ตอนที่ 709

Elixir Supplier

709 โทษตายละเว้นได้ แต่โทษหนักยากจะหนีพ้น

 

ปัญหาก็คือ ไม่ใช่แค่คนเดียวเท่านั้นที่เห็นหวังเย้ากำลังกระโดด ทุกคนในรถต่างเห็นภาพที่น่าอัศจรรย์นั้นเช่นเดียวกัน

 

“เขาไปไหนแล้วล่ะ?” คนที่อยู่ภายในรถถาม

 

“ฉันไม่ทันได้เห็นเลย” ชายอีกคนพูด

 

ฝนยังคงตกลงมาเรื่อยๆ อุณหภูมิภายในรถจึงเย็นลงเล็กน้อย ทำให้เหล่าคนที่อยู่ภายในรถตัวสั่นเพราะความเย็น

 

“ฉันล่ะเกลียดอากาศแบบนี้จริงๆ” ชายวัน 40 พูดพร้อมกับเช็ดเหงื่อบนใบหน้าของเขา “ฉันว่าฉันต้องตายแน่ๆ”

 

ลูกน้องของเขามีท่าทีตกใจเมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเขา

 

“หัวหน้าเป็นอะไรไหมครับ?” หนึ่งในชายสองคนถาม “หัวหน้าจะมาอาการกำเริบที่นี่ไม่ได้นะครับ”

 

“ฉันควบคุมมันไม่ได้หรอกนะ” ชายวัย 40 พูด

 

“อาการของหัวหน้ากำลังจะกำเริบเหรอ?” หนึ่งในชายสองคนถาม

 

อยู่ๆพวกเขาก็ได้ยินเสียงคนตะโกนขึ้นมา “ไปซะ!”

 

พวกเขาทั้งสามเริ่มมีอาการปวดศีรษะขึ้นมา พวกเขาที่ยืนอยู่ตรงถนนต่างก็เอามือกุมศีรษะเอาไว้เพราะความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น มันราวกับว่า มีคนเอาค้อนมาทุบศีรษะของพวกเขา มันเป็นความรู้สึกที่เลวร้ายมากๆ

 

“เมื่อกี้ใครตะโกนออกมาน่ะ?” ชายผู้เป็นหัวหน้าถามขึ้นมา ในขณะที่เอายังเอามือกุมศีรษะที่ล้านเลี่ยนของตัวเองไว้อยู่

 

“เสี่ยวเย้า ลูกกลับมาได้ยังไงกันน่ะ?” จางซิวหยิงถาม

 

“แม่ พ่อ เป็นอะไรไหมครับ?” หวังเย้าถาม

 

“เราไม่ได้เป็นอะไรหรอกจ๊ะ?” จางซิวหยิงพูด

 

“ถ้มีคนแปลกหน้ามาที่บ้านอีก แม่ต้องโทรเรียกตำรวจนะครับ” หวังเย้ามองไปที่ชายทั้งสามด้วยสายตาเย็นเยียบ “ออกไปจากที่นี่ซะ!”

 

อยู่ๆพวกเขาทั้งสามก็รู้สึกราวกับตัวเองกลายเป็นคนหูหนวก ในตอนที่หวังเย้าตะโกนใส่พวกเขาอีกครั้งนั้น พวกเขาเพิ่งจะรู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อย ตอนนี้ พวกเขาแทบจะยืนอยู่ไม่ไหว และน้ำตาไหลพราก

 

พวกเขารู้สึกราวกับกำลังจะหมดสติได้ทุกขณะ ดังนั้น พวกเขาจึงรีบร้อนวิ่งออกไปด้านนอก

 

ปัง! ชายที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเผลอเอาศีรษะของตัวเองโขกเข้ากับบ้านประตู

 

ในที่สุด พวกเขาทั้งหมดก็ออกไปจากบ้านและถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก พวกเขาต่างรู้สึกสับสนกับเรื่องที่เกิดขึ้น และแต่ละคนก็ยังมีอาการมึนไม่หาย พวกเขาปวดศีรษะอย่างรุนแรง ราวกับว่าศีรษะของพวกเขากำลังจะระเบิด ตอนนี้ ให้พวกเขาตายเสียยังจะดีซะกว่า

 

“แม่ง!” อยู่ๆชายหัวล้านก็หยิบดาบออกมา ดวงตาของเขาแดงก่ำราวกับสัตว์ร้าย คนของเขาไม่มั่นใจว่า เขากำลังคิดจะทำอะไรหรือเขากำลังจะไปฆ่าใครเข้า

 

หวืด! ชายหัวล้านที่ถือดาบเอาไว้ชนเข้ากับกำแพงอย่างรุนแรง

 

“หัวหน้า! หัวหน้า!” คนของเขาตะโกนออกมาด้วยความตกใจ

 

พวกเขายังคงไม่สามารถยืนอย่างมั่นคงได้ แต่ก็ยังพยายามจะเข้าไปช่วยชายหัวล้านให้กลับลุกขึ้นมายืนอีกครั้ง

 

“ดีจริงๆ หัวหน้ายังไม่ตาย” หนึ่งในพวกเขาพูด “แกรู้ไหมว่าเขาเป็นใคร?”

 

อยู่ๆชายหัวล้านก็ลืมตาขึ้นมาและตะโกนออกมา “ฆ่ามัน!” แล้วเขาก็หมดสติไปอีกครั้ง

 

ลูกน้องทั้งสองต่างก็ยังยืนได้ไม่มั่นคง พวกเขาเอามือสองข้างกุมศีรษะของตัวเองเอาไว้ พวกเขายินดีที่จะเดินออกไปจากหมู่บ้านโดยที่ยังมีชีวิตอยู่ และไม่คิดจะไปฆ่าใครเลยสักคน

 

ดูจากสภาพของพวกเขาในตอนนี้แล้ว พวกเขาได้แต่ช่วยเหลือตัวเองและไม่มีใครสนใจหัวหน้าของตัวเองเลย พวกเขาอยากจะออกไปจากหมู่บ้านนี้ให้เร็วที่สุด เผื่อว่าอาจจะเกิดเรื่องที่เลวร้ายกว่านี้ขึ้นกับพวกเขา

 

พวกเขาเกาะกำแพงเพื่อพยุงตัวและเดินโซเซออกไปจากหมู่บ้านโดยเร็วที่สุด

 

“นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น?” คนที่รออยู่ภายในรถมองดูชายทั้งสองคนเดินออกมาจากหมู่บ้าน ด้วยสภาพที่ราวกับหนูจมน้ำ

 

“ออกไปดูกันเถอะ” หนึ่งในพวกเขาพูด

 

คนทั้งห้าเดินออกมาจากรถเพื่อไปดูชายทั้งสอง ซึ่งมีใบหน้าซีดเซียวและมีเลือดออกจากจมูกของพวกเขา

 

“แล้วหัวหน้าล่ะ?” ชายคนหนึ่งถาม

 

“ข้าง…ข้างใน” ชายอีกคนพูด

 

คนทั้งห้าที่รออยู่ภายในรถตอนแรกมองไปเห็นหัวหน้าของพวกเขากำลังนอนอยู่ที่พื้น พวกเขาไม่แน่ใจว่าเขาตายหรือยัง มีดาบเล่มหนึ่งวางอยู่ข้างตัวหัวหน้าของพวกเขา สภาพของมันไม่ต่างจากโดนัททอดที่ถูกบิดจนกลายเป็นเกลียวเลย

 

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” ชายคนหนึ่งถาม

 

บนถนนที่มีความยาวเพียงแค่ 50 เมตร มีชายหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่กลางถนนและมองมาที่พวกเขาด้วยสายตาเย็นเยียบ

 

“เสี่ยวเย้า?” จางซิวหยิงและหวังเฟิงฮวาเดินออกมาดูพวกเขาด้วยความเป็นห่วง

 

“ทุกอย่างเรียบร้อยดีครับ” หวังเย้าพูด “แม่กับพ่อเข้าไปอยู่ในบ้านเถอะ ข้างนอกนี้ให้ผมจัดการเองครับ”

 

หวังเย้าไม่คิดว่า ชายหัวล้านจะพกดาบติดตัวมาด้วย และมันทำให้เขามั่นใจมากว่า คนพวกนี้ไม่ใช่คนดีอะไรนัก

 

“อย่าไปทำใครแรงล่ะ” หวังเฟิงฮวาพูด

 

“ผมรู้ครับ ผมไม่ฆ่าใครแน่” หวังเย้าพูด

 

พวกเขาไม่ตาย แต่พวกเขาต้องเจ็บตัว ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถมาทำตัวเลวทรามที่หมู่บ้านของเขาได้ทั้งนั้น

 

“พาหัวหน้าของพวกนายออกไปจากที่นี่ซะ” หวังเย้าพูด เขาไม่ได้พูดเสียงดังมาก แต่น้ำเสียงของเขากลับดังทะลุเข้าไปในหูของคนเหล่านั้น ราวกับเสียงของฟ้าผ่า จนทำให้พวกเขาแทบจะหูหนวก

 

พวกเขาต่างยกมือขึ้นกุมหูของตัวเอง “นี่มันเชี่ยอะไรกันเนี่ย? สิงโตคำรามอย่างนั้นเหรอ?” หนึ่งในพวกเขาพูด

 

พวกเขาทั้งหมดช่วยกันยกตัวหัวหน้าของพวกเขาขึ้นมาจากพื้น และแบกเขาออกไปจากจุดนี้โดยเร็วที่สุดเท่าที่พวกเขาจะทำได้ เมื่อขึ้นนั่งบนรถได้ พวกเขาก็รีบสตาร์ทรถและขับออกไปในทันที

 

“เกิดอะไรขึ้นกับหัวหน้า?” หนึ่งในพวกเขาเอ่ยถามในขณะที่มองไปที่หัวหน้าที่ยังไม่ได้สติของพวกเขา

 

ทุกคนที่อยู่ภายในรถต่างมีท่าทีตื่นตระหนก

 

“แกพูดว่าอะไรนะ? พูดดังกว่านี้หน่อยได้ไหม?” ชายอีกคนถาม “ฉันไม่ได้ยินที่แกพูดเลย”

 

“เกิดอะไรขึ้นกับหัวหน้า?” เขาถามขึ้นมาอีกครั้ง

 

“ฉันไม่ได้ยินที่แกพูดอยู่ดี ช่างมันเถอะ ไว้ค่อยคุยกันทีหลัง เราต้องไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดเดี๋ยวนี้เลย” ชายอีกคนพูด

 

ในหูของพวกเขายังคงได้ยินเสียงวิ้งๆ และไม่ได้ยินเสียงอย่างอื่นเลย พวกเขาขับรถเข้าไปในตัวเมืองเหลียนชานด้วยความเร็วสูง

 

“เป็นอะไรมาเหรอ?” แพทย์ในแผนกฉุกเฉินถาม

 

พวกเขาทั้งหมดต่างสวมชุดสูททั้งๆที่อากาศร้อนแบบนี้ และสภาพที่เปื้อนดินเปื้อนทรายของพวกเขา ทำให้แพทย์ต้องประหลาดใจ เขาเริ่มสงสัยขึ้นมาว่า คนเหล่านี้อาจจะชอบเล่นดินเล่นทรายก็เป็นได้

 

“หมอ ผมไม่ได้ยินเลย!” ชายหนุ่มคนหนึ่งตะโกน

 

“อะไรเนี่ย!” แพทย์ตกใจ

 

“ฉันก็ไม่ได้ยิน!” ชายอีกคนตะโกน

 

“อะไรกัน?” แพทย์ประหลาดใจที่เห็นว่าพวกเขาไม่สามารถได้ยินเสียงอะไรเลย

 

เขาทำการตรวจพวกเขาทั้งหมด และพบว่า พวกเขามีความบกพร่องทางการได้ยิน พวกเขาไม่ถึงกับหูหนวก เพียงแต่ว่า การได้ยินของพวกเขาถูกจำกัด

 

“เกิดอะไรขึ้นกับพวกคุณเหรอ?” แพทย์ถาม

 

ความบกพร่องทางการได้ยินนั้นมักมีสาเหตุมาจากการทำงานในสภาพแวดล้อมที่เสียงดังมากเป็นเวลานาน แต่ลักษณะของพวกเขาแต่ละคน ดูไม่เหมือนกับคนที่ทำงานแบบนั้นเลยสักนิด

 

“พวกเราไปเจอเข้ากับปรมาจารย์กังฟูที่หมู่บ้านหนึ่งมาน่ะ” ชายคนหนึ่งพูดด้วยท่าทีสบายๆ การได้ยินของเขาเป็นปกติดี

 

พันจวินที่เข้ามาในแผนกฉุกเฉินบังเอิญได้ยินเข้าพอดี เขาจังหันไปมองพวกเขา แต่ละคนมีรอบสักที่แขนและลำคอ และท่าทางก็ไม่น่าจะใช้พวกศิลปินที่รักในศิลปะเลยสักนิดเดียว

 

“หมอช่วยดูอาการหัวหน้าของพวกเราทีได้ไหม?” ชายคนหนึ่งถาม

 

“หัวหน้าครับ” แพทย์แผนกฉุกเฉินเอ่ยเรียกพันจวินทันทีที่เห็นเขาเดินมา

 

“มีเรื่องอะไรกันเหรอ?” พันจวินถาม

 

“การได้ยินของพวกเขาได้รับความเสียหายครับ ผมคิดว่า พวกเขาน่าจะได้รับการกระทบกระเทือนด้วย ส่วนคนนี้อาการหนักที่สุดครับ” แพทย์ชี้ไปที่ชายหัวล้านที่นอนอยู่บนเตียง “แขนและซี่โครงข้างขวาของเขาหัก ผมยังสงสัยว่า อวัยวะภายในของเขาน่าจะได้รับความเสียหายและยังมีเลือดออกในช่องท้องของเขาด้วยครับ”

 

“หนักขนาดนั้นเลยเหรอ?” เหล่าชายหนุ่มที่รออยู่ข้างๆถาม

 

“ใช่ หนักมาก เขาอาจจะตายจากอาการพวกนี้ได้เลย” แพทย์พูด

 

“แล้วรออะไรอยู่ล่ะ?” ชายหนุ่มคนหนึ่งพูด “ช่วยเขาเซ่!”

 

“ผมหรือว่าคุณกันแน่ที่เป็นหมอน่ะ?” แพทย์พูดอย่างไม่พอใจ

 

“โอเค คุณเป็นหมอ” ชายหนุ่มพูด “แล้วช่วยเร่งหน่อยไม่ได้เหรอ? ผมขอร้องล่ะ!”

 

“ต้องทำเรื่องเอกสารให้เรียบร้อยก่อน แล้วก็อย่าเอาบัตรประชาชนของเขามาด้วยล่ะ” แพทย์พูด

 

“ส่งเขาไปตรวจ” พันจวินพูด

 

ผลตรวจออกมาอย่างรวดเร็ว กระดูกแขนขวาของชายหัวล้านหักสามท่อน และกระดูกซี่โครงหักอีกสาม ขาขวาของเขาก็กระดูกหักด้วยเช่นกัน เส้นเอ็นของเขาได้รับความเสียหายเล็กน้อย ในช่องท้องของเขายังมีเลือดออกอีกด้วย

 

“พระเจ้า อาการหนักสุดๆ” แพทย์พูด “เขาโดนรถชนมาเหรอ?”

 

“ไม่ใช่หรอก” ลูกน้องของชายหัวล้านพูด พร้อมกับกลืนน้ำลายลงไป

 

“พระเจ้า แค่พริบตาเดียว หัวหน้าของเราก็มีสภาพแบบนี้แล้ว ไอ้หนุ่มนั่นต้องเป็นปรมาจารย์กังฟูแน่ๆ” หนึ่งในลูกน้องของชายหัวล้านพูด

 

“เขาต้องเข้ารับการผ่าตัดอย่างเร่งด่วน” แพทย์พูด “แล้วคุณมีความสัมพันธ์ยังไงกับผู้ป่วย?”

 

“เอ่อ คือ เราทำงานให้เขาน่ะ” ชายหนุ่มพูด

 

“แล้วใครที่สามารถเซ็นในนามของญาติคนไข้ได้บ้าง?” แพทย์ถาม

 

พวกเขาทั้งหมดต่างก็มองหน้ากันไปมา

 

“เอ่อ หมอ รอแปบนึงนะ” ชายที่ทำหน้าที่เป็นคนขับรถพูด เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆและกดโทรออก

 

“คุณหนาน ครับ ผมอาจิ่ว คุณเหวินได้รับบาดเจ็บหนักครับ” คนขับพูด

 

“อะไรนะ? เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น? แล้วเขาอยู่ที่ไหน?” คุณหนานถาม

 

“ตอนนี้ พวกเราอยู่กันที่ตัวเมืองของเขตเหลียนชานครับ คุณเหวินต้องเข้ารับการผ่าตัด ถ้าไม่อย่างนั้น เขาจะตาย ครับ…ได้ครับ…ผมจะเซ็นเอง” คนขับกดวางสายและเดินไปเซ็นเอกสาร

 

ชายหัวล้านถูกพาตัวเข้าห้องผ่าตัด

 

“ผู้ชายคนนี้เป็นใครเหรอ?” นางพยาบาลถาม

 

เจ้าหน้าที่ต่างมองไปที่ชายหัวล้านที่มีร่างกายเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อและมีลายสักรูปมังกรที่ดูราวกับมีชีวิตอยู่ ซึ่งได้ดึงดูดความสนใจจากทั้งพยาบาลและแพทย์ที่ให้การรักษาเขา

 

“เขาคงจะเป็นพวกแก็งค์อันธพาล” แพทย์พูด

 

ทั้งแพทย์และพยาบาลต่างก็ไม่มีใครชอบพวกอันธพาล พวกเขาไม่ต้องการเจอคนประเภทนี้และคนพวกนี้มักจะสร้างปัญหาให้กับทางโรงพยาบาลอย่างมาก

 

“เราเริ่มกันเลยไหม?” แพทย์ผู้รับหน้าที่ผ่าตัดเอ่ยขึ้นมา