ชายดำเมี่ยมพอได้ยินคำกล่าวของกู่ฉิงซาน เจ้าตัวก็พลันจมลงสู่ความเงียบ
เงียบสักพักหนึ่งเลย ดูเหมือนเขาจะไม่รู้ว่าสมควรตอบคำถามของกู่ฉิงซานอย่างไรดี
หลังจากเฝ้ารออยู่เนิ่นนานกว่าหนึ่งนาที สุดท้ายชายผิวดำเมี่ยมเอ่ยปาก “ภรรยาและลูกของข้าตายไปแล้ว”
“ตายอย่างงั้นเหรอ?” กู่ฉิงซานยิ้ม “โปรดอย่าได้ล้อเล่นเลย ภรรยาคุณแข็งแกร่งยิ่งกว่าคุณเสียอีก ฉะนั้นในเมื่อกระทั่งคุณยังไม่ตาย แล้วเธอจะตายลงได้ยังไง?”
ชายดำเมี่ยมเงียบไปอีกครั้ง
เขาตริตรอง เค้นสมองอย่างหนักเพื่อหาวิธีรับมือกับคำถามนี้
กู่ฉิงซานมองเขาด้วยรอยยิ้ม แววตาสาดประกายเย็นชา
แทบจะแน่นอนแล้วว่านี่เป็นตัวปลอม
ทว่ากลิ่นอายและอำนาจจากร่างกายของอีกฝ่าย แม้กระทั่งหางแมงป่องที่ใช้แทงในการโจมตีก่อนหน้านี้ มันเหมือนกับชายแมงป่องไม่มีผิดเพี้ยนเลย
ไม่รีรอให้ชายดำเมี่ยมตอบคำถาม กู่ฉิงซานก็เปิดใช้งานดิสก์ค่ายกล
เขาหายตัวไปจากที่นั่นอีกครั้งพร้อมกับซีน้อย
ในทะเลทรายอันห่างไกล
รังสีแสงสวรรค์กะพริบไหวอีกครั้ง
ร่างของกู่ฉิงซานกับซีน้อยปรากฏขึ้น
กู่ฉิงซานเอาดิสก์ค่ายกลออกจากอกเสื้อ ดึงศิลาวิญญาณที่ฝังไว้ภายในออกมา
ทันทีที่ศิลาวิญญาณเหล่านี้ถูกนำออก พวกมันก็แหลกเป็นผง ปลิวไปกับสายลม
เดิมที ศิลาวิญญาณที่ติดตั้งลงไปในมัน คือศิลาวิญญาณที่ดีที่สุด ซึ่งโดยปกติแล้วมักจะสามารถใช้งานได้อยู่หลายครั้ง
แต่ในครั้งแรกที่พยายามหลบการโจมตีของแมงป่องดำ เขาใช้งานค่ายกลหนักมือมากไปหน่อย ส่งผลให้พลังงานของศิลาวิญญาณที่สูญเสียไปค่อนข้างสูง
กู่ฉิงซานนำศิลาวิญญาณทั้งหมดออกมา และยัดอันใหม่ลงไปในดิสก์ค่ายกล
“จากสองครั้งที่ผ่านมา เท่านี้รูปแบบการเคลื่อนไหว และวิธีการโจมตีของราชาแมงป่องดำก็ถูกคัดลอกได้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว” กู่ฉิงซานกล่าว
“สรุปว่าราชาแมงป่องตายแล้วจริงๆ ใช่ไหม?” ซีน้อยถาม
“ตอนแรกฉันคิดว่าใช่ แต่ตอนนี้สงสัยว่าน่าจะยังไม่ตาย” เขากล่าว
“แล้วนายรู้ได้ยังไง?”
“ก็ถ้าราชินีแมงป่องตายไปแล้ว มอนสเตอร์เมื่อครู่คงจะเอ่ยตอบทันทีว่า ‘ภรรยาและลูกของข้าตายไปแล้ว ดังนั้นเจ้าสามารถพาข้าไปด้วยได้เลย’ อะไรแบบนี้”
“นี่มันเป็นคำตอบง่ายๆ และตรงที่สุด และเขายังสามารถทำได้ถึงขั้นนำศพของราชินีแมงป่องออกมาให้ฉันดู”
กู่ฉิงซานกล่าวต่อ “แต่เขาก็ไม่ทำ แถมยังไม่ตอบทันที จมอยู่ในห้วงความคิดยาวนาน”
ซีน้อย “เขาคิดนานจริงๆ”
กู่ฉิงซานหัวเราะ “นั่นทำให้พวกเราได้รู้เพิ่มอีกเรื่องหนึ่ง มอนสเตอร์ตัวนี้ไม่เก่งกาจในด้านการสื่อสารกับผู้คน ดังนั้นมันจึงไม่ทราบว่าการเงียบเป็นเวลานาน จะทำให้คนอื่นเกิดความระแวงสงสัยขึ้น”
“แล้วตอนนี้พวกเราจะทำยังไงกันดี?” ซีน้อยถาม
“ฉันได้ข้อมูลมามากพอแล้ว ตอนนี้พวกเราจะกลับไปหาเขาอีกครั้ง และทำอะไรให้มันชัดเจน” เขากล่าว
“ก็แล้วนายจะทำยังไง? นายคิดจะใช้ค่ายกลทำแบบเดิมซ้ำๆ อีกงั้นเหรอ?” ซีน้อยถาม
กู่ฉิงซาน “ไม่หรอก ตอนนี้สถานการณ์มันเปลี่ยนไปแล้ว เราไม่สามารถสังหารราชาแมงป่องได้ ก่อนที่พวกเราจะเข้าใจเรื่องราวทุกอย่าง”
…
ชายดำเมี่ยมยังคงยืนนิ่งอยู่ท่ามกลางทะเลทราย
เขาดูหงุดหงิดมาก
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับคนตรงหน้ากันแน่นะ?
ทำไมคนคนนั้นถึงสามารถใช้พลังมิติได้อย่างอิสระ และหลบหนีไปจากตัวเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า?
มันน่าเสียดายจริงๆ ที่พลังส่วนใหญ่ของเขาถูกผนึกเอาไว้ใต้ทะเลทรายโดยฝีมือของมนุษย์แสง
มิฉะนั้น เขาคงสามารถคว้าตัวคนคนนั้น และเค้นถามหาวิธีออกไปจากโลกใบนี้แล้ว
ทว่าระหว่างกำลังอยู่ในห้วงความผิดหวัง ดั่งสำนวนคิดถึงโจโฉ โจโฉก็มา
กู่ฉิงซานกับซีน้อยปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเขาอีกครั้ง
“ภรรยาและลูกๆ ของข้าตายไปแล้ว ฉะนั้นพวกเจ้าจงเร่งพาข้าออกไปจากโลกใบนี้เถอะ” ชายดำเมี่ยมกล่าว
นี่คือประโยคที่เขาใช้เวลาเคี่ยวกรำมาอย่างยาวนาน
“คุณไม่ใช่ราชาแมงป่องดำ” กู่ฉิงซานโพล่งออกไปตรงๆ
“อืม…เหตุใดเจ้าจึงคิดเช่นนั้น?”
“เพราะว่าผมพึ่งจะได้เจอเขาตัวจริง” กู่ฉิงซานเฉลย
ชายดำเมี่ยมส่ายหัวและกล่าว “นั่นมันเป็นไปไม่ได้ ข้ายืนอยู่ที่นี่ตลอดเวลา ที่เจ้าเห็นคงเป็นตัวปลอมแล้ว”
“จงปรากฏ” กู่ฉิงซานตะโกน
ดิสก์ค่ายกลในมือของเขาสาดรังสีแสงสวรรค์สว่างวาบ
วินาทีต่อมา ชายดำเมี่ยมอีกคนก็ปรากฏขึ้นข้างกายเขา
ชายดำเมี่ยมคนนี้ เหมือนกันกับราชาแมงป่องที่คอยปกป้องทางเข้าเขาวงกตทุกประการ ไม่มีร่องรอยใดๆ แตกต่างกันเลย
ชายดำเมี่ยมทั้งสองมองหน้ากันและกัน
“นั่นมันตัวปลอม!”
“เจ้าบังอาจแสร้งลวงเป็นข้า!”
ทั้งสองตะโกนด้วยความโกรธ พุ่งเข้าโจมตีอีกฝ่ายในเวลาเดียวกัน
ตูม!
เสียงระเบิดดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ ชั้นอากาศที่มองไม่เห็นสั่นสะท้าน
ทั้งสองชักฝีเท้า ถอยกลับมายังตำแหน่งเดิมที่ตนเคยอยู่
“นี่มันเป็นไปได้อย่างไร…”
ชายดำเมี่ยมที่คอยเฝ้าทางเข้าเขาวงกตงึมงำเสียงกระซิบ
ไม่ว่าจะเป็นในด้านความแข็งแกร่ง รูปแบบการโจมตี ลักษณะนิสัย ฯลฯ ล้วนเหมือนตนเองทุกประการ แถมดูเหมือนว่าในด้านของประสบการณ์ต่อสู้ของอีกฝ่าย จะเหนือยิ่งกว่าตนซะอีก
“แค่นี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาคือตัวจริง ส่วนคุณคือตัวปลอม” กู่ฉิงซานกล่าวกับอีกฝ่าย
ชายดำเมี่ยมไม่อาจเอ่ยคำใด
กู่ฉิงซานกล่าวต่อ “ฉะนั้น พวกเราจะพาเขาหนีออกไปจากโลกใบนี้”
หนีออกไป…
พวกเขากำลังจะหนีไปแล้ว
ชายดำเมี่ยมได้สติกลับคืน สีหน้าของเขาสาดประกายดุร้าย คิดหมายจะสลับไปร่างที่แข็งแกร่งยิ่งกว่ามาโจมตีทั้งสาม
‘อย่าพึ่ง! สงบใจไว้ หากคิดที่จะเปลี่ยนเป็นร่างอื่นและหยุดพวกเขา มันคงจะสายเกินไป’
‘ยังไงก็ตาม ความแข็งแกร่งของศัตรูมิได้อ่อนแอเลย แถมยังมีแมงป่องดำที่ครอบครองพลังต่อสู้เทียบเท่ากับข้าอีก ดังนั้นข้าคงไม่สามารถหยุดพวกเขาไม่ให้หนีไปได้’
ในเวลานี้ กู่ฉิงซานมองไปยังชายดำเมี่ยม ส่ายหัวถอนหายใจ “ในเมื่อเป็นตัวปลอม คุณก็อยู่ที่นี่ตลอดไปเถอะ”
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายหันหลัง เตรียมจะจากไปแล้วจริงๆ ในที่สุด ชายดำเมี่ยมก็อดไม่ได้ต้องตะโกนออกมา “ช้าก่อนคนคนนั้นเป็นตัวปลอม! จิตวิญญาณของราชาแมงป่องแท้จริงแล้วอยู่ที่นี่กับข้า!”
กู่ฉิงซานหยุดฝีเท้าทันที
จิตวิญญาณอย่างงั้นเหรอ?
จิตวิญญาณอยู่กับเขา?
อ้างอิงตามคำนี้ หมายความว่าราชาแมงป่องสมควรจะถูกควบคุมร่างกายอยู่อย่างชัดเจน
มอนสเตอร์ที่ถูกผนึกอาจจะใช้วิธีการบางอย่างเพื่อเข้าสิงร่างกายของราชาแมงป่อง และแทนที่จิตวิญญาณของอีกฝ่าย
สิ่งนี้ มันคล้ายกันกับวิชายึดร่างสถิตที่ของผู้ฝึกยุทธเลย อาจารย์ของหงส์เต๋าเคยใช้ในโลกล่องเวหา
แต่การยึดร่างสถิตมีความเสี่ยงค่อนข้างสูง เพราะหากพลาดพลั้ง ผู้ใช้วิชาจะสูญสิ้นทุกอย่างที่ตนไปจนหมดสิ้น
ยิ่งไปกว่านั้น ผู้พิทักษ์หุบเหวแห่งบาปน่ะมีอยู่มากมาย วิชายึดร่างสถิตของผู้ฝึกยุทธย่อมไม่อาจใช้งานกับคนจำนวนมากในเวลาเดียวกันได้
ยังไงก็ตาม ผู้พิทักษ์ทั้งหมดได้หายตัวไป
สิ่งนี้สามารถอนุมานได้อีกเรื่องหนึ่ง ว่าพลังของมอนสเตอร์ตนนี้ สามารถใช้ควบคุมคนจำนวนมากในเวลาเดียวกันได้
แต่จนกระทั่งถึงขณะนี้ กู่ฉิงซานยังไม่เห็นผู้พิทักษ์คนอื่นๆ ปรากฏตัวขึ้นเลย
ส่งผลให้พอจะอนุมานเพิ่มได้อีกเรื่องหนึ่ง…
นั่นคือ แม้ว่ามอนสเตอร์จะสามารถควบคุมร่างกายของสิ่งมีชีวิตจำนวนมากในเวลาเดียวกันได้ แต่มันสามารถใช้งานร่างกายของสิ่งมีชีวิตได้ทีละหนึ่งเท่านั้น
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ราชินีแมงป่องยังมีชีวิตอยู่ แต่ในขณะนี้เธอถูกเก็บตัวไว้ในฐานะร่างสำรองของมอนสเตอร์
ดังนั้น สิ่งที่จะต้องทำตอนนี้ก็ได้ข้อสรุปแล้ว
กู่ฉิงซานทำการคาดคำนวณจนเสร็จสิ้น และอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
ซึ่งคราวนี้ มันเป็นเสียงหัวเราะที่แท้จริงของเขา หัวเราะด้วยความปีติเป็นอย่างยิ่ง
เขาหันไปเอ่ยกับคนข้างๆ ว่า “ซีน้อย หลังจากนี้ไปเธอต้องรู้จักสื่อสารกับคนภายนอกให้มากเข้าไว้นะ จะได้ไม่ถูกจับพิรุธได้แบบเขา ที่สุดท้ายก็เผยความลับทุกอย่างออกมาให้เห็นด้วยตัวเอง”
ซีน้อยถอนหายใจ “แต่ฉันคิดว่าปัญหามันอยู่ตรงที่ว่าเขาดันโชคร้ายมาพบกับนายมากกว่า”
ชายดำเมี่ยมที่ยืนอยู่ข้างกายกู่ฉิงซานเอ่ยปาก “นายน้อย แล้วตอนนี้พวกเราจะทำอย่างไรกันต่อดี?”
กู่ฉิงซาน “ก็ง่ายๆ”
เขาโยนดิสก์ค่ายกลลงกับพื้น
บังเกิดประกายแสงสวรรค์กะพริบไหวขึ้นเบื้องหน้า
ค่ายกลเคลื่อนย้ายระยะไกลกำลังจะถูกเปิดใช้งานในอีกไม่ช้า!
ซ้ายคว้าหมับ!กับมือชายดำเมี่ยม ขวาคว้าหมับ!กับมือของซีน้อย พริบตานั้นทั้งสามหายไปจากสถานที่เดียวกัน
สกิลเทวะ ร่างเงาแทนที่!
ชายดำเมี่ยมที่คอยเฝ้าปากทางวงกตพลันถูกสลับตำแหน่ง มาปรากฏขึ้นในจุดเดิมของกู่ฉิงซาน
และเป็นเวลาเดียวกันกับที่ค่ายกลถูกเปิดใช้งานพอดิบพอดี!
เขาถูกส่งหายวับไป
แต่กู่ฉิงซานกับอีกสองคนปรากฏขึ้นแทนที่ในตำแหน่งเดิมของชายดำเมี่ยม
“ไปกันเถอะ ได้เวลาเข้าไปในวงกตแล้ว” กู่ฉิงซานกล่าว
“แล้วเรื่องของราชาแมงป่องล่ะ?” ซีน้อยอดไม่ได้ต้องเอ่ยถาม
กู่ฉิงซาน “ระยะทางที่มอนสเตอร์ตนนั้นถูกส่งออกไปค่อนข้างจะไกล ไหนจะกับดักค่ายกลอีก มันไม่น่าจะสามารถกลับมาได้ในเร็วๆ นี้ ขณะเดียวกันมันย่อมต้องรู้ว่าพวกเราสามารถเข้าสู่เข้าวงกตได้แล้ว ดังนั้นมันย่อมตัดสินใจละทิ้งร่างของราชาแมงป่องทันที และเลือกเข้าไปควบคุมผู้พิทักษ์คนอื่นๆ ที่ถูกเก็บตัวไว้ในวงกตแทน เพื่อขัดขวางไม่ให้เราเก็บกู้สิ่งประดิษฐ์เทวะ”
“ด้วยเหตุนี้ เจ้ามอนสเตอร์ก็จะไม่มีทางรู้ได้ว่า ฉันเข้าไปในวงกตได้ยังไง ขณะเดียวกันราชาแมงป่องดำก็จะเป็นอิสระ”
“ในกรณีนี้ ราชาแมงป่องย่อมต้องกลับมาช่วยเหลือภรรยาและลูกๆ ของเขาอย่างแน่นอน เมื่อเขาเข้ามาในวงกต เขาก็จะสามารถช่วยฉันเบนความสนใจของมอนสเตอร์ไปได้”
“ตอนนี้ ในที่สุดก็ถึงเวลาเริ่มภารกิจของพวกเราสักที”
กู่ฉิงซานหันไปมองชายผิวดำเมี่ยม
“ฉานนู่ เจ้าสามารถกลับคืนสู่สภาพเดิมได้แล้ว”
“เจ้าค่ะนายน้อย”
ชายผิวดำเมี่ยมเบื้องหน้า กลายร่างกลับคืนเป็นหญิงในชุดคลุมฟ้า
หญิงในชุดคลุมฟ้ายื่นกิ่งไม้สีดำคืนให้แก่กู่ฉิงซาน
มันคือหมุดที่แมงป่องดำเคยมอบให้กับกู่ฉิงซาน
เมื่อครู่นี้ ฉานนู่ได้ใช้ออกด้วยความลี้ลับของทุกสรรพชีวิต
เมื่อครู่สองชายดำเมี่ยมปะทะกัน ฉานนู่ใช้กิ่งไม้ดำโจมตี ผลลัพธ์เลยเป็นเสมอกัน รูปแบบการโจมตีเดียวกัน
กู่ฉิงซานก้มลงมองหมุด และถอนหายใจอย่างเงียบๆ
ในความเป็นจริง เขาวางแผนที่จะกลายเป็นราชาแมงป่องซะเอง เผยสองร่างให้เกิดความสับสน แล้วให้ซีน้อยฉวยจังหวะใช้เจ้าสิ่งนี้สังหารอีกฝ่ายลง
แต่ตอนนี้ พอได้รู้ว่าอีกฝ่ายคือร่างกายจริงๆ ของราชาแมงป่อง และยังมีโอกาสที่จะช่วยชีวิตของราชาได้ ดังนั้นหากจะให้ลงมือตามแผนเดิมเลยมันคงไม่ดี
เพราะท้ายที่สุดแล้ว ราชาแมงป่องเองก็เป็นคนดีคนหนึ่ง หากจะให้ฆ่าแล้วรับเอาแต้มพลังวิญญาณไป ในหัวใจของกู่ฉิงซานคงอดรู้สึกผิดไม่ได้
“เจ้าเก็บเอาไว้เถอะ มันอาจจะสามารถใช้ประโยชน์ได้อีกก็ได้” กู่ฉิงซานกล่าว
“เข้าใจแล้วนายน้อย” ฉานนู่ชักหมุดกลับคืน
ซีน้อยจ้องมองใบหน้าเย็นชาของฉานนู่ ร้องอุทาน “ว้าว พี่สาวสวยมากๆ เลย พี่สาวเป็นใครเหรอ?”
“สวัสดี ข้าคือดาบของนายน้อย เรียกว่าฉานนู่” หญิงชุดคลุมฟ้าทักทายเล็กๆ น้อยๆ
ซีน้อยเร่งกล่าว “ยินดีที่ได้รู้จัก ฉันเป็นคู่หูของนายน้อยคุณ เรียกฉันว่าซีน้อยก็ได้นะ”
“เข้าใจแล้วซีน้อย” ฉานนู่เผยรอยยิ้มแย้มบนใบหน้า หลังจากเรียกชื่อวัยรุ่นสาวคำหนึ่ง
เธอติดตามกู่ฉิงซานตลอดเวลา ดังนั้นย่อมเห็นทุกสิ่ง และเกิดความประทับใจดีๆ ต่อซีน้อยเป็นอย่างมาก
กู่ฉิงซาน “โอเค เรื่องสนทนาเอาไว้พอแค่นี้ พวกเราควรรีบเข้าไปข้างในได้แล้ว”
ฉานนู่เปลี่ยนเป็นดาบขุนเขาเทวะหกโลกา บินหายเข้าไปในอากาศที่ว่างเปล่าเบื้องหลังกู่ฉิงซาน
กู่ฉิงซานพาซีน้อยตรงไปยังเนินทราย
ในขณะที่พวกเขาเดินเข้าไป เนินทรายก็ค่อยๆ แหวกออกเป็นสองฟากฝั่ง
ปรากฏบันไดหินทอดยาวลงไปเบื้องหน้าของทั้งสอง
…
อีกด้านหนึ่ง
รังสีแสงสวรรค์กะพริบไหว กระจายตัวออกไป
ชายดำเมี่ยมปรากฏขึ้นใจกลางค่ายกล
“อ๊ะ นี่มันเทคนิคส่งผ่านระยะไกล”
สีหน้าของเขาแลดูเย็นชา หันมองไปรอบๆ
จะต้องรีบกลับไปทันที!
พริบตานั้นชายดำเมี่ยมก็ทะยานตัวขึ้น เตรียมจะบินกลับไป แต่ทว่า…
ฟิ้ว!
ประกายแสงดันกะพริบไหวอีกครั้ง
ทั้งคนทั้งร่างของเขาหายตัวไปทันใด และปรากฏขึ้นอีกจุดหนึ่งที่ห่างออกไปหลายสิบจั้ง
ชายดำเมี่ยมหันไปมองรอบๆ อีกครา
นี่ข้าถูกส่งผ่านมิติอีกแล้ว?
เขาเริ่มขยับตัวอีกครั้ง
ฟิ้ว!
ประกายแสงกะพริบไหว
แต่คราวนี้เขาพึ่งจะก้าวออกไปได้ไม่กี่ก้าว ก็ถูกส่งไปยังค่ายกลเคลื่อนย้ายอื่น
นี่คือชุดค่ายกลใหม่ที่กู่ฉิงซานคิดค้นขึ้น
…ค่ายกลเคลื่อนย้ายต่อเนื่อง!
ทุกครั้งเลยที่คิดมุ่งไปทางใด ตราบใดที่เขาเคลื่อนไหว ค่ายกลก็จะถูกกระตุ้นทำงานทันที
เขาจะถูกส่งไป ส่งมาระหว่างชุดค่ายกลเคลื่อนย้ายกว่าสามสิบหกชุด และไม่สามารถหลุดพ้นจากกับดักนี้ไปได้เลย
หากเป็นปรมาจารย์ค่ายกลมาติดอยู่ที่นี่แล้วละก็ จำต้องแก้ไขมันทีละชุด ทีละชุดเท่านั้นจึงจะสามารถออกไปได้
แต่หากเลือกใช้ความรุนแรง…
ชายดำเมี่ยมเหวี่ยงหมัดหนักกระแทกเข้ากับพื้นทรายอย่างแรง
กริ๊ก!
บังเกิดเสียงเบาๆ จากค่ายกล บ่งบอกว่ามันเกือบจะแตกเป็นเสี่ยงๆ
ในหัวใจของชายดำเมี่ยมผ่อนคลายลงทันที
หากเป็นแบบนี้ละก็ย่อมสามารถทะลวงฝ่ามันออกไปได้!
แต่ในอีกวินาทีต่อมา แสงสวรรค์ก็กะพริบไหวอีกครั้ง
เขาถูกส่งไปยังค่ายกลอื่น
ซึ่งยังเป็นค่ายกลที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ไม่บุบสลาย
ชายดำเมี่ยมระเบิดโจมตีด้วยความโกรธ
ตูม!
ตลอดทั้งค่ายกลนี้พลันแตกเป็นเสี่ยงๆ
แต่ในช่วงเวลาเดียวกันกับที่เขาลงมือ ค่ายกลก็เริ่มทำงานไปแล้ว
ม่านแสงกะพริบไหว
การเคลื่อนย้ายเสร็จสมบูรณ์
เขาถูกส่งไปยังอีกค่ายกลหนึ่งที่ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ดี ไม่มีบุบสลาย!
ชายดำเมี่ยมสูดหายใจเข้าลึกๆ
ดูเหมือนว่าหากเขาไม่ทำลายชุดค่ายกลเคลื่อนย้ายทั้งหมดซะก่อน มันคงจะไม่มีทางออกไปได้!
แต่เจ้าตัวไม่อาจเสียเวลาไปมากกว่านี้แล้ว
เพราะชายคนนั้นกำลังเข้าสู่เขาวงกต!
“ไม่มีทางเลือก คงต้องออกจากร่างนี้ และกลับไปทันที” ชายดำเมี่ยมบ่นพึมพำ
วินาทีต่อมา ทั้งคนทั้งร่างของเขาก็สั่นเทา ตกอยู่ในสภาวะแข็งค้าง
หลังจากนั้นหลายลมหายใจ ดวงตาของชายดำเมี่ยมก็ค่อยๆ กลับมาคมชัด
“อ้าว? ข้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”
เขาหันไปมองรอบๆ และค่อยๆ ทบทวนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้
“…กลับกลายเป็นว่ามันเลือกที่จะใช้งานร่างกายของข้า”
“ชักไม่ดีแล้ว คุณภรรยาและลูกน้อยของข้า รอก่อนนะ ข้าจะไปช่วยพวกเจ้าเดี๋ยวนี้แหละ!”
ว่าจบ ชายผิวดำก็พุ่งไปข้างหน้า
ม่านแสงกะพริบไหว
เขาถูกส่งมายังอีกค่ายกลหนึ่ง
ขบคิดเล็กน้อย ก็เข้าใจได้ทันทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น
ชายผิวดำกล่าวด้วยห้วงอารมณ์ “ดี ดีมาก เพราะแบบนี้เองสินะ มันถึงตัดใจทิ้งการควบคุมกายข้าไปอย่างเร่งร้อน ไม่มีแม้กระทั่งเวลาที่คิดจะปลิดชีวิตสังหารทิ้ง”
ขณะกล่าว หางแมงป่องของเขาก็ยืดยาวออกมา และเริ่มจ้วงทำลายชุดค่ายกลอย่างบ้าคลั่ง
…………………..