ตอนที่ 27 - 1 จะสมรสกับข้าหรือไม่?

เขาสั่งให้ข้าเป็นราชินี [ส่วนที่ 2]

เซวียนหยวนจิ้งหมดสติเพียงพริบตาเดียว จากนั้นถูกผู้อาวุโสที่ตื่นตระหนกปลุกให้ตื่นฟื้น หลังตื่นขึ้นมาเขาจ้องมองเพดานแน่วแน่ ไร้เรี่ยวแรงลุกขึ้น

 

 

กระทำเรื่องราวต้องเหลือทางหนีทีไล่ ระหว่างทางพบเจอจิ่งเหิงปัวผู้เป็นศัตรู เขานึกว่าเลวร้ายที่สุดเพียงชดใช้ด้วยหนึ่งชีวิตเท่านั้น ไม่คิดว่าสตรีที่ดูท่าทางเกียจคร้านนุ่มนวลนางนี้ พอเริ่มแก้แค้นจะโหดร้ายน่ากลัวกว่าที่เขาจินตนาการไว้มากหลาย สังหารบุตรชายคนโตของเขา ขับไล่ลูกหลานสายตรงที่มีอำนาจสืบทอดตระกูลทุกคน ทว่าเหลือบุตรชายคนรองที่ทั้งเสเพลที่สุดทั้งไม่ได้เรื่องที่สุดไว้ นางหวังจะทำลายตระกูลเซวียนหยวนทั้งเป็น ไม่สิ ไม่เพียงแต่จะทำลายตระกูลเซวียนหยวน ซ้ำยังจะใช้ตระกูลเซวียนหยวนเป็นคลังทรัพย์สินคลังบุคคลของนาง สุดท้ายเปลี่ยนแซ่ของตระกูลเก่าแก่ร้อยปีนี้ ลบล้างตระกูลใหญ่โตร้อยปีในครั้งเดียว!

 

 

สิ่งสุดท้ายนี้ถึงเป็นความโหดเ**้ยมอำมหิต สิ่งสุดท้ายที่ทำให้เขาแม้สิ้นใจไม่อาจยอมรับ หากตระกูลเซวียนหยวนจบสิ้นด้วยมือของเซวียนหยวนฉี่ แม้แต่แซ่ยังรักษาไว้ไม่ได้ ยามสิ้นชีพแล้ว ทั้งตระกูลเซวียนหยวนจะมีศักดิ์ศรีอะไรไปพบบรรพชน!

 

 

“ท่านพ่อ” บุตรชายเนรคุณผู้นั้นยังเร่งเร้าข้างหูเขาเสียงแล้วเสียงเล่าว่า “คัมภีร์ทองแดงเล่า? เอาออกมาเถิด อย่าได้คิดต่อต้านเลย องครักษ์ข้างพระวรกายฝ่าบาทล้วนเป็นยอดฝีมือชั้นหนึ่ง พวกเราพาองครักษ์มามากกว่านี้ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ ท่านรีบเอาออกมาก่อนเถิด ผู้ใดเป็นผู้นำตระกูลย่อมไม่แตกต่างกันไม่ใช่หรือ? ลูกจำเป็นต้องกระทำเช่นกัน ไม่มีสิ่งใดสำคัญเท่าชีวิต ถูกต้องหรือไม่?”

 

 

เซวียนหยวนจิ้งหอบหายใจ ฟังเสียงความเคลื่อนไหวข้างนอก ส่งสัญญาณลับออกไปแล้ว ทว่าไม่มีการเคลื่อนไหวช่วยเหลือจากทุกกองทัพ สิ่งนี้อธิบายได้ว่าวาจาของเซวียนหยวนฉี่ถูกต้อง จิ่งเหิงปัวเตรียมการมาพร้อม ข้างกายล้วนเป็นยอดฝีมือโดยแท้

 

 

เขาจ้องเซวียนหยวนฉี่เขม็ง เขายังอ่อนวัย วันนี้กระทำเรื่องเช่นนี้ ใบหน้ากึ่งตื่นตระหนกกึ่งตื่นเต้นดีใจ สายตาล่องลอยไม่หยุดนิ่ง

 

 

คนนี้คือบุตรชายของเขา…บุตรชายที่เขาให้ความสำคัญที่สุดตลอดมาคือบุตรชายคนโต ทว่าบุตรชายที่รักใคร่ตามใจที่สุดคือเจ้าคนรองคนนี้ ไม่เคยคิดว่าบุตรชายคนโตที่แบกรับความหวังจะสิ้นลมตรงหน้า ทั้งยามนี้บุตรชายคนรองยัง…

 

 

เขาหลับตาลง ผ่านไปครู่ใหญ่ น้ำตาสองสายค่อยๆ ไหลรินจากหางตา แทรกซึมสู่โลงศพข้างหลังอย่างเงียบเชียบ

 

 

จวบจนบัดนี้เพิ่งรู้จักเสียใจภายหลัง เพิ่งรู้ว่าบางคนดูถูกไม่ได้แตะต้องไม่ได้ ยามแย่งชิงฟ้าดินใต้ฝ่าเท้าผู้อื่น ต้องมองดูด้วยว่าตนเองมีเรี่ยวแรงยืนหยัดหรือไม่ มิฉะนั้นจะเป็นเพียงชัยชนะชั่วคราว เสียงร้องยินดียังไม่สิ้น การตอบโต้โหดร้ายมาเยือนแล้ว

 

 

“ท่านพ่อ ร้องไห้ไปก็ไร้ประโยชน์ เร็วหน่อย ลูกยังไม่ได้ถอนพิษเลยนะ!” เซวียนหยวนฉี่เร่งเร้าอย่างหงุดหงิด

 

 

เขาสูดหายใจ ขยับเขยื้อนนิ้วมืออย่างเชื่องช้า

 

 

“ได้สิ เจ้าเข้ามาใกล้หน่อย”

 

 

เซวียนหยวนฉี่เข้าไปใกล้

 

 

เขาเอื้อมมือเข้าอ้อมแขน ทำท่าทางหยิบคัมภีร์ทองแดงออกมา หยดน้ำตรงหางตาแห้งเหือดแล้ว ระหว่างหันข้างแสงรุ่งโรจน์หนาวสะท้าน

 

 

จิ่งเหิงปัวที่ยืนอยู่ข้างหลังพวกเขากล่าวขึ้นมาว่า “เสี่ยวฉี่จื่อ ระวังท่านพ่อสังหารเจ้า”

 

 

ได้ยินเสียงนี้ เซวียนหยวนฉี่ยังไม่ทันรู้สึกตัว เซวียนหยวนจิ้งก็คำรามออกมาแล้ว เอื้อมมือสะบัดเพียงครั้ง ฝ่ามือคว้าวัตถุเหลืองทองดุจขวานน้อยเล่มหนึ่งไว้ ก่อนจะสะบั้นไปทางหน้าอกของเซวียนหยวนฉี่!

 

 

เซวียนหยวนฉี่ตกใจหน้าซีด รีบร้อนหลบหลีก ทว่าเขาเข้าใกล้เกินไป ไม่ทันแล้ว

 

 

สายตาของเซวียนหยวนจิ้งทั้งโหดร้ายทั้งโศกเศร้า!

 

 

จิ่งเหิงปัวหัวเราะออกมาทันที ก่อนจะโบกมือเพียงครั้ง

 

 

การโบกมือครั้งนี้ไม่มีประกายไฟเลยแม้แต่น้อย อ่อนช้อยดุจดีดพิณ ทว่าขวานน้อยเหลืองทองเล่มนั้นพลันหลุดมือเซวียนหยวนจิ้ง ร่วงหล่นเบื้องหน้าเซวียนหยวนฉี่

 

 

เซวียนหยวนฉี่กำลังกวัดแกว่งสองมือหวังขัดขวาง มองเห็นขวานน้อยคว้าไว้โดยสำนึก

 

 

เซวียนหยวนจิ้งคำรามลั่น กระโจนพรวดพราด พุ่งไปทางเซวียนหยวนฉี่

 

 

เขาจะต้องสังหารไอ้ลูกเลวทรามที่ทรยศตระกูลคนนี้ทิ้งก่อน!

 

 

เซวียนหยวนฉี่ตื่นตระหนกใบหน้าถอดสี ท่ามกลางความสับสนอลหม่านไม่ทันได้นึกถึงสิ่งใดทั้งนั้น หลับตาลงร้องอ๊าก ก่อนสะบั้นลงข้างล่างอย่างรุนแรง

 

 

กร๊อบ เสียงกระดูกหักดังกังวาน

 

 

ได้ยินชัดเจนท่ามกลางความเงียบสงัด

 

 

ทว่าเสียงร่างกายร่วงหล่นหนักหน่วงเพียงนี้ คล้ายกระแทกลงบนจิตใจ

 

 

เซวียนหยวนฉี่ชูขวานน้อยเหลืองทองนั้นไว้อย่างงงงวย มองดูบิดาในทะเลสาบโลหิตเบื้องหน้า

 

 

บนขาซ้ายของเซวียนหยวนจิ้งแบะออกเป็นแผลใหญ่ มองเห็นกระดูกสีขาวน่าสยดสยอง คาดว่ากระดูกขาคงหักแล้ว

 

 

เขาดิ้นรนกลางทะเลสาบโลหิต นัยน์ตาที่เจือความโกรธแค้นเจือความเกลียดชังจ้องมองเซวียนหยวนฉี่ เซวียนหยวนฉี่หลีกถอยอย่างหวาดกลัว

 

 

จิ่งเหิงปัวลอบถอนหายใจอยู่ภายใน…เรื่องราวบนโลกนี้มหัศจรรย์จริงแท้ คู่หูเซวียนหยวนจิ้งกับเฟยหลัวคู่นี้ คนหนึ่งพิการขาซ้าย อีกคนหนึ่งพิการขาขวา เข้าคู่กันพอดี

 

 

หลังจากนั้นชั่วครู่เซวียนหยวนฉี่ร้องยินดีขึ้นว่า “คัมภีร์ทองแดงแห่งผู้นำตระกูล!”

 

 

เขาชูขวานน้อยชุ่มโชกโลหิตขึ้น ดึงครั้งหนึ่งเปิดแผ่นกระดาษออก คราวนี้เพิ่งมองออกว่าสิ่งนี้ไม่ใช่ขวาน รูปร่างดุจม้วนหนังสือหน้าหนึ่ง เพียงแต่ขอบคมกริบ ดูท่าทางคล้ายขวาน และด้วยเพราะเหตุนี้เอง การสะบั้นครั้งหนึ่งนี้ถึงไม่ได้พรากเอาชีวิตของเซวียนหยวนจิ้ง

 

 

“ขอแสดงความยินดีต่อผู้นำตระกูลเซวียนหยวน” จิ่งเหิงปัวยิ้มแย้มอย่างเหนื่อยหน่าย

 

 

เซวียนหยวนฉี่มองดูคัมภีร์ทองแดงในมือ มองดูบิดาที่หมดสติอยู่บนพื้น ในใจสับสนมึนงง ไม่รู้ว่าดีใจหรือเสียใจ เขาอยากออกคำสั่งบัญชาการ ทว่าไม่กล้าเงยหน้ามองแววตาของจิ่งเหิงปัว

 

 

เบื้องหน้าราชินีอ่อนวัยผู้เป็นประหนึ่งตำนานนางนี้ เขารู้สึกหวาดกลัวลึกซึ้งถึงไขกระดูก โดยเฉพาะยามนี้เขากระทำความผิดประพฤติเนรคุณ เขารู้แล้วว่าภายภาคหน้าต้องเข้าใกล้ราชินีมากยิ่งขึ้น เขาถึงอยู่รอดปลอดภัยชั่วชีวิตได้

 

 

แต่จิ่งเหิงปัวเบนสายตาออกแล้ว

 

 

นางไม่อยากเห็นคราบเลือดทั่วห้องโถงแบบนี้ ไม่อยากเห็นตระกูลใหญ่โตทำร้ายกันเองแบบนี้ ยิ่งไม่อยากเห็นผลลัพธ์น่าเวทนาที่ตนเองสร้างขึ้นมากับมือ เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่นางเคยรังเกียจที่สุด แต่ว่าตอนนี้ นางกลับคุ้นเคยเชี่ยวชาญเหลือเกิน

 

 

เปลวเพลิงโลหิตตลอดทาง ผู้ใดรักษาจิตใจใสซื่อดุจยามแรกเริ่มได้?

 

 

จากนั้นนางจึงยิ้มแย้มอย่างเหนื่อยหน่าย ดีดนิ้วมือ

 

 

ทำไปแล้วไม่ต้องนึกย้อนเสียใจ ถนนของต้าฮวงเบียดเสียดขนาดนี้ ไม่ขุดรากถอนโคนคนเดินขวางถนน ภายหลังพี่จะตะแคงข้างเดินได้อย่างไร?

 

 

ข้างหลังพลันแว่วเสียงตะโกนขึ้นว่า “จินจ้าวหลง จะไปที่ใด!”

 

 

เป็นเสียงของเผยซู

 

 

จากนั้นจิ่งเหิงปัวได้ยินเสียงประตูหลังถูกกระแทก เสียงฝีเท้าของคนกลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่งผ่านไปแล้ว เงาเทากะพริบวูบ พัดพากระแสอากาศหนาวสะท้านเข้ามา เผยซูเฉียดผ่านข้างกายนางไปแล้ว

 

 

จินจ้าวหลงเป็นคนเจ้าเล่ห์ พอเห็นสถานการณ์ผิดปกติพลันเข้าไปซ่อนหลังห้องโถง ไม่ได้ออกมายุ่งเรื่องตระกูลเซวียนหยวนด้วยซ้ำ ทว่าเรียกองครักษ์ของตนเองมาชุมนุมอย่างรวดเร็ว พังหน้าต่างออกจากหลังห้องโถง รีบร้อนวิ่งหนีตลอดทาง

 

 

เผยซูพบร่องรอยของเขา ศัตรูคู่แค้นชั่วชีวิตอยู่ตรงหน้าขนาดนี้จะปล่อยไปได้อย่างไร ไล่ตามออกไปโดยพลัน

 

 

จิ่งเหิงปัวไม่ได้สนใจ จินจ้าวหลงออกเดินทาง บริเวณนี้มีกองทัพจำนวนไม่น้อย เผยซูบรรลุเป้าหมายได้ยาก แน่นอนว่าวรยุทธ์ของเขาพอจะให้เขาปกป้องตัวเองได้ รอให้เขาไล่ล่าสมใจ คาดว่าพิษน่าจะกำเริบแล้ว อีกเดี๋ยวคงต้องกลับมากินสมุนไพร

 

 

นางให้ผู้อาวุโสกับพ่อบ้านตระกูลเซวียนหยวนทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์กินสมุนไพรพิษของหุบเขาเทียนฮุยเข้าไป สาบานด้วยชีวิตว่าจะเก็บเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ไว้เป็นความลับตลอดไปและจะสนับสนุนให้เซวียนหยวนฉี่ได้รับตำแหน่งผู้นำตระกูล จากนั้นให้ลูกน้องเผยซูที่เหลือกลับตระกูลเซวียนหยวนพร้อมเซวียนหยวนฉี่ คนเหล่านี้วรยุทธ์เก่งกล้าท่าร่างแปลกประหลาด ต่อให้ไม่สำเร็จยังพอจะปกป้องตนเองได้ ตระกูลเซวียนหยวนทุ่มเทสุดกำลังเพื่อปฏิบัติการหุบเขาเทียนฮุยครั้งนี้ สุดท้ายแล้วพังพินาศด้วยมือนาง จำนวนองครักษ์ภายในตระกูลลดลงอย่างมาก เซวียนหยวนฉี่มีคัมภีร์ทองแดงอยู่ในมือ มีผู้อาวุโสกับพ่อบ้านกลุ่มนี้คอยสนับสนุน ซ้ำยังมียอดฝีมือลึกลับคอยช่วยเหลือ ลูกหลานคนเก่งของตระกูลเซวียนหยวนยังหายตัวไปหมดด้วย ตระกูลเซวียนหยวนไร้ทางเลือก เซวียนหยวนฉี่ได้เป็นผู้นำตระกูลแน่นอน

 

 

จิ่งเหิงปัวไม่กลัวว่าเซวียนหยวนฉี่จะทรยศหลังได้เป็นผู้นำตระกูล นางยึดครองหุบเขาเทียนฮุยแล้ว ทั้งสมุนไพรทั้งยาพิษในหุบเขามากมายไม่มีวันหมด ตอนนี้ชีวิตของพวกเซวียนหยวนฉี่กลุ่มนี้อยู่ในเงื้อมมือนาง คนต่ำต้อยรักตัวกลัวตายฝูงนี้สังหารบิดาเพื่อความกระหายอำนาจได้ คงไม่กล้าหาญขึ้นมากะทันหันอย่างเด็ดขาด

 

 

นางต้องการควบคุมตระกูลเซวียนหยวนไว้ในมือ ไม่เพียงแต่อยากทำให้เซวียนหยวนจิ้งโมโหจนตาย สำคัญยิ่งกว่านั้นคือโดยทั่วไปแล้ว ตระกูลผู้ดีร้อยปีพวกนี้ต่างมีระบบการสื่อสารของตัวเองกับเครือข่ายใต้ดินที่ครอบคลุมทั่วแคว้น ขุมพลังซ่อนแฝงที่สั่งสมมากว่าร้อยปีพวกนี้ไม่ใช่สิ่งที่ราชินีไร้อำนาจไร้รากฐานแบบนางจะเทียบได้ ถ้าได้เครือข่ายการสื่อสารไว้ในมือ ต่อไปนางจะทำงานสบายได้ผลคุ้มค่า ยิ่งกว่านั้นระหว่างตระกูลใหญ่โตร้อยปีต่างมีสายสัมพันธ์ ควบคุมตระกูลเซวียนหยวนไว้ ค่อนข้างเป็นประโยชน์ต่อการคบค้าสมาคมกับตระกูลที่เหลือในหกแคว้นแปดชนเผ่าในภายหลัง

 

 

หลังเสร็จเรื่องตระกูลเซวียนหยวน นางกลับไปหุบเขาเทียนฮุยอีกรอบ เพียงไม่กี่วัน เหตุการณ์แปลกประหลาดน่าหวาดกลัวที่เกิดขึ้นที่หุบเขาเทียนฮุยเล่าลือกันทั่วเผ่าหวงจินแล้ว คราวนี้ข่าวลือเกี่ยวกับหุบเขาเทียนฮุยน่ากลัวมากยิ่งขึ้น เล่ากันว่าผู้นำเผ่าแอบจัดตั้งกองทัพเกรียงไกรเข้าไปในหุบเขา ผลสุดท้ายผ่านไปคืนเดียวคนเหล่านั้นตายอยู่ตรงปากหุบเขาทั้งหมด ตอนตายศพไม่สวย ศีรษะถูกกระชากทิ้งทั้งเป็น บนหลังลายพร้อยด้วยรอยเท้าเหยียบย่ำ ทุกรอยเท้าขนาดใหญ่เท่ากะละมัง พอเห็นแล้วรู้เลยว่าเป็นสัตว์ประหลาดดึกดำบรรพ์แสนดุร้าย เล่ากันว่าสัตว์ประหลาดพวกนั้นเกิดจากวิญญาณของผู้คนที่สิ้นใจในหุบเขา โหดเ**้ยมดุร้ายอย่างยิ่ง ตอนนี้ไม่ต้องกล่าวว่าจะเข้าไปในหุบเขา เพียงแค่เข้าใกล้ปากหุบเขาคงตายโหงทันที เพราะว่าในช่วงเวลานั้น บริเวณปากหุบเขาปรากฏซากศพกองเรี่ยราดอยู่ด้วย…

 

 

แน่นอนว่าจิ่งเหิงปัวตั้งใจส่งคนออกไปเผยแพร่ข่าวลือ ศพตรงปากหุบเขาพวกนั้นเพิ่มหลักฐานแน่นหนาให้ข่าวลือพวกนี้ด้วย จินจ้าวหลงถูกการก่อกวนจู่โจมของเผยซูทำให้ตกใจจนปัสสาวะราด มัวแต่รีบกลับเมืองหลวง ไม่ได้ส่งคนไปเก็บศพเหล่านั้นเลย คนใจกล้าบางส่วนไปตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ ถูกศพตรงปากหุบเขาพวกนั้นทำให้ตกใจจนวิญญาณหลุดจากร่างทันที นับแต่นั้นข่าวลือนี้จึงกลายเป็นหลักฐานชัดเจน เล่าต่อกันไปไม่จบไม่สิ้น ผ่านไปไม่นานไม่ต้องกล่าวว่าเข้าไปในหุบเขา แม้แต่บริเวณรอบหุบเขาสิบลี้ยังแทบจะกลายเป็นสถานที่ต้องห้าม พอตกกลางคืนดาวตกเปล่งประกายไม่มีมนุษย์เลยแม้แต่น้อย ผู้คนใกล้ไกลต่างทยอยย้ายบ้าน สุดท้ายแล้วข้างหุบเขาเทียนฮุยกลายเป็นแดนปีศาจที่ไม่มีใครไปอีกแล้ว

 

 

ฉะนั้น การเข้าออกของจิ่งเหิงปัวจึงสะดวกอย่างยิ่ง นางกำจัดสัญลักษณ์เหมืองทองในหุบเขาทิ้ง เอาเหมืองทองไปด้วยไม่ได้ แต่ในหุบเขามีก้อนทองคำแสนหายากอยู่ด้วย เอาไปหนึ่งก้อนสองก้อน นางกลายเป็นเศรษฐินีได้เลย แหล่งแร่จำพวกโลหะดำเหล็กอ่อนที่จำนวนค่อนข้างน้อยบางส่วน สั่งให้เหล่านายกองบรรดาศักดิ์ขุดออกมา เดี๋ยวค่อยสร้างอาวุธให้พวกเขา

 

 

เหล่านายกองบรรดาศักดิ์เอ่ยว่าตามกฎทหาร ข้างกายพวกเขาทุกคนต่างมีทหารคนสนิทยี่สิบนาย ทหารคนสนิทพวกนี้เป็นนักรบที่ติดตามพวกเขาตะลุยสงครามมานานหลายปี ด้วยเพราะพวกเขาไม่ได้ดิบได้ดี ทหารเหล่านี้จึงถูกกักตัวอยู่ในค่ายทหาร ขณะนี้พวกเขาจำใจต่อต้านทหารคั่งหลง ขอแค่พวกเขาไม่กลับค่ายทหารจะถูกนับว่าเป็นทหารหนีทัพ ทหารคนสนิทพวกนั้นคงไม่มีทางรอด ขอร้องให้จิ่งเหิงปัวรับไว้ทั้งหมด

 

 

จิ่งเหิงปัวอยากได้ใจแทบขาด นายกองบรรดาศักดิ์ยี่สิบกว่านายพร้อมทหารคนสนิทที่องอาจห้าวหาญของทุกคนคนละยี่สิบนาย พอจะตั้งหน่วยรบเฉพาะกิจขนาดย่อมหน่วยหนึ่งได้แล้ว นางคิดอยู่ว่าต้องตั้งชื่อสักหน่อย หน่วยพยัคฆ์เหินดีไหม?