บทที่ 156 เรือนหอบ่าวสาว

ฮวงอี๋ฮวนกลืนน้ำลายอึกใหญ่ หญิงสาวสบตาที่เรียบนิ่งของฉีเฉิงเฟิง หัวใจของนางรู้สึกตื่นตระหนก กัดริมฝีปากแน่นด้วยความหวาดกลัว

หญิงสาวรีบทรุดตัวลงเก็บห่อยาสีเหลือง แต่ข้อมือของนางถูกกระชากเอาไว้เสียก่อน “คุณชายฉี…ท่าน! ท่านกำลังจะทำอะไร! ท่านแต่งงานแล้วมาจับมือของข้าเช่นนี้ได้อย่างไร ซูหวานหว่านจะเสียใจเอาได้ ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!”

เมื่อได้ยินประโยคนี้ของนาง ฉีเฉิงเฟิงจึงออกแรงบีบมากยิ่งขึ้น ทำให้ฮวงอี๋ฮวนรู้สึกเหมือนว่าตนเองกำลังถูกลงทัณฑ์ ซูหวานหว่านเดินเข้ามาช้า ๆ เช็ดเหงื่อบนหน้าผากให้ฉีเฉิงเฟิง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ข้าไม่หึงเจ้าหรอก สิ่งที่เขาถืออยู่ตอนนี้ก็แค่ขาหมู!”

“เจ้า!” ซูหวานหว่านว่านางเป็นสัตว์งั้นรึ! ทั้งยังด่าว่านางเป็นหมู! มันจะมากเกินไปแล้วนะ!

ฮวงอี๋ฮวนโกรธจนอยากจะกรีดร้องด่า แต่ก็ต้องตกตะลึงเมื่อเห็นซูหวานหว่านเอื้อมมือออกมาหยิบห่อกระดาษสีเหลืองไปในตอนที่นางไม่ทันระวังตัว!

“ฮวงอี๋ฮวน นี่คืออะไร?” พูดจบนางก็คลี่ห่อกระดาษสีเหลืองออก

“นี่…มันคือน้ำตาล!” ฮวงอี๋ฮวนบอก หากแต่หลุบสายตาลง

“งั้นเจ้าก็ลองกินให้ข้าดูเสีย” ซูหวานหว่านกล่าวจบ ก็ยื่อห่อกระดาษจ่อปากอีกฝ่าย ฮวงอี๋ฮวนเบิกตากว้างปิดปากตัวเองแน่น และออกแรงขัดขืน หลังจากนั้นฉีเฉิงเฟิงก็เดินเข้ามาจับตัวนางเอาไว้ เมื่อห่อยามาถึงปาก ฮวงอี๋ฮวนร้องไห้ออกมาด้วยความตกใจ พร้อมทั้งพยายามหันหน้าหนี

เหล่าชาวบ้านเห็นท่าทางน่าสงสาร ก็มีชาวบ้านบางส่วนเอ่ยปากขอความช่วยเหลือแทนนาง “ซูหวานหว่าน! เจ้าอย่ารังแกคนอื่นเลย!”

“ข้ารังแกคนงั้นรึ? ข้าไม่ได้รังแกนาง สิ่งที่นางต้องการอาจจะเป็นชีวิตของพวกท่านทั้งหมด! แม้ว่าพวกท่านจะมองไม่เห็นแต่ข้ามองเห็นอย่างชัดเจน! นางนำยาเบื่อหนูใส่ไว้ในห่อกระดาษ!” กล่าวจบก็ดึงกระดาษห่อนั้นกลับมา และเทเหล้าลงบนพื้น ทำให้เหล้าที่ตกกระทบพื้นเกิดฟอง

แต่ชาวบ้านกลับไม่รู้สึกว่ามันมียาพิษ “เหล้านี่มัน…เสียแล้วรึไม่!”

ชาวบ้านคนนึงเริ่มเกิดอาการไม่พอใจ “เหล้านี้บ้านข้าเพิ่งหมักมัน เพราะเอามาอวยพรให้แม่นางซู เจ้าจะมาโทษข้าไม่ได้นะ!”

ชาวบ้านทั้งสองยืนกรานในคำพูดของตัว ทันใดนั้นก็มีสุนัขตัวนึงวิ่งเข้ามาเลียเหล้าที่หกอยู่บนพื้น ไม่นานก็ล้มลงบนพื้นนอนตัวแข็งทื่อ “นั่น! ในเหล้ามียาพิษ! แย่แล้ว!”

ชาวบ้านที่ถูกซูหวานหว่านปาหินใส่จอกเหล้าที่เกือบจะดื่มมันเข้าโกรธมาก เขาสาปแช่งฮวงอี๋ฮวนออกมายกใหญ่

ใบหน้าของหญิงสาวแดงกำด้วยความอับอาย ไม่กล้าเอ่ยแก้ตัว ฉีเฉิงเฟิงจึงปล่อยตัวนาง

ฮวงอี๋ฮวนเตรียมวิ่งนี้ออกจากสถานการณ์นี้ แต่ทุกคนก็ได้ล้อมรอบนางไว้ ให้คนที่กินข้าวอิ่มแล้วมัดนางเอาไว้และนำนางไปขังไว้ในคอกวัวเพื่อเป็นการลงโทษ

ในที่สุดเหตุการณ์ภายในลานบ้านก็สงบลง ซูหวานหว่านรู้สึกสงสัยว่าเหตุใดชีวิตของนางมักจะมีเรื่องน่าปวดหัวเข้ามาตลอด! โดยทุกคนจะต้องเกี่ยวข้องกับยาพิษ! ช่างไม่ฉลาดเอาเสียเลย

ซูหวานหว่านส่ายหัวไปมา ทันใดนั้นก็นึกถึงสือเป้ยเอ๋อร์ที่ถือว่าเป็นศัตรูของนาง ถึงแม้นางจะเป็นคนโง่ แต่สุดท้ายแล้วนางก็โดนพิษกู่เล่นงานตัวเอง!

ในขณะที่ครุ่นคิดอยู่นั้น ฉีเฉิงเฟิงก็เดินเข้ามาและจับมือของซูหวานหว่านเอาไว้ “ภรรยาของข้า วันนี้วุ่นวายมากแล้ว เจ้าหิวหรือยัง? ไปกันเถอะ พวกเราไปกินข้าวกัน จากนั้นจะได้กลับไปพักผ่อน”

“ได้” ซูหวานหว่านไม่ปฎิเสธคำชวน เมื่อนึกถึงประโยคสุดท้ายของฉีเฉิงเฟิงขึ้นมา ใบหน้าของนางก็แดงก่ำ

ฉีเฉิงเฟิงพานางเดินมาที่โต๊ะที่มีผู้คนไม่มากนัก พร้อมกับยกอาหารมาให้กับซูหวานหว่าน ความเอาใจใส่ของเขาทำเอาสตรีหลายนางที่นั่งร่วมโต๊ะเกิดความรู้สึกอิจฉา ต่างหันไปมองสามีของตนเอง ทำให้พวกเขารู้สึกละอายใจ

ฉีเฉิงเฟิงคีบอาหารให้ซูหวานหว่านมากมาย กระทั่งซูหวานหว่านไม่มีโอกาสแม้แต่จะคีบให้ตัวเอง แต่ว่าสิ่งที่ฉีเฉิงเฟิงคีบให้มีแต่สิ่งนางชอบ ทำให้เด็กสาวเจริญอาหารอย่างมาก

สตรีขี้อิจฉานางหนึ่งเอ่ยขึ้นมาอย่างทนไม่ไหว “ฉีเฉิงเฟิง! ผู้หญิงน่ะ เจ้าอย่าทำให้นางเคยตัว! เพราะจะทำให้หลังจากนี้นางกดขี่ข่มเหงเจ้าได้”

“หากนางอยากทำอะไรก็ปล่อยให้นางทำไป ผู้หญิงของข้า ข้ารักของข้า” ฉีเฉิงเฟิงเอ่ยออกมาแผ่วเบา คีบอาหารป้อนซูหวานหว่าน และเช็ดคราบมันบนริมฝีปากของนางให้ด้วยความอ่อนโยน

สายตาอันอ่อนโยนของเขาเกือบจะให้สตรีรอบข้างใจเต้นขึ้นมาอีกครั้ง พวกนางต่างยกย่องว่าซูหวานหว่านได้สามีที่ดี หญิงชราคนหนึ่งก็ได้พูดออกมาว่า “เจ้าอย่าประมาทเกินไป ไม่เช่นนั้นเจ้าจะต้องเสียใจ!”

เหตุใดนางต้องพูดเรื่องบั่นทอนจิตใจสตรีด้วยกันเอง! ฉีเฉิงเฟิงปฏิบัติกับนางไม่ดีรึ? หญิงชรานางนี้มีสิทธิ์อะไรถึงมาพูดจาเช่นนี้ ซูหวานหว่านไม่พอใจอย่างมาก แต่ก็กล้ำกลืนความรู้สึกนี้ลงไป

ทว่าหญิงชรานางนั้นยังไม่ยอมหยุด “หึ! หญิงสาวน่ะ หากไม่ดูแลสามีให้ดี หรือเอาแต่สั่งให้เขาทำเช่นนั้นเช่นนี้ให้ตนเอง เจ้าจะต้องเสียใจทีหลัง…”

เมื่อนางได้เปิดปากแล้วก็ย่อมไม่สามารถหยุดได้ ซูหวานหว่านที่ได้ยินแต่เรื่องพวกนี้ก็เริ่มทนไม่ไหว หากแต่ยังไม่ทันได้เอ่ยอะไรออกมาก็มีเสียงอันคุ้นเคยดังขึ้นกล่าวตำหนิหญิงผู้นั้นแทนนาง

“ความรักของสามีภรรยาคู่อื่นมันเกี่ยวกับเจ้าหรืออย่างไร? หากท่านรักผู้ชายคนนั้นของท่านมาก เหตุใดถึงไม่ขุดหลุมตามเขาไปเสีย ตามไปรับใช้เขา!”

พูดได้ดี! ยอดเยี่ยมมาก!

เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบว่าเป็นไป๋หยวนซูและโม่จิง ทั้งสองเอ่ยทักทายก่อนจะนั่งลง

หลังจากนั้นซูหวานหว่านก็เห็นผู้ดูแลหลิวลากรถเข็นที่เต็มไปด้วยสิ่งของเพื่อมาอวยพร ตรงข้ามกับไป๋หยวนซูที่มีของติดมือมาเล็กน้อยเท่านั้น ไป๋หยวนซูยิ้มและกล่าวว่า “ผู้ดูแลหลิว เจ้านี่หน้าใหญ่เกินไปแล้ว นำมาเสียเยอะเลยนะ พวกข้านำขนมมาเพียงเล็กน้อยจะเอาหน้าไปไว้ที่ใดได้เล่า!”

“นี่! เพียงมาก็ดีแล้ว แม่นางซูและคุณชายฉีจะต้องมีความสุขมาก ของทั้งหมดก็อยู่หน้าประตูแล้ว ไม่รับไม่กลับนะ!” ผู้ดูแลหลิวพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม

เหล่าชาวบ้านเห็นเช่นนั้นก็ยิ้มออกมา

ซูหวานหว่านยิ้มก่อนจะเอ่ยทักทายพวกเขา เชิญพวกเขาให้มากินข้าวด้วยกัน คนที่มาร่วมงานเฉลิมฉลองต่างกินดื่มกันอย่างมีความสุข

ไม่นาน ดวงอาทิตย์ก็ค่อยเคลื่อนลาลับขอบฟ้า ชาวบ้านต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน มีเพียงไม่กี่คนที่ยังพูดคุยกันอยู่ ซูหวานหว่านจึงให้คนไปเตรียมห้องนอนเอาไว้ ไป๋หยวนซูขยิบตาให้ฉีเฉิงเฟิงสองสามครั้ง “คุณชายฉี วันนี้เป็นวันแต่งงานของท่าน ท่านควรกลับไปพักผ่อนได้แล้ว”

พูดจบก็ส่งสายตาไปทางห้องหอ ซึ่งความหมายของมันก็ชัดเจนอยู่แล้ว!

ฉีเฉิงเฟิงวางจอกเหล้าในมือลง มองไปที่ไป๋หยวนซูก่อนจะชำเลืองมองไปที่โม่จิง “อย่ามาก่อความวุ่นวายที่ห้องหอเชียวล่ะ ไม่เช่นนั้น…เมื่อเจ้าแต่งงาน มาดูกันว่าข้าจะเอาคืนอย่างไร”

“ไม่มีปัญหา ๆ งั้นข้าไม่รบกวนแล้ว!” ไป๋หยวนซูรับปาก ก่อนจะลอบมองไปที่โม่จิงเงียบ ๆ แล้วใบหน้าก็ขึ้นสีแดงระเรื่อ

ฉีเฉิงเฟิงเดินเข้าไปในห้องใหญ่ ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นจึงรีบเดินไปเปิดทันที แต่ก็ต้องพบว่าเป็นไป๋หยวนซู “คุณชายฉี ท่านเตรียมตัวรึยัง ข้าจะตามเจ้าสาวของท่านให้!”

พูดจบก็รีบเดินออกไป ทิ้งฉีเฉิงเฟิงที่ทำอะไรไม่ถูกไว้ที่เดิม

เมื่อนึกถึงคำพูดของเขา ฉีเฉิงเฟิงก็รู้สึกว่ามันมีเหตุผล เขาจะต้องเตรียมตัว!

ไม่ถึงหนึ่งเค่อท้องฟ้าก็พลันมืดสนิท ซูหวานหว่านผลักประตูเข้ามา และพบว่าบนเตียงมีคนนอนอยู่ จึงรู้สึกไม่ชินเล็กน้อย

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ ก็เห็นว่าฉีเฉิงเฟิงไม่ขยับตัวจึงคิดว่าเขานอนหลับไปแล้ว นางจึงเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าและถอดเสื้อผ้าออก โดยไม่รู้ตัวเลยว่ามีสายตาหนึ่งจับจ้องมองนางจากด้านหลัง

เมื่อซูหวานหว่านหันกลับมา เทียนที่ตั้งอยู่บนโต๊ะก็ดับลง ทำเอาเด็กสาวรู้สึกตกใจที่อยู่ ๆ ร่างของนางก็ลอยขึ้น นางกำลังอยู่ในอ้อมกอดของใครบางคน นางรู้สึกได้ถึงลมหายใจร้อนผ่าวของชายหนุ่มจึงอดหน้าแดงไม่ได้ “อย่าวุ่นวายนะ!”