แดนนิรมิตเทพ บทที่ 343
เมื่อได้ทราบว่าในพื้นที่ที่ตัวเองปกครองอยู่มีโจรบุกบ้าน แล้วยังบุกบ้านตระกูลเฉินอีกด้วย นายอำเภอเหมยถึงกับอกสั่นขวัญแขวน แอบด่าโจรว่าไม่รู้จักคิด บุกใครไม่บุก ดันไปบุกบ้านตระกูลเฉิน

เรื่องในงานวันฉลอง ทั้งชีวิตนี้นายอำเภอเหมยก็คงลืมไม่ลง

“แม่งเอ้ย ไอ้โจรตาบอด จงใจทำร้ายฉันหรือไง? เสี่ยวหลี่ เรียกผู้อำนวยการจ้าวของสำนักงานรักษาความปลอดภัยมาหาฉันเดี๋ยวนี้!”

ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยและระบบตรวจสอบของทั้งเมือง ในคืนนั้นนายอำเภอเหมยก็ได้ตั้งเป้าหมายเป็นสี่ตระกูลลึกลับของอำเภอเฟิ่งซาน

เจ้าสำนักน้อยเพิ่งพาคนของทั้งสี่ตระกูลกลับถึงสำนักทิพย์ที่สร้างขึ้นใหม่ได้ไม่นาน

ผู้อำนวยการจ้าวของสำนักงานรักษาความปลอดภัยนำทีม นายอำเภอเหมยเข้าทีมด้วยตัวเอง และเฉินจิงเย่เองก็ตามมาล้อมตัวพวกเจ้าสำนักน้อยไว้

พวกเจ้าสำนักน้อยตะลึงกับการพัฒนาของเทคโนโลยีสมัยใหม่ แต่กลับไม่มีท่าทีที่จะยอมแพ้ใดๆ เพราะว่าสองสาวตรงหน้านี้ช่างสวยงามมากจริงๆ

เมื่อผ่านการต่อสู้กันแล้ว ทางฝ่ายเจ้าสำนักน้อยเป็นผู้ชนะ ทีมตำรวจธรรมดาไม่สามารถต่อสู้กับนักบู๊แดนในได้

แต่ลูกน้องของเจ้าสำนักน้อยเองก็ไม่กล้าทำการฆ่า เนื่องจากพวกเขาเองก็ไม่อยากจะมีปัญหากับทางรัฐมากนัก

เวลาคับขัน นายอำเภอเหมยได้ขอความช่วยเหลือจากทีมนักบู๊

ภายใต้พลังอำนาจของปืนไรเฟิล ปืนกล ระเบิดมือรวมทั้งขีปนาวุธต่างๆ ในที่สุดพวกเจ้าสำนักน้อยก็เกิดความกลัวขึ้นแล้ว

สิ่งของพวกนี้สามารถทำร้ายพวกเขาได้

แต่นายอำเภอเหมยและผู้บังคับบัญชาทีมเองก็ไม่กล้าสั่งโจมตี กลัวว่าทีมจะเกิดความเสียหายอย่างหนัก เนื่องจากก่อนหน้านี้ก็เคยมีคดีมาก่อน เพื่อจัดการกับนักบู๊ระดับปรมาจารย์ ทางรัฐเองก็ได้เสียหายอย่างหนักเช่นกัน….

ผู้บังคับบัญชาทีมและนายอำเภอเหมยเสนอให้ใช้ปืนใหญ่ล้อมรอบทุกทิศทางไว้ แต่ได้ถูกเฉินจิงเย่ปฏิเสธ เนื่องจากเอียนชิงเฉิงและเวินฉิงยังอยู่ในมือของศัตรู

เมื่อไร้หนทาง ทั้งสองทำการเผชิญหน้ากัน ฝ่ายเจ้าสำนักน้อยไม่ทำการโจมตี ทางฝ่ายกองทัพเองก็ไม่ทำการโจมตีเช่นกัน

ในแต่ละวันทำได้แค่เจรจาแล้วเจรจาอีก

ทางฝั่งเจ้าสำนักน้อยสั่งให้กองทัพถอยทัพ จากนั้นถึงจะปล่อยตัวประกัน กลัวว่าเมื่อปล่อยตัวประกันไปแล้ว พวกนายอำเภอเหมยจะใช้ระเบิดพลังมหาศาลรวมทั้งขีปนาวุธมาเข่นฆ่าพวกเขา

ทางฝ่ายนายอำเภอเหมยไม่มีทางตอบตกลงถอยทัพ เมื่อปล่อยเสือกลับถ้ำ นักบู๊พวกนี้ไปซ่อนตัวในป่า แล้วจะไปหาตัวที่ไหน? ไม่ต้องพูดถึงช่วยตัวเอียนชิงเฉิงและเวินฉิงออกมา กลัวว่าถึงตอนนั้นแล้วแม้แต่เด็กก็ออกมาแล้ว

ที่จริงแล้วเมื่อเห็นนายอำเภอเหมยเชิญกองทัพทหารมาช่วยเหลือเอียนชิงเฉิงและเวินฉิง เจ้าสำนักน้อยก็ได้คิดเสียใจแล้ว เขารู้ว่าฐานะตัวตนของสองสาวนี้จะต้องสำคัญอย่างมากแน่นอน จึงคิดอยากจะปรองดองกับทางรัฐจริงๆ

แต่ว่าพวกนายอำเภอเหมยไม่เชื่อ พวกนักบู๊ในสายตาพวกเขาคือเป็นพวกบ้าคลั่งมาโดยตลอด หากพวกเขาถอยทัพ ผลลัพธ์ไม่อาจที่จะนึกคิดได้

หากเอียนชิงเฉิงและเวินฉิงเป็นอะไรไปแม้แต่นิด แล้วเมื่อเฉินโม่กลับมาแล้วจะรอดหรือ?

ยื้อกันไว้แบบนี้ ยื้อกันนานจนห้าวัน หรือก็คือวันเทศกาลแขวนโคมไฟ

ภายในเขาถงถิง เนี่ยเสี่ยวเชี่ยนใช้ผ้าที่ฉีกออกมาจากเสื้อชุบน้ำแล้วค่อยๆเช็ดใบหน้าของเฉินโม่อย่างระมัดระวัง มือเปล่ายังมีความหอม

“ท่านพรต เฉินโม่จะตื่นมาเมื่อไหร่คะ?”

เฉินซงจื่อส่ายหน้า “ฉันไม่เคยเห็นท่านอาจารย์ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้มาก่อน ฉันเองก็ไม่รู้ว่าท่านอาจารย์จะตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่”

“แต่ว่า ฉันคิดว่าน่าจะใกล้แล้วละ”

เฉินโม่ปลีกวิเวกรักษาอาการมานานสิบวันแล้ว เมื่อวันก่อนเขาก็รู้สึกได้แล้วว่าพลังในร่างกายของเฉินโม่มั่นคงขึ้นแล้ว เดิมทีคิดว่าเฉินโม่กำลังจะตื่นขึ้นมาแล้ว แต่น่าเสียดายที่วันนี้จู่ๆพลังในร่างกายของเฉินโม่ก็หยุดยั้ง ไม่รู้สึกถึงอะไรใดๆเลย

เฉินซงจื่อเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน

แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขามั่นใจได้ คืออาการบาดเจ็บของเฉินโม่หายดีแล้ว

“ซงจื่อ ผ่านไปกี่วันแล้ว?”

ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังนึกคิด เสียงหนึ่งได้ดังขึ้นอย่างเรียบๆ

“ท่านอาจารย์ ท่านตื่นแล้วหรอครับ!”

เฉินซงจื่อและเนี่ยเสี่ยวเชี่ยนรู้สึกดีใจขึ้นมาทันที

“อืม”

เฉินโม่พยักหน้า เดินออกจากถ้ำ