มู่เฉียนซีกล่าวถามขึ้นว่า “รางวัลสำหรับการเปิดผนึกขั้นที่สองได้คือสิ่งใดรึ ?”
“เป็นสิ่งที่นายท่านปรารถนา ที่อยู่ของหม้อเทพนิรันดร์”
— ตูม! —
แผนที่อันซับซ้อนปรากฏขึ้นในหัวของมู่เฉียนซี ถึงแม้ว่าในเวลานั้นนางจะไม่เข้าใจ ทว่านางก็จำเนื้อหาทั้งหมดได้ขึ้นใจ
หม้อเทพปาฮวางชิงมู่กล่าวขึ้น “นอกจากที่อยู่ของหม้อเทพนิรันดร์แล้ว ยังมียาวิเศษสามเม็ดเป็นรางวัลให้กับนายท่านอีกด้วย ยาวิเศษตั๋วเทียน สามารถเพิ่มพลังวิญญาณความแข็งแกร่งให้นายท่านเป็นจักรพรรดิแห่งภูตระดับสูงสุดโดยไร้ผลข้างเคียงใด ๆ”
เพิ่มพลังวิญญาณเป็นจักรพรรดิแห่งภูตระดับสูงสุดโดยไร้ผลข้างเคียงใด ๆ วิเศษเกินไปแล้ว!
ยาฟ้าดินซวนหวงที่นางได้ปรับใหม่นั้น สามารถเพิ่มพลังวิญาณได้เพียงแค่จักรพรรดิแห่งภูตระดับต่ำเท่านั้น อีกทั้งยังมีผลข้างเคียงทำให้ความแข็งแกร่งลดลงไปหนึ่งระดับ และทุกครั้งที่ฝึกฝนให้พลังวิญญาณกลับมานั้นก็ไม่ง่ายเลย
ถึงอย่างไร ยานี้มีเพียงแค่สามเม็ดเท่านั้น มันน้อยเกินไป ไม่ทราบเช่นกันว่า…
หม้อเทพปาฮวางชิงมู่กล่าวขึ้น “นายท่านล้มเลิกความคิดนั้นเสียเถอะ ถึงแม้ว่านายท่านจะมีพรสวรรค์ในการปรุงยา แต่การหลอมยาวิเศษตั๋วเทียนชนิดนี้ก็ต้องใช้สมุนไพรวิญญาณ ซึ่งสมุนไพรวิญญาณที่ต้องใช้นั้นไม่มีในเซี่ยโจว”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างจนปัญญา “ข้าเข้าใจแล้ว เจ้ามีสิ่งใดอยากจะบอกข้าอีกหรือไม่ ?”
“มีขอรับ”
“กล่าวมาได้เลย”
“ข้าหวังว่านายท่านจะหานายท่านของหม้อเทพนิรันดร์เจอโดยเร็ว ข้าอยากจะเจอเขาอีกครั้ง” หม้อเทพปาฮวางชิงมู่กล่าว
“ข้าต้องการเจอมันเร็ว ๆ เสียยิ่งกว่าเจ้าอีก เจ้าเพียงแค่อยากจะเจอนายท่านของหม้อเทพนิรันดร์ แต่ข้าอยากรีบแก้พิษให้ท่านอาเล็กหายโดยเร็ว” มู่เฉียนซีกล่าว
“ข้าเชื่อว่านายท่านต้องทำได้อย่างแน่นอน” หม้อเทพปาฮวางชิงมู่กล่าวอย่างมั่นใจ
“แม้แต่เจ้าก็ยังเชื่อใจข้าเช่นนี้ วางใจเถอะ ข้าต้องหามันเจอแน่” มู่เฉียนซีเองก็กล่าวอย่างแน่วแน่ นางรู้สึกมั่นใจมากขึ้น
หลังจากที่หม้อเทพปาฮวางชิงมู่สนทนากับมู่เฉียนซีจบ ก็ได้เข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง ส่วนมู่เฉียนซี นางรีบพรวดไปที่ห้องตำรา จากนั้นวาดแผนที่ที่หม้อเทพปาฮวางชิงมู่ได้บอกนาง ทว่าหลังจากที่นางวาดแผนที่ออกมาแล้วก็ยังคงไม่เข้าใจ
มู่เฉียนซีนำตำราที่มีของตระกูลมู่ออกมาจำนวนนับไม่ถ้วน อีกทั้งตำราที่ซวนหยวนชิงอวิ๋นส่งมาให้จากในวังอีกมากมาย ทว่านางก็ยังคงขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจหลายครั้งหลายครา
มู่เฉียนซีนั่งครุ่นคิดอย่างหนักที่โต๊ะอ่านตำรา และในขณะเดียวกันนั้น ลมหายใจที่เย็นยะเยือกก็เข้ามาใกล้นาง นิ้วเรียวยาวสมบูรณ์แบบคู่หนึ่งชี้ลงบนแผนที่ที่มู่เฉียนซีวาดเอาไว้
“แผนที่นี้เป็นแผนที่ของซีโจวหนานจิ้ง นี่คือเซี่ยโจว”
มู่เฉียนซีสีหน้าเคร่งขรึม นางมองไปที่จุดตำแหน่งสีแดง “บอกว่าข้าอยู่ที่เซี่ยโจว มันก็ไม่ได้ต่างอะไรกับไม่บอก น่าเบื่อนัก”
จิ่วเยี่ย “ตามตำแหน่ง จุดนั้นไม่น่าจะอยู่ทางตะวันตกของเซี่ยโจว แต่เป็นตอนกลางหรือไม่ก็ทางตะวันออก”
มู่เฉียนซี “ดูเหมือนว่าข้าต้องเตรียมตัวออกจากทางตะวันตกของเซี่ยโจวแล้ว”
แท้ที่จริงแล้วในสายตาของผู้อื่นนั้น การที่ได้รู้ตำแหน่งของมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ว่าอยู่ที่ใด นั่นนับว่าเป็นเรื่องที่น่าทึ่งอย่างมากแล้ว แต่หากรู้ว่าสถานที่เล็ก ๆ นั้นอยู่ที่ใด ก็ยิ่งน่าทึ่งเข้าไปใหญ่
ทว่าสำหรับมู่เฉียนซี เซี่ยโจวเป็นพื้นที่อันกว้างใหญ่มากกว่าที่จะหาอะไร ๆ เจอได้โดยง่าย
“หม้อเทพปาฮวางชิงมู่มีแผนที่ขนาดใหญ่ แต่ม้วนไม้ไผ่โบราณของสามตระกูลมีแผนที่ขนาดเล็ก” จิ่วเยี่ยวกล่าวเตือนนาง
มู่เฉียนซีหันมองจิ่วเยี่ย นางเลิกคิ้วงาม ๆ ของนางด้วยความประหลาดใจ “จิ่วเยี่ย เจ้าก็รู้มากเหมือนกันนี่”
“อืม”
เวลานี้มู่เฉียนซีมีม้วนไม้ไผ่โบราณอยู่สองม้วน นางพยายามเอามาปะติดปะต่อกันอยู่หลายครั้งทว่าก็มองไม่ออกว่าอยู่บริเวณใดในทางตอนกลางและตะวันออกของเซี่ยโจว
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างจนปัญญา “ดูเหมือนว่าต้องนำเอาม้วนไม้ไผ่ม้วนสุดท้ายมาให้ได้ เพียงแต่ตอนนี้ข้าไม่อาจบุ่มบ่ามเข้าไปในหุบเขาหมอเทวดาเพื่อแย่งมันมาได้”
ขณะที่มู่เฉียนซีบ่นพึมพำอยู่นั้น พลันรู้สึกได้ว่าบุรุษตรงหน้ากำลังจะจากไปโดยไม่กล่าวคำใดสักคำ
มู่เฉียนซีรีบคว้าแขนห้ามเขาไว้ “หุบเขาหมอเทวดาไม่ได้อยู่ในเซี่ยโจว เจ้าต้องการหาใครบางคนที่เซี่ยโจวมิใช่รึ ? เหตุใดตอนนี้ยังไม่ไปอีก ? หุบเขาหมอเทวดาเป็นสำนักนิกายระดับสอง มีจักรพรรดิวิญญาณอยู่ หากเจ้ามั่นใจว่าพลังของเจ้าในตอนนี้ไม่สามารถระงับคำสาปเอาไว้ได้ก็จงอย่าเพิ่งบุ่มบ่ามไปก่อนเลย”
จิ่วเยี่ย “เจ้ามีศาลาเลือนรางเก้าชั้น เจ้าต้องหาเจอแน่ …สำนักนิกายระดับสองไม่ได้อยู่ในสายตาข้า”
มู่เฉียนซี “มันจะเกิดอะไรขึ้น ? เจ้าบอกข้าได้หรือไม่ ? ข้าเป็นหมอของเจ้า หากคำสาปของเจ้ากำเริบขึ้นอีกครั้ง ระวังข้าจะเอาเข็มยาแทงเจ้าตาย”
“เรื่องเล็ก”
“เรื่องเล็กเช่นนั้นรึ ? นั่นมันเรื่องใหญ่แล้ว ถึงอย่างไรก็ไปไม่ได้!”
ดวงตาสีฟ้าเย็นยะเยือกนั้นส่องประกายอันตรายมองไปที่มู่เฉียนซี เขากล่าวด้วยเสียงเคร่งขรึมเสียเต็มประดา “ซี… เจ้ากำลังสั่งข้า”
มู่เฉียนซี “อันที่จริงแล้วพวกมันรู้ว่าหม้อเทพนิรันดร์อยู่ที่เซี่ยโจว เราไม่ต้องไปแย่งมันถึงที่ประเดี๋ยวมันก็มาเอง ดังนั้น…”
“ซี… เพียงเจ้าขอให้ข้าทำเรื่องบางอย่างข้าจะทำอย่างสุดกำลัง ข้าไม่รังเกียจที่จะทำ”
ถึงแม้ว่าน้ำเสียงของจิ่วเยี่ยจะเย็นชา ทว่าภายในดวงตาสีฟ้านั้นแฝงไปด้วยความเอาอกเอาใจ
“หืม ?” มู่เฉียนซีผงะไปครู่หนึ่ง
บุรุษแข็งแกร่งและโหดเหี้ยมอย่างเขาที่สามารถทำให้ผู้คนยอมจำนนต่อเขาได้โดยง่าย อีกทั้งเขายังเป็นคนที่เกลียดการยุ่งเรื่องของผู้อื่นมากเช่นนี้ จะยอมช่วยคนอื่นหรือยอมทำตามคำสั่งคนอื่นอย่างนั้นหรือ ?
นิ้วอันเรียวยาวของจิ่วเยี่ยลูบบนใบหน้าอันบอบบางนั้นของนาง พลางกล่าวด้วยเสียงต่ำว่า “ซีไม่เหมือนสตรีอื่น”
เขาทิ้งคำกล่าวปริศนาเอาไว้และหายไปจากห้องของมู่เฉียนซีอย่างรวดเร็วราวกับภูตผีก็มิปาน
ในเมื่อรู้สถานที่โดยคร่าว ๆ แล้ว มู่เฉียนซีก็เตรียมพร้อมที่จะเดินทางไปในตอนกลางและทางตะวันออกของเซี่ยโจว แต่ก่อนไปนั้น นางต้องจัดการเรื่องในจวนให้เรียบร้อยเสียก่อน
…
หลังจากที่มู่เฉียนซีจัดการเรื่องในจวนที่ควรจัดการเรียบร้อยแล้ว นางก็ไปหามู่อวู่ซวงที่เรือนอวู่โยว
“ท่านอาเล็ก ข้าได้เบาะแสมาว่าหม้อเทพนิรันดร์อยู่ทางตอนกลางหรือไม่ก็ทางตะวันออกของเซี่ยโจว ข้าตั้งใจจะไปฝึกประสบการณ์ที่นั่น”
“ไกลเช่นนั้นเลยรึ ?” มู่อวู่ซวงขมวดคิ้ว
เป็นเพราะก่อนหน้านี้ไม่ว่ามู่เฉียนซีจะไปแคว้นชิง แคว้นชวน หรือจะเป็นทะเลทรายเมฆามืด ทุก ๆ สถานที่นี้ก็อยู่ทางตะวันตกของเซี่ยโจว แต่เส้นทางทางตอนกลางและทางตะวันออกนั้นอยู่ห่างไกลนัก หลานสาวที่เขาปกป้องอยู่ต้องเดินทางไปไกลถึงเพียงนั้น มู่อวู่ซวงเป็นกังวลเล็กน้อย
มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าว “ใช่แล้วเจ้าค่ะ”
“ระวังตัวด้วย” ในใจมีคำพูดร้อยพันที่อยากกล่าวอยากเตือนสติหลานรัก ทว่าสุดท้ายแล้วกลับกล่าวได้เพียงเท่านี้
“ท่านอาไม่ต้องเป็นห่วงนะเจ้าคะ ข้ามู่เฉียนซีจะระวังตัวให้มาก และจะต้องหาหม้อเทพนิรันดร์มาแก้พิษของท่านอาให้ได้ เพื่อให้ท่านอากลับมายืนได้อีกครั้ง”
มู่อวู่ซวงยิ้ม “อืม ข้าจะรอ ขอบใจซีเอ๋อร์มาก”
หลังจากที่จัดการกับทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว มู่เฉียนซีแต่งตัวเป็นชายหนุ่ม นางเดินทางโดยการนั่งสัตว์วิญญาณบินได้จากแคว้นชิงไปยังเมืองฉู่ของแคว้นชวน
ถึงแม้ว่าแคว้นจื่อเยี่ยจะอยู่ใกล้กับเทือกเขาชีชงที่เป็นเขตแดนของตะวันออกกลาง แต่ก็ไม่สามารถเดินทางในเส้นทางนี้ได้ เทือกเขาแห่งนี้มีสัตว์วิญญาณและสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ดุร้ายอยู่เป็นจำนวนมาก แม้แต่ผู้ที่เป็นถึงจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าก็ยังไม่กล้าใช้เส้นทางนี้
แต่เทือกเขาชีชงที่เขตแดนติดกับเมืองฉู่นั้นเป็นเส้นทางที่ปลอดภัยที่สุด ผู้คนส่วนมากที่ต้องการเดินทางไปยังทางตอนกลางหรือทางตะวันออกมักจะใช้เส้นทางนี้
แต่มู่เฉียนซี นางคิดไม่ถึงเลยว่าทันทีที่ออกมาจากเมือง นางจะต้องมาตกอยู่ในอ้อมแขนที่คุ้นเคย
.