บทที่ 142 ไสหัวกลับไป

ท่องภพสยบหล้า

บทที่ 142 ไสหัวกลับไป!
มือขาวซีดยื่นออกมาจากยมโลก ยาลูกกลอนแท้กระดูกขาวก็พุ่งมาที่กลางฝ่ามือ

ส่วนมือของหวางฉางจี๋ก็ขยับขึ้นแข็งๆ ไม่เป็นธรรมชาติ เหมือนเหนี่ยวนำอักขระค่ายกลอะไรบางอย่าง ขานตอบเสียงเพรียกหาจากแดนไกล

น้ำตาของเขาหยุดลงทันที

มือขาวซีดที่ยื่นมาจากความมืดมิดเย็นเยือกไร้จุดสิ้นสุดเหมือนเป็นการเตือนล่วงหน้าจากความโศกเศร้าบางอย่าง

ประกาศว่าทุกอย่างจะร่วงหล่นลงสู่หุบเหวลึกอย่างไม่อาจย้อนคืนกลับมาได้

ตอนนี้เอง…

หมับ!

ลูกกลอนแท้กระดูกขาวถูกคว้าเอาไว้

แต่มือที่คว้ามันกลับไม่ใช่มือขาวซีดข้างนั้น!

ก่อนที่ยาลูกกลอนแท้กระดูกขาวจะลอยไปถึงมือกระดูกขาวซีด

มืออีกข้างหนึ่งก็สกัดกั้นมันเอาไว้เสียก่อน

ทั้งยังกำแน่น สยบมันเอาไว้ในเสี้ยวพริบตา

นั่นเป็นมือผอมแห้ง เหี่ยวย่น

เป็นมือของอัครมหาเสนาบดีรัฐจวง ตู้หรูฮุ่ย!

เขาไม่อยู่ที่ยอดเขาเหินทะยาน ไม่ได้ถูกโอวหยางเลี่ยตรึงเอาไว้ เขาเหมือนใกล้แค่เอื้อมแต่อยู่ไกลคนละฟากฟ้า ทว่ากลับได้ประโยชน์จากจุดนั้น คว้าผลสำเร็จจากการวางแผนมานานหลายปีของสำนักกระดูกขาว

ในขณะเดียวกัน เท้าของเขามีแสงสีดำพันล้อม เหยียบลงมา!

“ไสหัวกลับไป!”

“มดปลวก เจ้ากล้ารึ!” เสียงจากหุบเหวน้ำพุเหลืองทั้งตกใจทั้งเดือดดาล

และในตอนนี้เอง หวางฉางจี๋ก็พลันหยุดมือ กระโดดหลบลี้ ฉีกค่ายกล หายไปไม่รู้ว่าไปที่ใด

เทพที่อยู่ในหุบเหวน้ำพุงเหลืองย่อมแข็งแกร่งแน่อยู่แล้ว แต่พระองค์อย่างไรเสียก็ลงมือข้ามโลก ลำพังเพียงตราประทับจุดนั้นที่ทำเครื่องหมายมิติไว้ ไม่สามารถรับพลังที่มากเกินไปได้เลย

และผู้สืบทอดมรรคากระดูกขาวที่สามารถแบกรับพลังของเขาได้ก็กลับหลบหนีไปอย่างนั้น

แสงสีขาวและแสงสีดำพันรัดกันครู่หนึ่งก็สลายไป

“มดปลวก! มดปลวก!” เสียงนั้นคำราม

จากนั้นมือขาวซีดข้างนั้นก็ถูกเหยียบกลับไปยังยมโลก!

……

จวบจนกระทั่งตอนนี้ที่เหตุการณ์จบลงแล้ว ผู้รอดชีวิตทั้งหมดถึงได้เห็นรอยดาบมหึมาแคบยาวทางหนึ่ง พุ่งมาจากทางตะวันออกเฉียงใต้ มองไปไกลๆ เหมือนผืนฟ้าทั้งผืนถูกฟันเป็นรอยแยก!

และจากทางสำนักเต๋าเมืองเฟิงหลินก็มีแสงสีเขียวทางหนึ่งพุ่งมาอย่างรวดเร็ว โจมตีทั้งภายในและภายนอกกับรอยดาบ ฉีกทึ้งค่ายกลที่ปกคลุมทั่วทั้งเมืองเฟิงหลินเป็นรู

และเป็นเพราะเส้นทางที่ถูกฉีกทึ้งชั่วคราวนี้ ตู้หรูฮุ่ยถึงได้ก้าวเข้าไปในตำบลเสี่ยวหลินได้

หวางฉางจี๋ในตอนหลังก็อาศัยรอยแยกนี้หนีไป

นั่นเป็นรอยดาบที่มาจากทางเมืองซานซาน

และจุดเริ่มต้นของมันก็คือยอดเขาเหินทะยาน!

ข้ามเขตสองเมืองใหญ่ๆ ก็ยังคงมีพลังที่น่าครั่นคร้ามเช่นนี้

มองไปทั้งรัฐจวง เจ้าของรอยดาบปรากฏตัวออกมาแล้ว

……

บนยอดเขาเหินทะยานตอนนี้ ทั่วทุกที่ล้วนเป็นซากศพของเหล่าสมาชิกสำนักกระดูกขาว

รัฐจวงรักษารังสัตว์ร้ายที่ใหญ่ที่สุดในเขตการปกครองชิงเหอเอาไว้ได้

ผีทั้งแปดที่ตีนเขาหายไป ค่ายกลแปดผีผนึกมังกรก็สลายไปตั้งนานแล้ว

กระทั่งว่าหากไม่ใช่ตู้หรูฮุ่ยถอนตัวจากไปอย่างกะทันหัน โอวหยางเลี่ยคิดว่าตัวเองคงรบตายไปแล้ว

ทว่านี่ไม่ได้ทำให้เขาคิดว่าโชคดี กลับกัน กลับตกสู่ความสิ้นหวังที่ลึกลงไปอีก

เทพกระดูกขาวหากลงมาเยือนโลกได้สำเร็จ กลายเป็นเทพแห่งโลกใบนี้ ต่อให้เขารบตายก็ไม่นับเป็นเรื่องอะไร

ด้วยพลังของเทพแห่งโลก แน่นอนว่าย่อมสามารถรวบรวมเศษวิญญาณ สร้างกายเนื้อขึ้นมาใหม่ได้

แต่หากเทพกระดูกขาวหากไม่อาจทำได้สำเร็จ ต่อให้เขามีชีวิตอยู่ก็เป็นความล้มเหลวแสนสาหัส

อีกทั้ง…

ตอนนี้แม้เขาจะยังไม่ตาย แต่ก็แค่พอมีลมหายใจเหลือต่อไปเท่านั้น

ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะชายที่ยืนอยู่บนกลางทางขึ้นเขา ทั่วทั้งร่างสวมชุดเกราะ มือถือง้าวเล่มยักษ์คนนั้น

แม่ทัพใหญ่แห่งกรมทหารรัฐจวง หวงฝู่ตวนหมิง!

เงาร่างที่ทรงอำนาจน่าเกรงขามยิ่งใหญ่กำยำยืนอยู่ที่กลางทางขึ้นเขา แต่กลับเหมือนว่าขุนเขากำลังก้มหัวให้กับเขา

ความจริงแล้วในยามที่เห็นหวงฝู่ตวนหมิงที่นำกองทัพอยู่แนวหน้าสู้รบกับรัฐโม่ โอวหยางเลี่ยก็รู้แล้วว่าจบสิ้นแล้ว

หวงฝู่ตวนหมิงไม่มีกลวิชาอภินิหารข้ามฝากฟ้า เขามาปรากฏตัวที่นี่ได้ มีเพียงแค่เหตุผลเดียวเท่านั้น——นั่นคือราชสำนักจวงล่วงรู้แผนของสำนักกระดูกขาวนานแล้ว ทั้งยังวางแผนรับมือเอาไว้

หวงฝู่ตวนหมิงร่วมมือกับตู้หรูฮุ่ย โจมตีทั้งภายในและภายนอก ไม่กี่อึดใจก็ทำลายค่ายกลแปดผีผนึกมังกรได้ ภาพมายาด่านประตูผีถูกทำลาย ในช่วงปะทะสู้รบ ตู้หรูฮุ่ยยังฉวยโอกาสสังหารผู้บำเพ็ญสำนักกระดูกขาวทั้งหมดที่บุกมายอดเขาเหินทะยานอีกด้วย

ยอมทิ้งสนามรบแนวหน้า ไม่เสียดายที่จะทิ้งเมืองเสียดินแดน และไม่เสียดายที่จะสังเวยเมืองเฟิงหลินทั้งเมือง ราชสำนักจวงวางแผนอะไรไว้

โอวหยางเลี่ยไม่กล้าคิด แต่ก็ไม่ยากที่จะคิด

ชนะเป็นเจ้า แพ้เป็นโจร เรื่องพวกนั้นไม่สำคัญแล้ว

ตอนนี้เรื่องเดียวที่เขาคิดคือ จะมีชีวิตต่อไปอย่างไร!

มีชีวิตต่อไป ค่อยเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง

……

ในเมืองเฟิงหลิน

มีเสี้ยวพริบตาหนึ่งที่ลู่เหยี่ยนรู้สึกว่าดวงตายมโลกของตนสูญเสียไปแล้วอย่างนั้นหรือ

ไม่อย่างนั้นทำไมเขาถึงเห็นเทพกระดูกขาวถูกเหยียบกลับยมโลกเล่า

ไม่อย่างนั้นทำไมทั้งๆ ที่เตรียมการเอาไว้อย่างรอบคอบ สุดท้ายกลับยังคว้าน้ำเหลว

เขาลู่เหยี่ยนคนนี้วางแผนมาเนิ่นนาน ไม่เสียดายที่จะเข้าร่วมกับสำนักกระดูกขาว ไม่เสียดายที่จะทนแบกรับความทุกข์ทรมานต่างๆ นานา หรือสุดท้ายก็เพื่อความล้มเหลวเช่นนี้อย่างนั้นหรือ

มีปัญหาที่ขั้นไหนกัน

นี่จะต้องเป็นภาพลวงตาแน่ๆ นี่คือภาพลวงตาใช่ไหม

การวางแผนเนิ่นนานหลายปีราวความฝัน ความทุกข์ทรมานยากเข็ญกลายเป็นความว่างเปล่า!

เขาเกิดมามีดวงตาที่มองทะลุหยินหยางคู่หนึ่ง มองกลับไปในยมโลกและโลกมนุษย์ กลับไม่เห็นทิวทัศน์ที่เขารักอีกต่อไป

ไม่เหมือนกับลู่เหยี่ยนที่เมื่อการต่อสู้เนิ่นนานหลายปีล้มเหลว ทำให้งุนงนนไปทันที จางหลินชวนตัดสินใจออกมาอย่างเฉียบขาด

แทบจะเป็นชั่วพริบตาเดียวกับที่มือขาวซีดข้างนั้นกลับไปยังยมโลก เขาก็หมุนตัวพุ่งไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้เพียงประโยคที่เรียบเฉยชาประโยคหนึ่ง

“ผู้อาวุโสลู่ ที่นี่ฝากท่านแล้ว”

“ท่านทูต!” ลู่เหยี่ยนทั้งตกใจทั้งโมโห แต่ก็เสียดายค่ายกลที่ก่อขึ้นมาแล้ว ทั้งยังคาดหวังว่าเทพกระดูกขาวจะสามารถพลิกสถานการณ์ได้ อย่างไรก็เป็นเทพเชียวนะ

ด้วยเหตุนี้จึงลังเลไปชั่วขณะหนึ่ง

ในตอนนี้เอง สำนักเต๋าเมืองเฟิงหลิน ในห้องหลอมยาของซ่งฉีฟาง

ห้องระเบิดถล่ม ฝุ่นปลิวว่อน ร่างหนึ่งลุกยืนขึ้นมา

ต่งเออที่นั่งนิ่งในห้องมาโดยตลอด นิ่งดูดายมองลู่เหยี่ยนควบคุมค่ายกล รอยาลูกกลอนแท้กระดูกขาวหลอมสำเร็จ ส่งข่าวให้กับตู้หรูฮุ่ยได้ทันเวลา ให้ความร่วมมือกับหวงฝู่ตวนหมิงทำลายค่ายกล เปิดเส้นทางออก

ในที่สุดก็สามารถลงมือได้อย่างสุดกำลังแล้ว

ทว่า ทว่า…

ทว่าเสียงร่ำร้องครวญครางเงียบไปแล้ว วิญญาณแตกสลาย

เมืองเฟิงหลินที่เจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆ สำนักเต๋าเมืองเฟิงหลินที่กำลังจะผงาดขึ้น…

ความน่าเกรงขามของวิหารบวงสรวง ผู้คนขวักไขว่เดินไปมาที่ตำหนักแต้มเต๋า เสียงอ่านหนังสือดังก้องที่หอภาวนา แสงพร่างพรายหลากสีสันที่หอทักษะ…

ความพินาศย่อยยับทุกอย่างที่เขาได้สัมผัสล้วนแต่เป็นทุกสิ่งที่เขาเคยสร้างมา

……

หน้ายอดเขาเหินทะยาน หวงฝู่ตวนหมิงเหมือนจะแข็งแกร่งขึ้นทุกๆ ดาบ ฟันจนโอวหยางเลี่ยไม่อาจโต้ตอบได้

เป็นผู้แข็งแกร่งขอบเขตเทพจุติเหมือนกัน แต่หวงฝู่ตวนหมิงควบคุมอำนาจทหารของรัฐ กำลังอยู่ในช่วงเฟื่องฟู ส่วนโอวหยางเลี่ยหลายปีมานี้คอยหลบๆ ซ่อนๆ ใช้คำพูดของตู้หรูฮุ่ยพูดก็คือเป็นกระดูกผุๆ ในหลุมฝังศพแล้ว

ไม่ว่าอดีตจะเป็นเช่นไร อย่างน้อยๆ ตอนนี้พวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่อยู่ในระดับเดียวกันแล้ว

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าโอวหยางเลี่ยบาดเจ็บสาหัส ไพ่ตายรักษาชีวิตทั้งหมดก็ใช้จนเกลี้ยงแล้ว

ไม่เช่นนั้น เขาก็ไม่มีทางยืนหยัดผ่านการล้อมสังหารจากตู้หรูฮุ่ยและหวงฝู่ตวนหมิงในตอนแรกมาได้

เขาคิดไม่ถึงว่าสองบุคคลยิ่งใหญ่ขั้วอำนาจปกครองที่ความคิดทางการเมืองไม่ลงรอยกัน สู้กันจนตายไปข้างหนึ่งจะเข้ากันได้ดีถึงขนาดนี้

คิดไม่ถึงว่าหวงฝู่ตวนหมิงจะยอมทิ้งชัยชนะแนวหน้ามาดักซุ่มอยู่ที่นี่ เพียงเพื่อปูทางให้ตู้หรูฮุ่ยเท่านั้น

เขารู้ว่าการเมืองการปกครองที่กล่าวกันเป็นเพียงแค่หมากกระดานหนึ่งเท่านั้น เมื่ออยู่ต่อหน้า เห็นผลประโยชน์มหาศาลมากพอก็จะไม่รุกฆาต

หมากกระดานนี้อาจไม่ได้สร้างสำหรับสำนักกระดูกขาว แต่รุกฆาต ณ ที่นี่ ตอนนี้ เวลานี้ ก็เหมาะเป็นที่สุด

“จบแล้ว!”

หวงฝู่ตวนหมิงสะบัดง้าว ก็ตัดศีรษะโอวหยางเลี่ยขาดสะบั้น

ความคิดทุกอย่างในหัวสลายสิ้น ร่างและวิญญาณกลับคืนสู่ธุลี

ผู้อาวุโสใหญ่สำนักกระดูกขาว ผู้ยิ่งใหญ่มารนอกรีตที่เกรียงไกรในใต้หล้ามานานหลายปี ร่างแตกดับไปเช่นนี้

หวงฝู่ตวนหมิงยื่นมือคว้าออกไป เตรียมเก็บภาพมายาด่านประตูผีที่ไร้เจ้าของมา

แต่ซุ้มประตูหินนั่นจู่ๆ ก็ฉายแสงวาบ คนสวมหน้ากากกระดูกขาวคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นข้างๆ

“ไอ้คนชั่วเจ้ากล้ารึ!”

ทูตกระดูกขาวทำท่าผลักประตู ก็เข้าไปในภาพมายาด่านประตูผี

ง้าวฟันเฉียงออกไป หวงฝู่ตวนหมิงโมโหเดือดดาลก้าวออกไป

แต่ภาพมายาด่านประตูผีบานนั้นแค่กะพริบก็หายลับไปเช่นนั้น

………………………………………………………