บทที่ 143 แสงจันทร์กระจ่างฟ้า
ในเมืองเฟิงหลิน
ต่งเออกระโจนออกมา กำปั้นแสงใสห่อหุ้ม
ลู่เหยี่ยนได้สติกลับมาทันที ซัดกำปั้นต่อกำปั้น เพียงพริบตาก็ปะทะกันกว่าร้อยครั้ง
ไม่ว่าอย่างไร ต่อให้เทวะกระดูกขาวจะจุติล้มเหลว ขอแค่เขามีชีวิต ขอแค่เทวะยังคงอยู่ ก็ยังไม่ถือว่าความหวังทั้งหมดมลายสูญ
หากไม่มีจิตวิญญาณที่ไม่ย่อท้อ เขาเองก็มาถึงวันนี้ไม่ได้เช่นกัน
หลายปีมานี้คนที่คอยนำสำนักกระดูกขาวคือโอวหยางเลี่ยก็จริง แต่เขาต่างหากที่เป็นคนคอยรับผิดชอบวางแผน
เขาเป็นคนวางแผนทิศทางสำนักกระดูกขาว และกำหนดสถานการณ์ใหญ่เช่นวันนี้ขึ้นมา
ปัจจุบันนี้ก้าวหมากพลาดไปก้าวหนึ่ง แพ้อย่างราบคาบ จึงไม่มีอะไรน่าเอ่ยถึง
แต่ก็ไม่แน่ว่าจะพลิกดินกลับมาใหม่ไม่ได้
ครั้งนั้นตอนที่เขาพัฒนาสำนักกระดูกขาวขึ้นอีกครั้ง สถานการณ์ยังสู้ตอนนี้ไม่ได้
พอเข้าใจถึงจุดนี้ ลู่เหยี่ยนปัดความซึมเซาทิ้งไป กระตุ้นจิตวิญญาณขึ้นมาอีกครั้ง
“เด็กน้อยต่งเออ เจ้ายังกล้ามาหาที่ตายอีกหรือ”
ลู่เหยี่ยนพอระเบิดกำลังทั้งหมด มีการปลุกเสกจากพลังดารานอกพิภพ หนึ่งหมัดซัดออก ทลายท่าหมัดของต่งเออ
ไม่เพียงแค่นั้น เขายังเข้าประชิดตัว ซัดกำปั้นโจมตีเข้าที่ช่วงท้องของต่งเออ
แต่ในดวงตายมโลกของเขา กลับมองเห็นเพียงใบหน้าไร้สีหน้าของต่งเออ…ที่เข้าใกล้ขึ้นเรื่อยๆ!
ผัวะ!
ศีรษะกระแทกกัน!
หน้าผากครึ่งหนึ่งของต่งเออถูกกระแทกจนเละ หน้าผากลู่เหยี่ยนก็เลือดอาบ
แต่ต่งเออเพียงแค่สะบัดศีรษะ กระแทกเข้ามาอีกครั้ง
ลู่เหยี่ยนปลดพันธนาการ ยกเท้าถีบเขาออก กระโจนร่างถอยกรูด
เขาเห็นความบ้าคลั่งมาจนชินชา ไม่ได้หวาดกลัวต่อสิ่งนี้ เพียงแค่รู้สึกยุ่งยาก
จากนั้นเขาจึงมองเห็น ต่งเออที่ช่วงท้องถูกซัดจนพัง หน้าผากถูกกระแทกจนเละ มีการฟื้นฟูอย่างบ้าคลั่งด้วยความเร็วที่มองเห็นด้วยตาเปล่า
ดวงตายมโลกกวาดมอง และจึงเห็นเมล็ดพันธุ์พลังวิเศษสีเขียวเม็ดนั้นในคลังในที่สองของต่งเออ
มันคือตัวแทนพลังวิเศษการกำเนิดอย่างไม่รู้จบ!
ผู้แข็งแกร่งระดับคลังใน เรื่องที่สำคัญที่สุดก็คือการสืบค้นคลังในทั้งห้า ความสำเร็จสูงสุดคือการเด็ดรับเมล็ดพันธุ์พลังวิเศษลงมาได้
ต่งเออเองก็เป็นผู้แข็งแกร่งระดับคลังในคนหนึ่งที่เด็ดพลังวิเศษมาได้ ยิ่งไปกว่านั้นคลังในชิ้นที่สองก็สำเร็จแล้วด้วย
หรือก็คือ ต่งเออยังมีโอกาสในการสืบค้นอีกสามครั้ง
อนาคตของเขา แทบจะไร้ขีดจำกัด
ผู้แข็งแกร่งเช่นนี้ กลับถูกส่งให้มาอยู่ในเขตเมืองเฟิงหลินเล็กๆ มาเป็นเพียงเจ้าสำนักเต๋าเมืองคนหนึ่ง!
แม้การพิพาทการเมืองด้วยกันของตู้หรูฮุ่ยกับหวงฝู่ตวนหมิงจะเป็นเพียงการวางหมาก แต่ขุนนางระดับล่างกลับไม่มีใครล่วงรู้เลยจนกระทั่งวันนี้
เห็นได้ว่าด้วยนิสัยของเขา ในอดีตที่ผ่านมาต่งเออต้องพบกับความไม่เป็นธรรมระดับไหน
“ถ้าไม่มีประสบการณ์จากในเมืองเฟิงหลิน ข้าไม่มีทางเด็ดเอาเมล็ดพันธุ์พลังวิเศษลงมาได้”
ต่งเออใบหน้าเย็นเยียบราวกับเหล็ก น้ำเสียงยังเย็นเสียยิ่งกว่าใบหน้า สั่นสะเทือนไปทั่วเขตแดน “ดังนั้นลู่เหยี่ยน ข้าจะต้องสังหารเจ้าทิ้งเสีย! จะต้องใช้เลือดของเจ้า มาเซ่นบูชาต่อเขตแดนนี้!”
เสียงยังไม่ทันขาด ตัวคนก็พุ่งเข้ามาอีกครั้ง
ความเจ็บปวดทรมานหล่อหลอมให้คนแข็งแกร่ง ผุ้แข็งแกร่งเหยียบย่ำความทุกข์ยากมุ่งสู่เบื้องหน้า
แต่ลู่เหยี่ยนเพียงแค่หัวเราะติดต่อกัน “ทั่วทั้งรัฐจวงตั้งแต่เบื้องสูงถึงเบื้องล่าง ทั้งนอกทั้งในล้วนเสแสร้งจอมปลอมกันทั้งนั้น! ข้าคิดว่าเจ้าจะไม่เหมือนคนอื่น แต่เจ้าเองก็ไม่ต่างกัน”
“เจ้ากลับยิ่งน่าขยะแขยง ยิ่งเสแสร้งกว่าเสียอีก!”
เขาซัดกำปั้นใส่ต่งเออจนปลิวไปอีกครั้ง
“ตู้หรูฮุ่ยกับหวงฝู่ตวนหมิง ล้วนเป็นกองหนุนที่เจ้าเตรียมไว้สินะ? เจ้ารู้มานานแล้วว่าสำนักกระดูกขาวจะอัญเชิญเทพเทวะมา เพื่อหลอมลูกกลอนแท้กระดูกขาว!”
“แต่เจ้าก็ยังนิ่งเงียบ นั่งมองเมืองทั้งเมืองถูกสังหารจนพินาศย่อยยับ!”
“เพื่อลูกกลอนแท้กระดูกขาวเม็ดเดียว เจ้าใช้ประชาชนทั้งเมืองเป็นแต้มต่อ เสียสละพวกเขาเพื่อความสำเร็จของเจ้าเอง! จวงเกาเสี้ยนให้คำสัญญาอะไรกับเจ้าไว้ เจ้ากับสำนักเต๋ากระดูกขาวของข้าแตกต่างกันตรงไหน!”
ระดับคลังในต่อสู้กับระดับหอนอก เดิมทีไม่มีโอกาสชนะอยู่แล้ว
แต่อาศัยพลังวิเศษการกำเนิดไม่รู้จบ ต่งเออจึงไม่สนใจเรื่องความเป็นตาย ซัดกระบวนออกมามากมาย จัดการสะกดลู่เหยี่ยนไปขณะหนึ่ง
และขอแค่รอจนตู้หรูฮุ่ยทางนั้นจัดการลบตรานาบของเทวะกระดูกขาวจดหมด ก็สามารถหันมาลงมือได้แล้ว ถึงตอนนั้นที่เจอกับตู้หรู่ฮุ่ยผู้มีวิชาร่นขอบฟ้า จะบินขึ้นฟ้าหรือมุดลงดิน ลู่เหยี่ยนก็หนีไปไหนไม่พ้น
ทว่าสถานการณ์ที่พังทลายขนาดนี้ ลู่เหยี่ยนกลับยังสงบใจเย็น ใบหน้าเผยสีหน้าเหี้ยม
“ข้าจะรอดู ว่าเจ้าพลังวิเศษกำเนิดไม่รู้จบที่ยังไม่สมบูรณ์ของเจ้า จะยืดหยัดไปได้สักกี่น้ำ!”
เมล็ดพันธุ์พลังวิเศษที่ระดับคลังในเด็ดลงมา เป็นเพียงแค่ ‘เมล็ดพันธุ์’ เท่านั้น ยังไม่ใช่สิ่งที่สมบูรณ์ ดังนั้นต่งเออแม้จะมีพลังวิเศษที่น่ากลัวอย่างกำเนิดไม่รู้จบ แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะมีร่างกายที่เป็นอมตะ
เพียงแค่ทำลายขีดจำกัดนั้น เมล็ดพันธุ์พลังวิเศษก็จะพังทลายลงมาเอง
ลู่เหยี่ยนเหี้ยมเกรียมขึ้นมา เข้าโรมรันต่อสู้
จู่ๆ ดวงตายมโลกของเขาหันขวับ กระโจนตัวขึ้นไป
เขามองเห็นการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง
แต่ต่งเออแม้ยังไม่รู้อะไร แต่กลับมีลางสังหรณ์สัญชาตญาณอันแข็งแกร่ง
สนามรบที่แท้จริงไม่ใช่ในเมืองเฟิงหลินตั้งแต่แรกแล้ว แต่เป็นสถานที่ตั้งเดิมของตำบลเสี่ยวหลิน
เวลานี้ สถานที่ที่กำลังหลอมลูกกลอนแท้กระดูกขาวอยู่นั้น
สีดำผืนใหญ่หลุดร่อนเป็นแผ่น มิติถูก ‘ฉีกขาด!’ ออก
พลังยมโลกแทบจะไร้ที่สิ้นสุดหลั่งทะลักเข้าไป
เทวะกระดูกขาวที่อยู่ในนรกภูมิ ละทิ้งความพยายามที่จะมาจุติบนโลกแล้ว
แต่คิดจะใช้ค่ายกลไร้เกิดไร้ดับสูญและตรานาบกระดูกขาวก่อนหน้า จัดการลากเขตเมืองเฟิงหลินเข้าสู่ยมโลก!
พฤติกรรมเช่นนี้พลังเทพที่ต้องใช้ไปยากจะคำนวณออกมาได้ แต่หากสำเร็จขึ้นมา พวกของตู้หรู่ฮุ่ยกับต่งเออล้วนต้องตาย ลูกกลอนแท้กระดูกขาวก็สามารถชิงกลับมาได้อย่างสบาย!
“ไป!”
ตู้หรูฮุ่ยที่กำลังลบตรานาบกระดูกขาวตัดสินใจทันที จู่ๆ ก็มาปรากฏตัวข้างต่งเออ คว้าตัวเขาย่างเท้าลงเหยียบ หนีออกไปจากจุดนี้
นี่หมายความว่า เขาละทิ้งผู้คนกลุ่มสุดท้ายที่ยังไม่ตายในเขตเมืองเฟิงหลินทั้งหมด
เขตเมืองเฟิงหลินจึงหายไปจากโลกมนุษย์ พุ่งเข้าสู่ยมโลก!
…
นอกเขตเมืองเฟิงหลิน พี่น้องคู่หนึ่งกำลังวนเวียนไปมาอยู่แถวนี้
พวกเขากำลังรอบทสรุป และรู้สึกหวาดกลัวต่อบทสรุปนั้น
“พี่ชาย พวกเราจะไปไหนกัน?”
“ข้าเองก็ไม่รู้”
อาจจะเป็นเมืองแม่น้ำชิง หรืออาจจะเป็นเมืองซินอัน เจียงวั่งคิดในใจ
“พี่ชาย พวกเรายังกลับบ้านไหม”
เจียงวั่งมองไปยังเขตเมืองเฟิงหลินที่ปกคลุมด้วยหมอกจนมิด เอ่ยขึ้นช้าๆ “พวกเรา ไม่มีบ้านแล้ว”
เสี่ยวอันอันนิ่งงันไปครู่หนึ่ง เอ่ยถามอีกว่า “แล้วพี่หรู่เฉิง พี่หลิงเหอ พี่อาจ้าน ศิษย์น้องถังตุน อาจารย์…พวกเขายังอยุ่ไหม”
ไม่อยู่กันหมดแล้ว เจียงวั่งคิดในใจ
เขาสะกดน้ำตา เอ่ยปลอบโยนขึ้นว่า “พี่ชายไม่รู้ พวกเขาอาจจะหลบหนีไปแล้ว เพียงแต่พวกเราอยู่กันละทาง”
“โอ้” เจียงอันอันซบศีรษะเล็กลงแผ่นหลังพี่ชายเบาๆ “เช่นนั้นพวกเราก็ไปหาพวกเขากัน”
“โลกใบนี้กว้างใหญ่เหลือเกิน พอแยกจากกันแล้ว อาจจะไม่ได้เจอกันอีกตลอดกาล”
“งั้นรอตอนข้าโต ข้าจะออกไปหากับท่าน”
“ได้”
“พี่ชาย?”
“พี่ชายอยู่นี่”
“หลังจากนี้พวกเรายังจะได้กินน้ำซุปเนื้อแกะ ได้กินขนมดอกกุ้ยไหม แล้วก็น้ำตาลปั้นที่ตำบลเฟิ่งจีด้วย…”
“อาจจะได้หรืออาจจะไม่ได้ก็ได้ แต่ว่าโลกใบนี้มีของอร่อยอยู่มากมาย ไว้คราวหลังพี่ชายจะพาเจ้าไปกินของอย่างอื่นนะ…”
อันอันก็รู้เรื่องดี ขานตอบกลับ “ได้”
…
ตอนนี้เอง เจียงวั่งได้ยินเสียงที่สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งเมือง
เสียงของต่งเออกับลู่เหยี่ยน
เข้าใจแล้ว
เข้าใจทั้งหมดแล้ว
เพราะอะไรตนเองที่รายงานไปตั้งแต่แรก แต่ทางราชวงศ์จวงกลับไม่มีปฏิกิริยาอะไร
เพราะอะไรภัยพิบัตินี้ที่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่ท้ายสุดเขตเมืองเฟิงหลินก็ร่วงหล่นสู่ห้วงลึกอย่างมิอาจหวนกลับ!
อาจารย์ที่เขาเชื่อใจที่สุด ปิดบังเรื่องทั้งหมดเอาไว้!
ต่งเออที่เขาเคารพ รู้สึกซาบซึ้งและรู้สึกชิดเชื้อมากที่สุด มอบคำโกหกที่ลึกล้ำเจ็บปวดและโหดเหี้ยมที่สุดให้กับเขา
เจียงวั่งไม่ลังเล ไม่อาลัยอาวรณ์อีก
แบกเจียงอันอันหันหลังกลับ ถีบเท้ากระโจนบินทะยาน
รัฐจวงแม้จะยิ่งใหญ่ แต่ไม่เหลืออะไรคู่ควรให้เขาอาลัยอาวรณ์อีกแล้ว
นับจากนี้ จะไม่มีบ้านเกิดอยู่อีก!
อะไรคือสุนัขไร้บ้านที่แท้จริง
เขาไม่มีบ้านเกิด และไม่มีคนในบ้านเกิดอีกแล้ว!
…
“พี่ชาย พวกเราจะไปไหน”
“พวกเราจะออกจากที่นี่”
หนีจากหลิงเหอ หนีจากเจ้าหรู่เฉิง หนีจากหวงอาจ้าน หนีจากเว่ยเหยี่ยน หนีจากเจ้าหลาง หนีจากเซียวหน้าเหล็ก…
หนีจากสำนักเต๋าเมือง หนีจากร้านเนื้อแพะตำรับตระกูลไช่ หนีจากร้านอ้อมกอดศีลธรรม หนีจากร้านน้ำแกงตู้เต๋อวั่ง หนีจากหอชมจันทร์ หนีจากร้านดอกกุ้ยจรุงกลิ่น หนีจากบ้านที่ตรอกอาชาเหิน…
หนีจากคนที่พวกเขาเคยรัก หนีจากสถานที่ที่พวกเขาเคยใช้ชีวิต
เพราะว่ากลับไปไม่ได้อีกแล้ว
หลังจากนี้ที่นั่นเป็นของยมโลก
ภัยพิบัติดำเนินต่อไปหนึ่งวันเต็ม ดวงตะวันลับขอบฟ้าไปนานแล้ว
แต่แตกต่างจากเขตเมืองเฟิงหลินที่ตกอยู่ในความมืดมิดตลอดกาล โลกที่อยู่ภายนอกเขตเมืองเฟิงหลิน ยังคงมีแสงสว่างบางส่วน
นั่นคือแสงไฟแห่งโลกมนุษย์ นั่นคือแสงดาวดารา นั่นคือแสงแห่งจันทรา
เจียงวั่งแบกเจียงอันอันจากไป
สถานที่ที่สงบจิตใจได้คือบ้านของข้า แต่นับจากนี้เขาจะมีเพียงแค่เจียงอันอัน ไม่มีความสงบจิตสงบใจอีกต่อไป
เวลานี้เขามีเหล่ามวลดาราเป็นดั่งเพื่อนเก่า มีแสงจันทร์กระจ่างฟ้า
……………………………………….
ตอนต่อไป →