ตอนที่ 708

Elixir Supplier

708 คนแปลกหน้ากลางสายฝน

 

ซานเซียนเห่าออกมาสองสามครั้ง ก่อนที่มันจะเดินออกไปด้านนอก หวังเย้ามองตามหลังของมันไป เมื่อเดินไปได้ไม่กี่ก้าว เขาก็ได้ยินเสียงซวบซาบดังออกมาจากพงหญ้า แล้วอยู่ๆก็มีปลาตัวหนึ่งกระโดดออกมา

 

หา?

 

หวังเย้าอึ้งไป

 

นี่มันเรื่องอะไรกัน?

 

เขารู้ว่า ที่อ่างเก็บน้ำด้านล่างมีปลาอยู่ แต่มันก็ห่างจากจุดนี้ไปถึง 90 กว่าเมตร แล้วปลาตัวนี้กระโดดออกมาจนถึงที่นี่ได้ยังไงกัน?

 

ปลาตันนี้มีขนาดไม่เล็กเลย มันอาจจะมีน้ำหนักถึง 1.3 กิโลกรัม

 

“ซานเซียน นายไปจับปลามาเหรอ?”

 

โฮ่ง! โฮ่ง!

 

“ไม่ใช่นาย? แล้วใครกันล่ะ?”

 

มีเสียงดังออกมาจากพงหญ้าอีกครั้ง งูตัวหนึ่งปรากฏอยู่ตรงหน้าของเขา มันมีสีดำสนิทราวกับหมึกและมีลำตัวหนาพอๆกับแขนของผู้ใหญ่คนหนึ่ง

 

“เสี่ยวเฮย นายเป็นคนไปจับปลาตัวนี้มาเหรอ?”

 

เสี่ยวเฮยผงกศีรษะ

 

“อืม งั้นเที่ยงนี้เราจะกินปลากัน” หวังเย้ายิ้ม

 

หลังจากที่ได้ยินคำพูดของหวังเย้า เสี่ยวเฮยก็เลื่อยกลับและหายเข้าไปในพงหญ้า

 

ซานเซียนเดินตามมันไป แต่แล้วก็หันกลับไปหาหวังเย้า

 

โฮ่ง!

 

“ก็ได้” หวังเย้ายิ้ม

 

งูหนึ่ง, สุนัขหนึ่ง, และคนอีกหนึ่งได้พากันเดินลงเขาและตรงไปยังอ่างเก็บน้ำ

 

ถึงแม้เมื่อคืนจะมีฝนตกหนัก แต่น้ำในอ่างก็ยังใสอยู่

 

สายฝนยังคงโปรยลงมาอย่างต่อเนื่อง เม็ดฝนตกกระทบกับผืนน้ำจนกลายเป็นวงกลมที่แผ่กว้างออกไป

 

หลังเดินมาถึงขอบอ่าง เสี่ยวเฮยที่ตัวยาวกว่า 3 เมตรก็เลื่อยลงไปในน้ำและว่ายด้วยความเร็วสูง

 

โฮ่ง!

 

ซานเซียนเดินกลับไปกลับมาอยู่ที่ริมขอบอ่าง

 

“ซานเซียน นายก็ลองด้วยสิ” หวังเย้ายิ้ม

 

ซานเซียนเคยลงน้ำมาก่อนแล้ว หวังเย้ารู้ดีว่า เมื่อไหร่ที่อากาศร้อน ซานเซียนก็มักจะลงมากระโดดน้ำเล่นที่อ่างเก็บน้ำเพื่อทำให้ตัวของมันเย็นลง

 

ซานเซียนส่ายหน้าและนั่งจับจ้องน้ำในอ่างอยู่เงียบๆ

 

ทุกอย่างเงียบสงบ แล้วอยู่ๆก็มีปลาตะเพียนตัวหนึ่งกระโดดขึ้นมาจากอ่างและหล่นกลับลงไปในน้ำ

 

โฮ่ง!

 

ซานเซียนส่งเสียงเห่าออกมา

 

หลังจากนั้นสักพัก ปลาตะเพียนก็กระโดดมาที่ฝั่งและร่วงลงตรงหน้าซานเซียน ปลากำลังดิ้นไปมา ราวกับว่า มันกำลังพยายามที่จะกลับลงไปในน้ำ แต่มันก็ถูกซานเซียนเหยียบเอาไว้ มันจึงทำได้เพียงสะบัดหางไปมาอย่างหมดหนทาง

 

ศีรษะหนึ่งได้โผล่ออกมาจากน้ำ ซึ่งก็คือ เสี่ยวเฮย นั่นเอง

 

“เสี่ยวเฮยรู้วิธีจับปลาด้วยวิธีนี้นี่เอง!” หวังเย้าแปลกใจกับเรื่องนี้มาก

 

เสี่ยวเฮยผลุบหายลงไปในอ่างเก็บน้ำอีกครั้ง จากนั้น มันก็จับได้ปลาดุกสองตัวและปลาตะเพียนอีกหนึ่งตัว ปลาทั้งหมดล้วนมีขนาดโตเต็มที่

 

“ดีมาก”

 

“โอเค เรากลับกันเถอะ”

 

หวังเย้าตะโกนไปทางอ่างเก็บน้ำ หลังจากนั้นสักพัก เสี่ยวเฮยก็ว่ายกลับขึ้นฝั่ง

 

“ไปกันเถอะ เที่ยงนี้เราจะกินปลากัน นายอยากจะกินแบบไหนล่ะ? นึ่ง, อบ, หรือว่าเอาไปทำซุปดี?”

 

โฮ่ง! โฮ่ง!

 

“นายหมายถึงว่า จะให้เอาไปอบกับทำซุปอย่างนั้นเหรอ?”

 

“ก็ได้ เอาตามที่นายว่าแล้วกัน”

 

หวังเย้าอาศัยอยู่บนเขามาได้หลายปีแล้ว ดังนั้น เขาจึงมักจะทำอาหารกินเองอยู่บ่อยๆ ทักษะการทำอาหารของเขาจึงพอใช้ได้

 

สัตว์ที่เลี้ยงไว้ดูเหมือนจะชื่นชอบอาหารฝีมือของหวังเย้าเช่นกัน

 

ไป!

 

ม่านสายฝนได้เชื่อมระหว่างฟ้าและดินเข้าไว้ด้วยกัน

 

หนึ่งคน, หนึ่งสุนัข, และงูหนึ่งตัวก็เข้าขากันเป็นอย่างดี

 

แต่ดูเหมือนว่าจะขาดอะไรบางอย่างไป

 

“ซานเซียน ต้าเซี่ยอยู่ที่ไหนเหรอ?”

 

โฮ่ง!

 

“มันออกไปล่าตอนฝนตกเนี่ยนะ?”

 

ในตอนเที่ยง ฝนตกลงมาไม่หยุด และปลาก็ถูกกินจนหมด

 

“เฮ้อ ฉันไม่ชอบฝน แล้วก็หมู่บ้านกลางป่ากลางเขาแบบนี้เลย แล้วหมอของคลินิกนี้มันไปอยู่ที่ไหนล่ะ?”

 

มีรถสองสามคันพร้อมกับคนอีกสิบกว่าคนจอดอยู่ด้านนอกคลินิกท่ามกลางฝนตก และถูกล้อมรอบไปด้วยภูเขา

 

มีชายสวมแว่นตากันแดดและคีบบุหรี่ได้นั่งอยู่ภายในรถที่เปิดเครื่องทำปรับอากาศเอาไว้ เขาตะโกนใส่คนที่นั่งอยู่ข้างๆเขา

 

“ฉันมีเวยป๋อของเขาอยู่ เดี๋ยวนะ วันนี้เขาโพสเอาไว้ว่าจะไม่ตรวจคนไข้น่ะ”

 

“แกหมายความว่ายังไง?”

 

“หัวหน้า มันก็หมายความว่า วันนี้เขาไม่รับคนไข้น่ะสิ!”

 

“เฮ้ย เดี๋ยวนี้การเปิดคลินิกมันดูจะสบายเกินไปแล้ว ไม่มีความเป็นมืออาชีพเอาซะเลย แล้วทำไมเขาไม่รับคนไข้วันนี้ล่ะ?”

 

“ผมไม่รู้ครับ เขาไม่ได้บอกเอาไว้”

 

“ไปหาคำตอบมา” ชายวัยกลางคนพูด

 

“ครับ”

 

“เวลาของฉันมีค่า แต่ละนาทีฉันหาเงินได้เป็นแสนๆ ไปสืบมาให้ได้ว่าต้องทำยังไงถึงจะเอาเขามาตรวจฉันได้”

 

“ครับ หัวหน้า!”

 

ชายในชุดสูทสองคนลงมาจากตัวรถ

 

“แม่งเอ้ย อารมณ์ของหัวหน้าแย่ลงไปทุกวัน”

 

“เบาเสียงลงหน่อยสิ ถ้าเกิดหัวหน้าได้ยินขึ้นมา แกอยากจะกลายเป็นซาลาเปาเนื้อหรือว่าถูกมัดกับก้อนหินดีล่ะ?”

 

“พวกแกมัวคุยอะไรกันอยู่?” ชายที่เป็นหัวหน้าพูด “เร็วเข้าเซ่”

 

“เราจะพาหมอคนนั้นมาตรวจหัวหน้าเราได้ยังไง?”

 

“บ้านของเขาก็อยู่ที่นี่นี่นา เราไปที่บ้านของเขากันเถอะ”

 

ที่บ้านของหวังเย้า จางซิวหยิงมองไปที่ชายหนุ่มในชุดสูทสองคน ท่าทางของพวกเขาดูสุภาพ พวกเขาใส่สูทตอนอากาศร้อนๆแบบนี้ ไม่ร้อนกันเหรอยังไง?

 

“เสี่ยวเย้าออกไปข้างนอกจ๊ะ เขาไม่ได้อยู่บ้านหรอก” จางซิวหยิงยิ้ม

 

“คุณช่วยหาทางทำให้เขากลับมาจะได้ไหมครับ? พอดีพี่ชายของผมป่วยหนักมาก”

 

“คนนี้น่ะเหรอ?”

 

“เรายินดีจ่ายเพิ่มครับ”

 

“ก็ได้ ฉันจะบอกเขาให้” จางซิวหยิงพูด เธอเป็นคนใจอ่อนกับเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว

 

“ใช่จริงๆด้วย หัวหน้าพูดถูก ไม่ว่าเรื่องอะไรขอแค่มีเงินก็จัดการได้ทั้งหมด”

 

“ขอโทษทีนะจ๊ะ ลูกชายของฉันบอกมาว่า ตอนนี้เขายังกลับมาไม่ได้” หลังจากโทรไปหาหวังเย้าเสร็จแล้ว จางซิวหยิงก็เดินกลับไปบอกกับพวกเขา “ไว้มาใหม่วันพรุ่งนี้ดีไหมจ๊ะ?”

 

อะไรนะ?

 

นี่มันเรื่องอะไรกัน?

 

ชายหนุ่มทั้งสองมึนงง

 

“เรามาปรึกษากันก่อนเร็วเข้า!”

 

“เราจะทำยังไงกันดีล่ะ?”

 

“เรากลับไปบอกเรื่องนี้กับหัวหน้าดีไหม?”

 

“แกจะบ้าเหรอ ครั้งที่แล้ว แค่เพราะเอากระถางดอกไม้ไปวางผิดที่ หัวหน้าก็ตัดมือของเจ้านั่นไปข้างหนึ่ง แกลืมไปแล้วเหรอไง? แล้วถ้าเรากลับไปทั้งๆแบบนี้ แกคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น? ลองคิดดูสิ”

 

“คุณป้าครับ กว่าพวกเราจะมาถึงที่นี่ได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย คุณน้าพอจะช่วยพูดกับเขาหน่อยได้ไหมครับ?”

 

“กลับมาพรุ่งนี้เถอะนะจ๊ะ” จางซิวหยิงยิ้ม

 

ทั้งสองมองหน้ากันและใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง

 

คงไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว!

 

หนึ่งในชายสองคนได้หยิบมีดขึ้นมา

 

“พวกแกคิดจะทำอะไรน่ะ?” หวังเฟิงฮวารีบร้อนออกมาจากตัวบ้านพร้อมกับถือไม้ติดมือมาด้วย

 

“ก็เห็นแล้วนี่ เราก็ไม่ได้อยากจะใช้วิธีการนี้หรอกนะ แต่ถ้าวันนี้ลูกชายของป้าไม่มาล่ะก็ เราสองคนซวยแน่!”

 

ทั้งจางซิวหยิงและหวังเฟิงฮวาต่างก็ไม่ต้องการให้ลูกชายของพวกเขาลงมาจากเขาในตอนนี้ เพราะกลัวว่า หวังเย้าอาจจะถูกข่มขู่ได้

 

สถานการณกลายเป็นตึงเครียดขึ้น

 

“ความอดทนของพวกเรามีจำกัด แล้วเวลาของพวกเราก็มีค่า”

 

“เกิดอะไรขึ้น?” มีเสียงๆหนึ่งดังขึ้นที่ด้านหลังของชายหนุ่มทั้งสอง

 

“หัวหน้า!” ชายคนหนึ่งที่สูงประมาณ 165 เซนติเมตรและมีรูปร่างค่อนข้างกลมเดินมาที่บ้านของหวังเย้า

 

“พวกแกกำลังอะไรกัน? แล้วทำไมถึงได้เอามีดออกมาแบบนี้? พวกแกเป็นบ้าไปแล้วเหรอ?” ชายคนนั้นเดินเข้าไปตบหน้าของชายสองคนจนหน้าสะบัดและทรุดลงไปกับพื้น ใบหน้าของพวกเขาถูกแรงตบรุนแรงจนฟันหลุดออกไปหลายซี่

 

“ผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้พวกคุณตกใจกลัวกันแบบนี้ มันเป็นความผิดของผมเอง แล้วก็ต้องขอโทษกับการเสียมารยาทของพวกเขาด้วยนะครับ” ชายวัยกลางคนพูด

 

ในตอนที่พูดอยู่นั้น เขาก็เอาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดเหงื่อที่หน้าผากของเขาด้วย ดูเหมือนว่า เขาจะเป็นคนเหงื่อออกง่าย แต่กลับใส่สูทแบบเต็มยศ

 

“แล้วหมอหวังอยู่รึเปล่าครับ?” ชายวัยกลางคนพูดด้วยน้ำเสียงที่แสนสุภาพ

 

“ลูกชายของฉันออกไปข้างนอกค่ะ เขาไม่ได้อยู่ที่บ้าน” จางซิวหยิงพูด

 

“ให้ผมเรียกคุณนายว่ายังไงดีครับ?”

 

“เรียกฉันว่า จาง ก็ได้”

 

“คุณนายจางครับ คุณก็เห็นว่าเราไม่ใช่คนในท้องที่นี้ ผมได้ยินมาจากเพื่อนคนหนึ่งว่า ลูกชายของคุณมีความสามารถในการรักษาที่สูงมาก ผมก็เลยดั้นด้นมาหาเขาถึงที่นี่น่ะครับ” ชายวัยกลางคนใช้ผ้าเช็ดเหงื่อบนหัวที่ล้านเลี่ยนของเขา

 

“แต่ว่า?”

 

เพื่อนบ้านของหวังเย้าบังเอิญเดินผ่านมาเห็นเข้าพอดี เพราะพวกเขาทั้งสามต่างก็ใส่ชุดสูทในวันที่อากาศร้อนอบอ้าวแบบนี้ มันจึงกลายเป็นภาพที่สะดุดตาคนที่เดินผ่านไปผ่านมาแถวนี้ แล้วเขาก็รีบโทรไปหาหวังเย้าทันที

 

บนเขา หวังเย้ากำลังถือถ้วยเอาไว้และกินปลาอยู่กับสัตว์เลี้ยงของเขา

 

“อะไรนะ? ผมเข้าใจแล้ว ขอบคุณมากนะครับคุณลุง”

 

“พวกนายกินกันไปก่อนเลยนะ” หวังเย้าวางถ้วยในมือลงและเดินออกไป

 

เพียงก้าวเดียวก็ไปได้ไกลหลายเมตร

 

เขาที่อยู่บนเขา เพียงครู่ต่อมา เขาก็มาโผล่อยู่ที่ตีนเขาแล้ว

 

ลมพัดแรงและฝนยังคงตกลงมา

 

หากมองจากที่ไกลๆ จะสามารถมองเห็นร่างๆหนึ่งกำลังกระโดดอยู่ท่ามกลางสายฝนและเคลื่อนที่ไปไกลหลายสิบเมตรภายในชั่วพริบตา

 

ไม่นาน หวังเย้าก็มาถึงหมู่บ้าน เขามองเห็นว่ามีรถจอดอยู่ที่ด้านนอกคลินิก

 

แล้วเขาก็รีบเดินต่อไปยังบ้านของตัวเอง

 

“นั่นคนใช่รึเปล่า?”

 

“ฉันเห็นเขาอยู่ตรงนั่นเมื่อกี้นี้เอง!”

 

“เขาอยู่ตรงไหนเหรอ?”

 

คนที่อยู่ภายในรถต่างก็มึนงงและขยี้ตาตัวเอง

 

เกิดอะไรขึ้น? หรือเขาจะเห็นผีอยู่กลางฝน?