ตอนที่ 96 เพื่อนทางเน็ต / ตอนที่ 97 ออกให้ห่างจากเขา

[นิยายวาย] เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ

ตอนที่ 96 เพื่อนทางเน็ต

 

 

“ทำไม จำไม่ได้?” ครูฝึกซ่งเอ่ยถาม

 

 

ชุยหังกัดริมฝีปากแน่น สุดท้ายเขาก็พูดอย่างตรงไปตรงมาไม่โกหกว่า : “จำได้ครับ”

 

 

“ถ้าอย่างนั้นก็โอเค ตอนนั้นฉันเคยเข้าไปดูรูปภาพของนายในหน้าโปรไฟล์ แต่เพราะหน้าโปรไฟล์ของฉันว่างเปล่า แล้วฉันก็ไม่เคยเอารูปให้นายดู นายจะไม่รู้จักก็เป็นเรื่องธรรมดา” ครูฝึกซ่งกล่าว

 

 

การพูดคุยถึงเรื่องในอดีตแบบนี้ สำหรับชุยหังแล้วมันทำให้รู้สึกเนื้อตัวชาไปหมด รู้สึกได้ว่าวันนี้ตอนนี้ตนเองก้าวเท้าออกจากประตูจะต้องเหยียบอึสุนัขเข้าอย่างแน่นอน ขนาดเรื่องที่บังเอิญขนาดนี้ตนเองยังประสบพบเจอได้เลย?

 

 

“ตอนนั้นผมคิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะเป็นทหาร” ชุยหังพูดขึ้น

 

 

“นายก็ไม่ได้ถามนี่นา อีกอย่างตอนนั้นนายเองก็ดูเหมือนไม่ได้สนใจฉันเลยด้วย มีแต่ฉันที่เป็นฝ่ายทักไปคุยกับนายก่อนตลอด” ครูฝึกซ่งว่า

 

 

ชุยหังตอบไปว่า: “ไม่รู้จะพูดอะไรดี”

 

 

“ตอนนั้น นายบอกว่านายมีแฟนแล้วใช่ไหม” ครูฝึกซ่งถามอย่างตรงไปตรงมา

 

 

ชุยหังพยักหน้าและไม่ได้พูดอะไรอีก

 

 

ไกลออกไปครูฝึกประจำห้องสองกำลังมองมาทางพวกเขาสองคน สายตาดูแปลกๆ ไปเล็กน้อย

 

 

แต่ว่าเพียงไม่นานพวกเขาก็เบือนสายตามองผ่านไปทางอื่น

 

 

ชุยหังรู้สึกเหมือนตอนนี้ตัวเองจะได้ยินเสียงวิ๊ง วิ๊งอยู่ในหัวสมองของตัวเองตลอด ความคิดทุกอย่างถูกปิดกลั้นเอาไว้หมด แค่คุยกันก็จะตายอยู่แล้ว คิดหัวข้อสนทนาอะไรไม่ออกเลย

 

 

“ตอนนี้พวกนายยังคบกันอยู่ไหม” ครูฝึกซ่งยังคงยิงคำถามไม่หยุด

 

 

ชุยหังส่ายหน้าไปมา ที่จริงเขาไม่อยากจะพูดถึงเรื่องนี้เลยจริงๆ

 

 

แน่นอนว่าครูฝึกซ่งก็ดูออก ดังนั้นจึงไม่ได้ไล่ถามหาเหตุผลต่อ

 

 

“ผ่านไปแล้ว มันผ่านไปหมดแล้ว ที่จริงในแวดวงนี้มันก็เป็นแบบนี้แหละ ต่อให้คบกันแล้วก็ไม่ง่ายเลยที่จะอยู่ด้วยกันได้” ครูฝึกซ่งพูดสั่งสอนชุยหัง

 

 

ขนาดชุยหังก็เริ่มรู้สึกแปลกใจแล้ว เขามาพูดเรื่องพวกนี้กับตัวเองทำไมกัน?

 

 

“เมื่อก่อนไม่ได้ให้นายดูรูป ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะอาชีพ อีกส่วนก็เป็นเพราะนายบอกว่านายมีแฟนแล้วไม่อยากจะคุยกับคนอื่นอีก ฉันก็เลยไม่ได้ไปรบกวนอะไร ตอนนี้เจอฉันตัวจริงแล้วรู้สึกยังไงหรอ” ครูฝึกซ่งเอ่ยถาม

 

 

ชุยหังรู้สึกว่าคำถามนี้ยิ่งแปลกมากขึ้นไปอีก รู้สึกว่าเขาเป็นยังไง?

 

 

นี่จะต้องรู้สึกยังไง แค่ดูๆ มองๆ ก็จะสามารถรู้สึกได้หรอ?

 

 

เขาไม่มีวิธีที่จะตอบคำถามกลับไปอย่างแม่นยำ ดังนั้นจึงได้แค่พูดว่า: “ครูฝึกครับ ครูหมายถึงอะไรครับ”

 

 

“แน่นอนว่าต้องเป็นความรู้สึกที่มีต่อฉันสิ รู้สึกว่าฉันอ้วนไปหน่อยใช่หรือเปล่า” ครูฝึกซ่งถามขึ้น

 

 

ชุยหังตอบกลับว่า: “พอได้ครับ แค่ไม่ใช่อ้วนไขมันก็โอเค”

 

 

“เป็นไปไม่ได้หรอก ไม่ว่าจะยังไงก็เป็นทหาร ไม่ควรจะปล่อยให้เลยมาจนถึงขั้นนี้” ครูฝึกซ่งพูดกับชุยหังอย่างรู้สึกขอบคุณซึ้งใจ

 

 

ทันใดนั้นในหัวสมองของชุยหังก็ฉุกนึกถึงวันประชุมระดมพลขึ้นมาได้ นายทหารที่ปรากฏตัวบนเวทีคนนั้น ในท้องเหมือนยัดลูกบาสเกตบอลเอาไว้สองลูกยังไงอย่างนั้น แบบนั้นสิถึงจะเรียกว่าอ้วนของจริง

 

 

“นายเคยคิดอยากจะหาใหม่สักคนบ้างไหม” ครูฝึกซ่งถามต่อ

 

 

ชุยหังถูกคำถามยาวเหยียดเป็นทอดๆ ของเขาทำเอางุนงงสับสนไปหมดแล้ว

 

 

สายตาของเขาทอดมองออกไปไกลก่อนจะถอนหายใจออกมา

 

 

“ตอนนี้ไม่อยากแล้วครับ” เขาพูดตอบ

 

 

“ยังไม่เจอคนที่ชอบ?” ครูฝึกซ่งถามต่อ

 

 

ชุยหังลังเลอยู่นิดหน่อย หลูจื้อนับว่าใช่ไหมนะ

 

 

ในตำแหน่งหัวใจที่อ่อนแอของเขาคงจะมีเขาอยู่ในนั้นแหละนะ

 

 

ถึงแม้ว่าตัวเองคิดอยู่เสมอว่าไม่อยากจะไปเบี่ยงเบนใคร แต่ก็ไม่ได้ขัดขวางที่ตัวเองจะเว้นตำแหน่งในหัวใจเอาไว้ให้เขา

 

 

อีกอย่างเรื่องของความรู้สึกก็ไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองจะสามารถควบคุมได้สุ่มสี่สุ่มห้าตามใจชอบตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

 

 

เพราะไม่อย่างนั้น ทำไมตนถึงไม่สามารถชอบชย่าอวี่ชิวได้ล่ะ ทั้งๆ ที่อย่างน้อยๆ เขาก็เคยสารภาพกับชุยหังแล้วด้วยว่าอยากจะคบกับชุยหัง

 

 

เมื่อมองสายตาของชุยหัง ครูฝึกซ่งก็เอ่ยถามเสียงเบาขึ้นมาประโยคหนึ่งว่า: “นายตกหลุมรักหลูจื้อไปแล้วใช่ไหม”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 97 ออกให้ห่างจากเขา

 

 

ชุยหังไม่ได้ตอบอะไร คำถามนี้มันก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับซ่งไข่ไหม

 

 

เขามองออกไปในที่ไม่ไกลออกไปมากนัก ครูฝึกประจำห้องสองดูเหมือนว่าจะยังคงแอบมองมาทางนี้อีกแล้ว

 

 

เขาพูดขึ้นว่า: “ครูฝึกซ่งครับ ถ้าหากไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ผมขอไปพักด้านนั้นหน่อยได้ไหมครับ”

 

 

“โอเค ไปเถอะ” ครูฝึกซ่งพูดขึ้น

 

 

จากนั้นเขาก็ก้มมองนาฬิกาและไม่ได้พูดอะไรอีก

 

 

ชุยหังเดินกลับเข้ามายังฝูงชน ก่อนที่จะเอาตัวเองซ่อนอยู่ในกลุ่มนั้น

 

 

“เหลาอู่ ครูฝึกซ่งเรียกนายไปทำไม” ถังเฉิงพุ่งเข้ามาใกล้ก่อนจะถามขึ้น

 

 

เพื่อนรูมเมทในห้องคนอื่นๆ ก็กำลังเดินเข้ามาหาเพื่ออยากจะถามสถานการณ์

 

 

“ไม่มีอะไร เขาบอกว่าขากางเกงฉันมันยาวเกินไป ใส่ผิดมาหรือเปล่า” ชุยหังก็ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงนึกข้ออ้างนี้ขึ้นมาได้

 

 

“นายไม่ได้บอกเขาหรอว่านายเคยทำเป้าแตกมาแล้วด้วยครั้งนึง?” ถังเฉิงถามขึ้นอย่างหัวเราะชอบใจ

 

 

ตอนนี้พวกเขาพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาก็เหมือนกับพูดถึงว่าตอนเด็กๆ ใครเคยฉี่รดที่นอนอะไรแบบนั้นเลย

 

 

ถึงแม้ว่ามันพึ่งจะเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วัน แต่พวกเขากลับรู้สึกเหมือนกับว่ามันผ่านมานานแล้วยังไงอย่างนั้น

 

 

เมื่อชุยหังนึกถึงเรื่องนี้ ภายในใจก็ยังรู้สึกขอบคุณหลูจื้อมาก

 

 

ถ้าหากไม่ใช่เพราะเขา ตลอดช่วงการฝึกทหารไปจนถึงหลังเปิดเทอม ตัวเขาคงไม่มีทางที่จะกล้าเงยหน้าขึ้นมองใครไปอีกนานได้อย่างแน่นอน

 

 

การหัวเราะเยาะเย้ยในกลุ่มของนักเรียน บางครั้งมันก็ร้ายแรงมากเกินไปจริงๆ

 

 

“เปล่า ฉันไม่ได้ใจกล้าขนาดนั้นนะ”

 

 

“เขาไม่ได้ถามนายเรื่องที่เป็นประโยชน์หน่อยหรอ” มีคนถามขึ้นมา

 

 

ชุยหังครุ่นคิดแล้วถามขึ้นว่า: “ยกตัวอย่างมาสิ? อะไรถึงนับว่ามีประโยชน์”

 

 

“อย่างเช่นว่าพวกเราฝึกแบบนี้เหนื่อยกันหรือเปล่า ตามทันกันไหมอะไรแบบนี้ไง”

 

 

“ไม่มี เขาก็มีแผนของเขา ไม่มีทางจะมาปรึกษาหารือกับพวกเราหรอก” ชุยหังกล่าว

 

 

แน่นอนว่าเขาไม่มีทางที่จะพูดเรื่องที่ซ่งไข่เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงกับตัวเองเมื่อครู่นี้ออกมาเด็ดขาด

 

 

นี่เป็นความลับของเขา พึ่งจะปฏิเสธชย่าอวี่ชิวไปแท้ๆ หลูจื้อก็หายไปแล้ว ตอนนี้ดันมีเพื่อนทางเน็ตโผล่มาอีก เขารู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองแทบจะระเบิดอยู่แล้ว

 

 

ทำไมหลังจากเลิกกับหลิวเฮ่อแล้ว ดอกท้อของเขาก็ทยอยเบ่งบานสะพรั่งไม่หยุดเลย

 

 

ตอนช่วงพักเที่ยง ชุยหังนอนเล่นอยู่บนเตียงนอน เลื่อนโทรศัพท์มือถือของตัวเองไปมา อย่างเบื่อหน่าย บวกกับจิตใจที่สับสนวุ่นวาย

 

 

ทำไมบังเอิญขนาดนี้ ทำไมมันบังเอิญขนาดนี้

 

 

อย่างตอนที่ซื้อหวยทำไมตัวเขาถึงไม่มีโชคแบบนี้บ้างเลยนะ

 

 

หรือว่าหลังจากที่หนีจากผู้ชายสารเลวได้แล้ว จู่ๆ ท่านผู้เฒ่าใต้แสงจันทร์ [1] เกิดมึนงงขึ้นมา จนมัดด้ายพร้อมกันหลายเส้น จนมันพันกันยุ่งเหยิง?

 

 

เขาไม่อยากจะคิดอะไรมากมายขนาดนั้น แต่ว่าสุดท้ายก็อดคิดไม่ได้อยู่ดี

 

 

ขณะที่เขากำลังสับสนวุ่นวายใจ ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น

 

 

เบอร์โทรเบอร์นี้เป็นเบอร์ที่เขาเปลี่ยนใหม่หลังจากที่มาถึงที่นี่

 

 

ว่าตามเหตุผลคือคงจะมีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่จะรู้ อีกอย่างบนหน้าจอมือถือก็แสดงเป็นเบอร์แปลก ที่อยู่ของคนที่โทรมาก็อยู่ที่เมืองเอ้อ

 

 

เขาคิดว่าอาจจะมีคนโทรผิดมาก็เลยกดรับสาย

 

 

“ฮัลโหล ฉันหลูจื้อนะ” หลังจากคนในสายเอ่ยขึ้นมาก็ทำเอาชุยหังเกิดเสียงวิ๊งขึ้นมาในหัวสมองอีกครั้ง

 

 

หลูจื้อ? เขารู้เบอร์มือถือของชุยหังได้ยังไง

 

 

แน่นอนว่าคำถามนี้ในตอนนี้มันไม่สำคัญ สำคัญคือเขาจะพูดอะไรกับชุยหัง

 

 

“นายสะดวกคุยหรือเปล่า” หลูจื้อเอ่ยถาม

 

 

ชุยหังไม่กล้าแสดงออกชัดเจนเกินไป จึงพูดแค่ว่า: “อืม ว่ามาเลยฟังอยู่”

 

 

“อืม โอเค เวลาของฉันมีจำกัด ดังนั้นจะพูดแค่สั้นๆ นายถอยออกให้ห่างจากซ่งไข่เลยนะ ไม่อย่างนั้นฉันก็จะไม่เกรงใจแล้ว”

 

 

พูดจบทางด้านหลูจื้อก็ยังไม่ทันรอให้ชุยหังตอบรับคำ เขาก็กดตัดสายโทรศัพท์ไปเสียก่อน

 

 

ตอนนี้ชุยหังมึนงงไปหมด นี่มันเรื่องอะไรกัน ถอยออกให้ห่างจากซ่งไข่ไม่อย่างนั้นเขาจะไม่เกรงใจแล้ว? เขาคิดจะไม่เกรงใจยังไง

 

 

 

 

——

 

 

[1] ผู้เฒ่าใต้แสงจันทร์月下老人เย่ว์เซี่ยเหล่าเหริน เป็นเทพในเทพนิยายจีนที่ทำหน้าที่โดยเฉพาะในการจับคู่มนุษย์โดยใช้เส้นด้ายแดงผูกข้อเท้าของมนุษย์ชายหญิง มือหนึ่งกำด้ายแดง มือหนึ่งถือครองไม้เท้าแขวนสมุดสมรสสมรัก