ตอนที่ 157 จนปัญญาจนคิดจะฆ่าตัวตาย

เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田

ตอนที่ 157 จนปัญญาจนคิดจะฆ่าตัวตาย

“หือ?” ฉีเฉิงเฟิงสูดลมหายใจเข้าช้า ๆ จากนั้นวางซูหวานหว่านลงบนเตียงเบา ๆ ซึ่งร่างกายของนางก็ถูกกดลงไป “ข้าไม่ได้จะทำอะไรอย่างนั้น ข้าแค่จะทำในสิ่งที่สามีและภรรยาควรทำต่างหาก”

ซูหวานหว่านอดไม่ได้ที่จะทุบเขาเบา ๆ เด็กสาวกำลังจะเอ่ยถึงสัญญาก่อนหน้านี้ของฉีเฉิงเฟิง แต่ชายหนุ่มกลับจับมือของเด็กสาววางลงบริเวณเอวของเขาแทน ทำให้สัมผัสได้ถึงกล้ามเนื้อของชายชาตรี

ร่างกายเด็กสาวสั่นไหว มือของนางลูบไล้ร่างกายของเขาอย่างไม่รู้ตัว ฉีเฉิงเฟิงก้มหน้าลงกระซิบข้างหูซูหวานหว่าน เอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม “ไม่ใช่ว่าเจ้าชอบจับมันรึ? ตอนนี้เจ้าแต่งงานแล้ว ไม่จำเป็นต้องสำรวมอีกต่อไป เจ้าสามารถสัมผัสมันได้เท่าที่ใจต้องการ!”

เขากำลังใช้กลอุบายเกลี้ยกล่อมนาง! ซูหวานหว่านจ้องมองไปที่ฉีเฉิงเฟิง เด็กสาวขยับตัวเองเข้าไปใกล้ ๆ และลูบไล้ไปทั่วหน้าอกของชายหนุ่ม ทำให้เขารู้สึกจั๊กจี้เล็กน้อยและเอ่ยออกมาเบา ๆ “เมียของข้า เจ้าอย่ามายั่วกันแบบนี้สิ!”

“แล้วมันจะทำไม?” ซูหวานหว่านหัวเราะออกมาเช่นกัน “เจ้าไม่ได้เป็นคนเริ่มก่อนหรอกรึ? ข้าอยากให้เจ้าสัมผัสถึงความต้องการ หากแต่ทำอะไรไม่ได้”

จากนั้นนางก็ขยับมืออีกข้าง ในขณะที่กำลังจะออกแรงก็มีการเคลื่อนไหวแปลกประหลาดที่นอกประตู และมีเสียงชาวบ้านดังขึ้นด้วยความตกใจ

“นั่นใช่ซูเสี่ยวเหยียนหรือเปล่า? นางยังมีชีวิตอยู่รึ? ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้นาง…”

“เฮอะ! พูดอะไรไม่เป็นมงคล! ก็เห็นอยู่ว่านางยืนอยู่ตรงหน้าเจ้า!”

“…”

มือของซูหวานหว่านหยุดชะงัก

ซูเสี่ยวเหยียนมีชีวิตรอดกลับมา?

ซูหวานหว่านและฉีเฉิงเฟิงสบตากัน จากนั้นก็รีบลุกขึ้นแต่งกายให้เรียบร้อย เด็กสาวกลัวว่าชุดแต่งงานของนางจะโดนหนูกัด ครุ่นคิดอยู่นานก็ตัดสินใจเก็บชุดแต่งงานเอาไว้ในกล่อง และใส่เข้าไปในมิติฟาร์ม

เมื่อทั้งสองเดินออกมาข้างนอก แม่เจิ้น และคนอื่น ๆ ยืนอยู่บริเวณหน้าลานของบ้านตัวเอง แต่สิ่งที่ดึงดูดความสนใจที่สุดเป็นร่างของเด็กสาวคนหนึ่ง ซึ่งร่างกายเต็มไปด้วยโคลน

โคมสีแดงที่แขวนอยู่ประตูลานบ้านส่องแสงสะท้อนให้เห็นใบหน้าของเด็กสาวจนแปรเปลี่ยนเป็นสีแดง ซูหวานหว่านรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยขณะที่นางมองไปที่ซูเสี่ยวเหยียน ซึ่งซูเสี่ยวเหยียนก็มองมาที่นางด้วยความขุ่นเคืองอย่างรุนแรงปรากฏชัดในแววตา และรีบวิ่งเข้าไปในอ้อมแขนของแม่เจิ้น “ท่านแม่! ในที่สุดข้าก็กลับบ้านแล้ว เหตุใดท่านถึงไม่ดีใจเลย? หรือว่าท่านกับท่านพี่ยังคิดที่จะไล่ข้าไปอยู่นอกบ้านอีก?”

เมื่อมองลูกสาวที่หายตัวไปของตนเอง แม่เจิ้นก็มีความสุขจนน้ำตาไหลออกมา นางกอดซูเสี่ยวเหยียนเอาไว้แน่นเพราะอยากแน่ใจว่าเป็นนางจริง ๆ “ลูกหายไปอยู่ที่ไหนมา พวกเราคิดว่าลูกตายแล้ว วันนั้นลมหายใจของลูกก็ไม่มี พวกเราเลยส่งลูกไปที่ภูเขา แม่ผิดเอง แม่ไม่ควรทำเช่นนั้น!”

ยิ่งพูดนางก็ยิ่งกล่าวโทษตนเอง แม่เจิ้นยกมือขึ้นทุบหน้าอก ซูเสี่ยวเหยียนเห็นดังนั้นจึงคว้ามือนางเอาไว้ “ท่านแม่! ท่ายอย่าตีตัวเองเลย ตอนนี้ข้ากลับมาแล้ว ท่านไม่ต้องเสียใจไป!”

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ของความรักระหว่างแม่และลูก ซูหวานหว่านรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย และความสุขที่เกิดขึ้นในวันนี้พลันลดลงอย่างรวดเร็ว แต่อย่างไรก็ตามซูเสี่ยวเหยียนยังคงเป็นน้องสาวของตน เมื่อคิดว่าแต่ละวันนางจะพบเจออะไรไปบ้าง ซูหวานหว่านจึงแลกคะแนนกับน้ำฟื้นฟูร่างกายจากมิติฟาร์ม และถือน้ำเอาไว้ “น้องสาว เจ้ามากินน้ำก่อนสิ”

ซูเสี่ยวเหยียนยื่นมือของตนออกมา โดนไม่ทันระวังจึงเผลอทำถ้วยน้ำชาหกใส่แขนเสื้อของซูหวานหว่าน หัวใจของซูเสี่ยวเหยียนพอใจเป็นอย่างมาก แต่สีหน้ายังคงแสดงสีหน้าเศร้าหมองแล้วพูดว่า “ท่านพี่! ข้าขอโทษจริง ๆ! ชานี้คงร้อนมาก ข้าเลยทำหก ท่านอย่าโกรธข้าเลยนะ…”

เด็กสาวกล่าวออกมาทั้งน้ำตา

ซูหวานหว่านทั้งโกรธและมีความสุข ที่นางโกรธก็คือชาที่หกใส่นาง และสิ่งที่ทำให้นางมีความสุขก็คือการที่ได้รู้ว่าซูเสี่ยวเหยียนจงใจทำมันหก เพราะซูเสี่ยวเหยียนยังต้องการแก้แค้นนางอยู่เหมือนเดิม ดังนั้นนี่คงจะเป็นซูเสี่ยวเหยียนน้องสาวของนางจริง ๆ จึงทำให้นางรู้สึกโล่งใจ

“ไม่เป็นไร” ซูหวานหว่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“เจ้าเป็นพี่สาวทำแบบนี้ได้อย่างไร! เหตุใดถึงไม่ระวัง!” แม่เจิ้นมองไปที่ซูหวานหว่านและตำหนิออกมา

แม่เจิ้นรู้สึกรักซูเสี่ยวเหยียนที่หายตัวไปเป็นเวลานานมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งซูหวานหว่านรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ จึงไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา หากแต่ภายในใจของนางนั้นรับไม่ได้ ฉีเฉิงเฟิงที่เห็นก็ทนมองไม่ได้ เขาดึงตัวซูหวานหว่านมาและพากลับเข้าไปในห้อง

ทั้งสองเดินออกไปไม่นาน ซูเสี่ยวเหยียนก็พูดขึ้นมาว่า “ท่านพี่ ท่านรู้หรือไม่ว่าข้านั้นใช้ชีวิตอย่างไรบนภูเขาในช่วงที่ผ่านมา? เหตุใดวันนี้ถึงไม่สนใจไถ่ถามข้าบ้าง ข้ายังเป็นน้องสาวของท่านอยู่รึเปล่า?”

หากเป็นปกติซูหวานหว่านคงทนไม่ไหวตบปากซูเสี่ยวเหยียน แต่นางก็พลันนึกขึ้นมาได้ว่าเป็นเพราะว่าซูเสี่ยวเหยียนเพิ่งกลับมาถึงบ้าน เด็กสาวจึงพยายามข่มอารมณ์ตนเองเอาไว้ “เจ้ากำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไรอยู่ ข้าต้องคิดถึงเจ้ามากอยู่แล้ว แต่ท่านแม่คงจะคิดถึงเจ้ามากกว่า เจ้าคุยกับท่านแม่เถอะ พวกเรายังมีเวลาให้คุยกันอีกเยอะ ข้าจึงไม่เห็นว่าจำเป็นต้องรีบ”

เมื่อสิ้นเสียงของซูหวานหว่าน ซูเสี่ยวเหยียนก็ผละออกจากอ้อมกอดของแม่เจิ้น นางเดินเข้าไปยืนขว้างหน้าซูหวานหว่านและเอ่ยสาปแช่งออกมา “ท่านพี่ ข้ากลับมาบ้านแล้ว แต่ท่านกลับไม่เอ่ยปลอบโยนข้าสักคำ หากไม่ใช่เพราะท่านรังแกข้า ข้าคงไม่ต้องกลายเป็นแบบนี้…”

พูดจบก็เอาแต่ร้องไห้ออกมาไม่หยุด

ซูหวานหว่านพยายามอดกลั้นที่จะไม่เอ่ยตำหนิน้องสาว เรื่องนี้เห็นได้ชัดว่านางไม่ผิด หากวันนั้นนางไม่ไปที่บ้านตระกูลไป๋ ซูเสี่ยวเหยียนคงจะตายไปแล้วจริง ๆ

นางไม่ต้องการคุยกับซูเสี่ยวเหยียน!

ซูหวานหว่านสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดว่า “เสี่ยวเหยียน เด็กดีฟังนะ วันนี้เจ้าคุยกับท่านแม่ไปก่อน วันนี้เป็นวันสำคัญของข้า ข้ามีเรื่องที่ต้องทำ ขอตัวก่อน”

“อะไรนะ? วันสำคัญอะไร” ซูเสี่ยวเหยียนตกใจและกรีดร้องออกมา นางถึงกับดึงตัวซูหวานหว่านแล้วร้องไห้ออกมาอย่างหนักหน่วง “ท่านพี่! ข้าต้องการแต่งงานกับฉีเฉิงเฟิง ข้าก็ชอบเขาเหมือนกัน! เจ้ายกเขาให้ข้าได้ไหม!”

ทุกคนต่างตกตะลึงเมื่อได้ยินสิ่งที่ซูเสี่ยวเหยียนพูด แม้แต่ไป๋หยวนซู ผู้ดูแลหลิวและโม่จิงที่กำลังจะนอนพักผ่อนถึงกับต้องลุกเดินออกมาดู

ชาวบ้านต่างมองหน้ากันอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี

ซูหวานหว่านกำลังจะเอ่ยปฏิเสธ แต่ใครจะคิดว่าซูเสี่ยวเหยียนจะเอ่ยบางสิ่งออกมา “หากเจ้าไม่ตอบตกลงข้า ข้าจะตายให้เจ้าดู!”

เกือบจะตายไปแล้วรอบหนึ่ง เหตุใดถึงไม่หวงแหนชีวิตของตนเองเลย! อีกทั้งยังยกเรื่องความเป็นความตายมาขู่นาง ซูหวานหว่านจึงกล่าว “เช่นนั้นก็ตามใจเจ้า!”

ซูเสี่ยวเหยียนโกรธจนตัวสั่น จากนั้นก็เหลือบไปมองที่แม่เจิ้น นางรีบเดินเข้าไปหาผู้เป็นมารดาเพื่อที่จะให้นางช่วยจัดการ “ซูหวานหว่าน! นางเป็นน้องสาวของเจ้านะ! เจ้าตอบตกลงมันจะเป็นอะไรไป? ฉีเฉิงเฟิงนั้นดีมาก ยกให้น้องสาวของเจ้าเถอะ แล้วแม่จะหาคนดี ๆ มาให้เจ้าใหม่!”

แม่เจิ้นนั้นรักลูกสาวของตน แต่นางคงลืมไปแล้วว่ายังมีนางเป็นลูกสาวอีกคน ซูหวานหว่านรู้สึกเจ็บหัวใจ น้ำตาเอ่ยคลอเบ้า คำพูดทุกอย่างกลืนหายลงไปในลำคอ ซูหวานหว่านไม่สามารถเอื้อนเอ่ยสิ่งใดได้

“ท่านแม่! หากท่านไม่ให้ท่านพี่ตอบตกลง ข้าจะตายให้ดู!” ซูเสี่ยวเหยียนร้องไห้ออกมา

ซูต้าเฉียงยืนอยู่ข้าง ๆ มองไปที่ซูเสี่ยวเหยียนก่อนจะหันไปมองซูหวานหว่าน เขาต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ปิดปากเงียบ

ซูจิ่นเฉียงและซูจิ่นหมิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาเช่นกัน ได้แต่ยืนมองทั้งคู่อยู่เช่นนั้น

หัวใจของซูหวานหว่านพลันเย็นยะเยือก เมื่อเห็นแม่เจิ้นวิ่งไปอยู่หน้าฉีเฉิงเฟิงแล้วร้องไห้ออกมา “คุณชายฉี ท่านตอบตกลงเสี่ยวเหยียนของข้าได้หรือไม่! ซูหวานหว่านนั้นไม่รู้เรื่องอะไร! นางไม่เหมาะกับเจ้าหรอก!”

ถึงกลับไปอ้อนวอนฉีเฉิงเฟิงและทั้งยังกล่าวไม่ดีถึงนางอีก! แม่คนนี้เป็นคนแบบไหนกันแน่! หัวใจของซูหวานหว่านชาวาบ

ซูหวานหว่านมองไปที่ฉีเฉิงเฟิง ดูว่าเขาจะจัดการกับปัญหานี้อย่างไร