บทที่ 141 ข้ากลับมาจากยมโลก

ท่องภพสยบหล้า

บทที่ 141 ข้ากลับมาจากยมโลก!
การช่วยเหลือจากกลุ่มกรมอาญาไม่สำเร็จ

เพราะไม่นาน ทั่วทั้งเมืองก็มีสมาชิกสำนักกระดูกขาวจำนวนไม่น้อยโจมตีผู้ที่มาช่วยเหลือโดยเฉพาะ

ในค่ายกลไม่เกิดไม่ดับ ผู้บำเพ็ญล้วนถูกควบคุมเอาไว้ในระดับหนึ่ง สมาชิกสำนักกระดูกขาวกลับได้รับการเพิ่มพลัง

โดยเฉพาะหลังจากเว่ยชวี่จี๋รบตาย ลู่เหยี่ยนกับจางหลินชวนยึดครองผืนฟ้าอย่างแข็งแกร่ง สยบทั้งเมือง ขอเพียงมีผู้แข็งแกร่งกล้าโผล่หน้ามา จางหลินชวนก็ลงมือสังหารในเสี้ยวพริบตา

ขวัญกำลังใจของผู้บำเพ็ญในรัฐจวงดิ่งลงเหว

เมืองทางเหนือเป็นเขตที่ประชาชนทั่วไปรวมตัวอยู่ ความสามารถในการปกป้องตัวเองของประชาชนที่นี่ย่ำแย่ที่สุด

ภายใต้การนำของซ่านฉา กรมอาญาช่วยคนไว้ได้บางส่วน

แต่ไม่นาน เมี่ยวอวี้ก็มาปรากฏกายบนถนน

“ตอนนี้พาคนของเจ้าไปสวามิภักดิ์กับสำนักกระดูกขาว ข้าจะละเว้นตายเจ้า”

เมี่ยวอวี้เอ่ยอย่างเย็นชา “วันนี้อารมณ์ข้าไม่ค่อยดีเท่าไร จะไม่ให้โอกาสเจ้าเป็นครั้งที่สอง”

ในสามบุคคลยิ่งใหญ่โดยนามของเมืองเฟิงหลิน ซ่านฉาไร้ตัวตนที่สุด

ไม่มีเหตุผลอื่น พลังไม่พอ

พลังขอบเขตมังกรทะยานขั้นสูงสุด อยู่ต่อหน้าเว่ยชวี่จี๋และต่งเออ เงยหน้าไม่ขึ้นเลย

เมี่ยวอวี้ยอมรับเขาก็เพียงเพราะชื่อของหัวหน้ากรมอาญาก็เท่านั้น

มีตำแหน่งนี้ก็จะสามารถทำลายการต้านทานสุดท้ายของเมืองเฟิงหลินได้ แน่นอน ฆ่าเขาก็ย่อมได้ เพียงแต่ผลออกมาแย่ไปสักหน่อยก็เท่านั้น

สำนักกระดูกขาววางแผนในเมืองเฟิงหลินมานานหลายปี นางรู้จักซ่านฉาเป็นอย่างดี รู้ว่าเขาไม่ใช่คนดีอะไร ใช้อำนาจเพื่อประโยชน์ส่วนตัวไม่น้อยเลย

คนแบบนี้มีความเป็นไปได้ที่จะแปรพักตร์

หากเปลี่ยนเป็นต่งเออหรือเว่ยชวี่จี๋ นางไม่มีทางคิดเรื่องหว่านล้อมเลย เพราะนั่นไม่มีทางเป็นไปได้

“แปรพักตร์ไปอยู่ฝั่งพวกเจ้ารึ” ซ่านฉาไม่ปิดบังรอยเสียดสี “เป็นหนึ่งในโครงกระดูกทั้งสิบสองที่แอบซ่อนอยู่ในท่อระบายน้ำอย่างนั้นหรือ”

เมี่ยวอวี้ไม่สนใจคำเสียดสีของเขา เพียงพูดแค่ว่า “รอเมื่อสำนักกระดูกขาวก่อตั้งรัฐ สิบสองหน้ากระดูกล้วนได้เป็นเจ้าเมือง เจ้าคิดให้ดี”

“ทำได้จนถึงระดับวันนี้ ทำลายเมืองเฟิงหลิน ข้ายอมรับว่ากรมอาญาดูถูกพวกเจ้าไป สำนักกระดูกขาวเป็นคู่มือที่น่ากลัวมาก” ซ่านฉามองสภาพน่าสังเวชรอบ สีหน้าซับซ้อน

สุดท้ายเขาก็เบนสายตามาที่เมี่ยวอวี้ “แต่เจ้าก็ดูถูกพวกเรารัฐจวงเกินไปแล้ว! พวกเจ้าคิดว่ารัฐจวงอาศัยอะไรก่อตั้งรัฐ อาศัยการให้ทานบริจาคจากเพื่อนบ้านอย่างนั้นหรือ

ไม่ คือภัยพิบัติ! คือสงคราม!

จากรัฐยงจนถึงรัฐโม่ จนมาถึงรัฐสวี่ที่ถูกทำลาย พวกเรารัฐจวงไม่เคยแพ้สงคราม!

พวกเจ้าวันนี้บดขยี้เมืองข้า รอเมื่อกองทัพของราชสำนักบุกมาถึง พวกเจ้าจะไม่เหลือแม้กระทั่งโครงกระดูก! ยังจะเพ้อฝันพูดถึงรัฐกระดูกขาวอะไรกัน!”

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ไม่มีอะไรต้องพูดแล้ว” เมี่ยวอวี้เดินขึ้นมา “ข้าอยู่ในหอสามจรุงมานานขนาดนั้น ได้ยินเรื่องของเจ้ามาไม่น้อยเช่นกัน คนอย่างเจ้า ฆ่าทิ้งร้อยรอบก็ไม่เกินไป ราชสำนักจวงให้คนแบบเจ้ามาเป็นหัวหน้ากรมอาญา เห็นได้ว่าเน่าเฟะโสมมเพียงใด ล่มชาติก็สมควรแล้ว”

เผชิญหน้ากับผู้หญิงคนนี้ ซ่านฉารู้ตัวว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ แต่เขาจู่ๆ กลับหัวเราะขึ้นมา “ฮ่าๆๆๆ…”

เมี่ยวอวี้ขมวดคิ้ว “เจ้าหัวเราะอะไร”

“ข้านึกว่าจะมีแต่ขุนนางจอมปลอมอย่างข้าถึงจะหาข้ออ้างเพื่อฆ่าเสียอีก คิดไม่ถึงว่ามารร้ายนอกรีตอย่างพวกเจ้าก็มีชีวิตเหนื่อยขนาดนี้!”

เมี่ยวอวี้เงียบงัน

จนเมื่อซ่านฉาพูดจบ นางถึงได้ตระหนักว่าตัวเองเหมือนมีอะไรบางอย่างเปลี่ยนไป

สิ่งที่นางวางแผนสามเรื่องเปลี่ยนมุมมองต่อโลก มุมมองต่อชีวิตมนุษย์ มุมมองต่อคุณค่าของเจียงวั่ง ในขณะเดียวกันที่ส่งผลกระทบต่อเจียงวั่ง ก็เหมือนว่าจะส่งผลกระทบต่อนางเช่นกัน

นี่ทำให้นางรู้สึกหวาดกลัว

จวบจนเด็ดหัวของซ่านฉามาได้ ความหวาดกลัวนี้ก็ยังไม่จางหายไป

……

ในขณะเดียวกับที่หวางฉางจี๋จุดเตาหลอมกระดูกขาวขึ้น การเข่นฆ่าสังหารของสำนักกระดูกขาวในเมืองเฟิงหลินก็มาถึงจุดเดือด

เจอกับธรณีพิบัติน่าหวาดกลัวเช่นนี้ อีกทั้งยังไม่สามารถจัดกลลุ่มการช่วยเหลือที่เป็นระบบได้ กลับมีเพียงการสังหารของสำนักกระดูกขาวที่บ้าคลั่งยิ่งขึ้น

ดินแดนผืนนี้ เมืองใหญ่อย่างเมืองเฟิงหลิน ไปจนถึงสถานที่เล็กๆ อย่างตำบลหรือหมู่บ้านต่างๆ ไม่มีผู้รอดชีวิต

นี่คือภัยพิบัติหายนะทำลายล้าง

ศพนอนระเกะระกะไปทั่วก็เป็นเพียงแค่การบรรยายไปตามสภาพตามจริงเท่านั้น

เหล่าสาวกสำนักกระดูกขาวสามารถสัมผัสได้ถึงเทพที่พวกเขาเชื่อบูชาองค์นั้นถ่ายทอดพลังลงมาจากตำแหน่งที่ทำเครื่องหมายไว้

นี่คือชัยชนะของสำนักกระดูกขาว

เป็นชัยชนะของสาวกสำนักกระดูกขาวทั้งหมด

พวกเขาดีใจ บ้าคลั่งแล้ว!

โลกใบใหม่อันงดงามที่เป็นของสำนักกระดูกขาว พวกเขาเป็นคนบุกเบิกมันออกมาเอง

ความยุติธรรมที่พวกเขาต้องการ ความปรารถนาทุกอย่างที่ฝากเอาไว้จะเป็นจริงแล้ว

บนพื้นที่ตำบลเสี่ยวหลิน อารมณ์ด้านลบเดือดพล่านลุกไหม้ เตาหลอมสั่นไม่หยุด เหมือนกำลังก่ออะไรขึ้นมา หล่อหลอมอะไรอยู่

ตุบ! ตุบ! ตุบ!

เหมือนหัวใจเต้น เหมือนตีกลอง

ช่วงเวลานี้ดำเนินไปไม่นาน แม้ว่าในตาของบางคนเหมือนรอมาพันปี ร้อยปี

ณ เสี้ยวขณะหนึ่ง เมืองเฟิงหลินทั้งเมืองก็เหมือนว่าจะเงียบสงบลงไป

เสียงร้องโหยหวน เสียงร้องคร่ำครวญเจ็บปวด เสียงสะเทือนเลื่อนลั่นเหล่านั้น…หายไปในพริบตา

เตาหลอมยักษ์กระดูกขาวนิ่งเงียบไป ณ ตอนนี้

จากนั้นฝาเตาหลอมก็เปิดออก ยาลูกกลอนขาวสะอาดดุจหิมะขนาดเท่าตามังกรกลมเกลี้ยงเม็ดหนึ่ง ลอยขึ้นสูงหยุดนิ่งกลางอากาศ

ทันใดนั้นเส้นแสงเจิดจ้าสาดแสง กลิ่นหอมประหลาดตลบอวล

นี่เป็นของล้ำค่าเลิศล้ำปานใด!

สำนักกระดูกขาววางแผนมาหลายสิบปี เทพกระดูกขาวประกาศโองการเทวะลงมาด้วยตัวเอง ผู้สืบทอดมรรคากระดูกขาวรับของวิเศษแห่งยมโลก เตาหลอมกระดูกขาว ใช้ดวงวิญญาณมหาศาลของทั้งเมืองเฟิงหลินเป็นเครื่องสังเวย ใช้อารมณ์ด้านลบมากมายมหาศาลเป็นฟืน รวมกับการสะสมมานานหลายร้อยปีของสำนักกระดูกขาว จึงก่อเป็นลูกกลอนแท้กระดูกขาวเม็ดนี้!

ขอแค่ผู้สืบทอดมรรคากระดูกขาวกินลูกกลอนแท้กระดูกขาวเม็ดนี้ ก็จะก้าวสู่ขั้นสูงสุดได้ทันที ฉีกเส้นแบ่งเขตโลกหยินหยาง ทำเส้นทางของทั้งสองโลกให้มั่นคง รับการจุติลงมาของเทพกระดูกขาว เพื่อเป็นองค์เทพแห่งโลกมนุษย์!

ถึงตอนนั้นเทพอยู่บนโลก องค์เทวะคือเจ้าแห่งรัฐ

บรรดาสมาชิกสำนักกระดูกขาวจะอาศัยโอกาสนี้ก้าวเดียวสู่สวรรค์

แต่ผู้สืบทอดมรรคากระดูกขาวกลับไม่ขยับ

เขาอยู่หน้าเตายักษ์กระดูกขาว เผชิญหน้ากับลูกกลอนแท้กระดูกขาวอยู่แบบนั้น

แค่ก้าวไปข้างหน้าก้าวเดียว ยื่นมือออกไปก็คว้ามันได้แล้ว

ทว่าเขากลับไม่ก้าวขึ้นไปแม้แต่ก้าวเดียว

เท้าขวาของเขาก้าวออกไปอย่างช้าเนิบ แต่ก็ถอยกลับลงมาอย่างช้าเนิบอีกครั้ง

เขาเหมือนให้ความสำคัญกับการเคลื่อนไหวง่ายๆ นี่มาก ย้ำฝีเท้าอยู่กับที่

ลู่เหยี่ยนมองภาพฉากนี้จากจากกระจกกระดูกมาจากที่ไกลๆ ใจร้อนรนดุจไฟเผา อยากจะพุ่งไปด้วยตัวเอง เอายาลูกกลอนแท้กระดูกขาวยัดเข้าไปในปากเขาเสียให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็ไม่กล้าล่วงเกิน

องค์เทพมีโองการลงมาตั้งนานแล้วว่าตำบลเสี่ยวหลินในตอนนี้ ใครก็เข้าไปไม่ได้ทั้งนั้น

จางหลินชวนประสานปางมือกลางอากาศ กระจกกระดูกค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นอีกมุมหนึ่ง สะท้อนใบหน้าของหวางฉางจี๋

ใบหน้าของเขายังคงนิ่งสงบ ไม่มีอารมณ์ใดๆ

ทว่าดวงตาทั้งสองของเขา…

ตาข้างหนึ่งเรียบนิ่งเย็นชา อีกข้างหนึ่งน้ำตากลับราวน้ำพุทะลัก!

“นี่…”

ลู่เหยี่ยนหันไป ประสานสายตากับจางหลินชวนอย่างตื่นตะลึง

……

นี่คือสถานการณ์ตึงเครียดที่ยาวนานและยากจะทนรับไหว

แม้เวลาจะผ่านไปไม่นานเท่าไร แต่สำหรับเหล่าสำนักกระดูกขาวที่เห็นชัยชนะอยู่แค่เอื้อม การรอคอยทุกชั่วอึดใจล้วนเป็นการรอคอยอันยาวนาน

พวกเขารอมาหลายสิบปี หลายร้อยปี กระทั่งหลายพันปี!

บางที สำหรับเทพองค์นั้นที่อยู่ในส่วนลึกของยมโลก การรอคอยก็เป็นเรื่องที่ทุกข์ทนทรมานเช่นกัน

ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงจึงเกิดขึ้น

ตำบลเสี่ยวหลินที่ตกเข้าสู่ความมืดมิดโดยสมบูรณ์ เหมือนมีมือขาวซีดข้างหนึ่งยื่นมาจากในส่วนลึกของความมืดเย็นยะเยือกไร้จุดสิ้นสุด

มือข้างนั้นขาวไร้สีเลือด แต่กลับแฝงด้วยอักขระเต๋าตามธรรมชาติ

มือข้างนั้นเพียงแค่ยื่นออกมา มิติทั้งใบก็เหมือนสั่นคลอน เหมือนรับพลังเช่นนี้ไม่ไหว

ลูกกลอนแท้กระดูกขาวเม็ดนั้นยิ่งเคลื่อนไหวเอง แปลงเป็นลำแสงพุ่งไปอย่างรวดเร็ว!

กลับเป็นเทพกระดูกขาวในที่สุดก็อดทนไม่ไหว ใช้ค่าตอบแทนมหาศาล ลงมือข้ามโลก!

มีเสียงหนึ่งรางๆ เหมือนดังมาจากอีกฟากฟ้าหนึ่ง——

“ข้า…กลับมาจากยมโลก!”

………………………………………………………