ในทะเลทราย

กู่ฉิงซานลอยอยู่กลางอากาศ สองมือพรมลงบนดิสก์ค่ายกลอย่างว่องไว

เห็นแค่เพียงรังสีแสงสาดไสวออกมาจากดิสก์ค่ายกลอยู่บ่อยครั้ง รังสีแสงเหล่านั้นตกกระจายลงไปตามจุดต่างๆ ของทะเลทรายอันกว้างใหญ่เบื้องล่าง

ซีน้อยเฝ้าดูอยู่พักหนึ่ง อดไม่ต้องที่จะกล่าว “พวกเราคงต้องเร่งมือให้เร็วขึ้นกว่านี้นะ น่ากลัวว่าตอนนี้กวีพยากรณ์บางบทน่าจะถูกถอดรหัสได้บ้างแล้ว”

“ฉันรู้น่า” กู่ฉิงซานรับคำ

ซีน้อย “แต่ราชาแมงป่องทรงพลังมากเกินไป หากปากทางเข้าเขาวงกตถูกปกป้องโดยเขา ฉันเกรงว่าด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของพวกเรา มันคงจะไม่ไหว”

“อืม ฉันรู้แล้ว” กู่ฉิงซานรับคำดังเดิม

เขาเปลี่ยนทิศทาง แต่ยังคงเริ่มจัดวางค่ายกลต่อ ตามลำดับ

ซีน้อยเห็นเขาใจจดใจจ่อกับสิ่งอื่น คล้ายไม่ได้เพ่งสมาธิรับฟัง จึงกล่าวเตือน “มอนสเตอร์ในหุบเหวตนอื่นๆ ล้วนมีระดับพอๆ กับเขา บางคนอาจจะเก่งกว่าเขาเสียอีก ด้วยกำลังรบที่พรั่งพร้อมขนาดนั้น คงไม่มีใครสามารถเข้าไปในเขาวงกตและนำเอาสิ่งประดิษฐ์เทวะออกมาได้”

“เรื่องนั้นฉันเองก็รู้แล้วเหมือนกัน”

ซีน้อยเอื้อมมือออกไป คว้าแขนเขาที่กำลังขยับไปมา “ถ้านายไม่สามารถเป็นกึ่งเทพได้ นายก็จะไม่สามารถผนึกมอนสเตอร์ และพวกเราก็จะตายลงที่นี่!”

แขนที่ขยับไหว และกำลังจัดวางค่ายกลถูกขัดจังหวะลงอย่างกะทันหัน

เวลานี้ กู่ฉิงซานไม่สามารถจัดวางค่ายกลได้อย่างสงบอีกต่อไป

เขาหยุด และกล่าวอย่างไร้หนทาง “ฉันรู้ทุกอย่างที่เธอพูดมา ดังนั้นฉันเลยต้องเตรียมตัวก่อนนี่ไง”

มองไปยังสีหน้าแสนสงบของกู่ฉิงซาน ซีน้อยจึงค่อยคลายใจลงเล็กน้อย

“แล้วนายกำลังเตรียมอะไรอยู่?” เธอถามด้วยความสงสัย

กู่ฉิงซาน “ฉันยังไม่แน่ใจว่าราชาแมงป่องตายแล้วจริงๆ รึเปล่า ดังนั้นฉันเลยกำลังเตรียมกลยุทธ์ที่ช่วยให้ไม่ต้องมีฝ่ายไหนได้รับบาดเจ็บอยู่น่ะ”

“เดิมที ฉันคิดค้นกลยุทธ์นี้ขึ้นมาตั้งนานแล้ว แรกเริ่มมันเกิดจากความคิดที่ว่า หากเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่อยากจะฆ่าสังหารกันจะต้องทำอย่างไรดี? ดังนั้นจึงปรากฏชุดค่ายกลนี้ขึ้น ”

“มันเป็นค่ายกล? ถ้าเรื่องค่ายกลล่ะก็ ฉันพอจะรู้จักมันอยู่บ้าง แต่ฉันไม่เคยเห็นรูปแบบค่ายกลที่จัดวางสะเปะสะปะ แบบที่นายกำลังทำอยู่มาก่อนเลย ” ซีน้อยขมวดคิ้ว

“เวลายิ่งผ่านพ้น อะไรๆ มันก็ก้าวหน้า ค่ายกลรูปแบบใหม่ๆ มันก็ย่อมต้องปรากฏขึ้นเป็นธรรมดา” กู่ฉิงซานกล่าว

เขาเริ่มจัดวางค่ายกลอีกครั้ง ปากเอ่ยถาม “ซีน้อย เมื่อคราวก่อน เธอปิดผนึกมอนสเตอร์ตัวนี้ได้ยังไง?”

ซีน้อยย้อนนึกอยู่พักหนึ่ง ตอบกลับไป “ฉันสู้ไม่ถอย สู้ สู้ และสู้จนมันไม่สามารถต่อต้านได้ จากนั้นก็เริ่มผนึกมัน”

กู่ฉิงซานพูดไม่ออก

“เจ้ามอนสเตอร์นั่น มันคงไม่ปล่อยให้เธอกระทำฝ่ายเดียวหรอกมั้ง?” เขาถาม

“มันพยายามที่จะคว้าจับฉันด้วยมือยักษ์นับไม่ถ้วน และสาดการโจมตีที่มองไม่เห็นมากมายใส่ฉัน”

“การโจมตีที่มองไม่เห็นงั้นเหรอ?”

ซีน้อย “อืม ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าการโจมตีที่ว่านั่นมันคืออะไร แต่มันไม่ได้ผลกับฉัน ในขณะที่คนอื่นๆ หรือแม้แต่ทวยเทพ ก็ยังหวาดกลัวการโจมตีที่มองไม่เห็นนี้”

กู่ฉิงซานคิดอย่างรอบคอบ “ดูเหมือนว่าเธออาจจะครอบครองพลังพิเศษบางอย่าง ที่ช่วยให้พลังที่มองไม่เห็นของมอนสเตอร์ไม่อาจสร้างผลกระทบได้”

ในระหว่างกล่าว มือของเขาก็โฉบเข้าใส่ดิสก์ค่ายกล

เปรี้ยง!

รังสีแสงสวรรค์เจิดจ้าขึ้นท่ามกลางผืนทราย

แสงสวรรค์เหล่านี้สะท้อนใส่กันและกัน ค่ายกลมากมายที่จัดวางสะเปะสะปะเริ่มพัวพัน เชื่อมรวมกันเป็นหนึ่ง และค่อยๆ หายไปในความว่างเปล่า

จัดวางค่ายกลเรียบร้อย!

กู่ฉิงซานใช้ความรู้สึกรับรู้มันอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเก็บดิสก์ค่ายกลกลับคืน “มาเถอะ พวกเราไปรวบรวมข้อมูลเพิ่มกัน”

“จะไปที่ไหน?” ซีน้อยถาม

“เขาวงกตของเจ็ดเทพ” กู่ฉิงซานตอบ

“นายจะไปต่อสู้กับราชาแมงป่องเหรอ!”  ซีน้อยตกใจ

“ไม่สู้หรอก แค่อยากจะถามอะไรเขาสักหน่อย”

“นายคิดจริงๆ เหรอว่าเขาจะตอบคำอย่างตรงไปตรงมา”

“ก็ต้องลองดู”

“…ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่านายกำลังคิดอะไรอยู่” ซีน้อยถอนหายใจ

ณ ทางเข้าเขาวงกต

กู่ฉิงซานกับซีน้อยลดระดับลงมา

มือข้างหนึ่งของเขากุมซีน้อยเอาไว้ ขณะที่อีกข้างล้วงเข้าไปกำดิสก์ค่ายกลในอกเสื้อ

ชายผิวดำเมี่ยมหยุดยืนอยู่ตรงข้ามกับเขา

“เหตุใดพวกเจ้าจึงกลับมา?” ชายดำเมี่ยมเอ่ยถาม

“เพราะผมลืมบอกบางสิ่งไป” กู่ฉิงซานตอบ

“ลืมบอกสิ่งใด?”

“อ้างอิงตามคำพูดของเทพทั้งเจ็ด หากเข้าสู่เขาวงกต และได้รับสิ่งประดิษฐ์เทวะสามชิ้นมา มันจะสามารถผนึกมอนสเตอร์ที่กำลังจะตื่นขึ้นมาได้ ดังนั้นผมเลยคิดที่จะลองทำดู”

“แล้วเจ้าจะมีวิธีทำมันอย่างไร?”

“ผมค้นพบทางเข้าเขาวงกตแล้ว และมันก็ถูกซ่อนอยู่ในเนินทรายเบื้องหลังคุณ”

“หา? อย่างงั้นหรือ?”

“ใช่ ดังนั้น ทำไมคุณไม่มาเข้าร่วมกับพวกเรา แล้วมุ่งสำรวจเขาวงกตเพื่อค้นหาสามสิ่งประดิษฐ์เทวะด้วยกันล่ะ”

เขาเหลือบมอง เฝ้าสังเกตท่าทีการแสดงออกของชายดำเมี่ยมอย่างใกล้ชิด

เห็นแค่เพียงสีหน้าของอีกฝ่ายที่ค่อยๆ หม่นทะมึนลง

“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้ ว่าแต่เจ้าค้นพบสถานที่ ที่จะพาออกไปสู่ภายนอกแล้วหรือยัง?” ชายดำเมี่ยมเอ่ยถาม

กู่ฉิงซานชิงเคลื่อนไหวทันที

“ไม่แล้ว เพราะพวกเราคิดว่าสมควรตามหาสิ่งประดิษฐ์เทวะเสียก่อน” เขากล่าวเน้นทีละคำอย่างช้าๆ

วินาทีต่อมา มือในอกเสื้อของเขาก็กดลงบนดิสก์ค่ายกลทันที!

ฟิ้ว!

รังสีแสงกะพริบไหว

ค่ายกลเคลื่อนย้ายระยะไกลถูกเปิดใช้งาน!

ทันใดนั้นร่างของเขากับซีน้อยก็หายไปจากในสถานที่เดียวกัน

ทันทีที่พวกเขาหายไป เสียงฉีกขาดของผืนดินและอากาศก็ดังขึ้นในเวลาเดียวกัน

ฟุ่ม…

หางยาวสีดำทะลวงขึ้นมาจากเบื้องล่าง ในจุดเดิมที่อยู่ฉิงซานเคยยืนอยู่  บังเกิดแรงระเบิด สร้างหลุมบ่อขนาดใหญ่ เม็ดทรายสีเหลืองทั่วบริเวณดังกล่าว ทั้งหมดกลายเป็นสีเขียวเข้มและถูกพิษร้ายแรงของมันสลายไป

“หายตัวไปแล้ว? น่าเสียดายจริง เกือบจะจัดการได้อยู่แล้วเชียว!”

ชายดำเมี่ยมบ่นพึมพำ เจตนาฆ่าอันลึกล้ำผุดขึ้นมาแล้วบนใบหน้าของเขา

ในทะเลทราย

ห่างออกไปไกลสุดๆ จากอีกฟากหนึ่ง

รังสีแสงสวรรค์ปรากฏขึ้นในความว่างเปล่า สาดแสงหลากสีสดใส

แสงที่ว่านี้กระจัดกระจายไปอย่างรวดเร็ว และร่างทั้งสองก็ปรากฏขึ้นท่ามกลางทะเลทราย

เป็นกู่ฉิงซานกับซีน้อย

“อะไรกัน ที่แท้นายก็จัดวางค่ายกลเคลื่อนย้ายเองหรอกเหรอ?” ซีน้อยถาม

“ใช่ เพราะมันสะดวกสบาย จะเคลื่อนไหวยังไงก็ได้”

ทั้งสองยืนขึ้น และไม่เอ่ยคำใดออกมาสักพัก

คราวนี้ เห็นได้ชัดว่าราชาแมงป่องไม่อนุญาตให้พวกเขาเข้าไปในวงกต สีหน้าของอีกฝ่ายก็เผยให้เห็นถึงเจตนาร้าย

“ตอนนี้พวกเราได้ฉีกหน้ากากของมันออกแล้ว งั้นเกมต่อไปพวกเราจะสู้ยังไงดี?” ซีน้อยถาม

“แต่มันก็รู้สึกแปลกๆ อยู่นะ ที่เขามักจะให้ความสนใจกับเรื่องที่ว่า พวกเราจะสามารถออกไปจากที่นี่ได้รึเปล่า” กู่ฉิงซานไตร่ตรองเกี่ยวกับมัน พลางกล่าว

ซีน้อยเริ่มตื่นตัวขึ้นมา “หมายความว่าถ้ามอนสเตอร์ประหลาดอยู่ในตัวราชาแมงป่อง มันก็ย่อมต้องการที่จะออกไปจากที่นี่เหมือนกัน อย่างงี้ใช่ไหม”

กู่ฉิงซานกล่าวต่อ “มาเถอะ พวกเราจะไปลองอีกครั้ง”

“แต่เราคงต้องเร่งมือให้ไวกว่านี้ ฉันกลัวว่าคนอื่นๆ ที่ได้อ่านกวีพยากรณ์ น่าจะสามารถถอดรหัสมันไปได้หลายบทแล้ว”

กู่ฉิงซานกล่าวอย่างไม่แยแส “ยิ่งกังวลมาก พวกเราก็ยิ่งไม่สามารถเร่งได้มาก ไปกันเหอะ”

หลังจากนั้นไม่นาน

พวกเขาก็มาหยุดยืนอยู่ตรงข้ามกับชายดำเมี่ยมอีกครั้ง

ไม่รีรอให้ชายดำเมี่ยมเคลื่อนไหวใดๆ กู่ฉิงซานก็ร้องตะโกนออกมา “พวกเราค้นพบสถานที่ที่จะออกไปจากที่นี่ได้แล้ว คุณต้องการที่จะเดินทางไปกับพวกเราไหม?”

ชายดำเมี่ยมเดิมทีอยู่ในสภาวะพร้อมสู้ แรงกดดันตามร่างกายเขาปะทุขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ทว่าหลังจากได้ยินประโยคนี้ ทั้งหมดพลันสลาย หายไปอย่างไร้วี่แวว

“ออกไปจากที่นี่ ออกไปจากที่นี่ ออกไปจากที่นี่” แมงป่องงึมงำ

“ใช่” กู่ฉิงซานเชื้อเชิญ “เพราะฉะนั้นมาเถอะ มาออกไปจากโลกใบนี้พร้อมกันกับพวกเรา”

แววตาของชายดำเมี่ยมกลายเป็นว่างเปล่า แต่เขาก็ยังพยายามเค้นรอยยิ้มให้อยู่บนใบหน้า “ไอ้โลกบัดซบแบบนี้ แน่นอน มันสมควรแล้วที่พวกเราจะต้องจากมันไป”

เขาเดินตรงเข้ามากู่ฉิงซานกับซีน้อย

“โปรดรอก่อน!” กู่ฉิงซานโบกมือให้อีกฝ่าย

ชายดำเมี่ยมจู่ๆ สีหน้าหม่นทะมึนลงทันใด อ้าปากเปล่งเสียงที่ฟังดูดุร้ายและบ้าคลั่ง “มีเรื่องอะไรอีก? หรือเจ้าไม่ต้องการให้ข้าไปด้วยแล้ว?”

“ไม่ใช่ แต่ผมแค่คิดว่าในเมื่อพวกเรามีโอกาสดีๆ แบบนี้ งั้นทำไมคุณไม่ไปพาภรรยากับลูกมาด้วยกันกับเราล่ะ?” กู่ฉิงซานกล่าวด้วยรอยยิ้ม

………………………………….