตีพระราชวังด้วยคิดจะเลียนแบบซ่งเทียน โดยไม่ผ่านการมอบอำนาจจากท่าน” ขณะเดียวกันถังหยินก็บอกอีกฝ่ายเป็นนัยว่า เขาเคารพหยินจุนเป็นอย่างมาก ทำกระทั่งเดินทางมายังที่นี่ด้วยเหตุผลนี้
“จริงหรือ?” เมื่อหยินจุนได้ยินดังนั้น เขาทั้งตกใจและโกรธเกรี้ยวในเวลาเดียวกัน มือทุบโต๊ะอย่างแรงและพูดว่า “พวกไม่ภักดีเช่นนั้น ข้าย่อมไม่เมตตาพวกมันอย่างแน่นอน!”
“กระหม่อมเข้าใจดีและพร้อมที่จะกลับไปในวันพรุ่งนี้ เพื่อทำลายล้างพวกมันให้สิ้นซาก!” สิ่งที่ถังหยินหมายถึงคือถ้าอีกฝ่ายมอบอำนาจให้ เขาจะจัดการเรื่องนี้ในทันที
แต่หยินจุนไม่เข้าใจความตั้งใจของถังหยิน เขาตอบอย่างครุ่นคิดว่า “เรื่องนี้ควรได้รับการแก้ไขโดยเร็วที่สุด”
ในทางกลับกัน หยินโหรวรู้สึกประหลาดใจอย่างมากที่ถังหยินจะออกจากเมืองหลวงในวันรุ่งขึ้น นางไม่คิดว่าเขาจะจากไปเร็วขนาดนี้ ใครจะรู้ว่าวันเวลาจะผ่านไปอีกกี่ปีถึงพวกเขาจะได้พบหน้ากันอีก? นางมองไปที่ถังหยินและถามว่า “กังวลขนาดนั้นเลยหรือ?”
ถังหยินพยักหน้าและกล่าวว่า: “หากไม่กลับไป กระหม่อมกลัวว่ามันจะวุ่นวายยิ่งขึ้นไปอีก”
หยินจุนพูดด้วยความเข้าใจ “นั่นเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้”
ในขณะที่ทั้งสามคนกำลังพูดอยู่นั้น นางกำนัลตัวเล็กก็เดินเข้ามาและเอ่ยเบา ๆ ว่า “ฝ่าบาท”
หยินจุนเงยหน้าขึ้นและถาม “มีอันใด?”
“ท่านราชทูตจากแคว้นฉวนอยู่นอกวังเพคะ” นางกำนัลน้อยกล่าวด้วยความเคารพ
“แคว้นฉวน…!” หยินจุนบ่นด้วยความรำคาญ เขากำหมัดแน่นและพูดว่า “ให้รอข้าที่ไท่เซียง!”
พระราชวังไท่เซียงเป็นพระราชวังด้านข้างของพระราชวังหลวง
“รับทราบเพคะ!” นางกำนัลตัวน้อยตอบรับแล้วจากไปอย่างเงียบสงบ
เมื่อเห็นว่าจู่ ๆ หยินจุนก็มีเรื่องที่ต้องไปจัดการ ถังหยินก็รู้แล้วว่า คงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะได้รับตำแหน่งผู้ปกครองแคว้นในวันนี้ อย่างไรก็ตามมันหาใช่เรื่องใหญ่มาก ถังหยินสามารถบอกได้ว่าหยินจุนได้ให้ความเห็นชอบโดยปริยายของเขาที่จะเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในแคว้นเฟิงแล้ว
ชายหนุ่มยืนขึ้นอย่างมีชั้นเชิง ประสานมือและโค้งคำนับให้หยินจุน “พระองค์ทรงมีสิ่งต้องจัดการแล้ว เช่นนั้นกระหม่อมต้องขอตัวก่อน”
ในเวลานี้หยินจุนไม่ได้ขอให้ถังหยินอยู่ต่อ เขาพยักหน้าและกล่าวว่า “เอาล่ะ หลังจากที่เจ้ากลับไปที่เมืองหยาน เจ้าต้องทำให้สถานการณ์ของแคว้นเฟิงจบลงโดยเร็วที่สุด”
“ทราบแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
ถังหยินประสานของเขาอีกครั้ง และค่อย ๆ ถอยออกไป ในเวลานี้หยินโหรวยืนขึ้นและกล่าวว่า “ข้าจะไปส่งเขาเอง!”
มันเป็นเรื่องที่นึกไม่ถึงอยู่แล้ว ที่เจ้าหญิงผู้ยิ่งใหญ่จะมาส่งเขาออกจากวัง แต่ตอนนี้หยินจุนมุ่งแต่จะจัดการกับทูตของแคว้นฉวน ดังนั้น เขาจึงไม่ได้สังเกตว่าน้องสาวของเขาดูเหมือนจะเข้าใกล้ถังหยินมากเกินไป