แม้จะเห็นไม่ชัด แต่ก็แน่ใจว่าต้นไม้รับน้ำหนักของคนสองคนไม่ไหว มันกำลังถอนรากออกจากซอกหิน
นัยน์ตาของฉู่สวินหยางทอประกายหวาดหวั่น กลั้นหายใจทันที แล้วดึงสายตากลับมาที่เหยียนหลิงจวิน
“รีบปล่อยมือ!”
นางมักเป็นคนออกคำสั่ง ตอนที่พูดก็คลายแขนที่กอดไหล่เขาออกแล้ว
หัวใจของเหยียนหลิงจวินบีบรัด เอาแต่กอดเอวนางไว้แน่น ไม่ยอมขยับเขยื้อน
ตรงซอกหินนั่นเริ่มมีเศษดินและเศษหินร่วงลงมา
ฉู่สวินหยางใจสั่น ดวงตาปิดความหวาดกลัวเอาไว้ไม่มิด นางเลื่อนสายตามาหยุดที่ใบหน้าเหยียนหลิงจวินอีกครั้ง เอ่ยอย่างเร่งร้อน “ปล่อยมือ รากไม้มันตื้นมาก รับน้ำหนักเราสองคนไม่ไหวหรอก”
เหยียนหลิงจวินเม้มปากแน่น ไม่ยอมส่งเสียง เพียงกระชับแขนกอดนางไว้อย่างมั่นคง
แม้จะไม่ได้ยินเสียงเขา แต่ความดื้อดึงของแรงที่ส่งผ่านเอวกลับทำให้คนรู้สึกถึงพลังแห่งการปกป้องที่รุนแรงจนใจสั่น
ฉู่สวินหยางปวดใจนัก จู่ๆ กรอบตาก็แดงก่ำ กัดฟันแล้วเปิดปากพูดอีกครั้ง…
“ปล่อยมือเถิด หรือเจ้าอยากให้เราตายกันหมด?”
เหยียนหลิงจวินที่รัดนางไว้ในอ้อมแขน เวลานี้เพิ่งจะก้มหน้ามามองนาง
เขาก้มลงจูบที่เปลือกตาของนาง ก่อนจะเอ่ยเสียงเบาว่า “ใครบอกว่าเราจะตาย? ห้ามพูดอะไรเป็นลาง!”
ฉู่สวินหยางไม่ฟังคำปลอบใจที่หลอกตัวเองแบบนั้น ยกมือแกะแขนของเขาที่อยู่ตรงเอวตนออกอย่างไม่สนใจ
พอนางดิ้น ก็ยิ่งเร่งให้รากไม้หลุดออกจากซอกหน้าผาเร็วกว่าเดิม ทั้งสองรู้สึกได้ว่าร่างของตนกำลังเลื่อนลงอย่างช้าๆ เลือดทั่วกายของฉู่สวินหยางพลันแข็งทื่อ ไม่กล้าออกแรงมากๆ อีก
แต่ตอนนี้ ใช่ว่าไม่ขยับตัวแล้วจะสามารถแก้ปัญหาอะไรได้
นางไม่ได้หยุดคิดนาน ทันใดก็ขยับมือที่วางอยู่บนหลังมือของเหยียนหลิงจวินไปทางข้อศอก
นัยน์ตาเหยียนหลิงจวินเคร่งเครียด เห็นชัดว่ารู้ทันแผนของนาง พลันสูดหายใจเย็นเยียบเข้าปอด
“ซินเป่า!” เขาตวาดเสียงต่ำด้วยความโมโห ไม่รอให้ฉู่สวินหยางสกัดจุด ก็รีบดึงแขนที่โอบเอวนางออกแล้วคว้าข้อมือของนางไว้ ขณะเดียวกันก็พลอยคลายมืออีกข้างออกด้วย
ฉู่สวินหยางไม่ทันระวัง รู้สึกแค่ร่างหล่นลงมาก่อนจะถูกจับหมุน ตอนที่ทุกอย่างหยุดนิ่ง เหยียนหลิงจวินก็กำข้อมือขวาของนางไว้แน่น นางพยายามออกแรงที่มืออีกข้าง แต่สัมผัสได้เพียงหลังมือของเขาที่จับนางอยู่เท่านั้น
ทว่าตอนนี้ แม้แต่ขยับนางยังไม่กล้า กลัวว่าถ้ายื้อยุดไปมาเช่นนี้ รากของต้นไม้จะหลุดออกจากหน้าผาทันที
ฉู่สวินหยางเงยหน้าขึ้นมอง วินานั้นพลันรู้สึกถึงความหวาดกลัวและสิ้นหวังอย่างที่สุด
หน้าผาทั้งเรียบและลื่น มองไปสุดสายตา ก็ยังไม่เห็นที่ที่พอจะให้ยืนได้เลยสักนิด
ด้านล่างเป็นเหวลึกหมื่นจั้ง เสียงน้ำเชี่ยวกรากกระทบก้องอยู่ในหู นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ฉู่สวินหยางรู้สึกว่าเสียงน้ำไหลช่างฟังบาดหูเหลือเกิน
ขอบตานางแดงก่ำ เงยหน้ามองบุรุษที่อยู่เหนือตน แล้วเอ่ยเสียงกล้ำกลืนว่า
“เจ้ารีบปล่อยมือ ไม่อย่างนั้นมีแต่จะตกลงไปทั้งคู่!”
เหยียนหลิงจวินเม้มปากแน่นไม่พูดจา ใช้มือที่ว่างอยู่อีกข้างหยิบขลุ่ยยาวที่พกติดตัวอยู่ตลอดแล้วดึงมีดสั้นที่อยู่ด้านในออกมา
เขาพยายามทรงตัวและเคลื่อนไหวร่างกายให้น้อยที่สุด จากนั้นก็เดินกำลังภายในกลางฝ่ามือก่อนจะผลักมีดสั้นให้ฝังลงกลางหน้าผา
เศษหินเล็กๆ ปลิวไปตามลม ก่อนจะพัดใส่จนทำให้เคืองตา
ฉู่สวินหยางไม่กล้าแม้แต่กะพริบตา ได้แต่เงยหน้านิ่งๆ อยู่แบบนั้น มองทุกการเคลื่อนไหวของเขาไปเรื่อยๆ
นางเข้าใจทันทีว่าเขาคิดจะทำอะไร ในใจก็พลันเกิดความหวัง จึงเอาแต่มองเขาเขม็ง
เหยียนหลิงจวินไม่มีเวลาสนใจนาง พอฝังมีดสั้นลงบนหน้าผาได้แล้วก็ทดสอบแรงดูก่อน ดวงหน้าที่เพิ่งจะสงบจึงเปลี่ยนเป็นความหนักอึ้งอีกครั้ง
มีดสั้นเล่มนั้นแม้จะคมกริบ แต่เพราะต้องซ่อนไว้ในขลุ่ย เพื่อความสะดวกในการพกพา ใบมีดจึงบางมาก ตอนนี้เมื่อฝังลงบนหน้าผาหิน มองแล้วเหมือนจะมั่นคง แต่ถ้าต้องรับน้ำหนักของคนทั้งคู่…
ชัดเจนว่า ผลคงไม่ต่างจากที่เป็นอยู่ตอนนี้นัก
เหยียนหลิงจวินกลั้นหายใจ แต่ยังไม่ทันให้โอกาสเขาได้หยุดคิด ด้านบนก็มีแกรกดังขึ้นอีก
“เฮ้ย!” ฉู่สวินหยางหลุดเสียงร้องออกมา ส่ายหน้าแล้วเอ่ยว่า “เหยียนหลิง! ปล่อยมือ! รีบปล่อยมือเร็วเข้า!”
“กว่าข้าจะตามจับเจ้าได้ ถ้าตอนนี้ปล่อยไป จะไม่ขาดทุนแย่เลยรึ?” สายตาของเหยียนหลิงจวินไม่ได้มองนาง เพียงเอ่ยวาจาหยอกเย้า ทางหนึ่งก็กำลังตั้งใจมองหาขอบผาที่พอจะมีที่ให้ยืนได้
“ขอร้องล่ะ ปล่อยมือเสีย!” ฉู่สวินหยางร้อนใจ ไม่มีอารมณ์ล้อเล่นกับเขา
เหยียนหลิงจวินไม่พูดจา หันซ้ายหันขวารอบหนึ่งแล้วก็ขบฟัน มือพลิกไปดึงสายผูกเอวของตัวเองออกมา แล้วใช้มือข้างเดียวสอดปลายสายไปที่ด้านมีด พยายามผูกเงื่อนตายอย่างทุลักทุเล
ต้นไม้น้อยกำลังถอนรากออกจากหน้าผาหิน เพราะน้ำหนักที่รับไม่ไหว ร่างที่ลอยอยู่กลางอากาศของทั้งคู่กำลังเลื่อนลงมาอย่างช้าๆ
“ไม่นะ!” มองการเคลื่อนไหวของเขา จู่ๆ ฉู่สวินหยางก็ร้องไห้ออกมา น้ำเสียงนั้นฟังดูอ่อนแรงทั้งยังเจือความวิงวอนอยู่หลายส่วน
นางคิดจะดิ้นรน อยากสะบัดมือเขาให้หลุด นางอยากตกลงไปเสียโดยไม่ต้องลำบากเขา แต่ตัวกลับไม่กล้าขยับ
มีเพียงน้ำตาที่ไหลออกมาบดบังการมองเห็น ทำให้ดวงหน้าของเขาพร่ามัว
“ข้าอาจจะต้องลงไปก่อน พอถึงตอนนั้นอย่าลืมให้คนตามหาข้าล่ะ!” เหยียนหลิงจวินไม่ได้มองนาง เอาแต่เม้มปากพยายามผูกเงื่อนตายที่ปลายเชือกอีกด้านกับข้อมือข้างที่เขากุมเอาไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียว ทางหนึ่งก็เอ่ยคำด้วยเสียงสบายๆ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ไม่!” ฉู่สวินหยางพยายามขัดขืนแต่ไร้ผล นางแกะมือเขาไม่ออก ทั้งยังไม่กล้าดิ้นแรง ด้วยกลัวจะตายเร็วขึ้นกว่าเก่า “ไม่เอานะ! น้ำข้างล่างไหลแรงมาก ข้าหาเจ้าไม่เจอ”
เหยียนหลิงจวินหัวเราะ ออกแรงยกข้อมือของนางขึ้น ส่งนางไปที่หน้าผา และพยายามแกะนิ้วของนางออก
เพื่อลดภาระของเขา ฉู่สวินหยางรีบคว้าด้ามมีดที่ปักอยู่บนหน้าผาไว้แน่น
ต้นไม้น้อยที่เหยียนหลิงจวินยึดไว้กำลังสั่นไหวคล้ายคนใกล้หมดแรง นางไม่ทันได้เช็ดน้ำตา ก็รีบหันกลับไปแล้วยื่นมือส่งให้ “มาเร็ว!”
——————————-