บทที่ 429
เหวินเส่าอี๋ยิ่งอยู่ยิ่งรีบร้อนที่จะถอนกำลังฝ่ามือกลับ เขาลองด้วยวิธีการนับไม่ถ้วนแต่ก็ไม่เป็นผลจึงทำได้เพียงมองดูกำลังภายในอันแข็งแกร่งภายในที่ฝึกฝนมาอย่างหนักเป็นเวลาหลายปีของตนมลายหายไปในชั่วข้ามคืนและกลายเป็นดังชุดแต่งงานของผู้อื่นไป

มองดูกู้ชูหน่วนอีกครั้ง

ใบหน้าอันเล็กของนางย่นลงด้วยความเจ็บปวด และใบหน้าอันงดงามไร้ตำหนิก็ค่อยๆเปลี่ยนจากซีดเซียวเป็นสีแดงระเรื่อจนในที่สุดร่างกายราวกับไฟลุก ร้อนเสียจนทำให้คนไม่กล้าไปแตะต้อง

ร่างกายของนางไม่สามารถรับกำลังภายในได้มากนัก พลังลมปราณในร่างกายยังคงเดือดดาลพุ่งชนไม่หยุดยั้งราวกับจะทะลวงร่างของนางให้ทะลุ

“สิ่งใดคือมหาเวทย์ดูดพลัง” กู้ชูหน่วนฝืนทนต่อความเจ็บปวดคลื่นแล้วคลื่นเล่าและกัดฟันกล่าว

“……”

“เหวินเส่าอี๋ท่านรีบถอนฝ่ามือออก”

สีหน้าของเหวินเส่าอี๋ดูไม่ได้เลย

เขาก็อยากถอน

กำลังภายในที่เขาทุ่มเทฝึกฝนด้วยความลำบากเข้าไปในร่างนางหมดแล้ว เป็นไปได้หรือว่าเขาจะไม่ร้อนรน?

“ผู้ที่ถูกมหาเวทย์ดูดพลังไปไม่สามารถถอนฝ่ามือได้เองเว้นแต่ท่านจะเป็นผู้ถอน”

นางถอน?

นางจะถอนอย่างไร?

หากว่านางถอนได้ก็คงจะถอนไปนานแล้ว ร่างกายของนางกำลังจะระเบิดแล้ว

ในขณะที่นางและเหวินเส่าอี๋คิดว่าร่างกายของนางกำลังจะระเบิด กู้ชูหน่วนก็ทะลุผ่านจุดเส้นวรยุทธ์ขั้นที่ห้า

แสงสีม่วงได้เปลี่ยนไปอีกและกู้ชูหน่วนก็ทะลุอีกครั้งไปถึงขั้นที่หกของจุดเส้นวรยุทธ์

ดวงตาของเหวินเส่าอี๋เป็นประกายเล็กน้อย

ในระหว่างใช้มหาเวทย์ดูดพลังไม่สามารถเลื่อนขั้นได้ไม่ใช่หรือ?

หากว่าดูดมากเกินไปก็จะร่างระเบิดจนตาย

ร่างกายของนางมีคุณสมบัติอันใด เหตุใดถึงก้าวทะลวงผ่านในขณะที่ดูดพลังได้?

“พรึ่บ……”

กู้ชูหน่วนทะลวงขั้นที่เจ็ด ขั้นที่แปดกระทั่งถึงยังขั้นที่เก้า……

ในทางกลับกันของเขาจากยอดฝีมือชั้นสูงสุดระดับหกลดลงถึงขั้นกลางของระดับหกและลดลงถึงขั้นต้นระดับหก ชั้นสูงสุดระดับห้า ขั้นกลางระดับห้า……

กำลังภายในของเขาก็ถูกดูดเข้าไปถึงหกสิบส่วยในหนึ่งร้อยส่วนเต็มๆ

ชู่ว์……

กำลังภายในถูกดูดไปอีกสิบส่วนในร้อยส่วน

เหวินเส่าอี๋ถูกดูดกำลังภายในไปแล้วเจ็ดสิบส่วนในหนึ่งร้อยส่วน ความสามารถลดลงถึงชั้นสูงสุดระดับสี่

และท้ายที่สุดกู้ชูหน่วนก็ทะลวงไปหนึ่งขั้น

ช่องว่างของความแข็งแกร่งทำให้เหวินเส่าอี๋ยอมรับได้ยาก

“พรวด……”

เลือดเต็มปากกระอักออกมา สีหน้าของเหวินเส่าอี๋ยิ่งอยู่ก็ยิ่งซีดเซียว เรี่ยวแรงในร่างกายราวกับว่าถูกดึงไปจนลงเช่นนั้น

ความแข็งแกร่งของเขาได้ลดลงอีกท่ามกลางความกังวลของเขา ตกลงสู่ขั้นกลางระดับสี่

ส่วนกู้ชูหน่วนทะยานขึ้นสู่ขั้นกลางระดับหนึ่ง

“กู้ชูหน่วน ถอนฝ่ามือออก”

ครั้งนี้เหวินเส่าอี๋โมโหขึ้นแล้วจริงๆ

พลังลมปราณในกายของกู้ชูหน่วนปะทะกันจนแม้แต่การหายใจของนางก็ยังลำบาก

นางต้องการทำให้เหวินเส่าอี๋โมโหจนตายหรือ

อาการบาดเจ็บของนางสามารถรักษาให้หายได้ด้วยตนเอง

เขายุ่งเรื่องไม่เป็นเรื่องไปรักษาอาการบาดเจ็บอันใดให้นาและนางก็รู้สึกว่าชีวิตอันน้อยของนางกำลังจะแขวนอยู่ที่นี่แล้ว

ดวงตาเป็นประกายวาววับสองสามครั้งมองไปยังเหวินเส่าอี๋ เห็นเพียงแค่สถานการณ์ของเหวินเส่าอี๋ย่ำแย่กว่านางอีก

และกำลังภายในของเขาถูกนางดูดเข้าไปแล้ว คำพูดหยาบคายที่มาถึงตรงปากของกู้ชูหน่วนนั้นด่าไม่ออกมา

นางน่าอนาถ เหวินเส่าอี๋น่าอนาถยิ่งกว่านางเสียอีก

อย่างน้อยนางก็ยังได้รับกำลังภายไว้มากมาย ส่วนเขาเสียภรรยาและสูญเสียทหารไพร่พลไปด้วยจริงๆ

มหาเวทย์ดูดพลังดำเนินต่อไปไม่หยุด กู้ชูหน่วนไม่สามารถทนรับได้อีกต่อไปแล้วจึงตะโกนร้องเสียงหนึ่งขึ้น “อ๊า……”

เสียงกรีดร้องอันโหยหวนแผ่กระจายจากใต้หน้าผาไปยังยอดหน้าผาและทะลุผ่านหุบเขาโลหิตหูหลูโดยที่เสียงสะท้านนั้นก้องกังวานไปทั่วทุกมุมของภูเขาหูหลู

ทุกคนได้ยินเสียงกรีดร้องของนาง

รวมถึงเยี่ยจิ่งหาน เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ ฝูกวง เยี่ยเฟิง ประมุขชิง ผู้นำกองธงกล้วยไม้และคนอื่น ๆ

นอกจากผู้นำกองธงกล้วยไม้และคนอื่นๆแล้วในใจของพวกเยี่ยจิ่งหานต่างก็พัลวันกันขึ้นมา

เยี่ยจิ่งหานดิ้นรนอย่างต่อเนื่องเพื่อต้องการทะลายโซ่ตรวนและไปหากู้ชูหน่วนด้วยตนเอง

เขาไม่กล้านึกภาพขึ้นเลยจริงๆว่ากู้ชูหน่วนได้ผ่านสิ่งใดมาบ้างถึงได้ส่งเสียงกรีดร้องจนแทบจะขาดใจเช่นนั้น

ประมุขชิงยิ่งตื่นตระหนกมากขึ้น ร่างของเขาสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้ ความเร็วของฝ่าเท้ายิ่งอยู่ยิ่งเร็วขึ้นเรื่อยๆ

อาหน่วน……

เจ้าห้ามเป็นอันใดนะ

ต้องรอข้านะ

หากเจ้าตายข้าจะไม่ให้อภัยเจ้าไปทุกชาติภพ

เสียงคร่ำครวญยังคงดังก้องกังวาน ประมุขชิงมาถึงปากของภูเขาหูหลูที่กู้ชูหน่วนเพิ่งไป

ที่ปากทางพบกันมีกรงเล็บมังกรยักษ์ตัวหนึ่งที่เหลือเอาไว้ซึ่งกรงเล็บลึกลงไปใต้พื้น แต่ละรอยลึกกว่าสิบเมตรเต็มซึ่งเห็นได้ว่ารอยกรงเล็บแต่ละรอยทรงพลังมากเพียงใด

มองดูความวุ่นวายยุ่งเหยิงและฉากเทพอสูรที่ได้หลงเหลือไว้หลังจากการต่อสู้ของยอดฝีมือที่หาตัวจับได้ยาก

ประมุขชิงสูดลมหายใจอันเย็นเข้าลึกๆและบังเกิดความรู้สึกไม่ดีอันหนึ่งขึ้นในใจ

อาหน่วนเคยกล่าวไว้ว่าในโลกนี้มีมังกรอสุรกายระดับเจ็ดอยู่สองตัว ตัวหนึ่งเป็นมังกรวารีซึ่งอยู่ในดินแดนอันหนาวเหน็บ ในขณะที่อาหน่วนแย่งชิงไข่มุกมังกรเม็ดที่สองไปได้เสียพละกำลังไปมากมายจนเกือบทิ้งชีวิตตนเองไปด้วยถึงได้สามารถสังหารมันได้

ก่อนสังหารมังกรตัวร้ายนางถึงได้รู้ว่ายังมีมังกรระดับเจ็ดตัวหนึ่งซึ่งอยู่ในสถานที่อันร้อนจัด

สถานที่อันร้อนจัดก็มีกรงเล็บมังกร……

เป็นไปได้หรือไม่ว่า……

ยังมังกรไฟอีกตัวหนึ่งอยู่ที่นี่?

ประมุขชิงนั้นเย็นตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า

อสุรกายมังกรไฟระดับเจ็ด……

ช่วงเวลาแห่งขั้นสูงสุดของอาหน่วนก็ยังไม่แน่ว่าจะสามารถสู้ชนะได้ ตอนนี้พลังยุทธของนางถูกตนเองผนึกไว้นับไม่ถ้วนแล้วจะสู้ได้อย่างไร?

ประมุขชิงแทบไม่กล้าคิดเรื่องนี้ต่อ

ดวงตาลึกของเขามองดูหินหนืดที่ไหลอยู่ไกลๆ มือทั้งคู่ของเขากำไว้แน่นแล้วก็กำเอาไว้แน่นอีก

ไม่ต้องกล่าวถึงว่าเป็นมังกรอสุรกายระดับเจ็ด แม้ว่าจะเป็นโลก ใต้พิภพหรือแม้แต่สวรรค์ แม้ว่าเขาจะต้องทุ่มด้วยชีวิตตนก็ต้องค้นหาและนำตัวอาหน่วนออกมาอย่างปลอดภัยให้ได้

เขากำหน้าอกตนเองด้วยความเจ็บปวด

เมื่อครู่ได้รับบาดเจ็บจนถึงภายในจากมังกรไฟระดับเจ็ด หากไม่รีบปรับลมปราณเกรงว่าวรยุทธ์นั้นจะสูญเสียมากมาย

ประมุขชิงเดินไปยังดินแดนแห่งความตายโดยปราศจากความกลัว ในแววตาเยือกเย็นนั้นนอกจากความแน่วแน่แล้วไม่มีความหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย

ใต้หน้าผา

หลังจากที่กู้ชูหน่วนแผดเสียงกรีดร้องจวนจะขาดใจแล้วก็สะบัดออกจากเหวินเส่าอี๋อย่างรุนแรง

“พรวด……”

เหวินเส่าอี๋กระอักเลือดเต็มปากออกมาเต็มไปทั่วแผ่นหิน

บาดเจ็บ……

ได้รับบาดเจ็บสาหัสนัก

น้อยนักที่เขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้

ที่โชคดีคือมหาเวทย์ดูดพลังได้สิ้นสุดลงไปแล้วซึ่งวรยุทธ์ยี่สิบส่วนในหนึ่งร้อยส่วนที่เหลืออยู่อย่างน่าเวทนาของเขาไม่ได้ถูกดูดไปด้วย

เหวินเส่าอี๋รีบนั่งขัดสมาธิเข่าประสานแล้วปรับพลังลมปราณของตน

“พรวด……”

กู้ชูหน่วนก็กระอักเลือดออกมาเช่นเดียวกัน

ดูดพลังเป็นเรื่องดี เพิ่มพูนพลังก็เป็นเรื่องที่ดีเช่นเดียวกัน

แต่ในร่างกายของนางยังมีกำลังภายในมากมายที่ไม่สามารถดูดซับเอาไว้ได้ ทำให้นางกลิ้งไปมาบนพื้นด้วยความเจ็บปวด

เวลาแต่ละนาทีแต่ละวินาทีผ่านพ้นไป

ไม่รู้ว่าใช้เวลานานเท่าใดกว่าที่ทั้งสองคนจะค่อยๆผ่อนคลายลง และไม่นานนักพวกเขาก็สัมผัสได้ว่าทั้งร่างกายนั้นผิดปกติ

ร้อน……

ช่างร้อนเกินไปแล้ว

ไม่รู้ว่าอุณหภูมิของทะเลโลหิตส่งผลต่อพวกเขาใช่หรือเปล่า

“ท่านไม่เป็นไรใช่ไหม” กู้ชูหน่วนถาม

เหวินเส่าอี๋กล่าวอย่างโกรธเคืองว่า “เจ้าคิดว่าอย่างไรหล่ะ”

พลังยุทธ์แปดสิบส่วนในหนึ่งร้อยส่วนถูกนางดูดไปเสียแล้ว หากเปลี่ยนเป็นนางนางจะเป็นอะไรหรือไม่หล่ะ?

“ข้าไม่ได้บังคับท่าน ท่านมอบกำลังภายในให้แก่ข้าด้วยความสมัครใจเอง”

เหวินเส่าอี๋กัดฟันฝืนทนและอดไม่ได้ที่จะอยากกลืนกินนาง

หากเขารู้ว่านางเป็นวิชามหาเวทย์ดูดพลังเขาจะรักษาอาการบาดเจ็บให้นางได้อย่างไร

ขั้นต้นระดับสี่……

วิทยายุทธนี้……

แม้แต่ผู้นำกองธงกล้วยไม้ก็ไม่สามารถเอาชนะได้แล้วเขาจะบรรลุภารกิจได้อย่างไร?

“แปลกจัง เหตุใดอุณหภูมิถึงยิ่งอยู่ยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ” แกนหิมะใช้การไม่ได้หรือ?

กู้ชูหน่วนหายใจไม่ออกและแทบรอไม่ไหวที่จะปลดเสื้อผ้าของตนออก

ในทางกลับกันกับเหวินเส่าอี๋ แม้ว่าเขาจะสวมหน้ากากผีเสื้อไม่สามารถมองเห็นใบหน้าได้แต่แก้มที่เผยออกมารวมทั้งใบหูทั้งหูถูกเผาจนแดงหมดแล้ว แม้แต่คอสีขาวก็แดงไปหมดเสียแล้ว

เริ่มแรกนางคิดว่าเกิดจากอุณหภูมิสูงเกินไป แต่……

แต่ความรู้สึกนี้ขณะที่นางเพิ่งทะลุมิติมาเคยได้สัมผัสไปรอบหนึ่งแล้ว

นี่มันเกิดจากหินหนืดทะเลโลหิตที่ใดกัน เห็นได้ชัดว่าถูกพิษเสียแล้ว

ที่แย่ที่สุดคือทั้งสองคนได้ถูกพิษเข้าเสียแล้ว……