ตอนที่ 710

Elixir Supplier

710 ฉันอยากจะควักเอาหัวใจกับตับของมันออกมากิน

 

ที่ด้านนอกห้องผ่าตัด มีคนมารอกันอยู่หลายคน สีหน้าของแต่ละคนเต็มไปด้วยความกังวล

 

“พี่หนานพูดว่าอะไรบ้าง?”

 

“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับหัวหน้า เราไม่ต้องกลับไป” อาจิ่วพูด “แต่ให้รอครอบครัวของเรามารับศพกลับไปแทน”

 

“เฮือก!” พวกเขาทั้งหมดต่างมีสีหน้ามืดมน

 

“แล้วยังไงต่อ?”

 

“พี่หนานจะมาวันนี้ แล้วก็จะไปที่หมู่บ้านนั้น”

 

“ที่นี่ไม่ใช่อาณาเขตของพวกเรา เรากำลังข้ามเขตอยู่นะ”

 

“แม่งเอ้ย มันก็แค่เขตเล็กๆแค่นี้เอง”

 

ในตอนที่พวกเขากำลังคุยกันอยู่นั้น มีชายคนหนึ่งยืนอยู่เงียบๆที่ปลายสุดของทางเดิน

 

“ใช่จริงๆด้วย คนพวกนี้ไม่มีอะไรดีเลย ฉันต้องบอกเรื่องนี้กับอาจารย์”

 

พันจวินโทรไปเล่าเรื่องทีเกิดขึ้นกับหวังเย้า คนเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีความคิดที่เลวทราม พวกเขาทำทุกอย่างโดยไม่สนใจเรื่องกฎหมาย ถึงจะต้องเสียเงินมากมายแค่ไหนก็ตาม

 

“ครับ ผมรู้แล้ว ขอบคุณนะครับ” หวังเย้าพูด

 

คนพวกนี้มาจากจังหวัดอื่น!

 

เรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจมาก เหล่าคนที่อยู่ใต้ดินมักจะให้ความสำคัญเรื่องเขตแดนของแต่ละกลุ่ม คนที่อยู่ฝั่งเจียงหนานแทบจะไม่ไปฝั่งเจียงเป่ยเลย แต่ตอนนี้ คนเหล่านี้กำลังข้ามเขตของกลุ่มอื่นอยู่

 

น่าสนใจ!

 

ความปลอดภัยของคนในครอบครัวคือเรื่องที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ หวังเย้าเล่าสถานการณ์ในตอนนี้ให้พ่อแม่ของเขาฟัง และขอให้พวกเขาระวังตัว สองสามวันต่อจากนี้ ทั้งสองจึงตัดสินใจจะอยู่แต่ในบ้าน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาอะไรที่อาจจะตามมาทีหลัง

 

มันคือการป้องกันตัวเองโดยการอยู่เฉยๆ

 

หวังเย้าโทรไปหาเพื่อนคนหนึ่งของเขา เพื่อสอบถามเรื่องแก็งค์อันธพาลและขอให้ช่วยหาข้อมูลเพิ่มให้เขา

 

ในโรงพยาบาลเหลียนชาน

 

ชายหัวล้านเข้ารับการผ่าตัดอยู่นานหลายชั่วโมง แล้วในที่สุดการผ่าตัดก็เสร็จสิ้น

 

“พี่เหวิน พี่เป็นยังไงบ้าง?”

 

“เขาได้รับยาสลบไปตอนผ่าตัด ตอนนี้เขาเลยยังไม่ตอบสนองอะไร พาเขาไปที่ห้องพักก่อนเถอะ”

 

“โอ้ ได้ๆ”

 

“หมอ ตอนนี้เขาพ้นขีดอันตรายรึยัง?”

 

“ตอนนี้น่ะใช่ แต่เราก็ยังต้องค่อยสังเกตดูอาการของต่อไปอีกสักพัก๐

 

“พี่หนานกำลังมาแล้ว ถ้าเขามาที่นี่ เราจะตอบเขาว่ายังไงดีล่ะ?”

 

เหล่าลูกน้องทั้งหมดต่างกังวลกันมากขึ้นกว่าเดิม

 

ในคืนนั้น คนกลุ่มหนึ่งเดินทางมาที่โรงพยาบาลเหลียนชาน ชายผู้เป็นหัวหน้ามีอายุประมาณสามสิบปลายๆ เขามีเส้นผมที่เป็นประกายและใบหน้าขาวซีด

 

“พี่หนาน พี่หนาน!”

 

“อืม”

 

“เขาเป็นยังไงบ้าง?”

 

“พี่เหวินเพิ่งจะผ่าตัดเสร็จครับ”

 

“เรื่องเป็นมายังไง?”

 

“เราไปหาหมอที่หมู่บ้านนั้น แล้วก็ไปมีเรื่องกับเขาเข้าครับ” อาจิ่วพูด

 

“มีเรื่องงั้นเหรอ? พวกแกมีกันอยู่กี่คน?” ชายที่พวกเขาเรียกว่าพี่หนานพ่นควันบุหรี่ออกมา

 

“เอ่อ เรามีกันเจ็ดหรือแปดคนครับ”

 

“จะเจ็ดหรือจะแปด?”

 

“แปดครับ”

 

“แล้วไอ้หมอนั่นล่ะ?”

 

“คนเดียวครับ”

 

“คนเดียว?”

 

“ครับ”

 

“แม่งเอ้ย!”

 

ชายที่ถูกเรียกว่าพี่หนานชกอาจิ่วจนร่วงลงไปที่พื้น

 

“พวกแกมีกันอยู่แปดคน ส่วนมันมีแค่คนเดียวเนี่ยนะ” อาหนานพูดด้วยความโมโห “พวกแกมีมีด แต่พวกแกก็ยังปล่อยให้พี่เหวินมีสภาพแบบนี้ ไร้ประโยชน์สิ้นดี!”

 

“ครับ” อาจิ่วรีบลุกขึ้นยืนและก้มหน้าลง

 

“เวลากิน, เวลาดื่ม, เวลาสนุกเฮฮา พวกแกเต็มที่ แต่พอมีเรื่องขึ้นมา พวกแกก็กลายเป็นพวกไร้ประโยชน์ไม่ต่างจากคนตาย” เขาเดินกลับไปกลับมาอยู่ที่ทางเดิน

 

บริเวณโดยรอบไม่มีใครกล้าเดินเข้ามาใกล้พวกเขาเลย มันไม่ใช่เรื่องดีที่จะเข้าไปยุ่งกับคนพวกนี้

 

“แล้วตอนนี้ ไอ้นั่นมันอยู่ที่ไหน?”

 

“อยู่ที่หมู่บ้านครับ”

 

“หมู่บ้านเหรอ?”

 

“ครับ”

 

“อืม งั้นก็ตามกฎเดิม เราจะไปเยี่ยมแก็งค์เจ้าถิ่นของที่นี่กันก่อน”

 

“อาชู่”

 

“ครับ พี่หนาน”

 

“ฉันจะปล่อยให้แกเป็นคนจัดการเรื่องนี้”

 

“เข้าใจแล้วครับ”

 

“พวกแกไปหาที่พักแถวนี้แล้วกัน”

 

อาหนานอยู่พักที่ห้องพักคนไข้เพื่อดูแลพี่ชายของเขา

 

กลางดึกของคืนนั้น ตัวยาสลบเริ่มหมดฤทธิ์ แล้วชายหัวล้านก็เริ่มได้สติขึ้นมา

 

“พี่”

 

“อาหนาน ทำไมถึงมาที่นี่ได้ล่ะ?”

 

“ฉันได้ยินว่าพี่เกิดเรื่อง ฉันก็เลยมาที่นี่น่ะสิ พี่รู้สึกเป็นยังไงบ้าง?”

 

“ก็ดี แล้วเรื่องไอ้หมอนั่นล่ะ?”

 

“พี่สบายใจได้ พรุ่งนี้ ฉันจะจัดการมันไม่ให้เหลือซากเลย”

 

“พ่อแม่ของมันด้วย พวกมันไม่ได้พูดความจริงกับฉัน”

 

“ได้ พี่ดูแลตัวเองดีดีเถอะ”

 

“ระวังด้วยล่ะ ไอ้หมอนั่นมันเป็นกังฟู”

 

“ฉันรู้ ฉันเอาปืนมาด้วย”

 

มันเป็นค่ำคืนที่สงบ แต่อบอ้าวเล็กน้อย

 

เช้าตรู่ของวันถัดมา พระอาทิตย์ก็โผล่ขึ้นเหนือพื้นดิน

 

“เฮ้อ ร้อนจริงๆ!”

 

“ในที่สุด ฉันก็ถอดเสื้อผ้าพวกนี้ออกได้สักที”

 

กลุ่มแก็งค์จากทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้ไปหาเจ้าถิ่นของแก็งค์ใต้ดินในเขตนี้ หากพวกเขาคิดจะก่อเรื่องอะไร พวกเขาจำเป็นที่จะต้องเข้าเยี่ยมเขาที่เป็นเจ้าถิ่นก่อน เพราะมันคือกฎของใต้ดิน

 

“หวังเย้า? หมอหวังน่ะเหรอ?”

 

“ฉันเคยได้ยินชื่อของเขามาก่อน ความจริงก็เคยเห็นตัวจริงมาแล้วด้วย” หัวหน้าแก็งค์เจ้าถิ่นยิ้ม

 

“เขาเคยรักษาแม่ของฉัน ยาของเขาได้ผลดีมาก ฉันก็เลยรู้สึกขอบคุณเขามากๆเลยน่ะ”

 

คำพูดของเขาได้แสดงจุดยืนออกมาอย่างชัดเจน

 

“ฉันเข้าใจ” อาหนานพูด “ราคาเท่าไหร่?”

 

“มันไม่ใช่เรื่องของเงินหรออกนะ” หัวหน้าแก็งค์เจ้าถิ่นพูด

 

“มันทำพี่ชายฉันเจ็บ ฉันต้องจัดการมัน”

 

เขาดีดนิ้ว มีคนเดินเข้ามาจากด้านหลังของเขาพร้อมกับถุงกระดาษใบหนึ่ง อาหนานคว้าถุงกระดาษมาแล้วโยนลงไปที่โต๊ะ

 

“แค่นี้มากพอที่จะปล่อยให้ฉันจัดการกับมันได้ไหมล่ะ?” อาหนานถาม

 

หัวหน้าแก็งค์เจ้าถิ่นหยิบถุงกระดาษขึ้นมาและเปิดมันออก

 

“ดี”

 

“ขอบคุณ”

 

อาหนานจากไปพร้อมกับคนของเขา

 

“พี่ คนพวกนี้เป็นใครเหรอ?”

 

“พวกคนที่ข้ามถิ่นน่ะสิ” หัวหน้าแก็งค์เจ้าถิ่นพูด

 

“รวบรวมคนออกไปข้างนอกกัน”

 

ในหมู่บ้านกลางเขา คลินิกเปิดทำการในตอนเช้า มันไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์เมื่อวานเลย

 

หวังเย้าเริ่มนำยาเม็ดที่เขาได้ทำเอาไว้สำหรับรักษาตามอาการของคนไข้ออกมาใช้งานในวันนี้ เขาเรียกมันว่า เม็ดยาชิงฟู้

 

ในเม็ดยาไม่ได้มีส่วนผสมของสมุนไพรรากอยู่เลย ถึงแม้ว่าเม็ดยาจะให้ผลดีในการรักษา แต่ก็ต้องใช้เวลาสักพักเพื่อให้ตัวยาออกฤทธิ์

 

ในตอนที่เขากำลังตรวจคนไข้อยู่นั้น ก็มีชายคนหนึ่งที่ไม่ได้รับบัตรคิวหรือเข้าคิว เขาเดินเข้ามาหาหวังเย้า

 

“สวัสดี หมอหวัง”

 

“สวัสดีครับ?”

 

“ฉันก็คุยกับหมอตามลำพังสักหน่อยได้ไหม?”

 

“ได้สิครับ” หวังเย้าลุกขึ้นและเดินไปที่มุมมุมหนึ่งกับชายคนนั้น

 

“พี่ชายของผมมีจดหมายมาให้หมอ” ชายคนนั้นหยิบจดหมายออกมาและส่งมันให้กับหวังเย้า

 

“พี่ชายของคุณเป็นใครเหรอ?”

 

“ถ้าได้อ่านจดหมายแล้ว หมอก็จะรู้เอง”

 

หวังเย้าเปิดจนดหมายออกอ่าน

 

ภายในจดหมายมีเนื้อความที่เตือนให้เขาระวังตัวและบอกกับเขาว่า อีกฝ่ายมีอาวุธปืนมาด้วย

 

“ฝากขอบคุณพี่ชายของคุณด้วยนะครับ” หวังเย้าพูด

 

“ได้ ขอตัว”

 

“เดินทางปลอดภัยนะครับ”

 

หลังจากได้รับจดหมายแล้ว หวังเย้าก็กลับไปตรวจคนไข้ต่อ

 

เขามีคนไข้สี่คนในตอนเช้า หลังจากรักษาพวกเขาเสร็จ หวังเย้าก็โทรไปหาหวังหมิงเปา

 

เพื่อนของเขาเดินทางมาถึงคลินิกในอีกสามสิบนาทีให้หลัง

 

“นายบอกว่า คนพวกนั้นมาจากทางตะวันออกเฉียงเหนือเหรอ?”

 

“ใช่ พวกเขามาขอให้ฉันรักษาหนึ่งในนั้น แต่ฉันปฏิเสธพวกเขาไป” หวังเย้าพูด

 

“ดังนั้น พวกมันก็เลยคิดจะใช้ปืนมาแก้แค้นนาย?”

 

“ใช่ ฉันอยากให้คุณลุงช่วยจับคนพวกนี้ให้หน่อยน่ะ”

 

“อืม ฉันจะลองกลับไปคุยกับพ่อดู”

 

ตอนกลางวัน คลินิกปิดทำการ

 

หวังเย้าไปที่บ้านของจงหลิวชวน

 

“สวัสดี ขอโทษที่มารบกวนนะ”

 

“ยินดีต้อนรับครับ นั่งก่อนสิ”

 

“เชิญดื่มชาค่ะ” จงอันซินเอาชามาให้กับหวังเย้า”

 

“ขอบคุณ”

 

“มีเรื่องอะไรเหรอครับ?” จงหลิวชวนถาม

 

“มีเรื่องที่ผมจำเป็นต้องรบกวนคุณหน่อยน่ะครับ”

 

“บอกผมมาได้เลย”

 

“บ่ายนี้ผมจะออกไปข้างนอก แล้วผมก็อยากจะให้คุณช่วยดูแลคนที่บ้านของผมให้หน่อยนะครับ” หวังเย้าพูด

 

เขาพอจะเดาได้ว่า ในอดีตจงหลิวชวนเคยทำงานอะไรมาก่อน ดังนั้น จงหลิวชวนจึงเป็คนแรกที่เขาคิดว่าพอจะช่วยเขาได้

 

“ไม่มีปัญหาครับ ถ้าหมอมีปัญหาแบบนี้ ผมสามารถจัดการได้เป็นอย่างดีเลยนะครับ” จงหลิวชวนพูด

 

“ผมจัดการเองได้”

 

“โอเค ปล่อยที่นี่ให้ผมดูแลเอง”

 

หลังจากที่หวังหมิงเปากลับไปแล้ว หวังเย้าก็ตัดสินใจเป็นฝ่ายที่เริ่มโจมตีก่อน เขาไม่สามารถฝ่ายรอเพื่อให้พวกเขามาหาถึงที่นี่ เขาต้องการรับรองความปลอดภัยของพ่อแม่เขา และเขารู้ว่า เมื่อมีจงหลิวชวนอยู่ที่นี่ พวกเขาก็จะปลอดภัย

 

“อันซิน รอพี่อยู่ที่นี่นะ พี่จะออกไปข้างนอกสักหน่อย”

 

“ค่ะ”

 

ที่ประตู หวังเย้าพูดว่า “ระวังด้วยล่ะ พวกเขามีปืน”

 

“ปืนเหรอ? พวกเขาเป็นใครกันครับ?”

 

“พวกเขามาจากทางตะวันออกเฉียงเหนือ หนึ่งในนั้นมาขอให้ผมรักษา แต่ผมปฏิเสธพวกเขาไป”

 

“ผมเข้าใจ”

 

ตอนกลางวัน หวังเย้าเดินทางไปที่โรงพยาบาลเหลียนชาน พันจวินบอกกับหวังเย้าว่า ชายหัวล้านรักษาตัวอยู่ที่ชั้นและห้องไหน

 

“พี่เหวิน พี่อยากกินอะไร? ฉันจะไปซื้อมาให้”

 

“ฉันอยากจะกินหัวใจของไอ้หมอนั่น”

 

ชายหนุ่มที่อยู่ข้างเตียงยิ้ม

 

“แกไปเอามันมาให้ฉันที!” อาเหวินมองไปที่อาหนาน

 

ชายหนุ่มคิดในใจ อาการของเขาหนักมากจริงๆ!