ภายในท้องของแมลงปีศาจเขมือบโลกาจากยุคบรรพกาล

ณ โลกทะเลทราย

ท่ามกลางตลาดมืด

บางคนเปล่งเสียงตะโกนดังขึ้น “พวกเราอ่านเจอบทกวีพยากรณ์แล้ว! สำหรับคนที่ต้องการจะได้รับข้อมูลเกี่ยวกับมัน โปรดพาลูกน้องของคุณมาตกลงแลกเปลี่ยนกับพวกเรา โดยพวกเราจะรับแค่เหรียญที่ล้ำค่ายิ่งกว่าเลขสองร้อยขึ้นไปเท่านั้น ถ้าไม่มีอย่าได้มาคุย!”

ทุกคนต่างหันไปมองตามเสียง

และพบว่าเจ้าของเสียง เป็นชายแข็งแกร่งที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง

หลังจากที่เขาตะโกนปล่อยข่าวนี้ออกไป สมาชิกในองค์กรของเขาก็ตั้งขบวนรบ เตรียมพร้อมต่อสู้อย่างเต็มรูปแบบ

เพราะบางคนอาจจะกระโจนเข้าสู้ เพื่อพยายามแย่งชิงบทกวีพยากรณ์จากพวกเขาก็ได้

ชายทรงพลังอีกคนที่มีขนาดตัวสูงกว่าสามเมตรเดินเข้ามา หยุดยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากเขา

ชายผู้นี้คือนักรบที่ทรงพลัง มีชื่อเล่นว่า ‘ล่าหัว’

“นั่นมันล่าหัวผู้โด่งดังนี่นา? นายอยากแลกเปลี่ยนบทกวีพยากรณ์ใช่ไหม? หรือว่าจริงๆ แล้วอยากจะสู้แย่งชิงมันกับพวกเรากันแน่?” ชายแข็งแกร่งถาม

“แน่นอนว่าย่อมมาเพื่อขอแลกเปลี่ยนข้อมูล” ล่าหัวตอบกลับด้วยความหงุดหงิด “เพราะท้ายที่สุดแล้ว บทกวีพยากรณ์มันมีทั้งสิ้นยี่สิบเอ็ดบท ถึงแม้ว่าจะสามารถตีความบทกวีทั้งหมดได้ด้วยตัวเองก็ตามที แต่มันคงจะกินเวลามากเกินไป ดังนั้นฉันไม่ต้องการจะเสียเวลาวิเคราะห์ตำแหน่งของเขาวงกต”

“งั้นก็ดี ฉันเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน ไหนลองยื่นข้อเสนอมา การแลกเปลี่ยนมันจะได้จบลงเร็วๆ” ชายแข็งแกร่งกล่าว

ล่าหัวนำเหรียญออกมา แสดงด้านหลังของมัน “นี่คือเหรียญเลขสามร้อยสามสิบเจ็ดและฟังก์ชันของมันคืออะไร นายคงจะรู้ดี ฉันขอใช้สิ่งนี้แลกเปลี่ยนกับข้อมูลของนาย”

ชายแข็งแกร่งมองเหรียญในมืออีกฝ่าย หัวเราะฮะฮ่าทันที

“ยอดเยี่ยม! ฉันพอใจกับเจ้าสิ่งนั้น ตกลงแลกเปลี่ยน!”

ฝูงชนเฝ้าดูพวกเขาแลกเปลี่ยนข้อมูลกันอย่างเงียบๆ

ไม่นานนัก

ตลอดทั้งตลาดมืดก็เริ่มแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับบทกวีพยากรณ์

แทบจะไม่มีการต่อสู้ครั้งใหญ่เกิดขึ้นเลย

เพราะยังไงซะ หากสู้กัน เวลามันก็จะยิ่งเชื่องช้าออกไป และทุกครั้งที่เสียเวลา นั่นหมายความว่าเส้นทางสู่กึ่งเทพได้ถูกคนอื่นๆ ฉวยโอกาสก้าวนำไปแล้ว

เพียงไม่นาน บทกวีพยากรณ์กว่าเก้าบท จากในพระคัมภีร์ก็ถูกถอดใจความออกมาได้

ยังเหลืออีกแค่สิบสองบทกวีพยากรณ์เท่านั้น!

อีกด้านหนึ่ง

กู่ฉิงซานกับซีน้อยกำลังบินอย่างรวดเร็ว เหนือผืนทรายอันไร้ขอบเขต

พวกเขาข้ามเนินทราย และมุ่งหน้าไปยังทิศทางหนึ่งอย่างเฉพาะเจาะจง

ซีน้อยยังไม่อาจระงับความประหลาดใจเอาไว้ได้ เธอพูดกับกู่ฉิงซาน “นายสามารถเรียนรู้สกิลจาก ‘อริของเทพวิญญาณ’ ที่ใช้ในการไล่ล่าเทพวิญญาณได้ยังไงกัน นี่มันจะน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว”

“แล้วเธออยากจะเรียนรู้มันบ้างไหมล่ะ?” กู่ฉิงซานถาม

ซีน้อยผงกหัวหงึกๆ สีหน้าของเธอฟุ้งไปด้วยความตื่นเต้น

“แต่ฉันจะสอนเธอได้ยังไงดีนี่สิ” กู่ฉิงซานเกิดคำถาม

“เรื่องนั้นนายไม่ต้องกังวลไป เพราะเมื่อไหร่ที่ยศไพ่ของนายสูงขึ้นอีกสักนิดหน่อย นายก็จะสามารถสร้างไพ่ได้อย่างอิสระแล้วสามารถส่งต่อมันมาให้ฉันในรูปแบบของไพ่ได้” ซีน้อยกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“มันสามารถทำแบบนั้นได้ด้วยงั้นเหรอ?” กู่ฉิงซานแปลกใจ

ซีน้อยกล่าว “แน่นอน แต่ตอนนี้นายเป็นแค่ไพ่เทา กระทั่งลูกเล่นง่ายๆ อย่างการเรียกสมบัติ วัตถุ หรือเงิน ออกจากไพ่ยังแทบจะทำไม่ได้ ดังนั้นนายควรรีบยกระดับยศไพ่ของนายให้เร็วขึ้น และการกลายเป็นกึ่งเทพคือทางลัดที่ดีที่สุด”

กู่ฉิงซาน “ความแข็งแกร่งของเธอลดลงมากเลยงั้นเหรอ? ทำไมเธอถึงไม่เลือกเป็นกึ่งเทพล่ะ?”

“นั่นเพราะฉันวางแผนสำหรับวิธีการในการยกระดับตัวเองเอาไว้แล้ว แต่ของนายน่ะมันไม่ใช่ นายเป็นเพียงกระดาษขาวที่ว่างเปล่า ดังนั้น ในเมื่อนายไม่มีแผนใดๆ การยกระดับความแข็งแกร่งโดยใช้วิธีการของเทพวิญญาณจึงเป็นตัวเลือกแรกที่ดีที่สุด”

ทั้งสองกำลังพูดคุยกัน ทันใดนั้นเสียงของผู้ชายก็ดังขึ้น

“พวกเจ้ากำลังคิดจะไปที่ใด?”

ชายผิวดำเมี่ยมตัวใหญ่ปรากฏกายขึ้นต่อหน้าทั้งสอง ยืนหยัดขวางทางเอาไว้

เขาคือราชาแห่งทะเลทราย เป็นการดำรงอยู่อันน่าขวัญผวาจากหุบเหวแห่งบาป!

“อ้าว? เป็นคุณนั่นเอง” ซีน้อยตอบกลับอย่างรวดเร็ว เผยรอยยิ้มกว้าง “พวกเรากำลังจะไป…”

กู่ฉิงซานชิงตอบทันที “ไปรอบๆ แถวๆ นี้ เพื่อหาว่ามันจะมีหนทางที่สามารถออกไปจากโลกใบนี้ได้อยู่รึเปล่า”

“ให้ฉันคุยกับเขาเอง” เขากระซิบบอกซีน้อย

ซีน้อยตะลึงงัน รีบปิดปากตัวเองอย่างรวดเร็ว

ชายดำเมี่ยมจ้องมองมนุษย์ทั้งสอง “ทำแบบนี้มันน่าแปลกอยู่นา ก็แล้วทำไมพวกเจ้าถึงไม่ไปถอดรหัสจากพระคัมภีร์ เพราะนั่นเป็นวิธีเดียวที่จะผนึกมอนสเตอร์ลงได้”

กู่ฉิงซานไม่ตอบ เขาเพียงแค่นำบางสิ่งออกมา และโยนมันให้แก่ชายดำเมี่ยม

ชายดำเมี่ยมคว้าหมับ วางมันลงในมือของเขา

ปรากฏว่ามันคือถุงกระเป๋าสีดำขนาดเล็ก

“ขอโทษด้วยที่ผมได้แอบดูของในกระเป๋าไปก่อนแล้ว แต่ภายในทั้งหมดมันมีแค่เหรียญ คุณสามารถเก็บมันเอาไว้ใช้ในตอนที่ออกไปข้างนอกได้นะ” กู่ฉิงซานกล่าว

ชายดำเมี่ยมยังคงกุมถุงกระเป๋า และเอ่ยถามต่อ “แล้วเจ้าเล่า กำลังจะไปยังทิศทางใด?”

“ก็อย่างที่บอกไป ผมกำลังมองหาหนทางที่จะออกไปจากโลกใบนี้”

ชายดำเมี่ยม “แต่ตอนนี้ โลกใบทั้งถูกกลืนกินโดยแมลงปีศาจบนท้องฟ้า แล้วเจ้าจะหาหนทางออกไปได้อย่างไร?”

“นั่นก็จริง แต่ในเมื่อมันเป็นแมลงปีศาจ ฉะนั้นมันย่อมต้องมีรู หรือช่องทางต่างๆ ตามแต่ละส่วนภายในร่างกายอยู่แน่นอน และเป้าหมายของพวกเราคือการค้นหามัน” กู่ฉิงซานกล่าวเฉียบขาด

ชายดำเมี่ยมเงียบไป

“หนทางออกจากโลกใบนี้…” เขางึมงำเสียงกระซิบ

“เอาล่ะ พวกเราจะออกไปค้นหาต่อแล้ว” กู่ฉิงซานกล่าว

“ไปเถอะ หวังว่าเจ้าจะค้นพบมันนะ” ชายดำเมี่ยมกล่าวด้วยรอยยิ้ม

แล้วเขาก็เอี้ยวตัวเปิดทางให้

กู่ฉิงซานกับซีน้อยบินผ่านเขาไป และทะยานขึ้นไปเหนือท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว

ชายดำเมี่ยมมองตามทั้งสองอย่างเงียบๆ ปากเปล่งเสียงกระซิบ “หนทางที่จะออกไป…ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะพบมันนะ…”

ว่าแล้วเขาก็หายตัวไปจากในอากาศ

ท่ามกลางพายุทราย คลื่นลมพัดกระพือรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เมื่อกู่ฉิงซานกับซีน้อยบินห่างออกมาไกลพอสมควรแล้ว

กู่ฉิงซานในที่สุดก็หยุดกลางอากาศ

ซีน้อยหยุดตาม และอดไม่ได้ต้องเอ่ยถาม “ทำไมนายถึงบอกเขาไปแบบนั้น? ไม่ใช่ว่าพวกเรากำลังตามหาเขาวงกตกันหรอกเหรอ?”

“หุบเหวแห่งบาปตั้งอยู่ที่ไหน?” กู่ฉิงซานไม่ตอบ แต่ถามกลับ

“อืม ถ้าให้พูดตามความเร็วในการบินในปัจจุบันของพวกเรา อีกสักสองชั่วโมงก็คงจะถึง” ซีน้อยบอก

“แล้วผู้พิทักษ์ในหุบเหวแห่งบาป เป็นมอนสเตอร์ที่ทรงพลังเหมือนกับชายผิวดำคนนี้ไหม?” กู่ฉิงซานเอ่ยถามอีกครั้ง

“ไม่หรอก มีเพียงส่วนเล็กๆ เท่านั้นที่แข็งแกร่งเหมือนเขา แต่ก็ยังมีผู้พิทักษ์ที่แข็งแกร่งอยู่อีกบ้างเหมือนกัน”

“แล้วพวกเขาสามารถรับมือกับมอนสเตอร์ที่ถูกผนึกอยู่ได้รึเปล่า?” กู่ฉิงซานถาม

ซีน้อยพอได้ฟังก็ชะงักไป

จู่ๆ เธอก็นึกขึ้นได้อย่างกะทันหัน ว่ามือยักษ์สีเขียวได้ผุดขึ้นทั่วผืนโลก บาปอันชั่วร้ายเกือบที่จะหลุดรอดออกมาจากใต้ดิน

และมันคือมอนสเตอร์อันน่าขนพองสยองเกล้าที่กว่าจะปิดผนึกมันได้ เธอถึงขั้นต้องทุ่มเต็มกำลังในช่วงเวลาที่เธอแกร่งที่สุด!

ใช่แล้วล่ะ มือยักษ์สีเขียวเข้าโอบคลุมผืนโลกทั้งใบ เก็บเกี่ยวทุกชีวิตใดก็ไม่ละเว้น นอกเหนือไปจากบนตลาดมืด ย่อมไม่น่าจะมีผู้ใดรอดชีวิตไปได้

แม้ว่าผู้พิทักษ์ในหุบเหวแห่งบาปจะทรงอำนาจเพียงใดก็ตาม เขาย่อมไม่สามารถต้านทานการกลืนกินของมอนสเตอร์ได้

“พวกเขาย่อมไม่สามารถทำอะไรได้ อย่างมากที่สุดคือไปรายงานเทพวิญญาณในทันที แต่ตอนนี้เทพวิญญาณได้จากไปแล้ว…ทว่าเขากลับยังคงมีชีวิตอยู่!” ซีน้อยกล่าวด้วยความฉงน

กู่ฉิงซานถอนหายใจและกล่าว “ดูเหมือนว่าชายแมงป่องคนนี้จะไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปแล้ว…”

“ถ้าอนุมานจากเรื่องนี้ บางทีการปรากฏตัวของมนุษย์ที่มีรูปร่างคล้ายแสง นั่นอาจจะเกิดขึ้นจากการที่ผู้พิทักษ์หุบเหวแห่งบาปเฉียดเข้าใกล้กับความตายก็ได้นะ”

ซีน้อย “ทำไมนายถึงคิดแบบนั้น?”

กู่ฉิงซาน “เพราะสถานที่ที่เขาปรากฏตัว มันคือที่ที่เขาวงกตตั้งอยู่ เขากำลังปิดเส้นทางไม่ให้พวกเราเข้าสู่เขาวงกต”

กู่ฉิงซานกล่าวต่ออย่างช้าๆ “ก่อนหน้านี้ ครอบครัวแมงป่องเคยอยู่บนเรืออวกาศลำเดียวกันกับฉัน ทั้งหมดกระตือรือร้นสุดๆ ที่จะออกไปจากโลกใบนี้ แต่ตอนนี้เขากลับเลือกที่จะขวางทางฉัน แม้จะไม่มีเจตนาฆ่าผุดออกมาจากร่างกาย แต่ก็เห็นได้ชัดว่าไม่ยินยอมที่จะให้เข้าไปเก็บกู้สิ่งประดิษฐ์เทวะ”

“ลองคิดดูดีๆ สิ ว่ามีสิ่งมีชีวิตอะไรอีกที่ไม่ต้อนรับผู้คนให้เข้าไปเก็บกู้สิ่งประดิษฐ์เทวะออกมา?”

“โลกทั้งใบต่างมุ่งหมายจะเปิดใช้งานสิ่งประดิษฐ์เทวะ แต่มีสิ่งเดียวเท่านั้นที่ไม่ต้องการให้เปิดมันในสถานการณ์เช่นนี้”

“เป็นมอนสเตอร์ที่ถูกผนึกไว้นั่นเอง”

“มันอาจเล็ดลอดออกมาจากผนึกของมนุษย์แสง และแทรกแซงเข้าไปในร่างกายของแมงป่องดำ ด้วยวิธีที่เราไม่อาจล่วงรู้หรือเข้าใจได้”

ซีน้อยไม่อาจหยุดส่ายหัว เธอกล่าว “แค่ด้วยจุดนี้เพียงจุดเดียว นายก็ตั้งข้อสงสัยว่าเขาไม่ใช่คนเดิมแล้วเหรอ?”

กู่ฉิงซานกล่าว “แน่นอนว่าไม่ใช่แค่นั้น เนื่องจากเขาเป็นมอนสเตอร์ ดังนั้น มันอาจจะเกิดกรณีที่เขาใช้ออกด้วยสกิลเฉพาะตัว ที่สามารถช่วยให้เอาชีวิตรอดจากสถานการณ์ถึงตายเมื่อครู่นี้ก็ได้”

“จริงๆ แล้วฉันส่งถุงกระเป๋าดำให้เขา เพื่อต้องการที่จะยืนยันเรื่องนี้ เพราะพวกเราเคยตกลงกันว่าจะแบ่งเงินในถุงดำคนละครึ่ง แต่ตอนที่เขารับมันไป เจ้าตัวกลับทำท่าทีเหมือนกับว่าไม่เคยรู้เรื่องมาก่อน”

“จริงๆ แล้วเขาเป็นคนที่รู้สึกเคอะเขินมากกับเรื่องนี้ บนเรือ เขาแทบจะไม่ยอมรับมันเลย แต่ตอนนี้เขากลับรับมันไปง่ายๆ แถมยังไม่ยอมเอ่ยอะไรสักคำ”

เสียงของกู่ฉิงซานเริ่มหดหู่ลง “เขาคงตายไปแล้ว ราชินีแมงป่องเองแม้จะร้ายกาจแต่ก็เกรงว่าจะไม่พ้นชะตากรรมเดียวกัน ถ้าไม่เชื่อเธอลองอัญเชิญราชินีดูอีกครั้งก็ได้”

ซีน้อยหยิบไพ่อัญเชิญราชินีแมงป่องออกมา

แต่กลับพบว่าภายในมันว่างเปล่า

ซีน้อยมองมาทางกู่ฉิงซาน ถอนหายใจ “นายพูดถูก ดูเหมือนว่าเราจะต้องหาวิธีจัดการกับชายผิวดำก่อนซะแล้ว พวกเราถึงจะสามารถเข้าสู่เขาวงกตได้”

กู่ฉิงซานยิ้มอย่างขมขื่น

“ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น แต่ตอนนี้คาดว่าผู้พิทักษ์ทุกคนในหุบเหวแห่งบาป คงจะไปกระจุกตัวรวมกันอยู่ภายในเขาวงกต”

“มอนสเตอร์ที่ถูกผนึกคงครอบครองร่างกายของพวกเขา และมันย่อมไม่มีทางปล่อยให้ผู้คนเข้าถึงสิ่งประดิษฐ์เทวะ เพื่อทำการผนึกมันใหม่ได้ง่ายๆ อย่างแน่นอน”

…………………..