ตอนที่ 883 ถ้าเทียบเรื่องระดับความหน้าหนาพวกเราชนะเลิศ

แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย

ต่อไปเป็นขั้นตอนการรักษาที่ทดสอบความรู้ความสามารถ เสี่ยวเชี่ยนทำได้ดีตั้งแต่ต้นจนจบ ใช้ความเป็นธรรมชาติที่สุดทำให้คนไข้สมมติให้ความร่วมมือกับตัวเองได้

 

 

เหล่าคณะกรรมการพากันชมเสี่ยวเชี่ยนไม่ขาดปากขณะที่เสี่ยวเชี่ยนกำลังรักษา ถึงทุกคนต่างเป็นคนที่เก่งมากในวงการ เป็นอาจารย์เคยรักษาคนไข้มามากแล้วก็ตาม

 

 

แต่ก็น้อยครั้งที่จะได้เห็นการรักษาคนไข้ที่มีความกระชับและคล่องตัวแบบนี้ ถือเป็นความแปลกใหม่ของวงการ

 

 

เห็นเสี่ยวเชี่ยนรักษาแล้วเหมือนเป็นการดื่มด่ำผลงานชิ้นเอก สะอาดสะอ้าน คล่องตัว แต่ละคำพูดล้วนใช้ได้กำลังดี ถือเป็นตัวอย่างการสอนที่แสนเพอร์เฟคเลยก็ว่าได้

 

 

เสี่ยวเชี่ยนทำการรักษาหนึ่งชั่วโมงอย่างสบายๆ ผู้ชายคนนั้นค่อยๆควบคุมอารมณ์ได้มากขึ้น

 

 

หลังจากที่เสี่ยวเชี่ยนเสร็จการรักษาแล้ว ผู้ชายคนนั้นก็อารมณ์กลับมาเป็นปกติ พูดขอบคุณเสี่ยวเชี่ยนไม่หยุด

 

 

“หมอเฉิน ผมไม่รู้จะพูดยังไงเลยจริงๆ…” ตอนที่เขาเข้ามา จิตใจของเขาเหมือนหญ้าที่ไร้ราก ล่องลอยไปอย่างไร้ทิศทาง

 

 

แต่หลังจากที่เสี่ยวเชี่ยนรักษาเขาแล้ว เขาก็เริ่มมีความหวังขึ้นมา เขาต้องทำใจให้เข้มแข็งเพื่อลูกสาว

 

 

“ไม่ต้องพูดอะไรหรอกค่ะ ยังมีโอกาสได้เจอกันอีก”

 

 

ยังมีโอกาสได้เจอกันอีก ประโยคนี้ทำให้ผู้ชายคนนั้นซึ้งใจมาก

 

 

เขารู้ว่านี่ถือเป็นการรับปากว่าจะช่วยรักษาลูกสาวของเขา

 

 

“เรื่องค่ารักษา…”

 

 

หลังจากที่ได้รักษากับเสี่ยวเชี่ยนเขาก็รู้ได้เลยว่าเสี่ยวเชี่ยนไม่ใช่หมอทั่วไปแน่ อีกทั้งยังได้เข้ามาแข่งขันอีก มากน้อยก็คงพอมีชื่อเสียงอยู่บ้าง ตอนนี้ฐานะการเงินของเขาใช่ว่าจะแบกรับค่าใช้จ่ายจำนวนมากได้

 

 

เหล่าคณะกรรมการกำลังเปิดบทดู เหมือนไม่เห็นมีว่าต้องคุยเรื่องเงินนะ ทำไมนักแสดงคนนี้ชอบเพิ่มบทเอง?

 

 

เสี่ยวเชี่ยนตอบได้สวยมาก

 

 

“คิดตามค่าลงทะเบียนของโรงพยาบาลรัฐก็พอค่ะ”

 

 

ชั่วโมงละไม่ถึงยี่สิบหยวน ซึ่งย่อมแบกรับภาระตรงนี้ได้อยู่แล้ว

 

 

ผู้ชายคนนั้นขอบคุณเสี่ยวเชี่ยนไม่หยุด

 

 

เหล่าคณะกรรมการเข้าใจแล้ว

 

 

อ้อ เพิ่มบทได้ไม่เลว หรือจะเป็นการชดเชยคำถามเมื่อวานเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างหมอกับคนไข้ที่เสี่ยวเชี่ยนไม่ได้เข้าตอบคำถาม? อืมๆ ใช้ได้ๆ ต้องเพิ่มคะแนนให้เสี่ยวเชี่ยนอีก

 

 

ตอนที่เสี่ยวเชี่ยนทำคะแนนได้เกือบเต็ม นำมาเป็นที่หนึ่งแบบไม่ต้องสงสัย ยืนให้สัมภาษณ์อยู่บนเวที ผู้ชมพากันปรบมือให้อย่างเกรียวกราว แต่มีอยู่เพียงคนเดียวที่ยิ้มไม่ออก ถึงกับงงไปหมด

 

 

จ่ายเงินไปตั้งหลายพันเพื่อให้นักเลงมาก่อกวนการแข่ง แต่ทำไมกลับให้เสี่ยวเชี่ยนคะแนนเต็ม?

 

 

ถูกต้อง ผู้ชายคนนั้นให้คะแนนเต็มเสี่ยวเชี่ยน แถมยังเขียนข้อความเพิ่มลงไปด้วย

 

 

เขาเขียนลงไปว่า ‘ถ้าให้มากกว่านี้ได้ ผมอยากจะมอบคำชมที่มีค่าทั้งหมดของผมให้หมอเฉินที่ทำหน้าที่หมอได้อย่างยอดเยี่ยมมากคนนี้ครับ’

 

 

คำชมนี้สุดมาก

 

 

เสี่ยวเชี่ยนได้รับความชื่นชมจากทุกสายตาอีกครั้ง เธอผ่านรอบสุดท้ายด้วยคะแนนที่สูงมาก เป็นแชมป์ได้อย่างไม่มีข้อกังขา

 

 

ผลการแข่งแบบนี้มีทั้งคนยินดีและคนกลุ้ม คนที่ยินดีที่สุดคงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากแก๊งค์ครอบครัวและเพื่อนๆของเสี่ยวเชี่ยน

 

 

ส่วนคนที่กลุ้มที่สุดแน่นอนว่าต้องเป็นจ้าวต้าเผ้าที่เตรียมมาลงมือเต็มที่แต่กลับล้มเหลวไม่เป็นท่ากับคนลึกลับที่อยู่เบื้องหลังเขา

 

 

ใช้เวลาตั้งนานในการหาคน วางแผน เข้าเป็นสปอนเซอร์ เห็นๆอยู่ว่าทั้งหมดอยู่ในกำมือแท้ๆ ถือไพ่ดีขนาดนี้แต่ทำไมถึงได้แพ้หมดรูป?

 

 

จนกระทั่งเสี่ยวเชี่ยนขึ้นไปรับมอบถ้วยรางวัลอันทรงเกียรติบนเวที พวกของจ้าวต้าเผ้าก็ยังคงไม่ได้คำตอบอยู่ดีว่ามันเกิดข้อผิดพลาดในขั้นตอนไหน?

 

 

เสี่ยวเชี่ยนเริ่มมีชื่อเสียงในประเทศขึ้นมาทันทีจากการแข่งขันครั้งนี้

 

 

คล้ายกับว่าเป็นการแข่งเพื่อปูทางให้เสี่ยวเชี่ยนโดยเฉพาะ เสี่ยวเชี่ยนโด่งดัง จ้าวต้าเผ้าโมโหหนัก

 

 

หมาจนตรอกกระโดดข้ามกำแพงได้ฉันใด คนที่เข้าตาจนก็สามารถแว้งกัดใครก็ได้เหมือนหมาบ้าฉันนั้น  ตอนนี้จ้าวต้าเผ้าไม่ต่างจากคนบ้า เดิมคุยกันไว้ว่าถ้าจัดการเสี่ยวเชี่ยนได้ก็จะได้ผลประโยชน์ แต่ตอนนี้ไม่เหลืออะไรแล้ว

 

 

เสี่ยวเชี่ยนรับรางวัลอย่างไม่ตื่นเต้นอะไร เธอตอบคำถามของพิธีกรอย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้คนนอกวงการได้รู้จักอาชีพที่ดูลึกลับและแปลกใหม่นี้มากขึ้น

 

 

สิ่งที่ทำให้คนดูจดจำได้มากที่สุดในเวลานี้คงหนีไม่พ้นความใจเย็นของเสี่ยวเชี่ยนตั้งแต่ต้นจนจบ ด้วยบุคลิกที่ดูเกินอายุของเธอทำให้ผู้คนสัมผัสได้ถึงความสุขุมอย่างคนเป็นหมอจากตัวผู้หญิงอายุน้อยคนนี้ ไม่ว่าการแข่งจะเคร่งเครียดเพียงใด แต่เธอก็ยังวางตัวนิ่งหนักแน่นดุจเขาไท่ซาน และหลังได้รับรางวัลที่ควรแสดงความตื่นเต้นดีใจ เธอกลับนิ่งมาก

 

 

ความสุขุมแบบนี้อย่าว่าแต่เป็นนักศึกษาที่กำลังเรียนอยู่เลย ต่อให้เป็นหมอที่มีประสบการณ์หลายปีก็ใช่ว่าจะนิ่งได้ขนาดนี้

 

 

สำหรับเสี่ยวเชี่ยนแล้ว เธอผ่านอะไรมาเยอะมาก เมื่อชาติก่อนเธอเคยเข้าร่วมการแข่งที่ใหญ่กว่านี้มาแล้ว เรื่องแค่นี้ถ้ายังเอาไม่อยู่ก็คงเสียทีที่อยู่มาจนป่านนี้

 

 

สิ่งเดียวที่ทำให้เสี่ยวเชี่ยนหลุดอาการกลับเป็นการปรากฏตัวของผู้ชายคนหนึ่งหลังจากที่เธอได้รับรางวัล

 

 

เห็นๆอยู่ว่างานนี้ใหญ่มาก แต่เธอกลับมองเห็นเขาทันทีตั้งแต่เขาเดินเข้ามา

 

 

อวี๋หมิงหลางเจียดเวลามายากมาก ตอนที่เขามาถึงเสี่ยวเชี่ยนก็ขึ้นไปรับรางวัลบนเวทีแล้ว

 

 

เขาเสียดายนิดหน่อยที่ไม่ได้เห็นตอนที่ลูกเชี่ยนของเขาแสดงฝีมือ แต่ก็ยังดีที่มาทันเห็นเธอรับรางวัล

 

 

เสี่ยวเชี่ยนเห็นเขายิ้มตาหยีทำท่าดูเวลา

 

 

ความหมายคือ ฮี่ๆลูกเชี่ยน ยังไม่สิบสองนาฬิกานะ~

 

 

เสี่ยวเชี่ยนนึกถึงมุกหน้าไม่อายเมื่อเช้า ดีใจได้ไม่ถึงสามวินาทีเธอก็เบือนหน้าหนีแสร้งทำเป็นไม่เห็นตาบ๊องคนนี้

 

 

พอลงมาจากเวทีอวี๋หมิงหลางจะเข้าไปกอดแต่เสี่ยวเชี่ยนกลับดันเขาออก

 

 

“ที่สาธารณะ สำรวมหน่อย”

 

 

เอ๋ มีขึ้นเสียงด้วย?

 

 

อวี๋หมิงหลางก้มมองตัวเองที่ใส่ชุดลำลอง เขาไม่ได้ใส่เครื่องแบบเสียหน่อย

 

 

“ไปหาที่เลี้ยงฉลองกัน พี่ใหญ่บอกว่าเขางานยุ่งมาไม่ได้ งานเลี้ยงเสี่ยวเชี่ยนเขาออกตังค์ให้เอง” แม่อวี๋พูดด้วยความดีใจ

 

 

คนค่อนข้างเยอะจึงแบ่งนั่งกันไปสองคัน เสี่ยวเฉียงหนึ่งคัน รถพี่รองหนึ่งคัน แม่อวี๋นั่งไปกับพวกต้าอี

 

 

“ลูกเชี่ยน คุณโกรธผมเหรอ?” อวี๋หมิงหลางถามขณะขับรถ

 

 

“คิดว่าไงล่ะ?”

 

 

“ผมงานยุ่งจริงๆ กว่าจะเจียดเวลามาได้…”

 

 

“ไม่ต้องมาพูดนอกเรื่อง แม่มานอนที่บ้านนายกล้าล้อเล่นเรื่องหน้าไม่อายแบบนั้นได้ไง?” พอนึกถึงไข่ทอดเมื่อเช้าเสี่ยวเชี่ยนก็โมโห

 

 

มุกเวลาแบบนั้นถ้ามองไม่ออกก็เป็นความบริสุทธิ์ใจ แต่ถ้ามองออก…รถไฟแล่นทันที ปู๊นๆๆ

 

 

“เรื่องที่แฝงไปด้วยเทคนิคลึกซึ้งแบบนี้แม่เราไม่เข้าใจหรอก คุณวางใจเถอะ” เสี่ยวเฉียงมั่นใจ

 

 

“แล้วถ้าเข้าใจล่ะ? นายกล้าแน่ใจได้ไงว่าเมื่อก่อนพ่อไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน?”

 

 

“อุ๊บ” อวี๋หมิงหลางถึงกับสะดุด

 

 

“ล้อเล่นอะไรน่ะ พ่อเราออกจะเย็นชาเป็นน้ำแข็งแบบนั้น คุณดูออกตรงไหนว่าเขามีมุมแบบนี้ด้วย?”

 

 

มีแค่คนหน้าหนาแบบเขาเท่านั้นแหละที่กล้าเล่นอะไรแบบนี้ เสี่ยวเชี่ยนหมดแรงจะเถียง

 

 

“นายไม่รู้หรือไงว่าการถ่ายทอดทางพันธุกรรมมันเป็นเรื่องน่ากลัวแค่ไหน? ความเห็นแก่ตัว การใช้ความรุนแรง หรือแม้แต่บุคลิกที่ไม่ปกติ มันพันธุกรรมทั้งนั้น”

 

 

“อ่อ งั้นคุณก็สบายใจได้ ครอบครัวผมกลายพันธุ์แล้ว ผมโรแมนติคกว่าพ่อกับพี่รองเยอะ มีรสนิยมดียิ่งกว่าพี่ใหญ่ที่เอะอะก็ใช้เงิน มีแค่ผมคนเดียวที่ปกติ พวกเขาน่ะไม่ปกติ”

 

 

เสี่ยวเชี่ยนมุมปากกระตุก อยากถามจริงๆว่าอะไรทำให้เขามั่นหน้าได้ขนาดนี้?

 

 

ช่างเถอะ…ปล่อยให้เขาคิดว่าตัวเองดีไปอย่างนั้นแหละ ยังไงตานี่ก็หน้าหนานัมเบอร์วันในตระกูลอวี๋อยู่แล้ว