บทที่ 269 ต้นกําเนิดความมืดที่แท้จริง!

จอมบงการเทพยุทธ์

บทที่ 269 ต้นกําเนิดความมืดที่แท้จริง!

ภายใต้ฟ้าดินอันกว้างใหญ่และจักรวาลอันไร้ที่สิ้นสุดผู้กุมชะตาก็ยังเป็นผู้ที่สูงสุดอยู่ดี

การที่มีชีวิตอยู่มาอย่างเนิ่นนานราวกับเป็นอมตะจนได้กลายเป็นผู้ที่อยู่ในจุดที่สูงสุดของทุกสิ่งใครจะไม่คิดอยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกชั่วนิรันดร์?

ตัวตนเช่นนี้จะยอมให้ผู้อื่นจัดการลงอย่างง่ายดายได้อย่างไรกัน? แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นตัวตนที่อยู่เหนือผู้กุมชะตาก็ตาม!

แต่หากเขายังคงขัดขืนไปอย่างไร้หนทาง อีกไม่นานก็คงถูกความมืดเข้ากลืนกินจนหมด

เป็นการดีกว่าที่จะใช้ประโยชน์จากการที่จิตวิญญาณที่แท้จริงของเขาขาดหายไปและรวมเข้า

กับพลังแห่งความมืดนี้เข้าโดยสิ้นเชิง จากนั้นก็ดูดซับพลังของวิถีที่มีอยู่ภายในเลือดหยดนี้ของเซียนต้นกําเนิดเพื่อแลกเปลี่ยนกับการที่เขามีโอกาสจะได้พลังกลับคืนมาและผู้กุมชะตาก็พร้อมจะรับความเสี่ยงนี้!

จากนั้น เขาก็จะใช้โอกาสนี้ในการกลืนกินพิภพมากมายมหาศาลด้วยตนเอง และใช้โอกาสนี้เพื่อจะได้สัมผัสถึงเขตแดนของเซียนต้นกําเนิด!

มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่เขาจะสามารถก้าวต่อไปได้ และอาจจะไปถึงเขตแดนของเซียนต้นกําเนิดและทําให้แผนของเซียนต้นกําเนิดนั้นสลายหายไป!

แม้ว่าเขาคิดจะใช้โอกาสนี้เพื่อก้าวต่อไปแต่เขาก็ยังเป็นผู้ตามอยู่ดี การจะเข้าแทนที่เซียนต้นกําเนิดนั้นไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปได้!

เซียนต้นกําเนิดนั้นเป็นทั้งต้นกําเนิดและผู้สร้างวิถีนี้

อย่างไรก็ตาม ผู้ฝึกยุทธที่ตามทางสายนี้ก็สามารถประสบความสําเร็จได้เช่นเดียวกันเพราะในตอนนี้เซียนต้นกําเนิดกําลังร่วงหล่น ร่างที่แท้จริงนั้นอยู่ระหว่างการฟื้นตัวและการควบคุมของเขานั้นอ่อนแอถึงที่สุด

ซึ่งก็คือในตอนนี้ที่มันอ่อนแอที่สุด

และจอมจักรพรรดิเซียนนิรันดร์คนนี้ก็เดินทางในวิถีเดียวกับเขา

หากใช้โอกาสนี้เพื่อจะไล่ตามให้ทันและยึดครองการควบคุมของวิถีนี้เขาก็จะสามารถลบตัวตนของเซียนต้นกําเนิดและร่องรอยทุกอย่างของมันออกไปได้จนหมด!

นี่คือความคิดของผู้กุมชะตาผู้นี้!

“เจ้ากําลังเล่นกับไฟ และตอนนี้มันกําลังเผาไหม้เจ้า แค่เลือดเพียงหยดเดียวจากอีกฝ่ายก็ทําให้เจ้าตกต่ําได้ถึงเพียงนี้ยากที่จะต้านทานได้

หากเจ้าท่าเช่นนี้ เจ้าคิดหรือว่าอีกฝ่ายจะไม่คิดเอาไว้แล้ว?หรืออาจะเป็นเพราะเซียนต้นกําเนิดนั้นไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย”

ผู้โดดเดี่ยวประชดประชัน

เซียนต้นกําเนิดนั้นเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่เกือบเหนือทุกสิ่งอย่างทุกๆ พิภพทุกๆจักรวาลตราบใด

ก็ตามที่ยังมีจักรวาลที่มีวิถีนั้นก็ยังมีร่องรอยของตัวตนเขาอยู่

แม้ผู้ที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้นจะไม่มองลงมายังพิภพแห่งนี้เพราะเหตุใดก็ตาม แต่หากจะบอกว่าเขา

ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับจอมจักรพรรดิเซียนนิรันดร์คนนี้มันไม่ใช่อะไรที่น่าเชื่อถือเลยสักนิดและมีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวคืออีกฝ่ายเฝ้าดูทุกสิ่งนี้เกิดขึ้นอยู่เฉยๆ

หรือก็คือเซียนต้นกําเนิดยอมให้ทุกสิ่งนี้เกิดขึ้น

หรือก็คือ อีกฝ่ายไม่ใส่ใจเลยสักนิดว่าจอมจักรพรรดิเซียนนิรันดร์คนนี้ทําอะไรเบี้ยหมากรุกก็เป็นแค่เบี้ยหมากรุกหากจะกระโดดออกมาจากกระดานหรือกระทั่งคิดจะพลิกกระดานและกลายเป็นผู้เล่นเสียเองมันก็คงไม่เรียบง่ายเช่นนี้!

“ยอมแพ้เสีย ข้ายังเห็นประกายชีวิตของเจ้าอยู่หากเจ้ากับข้าร่วมมือพวกเราสามารถเอาชนะเซียนต้นกําเนิดไดผู้โดดเดี่ยวเกลี้ยกล่อม

เหตุที่ผู้กุมชะตานั้นถูกความมืดกัดกินได้โดยง่ายนั้นก็เป็นเพราะทั้งคู่นั้นต่างมีวิถีเหมือนกัน

ในฐานะที่เป็นต้นกําเนิดของวิถีเขาก็เรียกได้ว่าไร้เทียมทานกับผู้ที่ฝึกฝนบนวิถีเดียวกันนี้เพราะไม่ว่าอย่างไรก็ตามเซียนต้นกําเนิดก็เป็นผู้ปกครองวิถีแห่งเต๋านี้

ดังนั้น ผู้ที่ได้ฝึกฝนมาบนวิถีนี้ไม่ว่าพลังยุทธ์นั้นจะยอดเยี่ยมมากเพียงไหน พวกเขาก็ไม่มีทางจะเอาชนะได้

ตราบใดที่ยังไม่หลุดพ้นจากวิถีนี้เขาก็ไม่มีทางเอาชนะผู้ที่ปกครองวิถีนั้นได้!ผู้โดดเดี่ยวนั้นต่างออกไป

วิถีของเขานั้นไม่ได้เหมือนกับผู้กุมชะตาคนนี้เป็นวิถีแห่งเต๋าที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง

ดังนั้นแล้ว เขาจึงสามารถต่อกรเซียนต้นกําเนิดได้

ด้วยวิธีนี้เขาอาจจะช่วยผู้กุมชะตาได้เมื่อร่วมมือกันพวกเขาอาจสามารถลบล้างพลังของเซียนต้นกําเนิดออกจากร่างของผู้กุมชะตาจนหมดสิ้นได้กําจัดภัยออกไปจนหมด!

“ฮ่าๆๆๆ เจ้าผู้มาใหม่ เจ้าไร้เดียงสายิ่งนัก”

จอมจักรพรรดิเซียนนิรันดร์ที่ถูกปกคลุมไปด้วยความมืด ไม่เพียงแต่จะไม่คล้อยตามคําพูดแต่ยังหัวเราะเยาะประชดประชัน

“เจ้าไม่เข้าใจ ข้าไม่ใช่คนเก่าอีกต่อไปข้าเตรียมการมานานหลายพันล้านปีเจ้าคิดหรือว่ามันจะเปลี่ยนอะไรได้จากคําพูดไม่กี่คําของเจ้า?”

หลายร้อยล้านปีก่อนข้าแยกแดนทมิฬออกจากแดนนิรันดร์เพื่อที่จะเก็บเกี่ยวสิ่งมีชีวิตของสิ่ง

มีชีวิตในพิภพแห่งนี้เพื่อกลายเป็นพลังยุทธ์ของข้า

และในตอนนี้ทุกอย่างก็สุกงอมแล้วได้เวลาที่ข้าจะเก็บเกี่ยว

ตราบใดที่ข้ากลืนกินแดนทมิฬและรวมเข้ากับร่างกายที่แท้จริงของข้าจากนั้นก็รวมที่เหลือเข้ากับร่างกายที่เหลือของข้าข้าก็จะสามารถพุ่งทะยานไปอยู่ในตําแหน่งของเซียนต้นกําเนิดได้กลืนกินผู้กุมชะตาคนก่อนหลอมรวมเข้ากับเซียนต้นกําเนิดและกลายเป็นเซียนต้นกําเนิดเสียเอง!”

“อะไรนะ? การกําาเนิดของแดนทมิฬนั้นเป็นฝีมือของเจ้าอย่างนั้นรึ?!”

เมื่อได้ยินค่าพูดของผู้กุมชะตา ผู้โดดเดี่ยวก็ตกตะลึง

เมื่อก่อนหน้าเมื่อเขาเข้าไปในแดนทมิฬเขาก็รู้สึกแปลกใจที่ว่ากฎของแดนทมิฬนั้นคล้ายกับแดนนิรันดร์แต่เขาก็ไม่ได้คิดว่าแดนทมิฬเกิดขึ้นได้อย่างไร

แต่ความเป็นจริงก็ถูกเปิดเผยอย่างน่าเหลือเชื่อ

การก่อตัวของแดนทมิฬนั้นกลับกลายเป็นแผนการของจอมจักรพรรดิเซียนนิรันดร์เสียเอง!