ภาคที่สาม มิต้อง ตีกรับ ร่ำสุรา จากจอกทอง ตอนที่ 90-1 อำเภอเถาฮวา? เถาฮวาเซียน!

ยอดสตรีฉางอิ๋ง ภาคที่ 2-3

“สมควรฆ่าเว่ยชิงเซียวทิ้งเสียจริงๆ!” คิ้วดาบของเสิ่นจั้งเฟิงขมวดเข้ามาแน่น พลางเอ่ยอย่างรังเกียจ “เดิมทีข้านึกว่าจิ่งเฉิงโหวคิดแค้นที่ก่อนนี้น้องชายบุตรอนุได้รับความรักจากบิดาอย่างมาก แต่ยามลงมือกลับพลั้งมือไปสังหารหลานสาวเข้า …ไม่คิดว่าสองพ่อลูกนี้กลับน่ารังเกียจถึงเพียงนี้! ญาติพี่น้องสายเลือดเดียวกัน หากลงมือโดยไม่มีเหตุจำเป็นก็นับว่าไม่สมควรอยู่แล้ว แต่กลับยิ่งมาย่ำยีข่มเหงนางเช่นนี้ ไม่สมควรเป็นคนโดยแท้!”

เสิ่นจั้งเฟิงยอมรับว่าตนเองมิใช่คนที่มีคุณธรรมสูงส่งอันใด การจะมาเป็นว่าที่ประมุขตระกูลเสิ่นในภายภาคหน้า เสิ่นเซวียนก็มิได้สอนสั่งให้เขาเดินไปในหนทางของผู้ที่มีคุณธรรมสูงส่ง สายสัมพันธ์ทางสายเลือด ความใกล้ชิดในตระกูล ว่ากันตามจริงแล้วก็มาขวางเขาไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นชายหญิงเด็กคนชรา หากให้เสิ่นจั้งเฟิงสังหารเขาก็ไม่มีทางมือไม้อ่อนเป็นแน่

แต่…

ก็เป็นดังชายชาติทหารฆ่าได้หยามไม่ได้เช่นนั้น หากเป็นเรื่องสำคัญใหญ่หลวง การสังหารเด็กหญิงที่อายุเจ็ดขวบสักคน เสิ่นจั้งเฟิงก็จะไม่รู้สึกว่าไม่ถูกต้องอย่างไร และยิ่งไม่รู้สึกด้วยว่าเหี้ยมโหด แต่การข่มขืนเด็กหญิงอายุเจ็ดขวบผู้หนึ่งกลับเป็นส่งที่ เสิ่นจั้งเฟิงรังเกียจนัก

ความจริงแล้วก็มิใช่มีเพียงเขาที่คิดเห็นดังนี้ ผู้คนในตระกูลเลื่องชื่อที่มีความชื่นชอบเป็นปกติธรรมดาต่างก็มีท่าทีดังนี้ด้วยกันทั้งนั้น

นายทัพกำจัดผู้ที่ขวางทางย่อมไม่เป็นสิ่งใด ทุกคนล้วนสนับสนุนให้ทำเช่นนี้ทั้งสิ้น และทุกคนก็จะทำเช่นนี้เช่นกัน มีประมุขตระกูลใหญ่โตตระกูลใดบ้างที่ไม่เคยเหยียบหัวญาติพี่น้องคนสองคนขึ้นมา?

แต่การกระทำดังนี้ของเว่ยชิงเซียวก็ไม่นับว่าเป็นเพียงเรื่องที่ไม่อาจนำมาเปิดเผยในที่แจ้งธรรมดาๆ เท่านั้นแล้ว หากแต่เป็นความต่ำช้าโสมมเป็นที่สุด ถ้าแพร่งพรายออกไป แม้จะเป็นคนสนิทของจิ่งเฉิงโหวแห่งจือเปิ่นถัง ก็เกรงว่าจะทำให้ผู้คนบันดาลโทสะขึ้นมาได้!

นั่นเพราะ ต่อให้เด็กหญิงอายุเจ็ดขวบที่ถูกย่ำยีและสังหารเป็นคนอื่นที่มิใช่ ลูกผู้น้องของเขา ก็ยังไม่ทำให้ผู้คนชิงชังรังเกียจเขาเพียงนี้เลย ในสายตาของจิ่งเฉิงโหวแล้วเว่ยซินไถไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง เพราะเป็นเพียงสตรีผู้หนึ่งในตระกูลเท่านั้น ทว่าในสายตาของทุกคน ความจริงแล้วทั้งนางและเว่ยฉางเจวียนมีฐานะเช่นเดียวกัน ซึ่งก็คือบุตรีของตระกูลสูงศักดิ์

นางเป็นบุตรีของตระกูลเลื่องชื่อ

เว่ยฉางเจวียนที่ถูกเหิงอ๋องเซินสวินย่ำยีไม่เพียงมีอายุสิบเจ็ดปีแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเซินสวินก็ยังไม่ได้ลงมือสังหารนางด้วย แต่ก็ยังทำให้หกตระกูลสูงศักดิ์ร่วมมือกันบีบให้ฮ่องเต้ลดพระยศให้เซินสวินไปเป็นเหิงอ๋อง แล้วนับประสาอะไรกับการกระทำของเว่ยชิงเซียว?

หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป เด็กสาวในจือเปิ่นถังย่อมไม่อาจอยู่ต่อไปแล้ว! แม้แต่รุ่ยอวี่ถังที่ห่างออกไปนับพันลี้ก็ยังต้องพลอยตกที่นั่งลำบากไปด้วย หากตระกูลเว่ยมีเว่ยชิงเซียวได้คนหนึ่ง แล้วผู้ใดจะรู้ว่าจะไม่มีคนที่สอง?

ทว่าเมื่อคิดจากในมุมของตระกูลเว่ย ก็ยังนับว่าโชคดีที่ครานั้นเว่ยซินไถยังเป็นเด็กอยู่

เพราะเมื่อนางเป็นเด็ก เรื่องที่ผู้คนพากันคาดเดาว่าที่แท้แล้วเว่ยซินหย่งกับจิ่งเฉิงโหวมีความแค้นเคืองใดต่อกันมาตลอดหลายปีนี้ มีแปดในสิบคนก็จะพากันเดาเหมือนกับที่เสิ่นจั้งเฟิงเดาไว้ก่อนหน้านี้ และไม่มีทางเดามาในทิศทางที่เป็นความจริงได้

ไม่ว่าผู้ใดก็ล้วนคิดว่าปัญหาจะต้องเกิดที่ตัวของเว่ยจี ส่วนเว่ยซินไถซึ่งเป็นเด็กหญิงตัวน้อยนั้นก็เกรงว่าจะบังเอิญมาพบเห็นสิ่งใดเข้าหรือไม่ก็ไปกินสิ่งใดกับบิดา ทำให้พลอยรับเคราะห์ไปด้วย …พ่อลูกจึงได้มาตายไปพร้อมกัน

หากเว่ยซินไถอายุสิบเจ็ดปี มีรูปโฉมงดงามดังบุปฝาทัดเทียมไซซี ก็อาจถูกผู้คนที่สนใจในเรื่องนี้พากันคิดไปว่าเว่ยชิงเซียวหมายตาในความงามของลูกผู้น้อง และไม่ได้คิดไปในทางปกติ…

เพราะอย่างไรหากเป็นคนธรรมดาทั่วๆ ไป แม้จะอยู่ในตระกูลสูงศักดิ์ที่ได้พบเห็นเรื่องนานามากว้างขวาง ก็มิใช่ทุกคนที่จะคิดไปในทางชั่วช้าโสมมดังนั้นได้ ในสถานการณ์ที่ปกติธรรมดาทุกคนย่อมคาดเดาไปตามอุปนิสัยของคนทั่วๆ ไปทั้งนั้น ผู้ใดจะคิดไปถึงว่าเว่ยชิงเซียวดันเป็นคนที่ไม่ปกติคนนั้น?

จนเวลานี้เว่ยฉางอิ๋งก็ยังคงเดือดดาลยากสงบใจลงได้ นางกล่าวว่า “ก่อนนี้ข้าก็นึกแต่ว่าเหิงอ๋องชั่วช้าเหลวแหลกแล้ว กลับไม่คิดว่าเว่ยชิงเซียวจะไร้ยางอายเสียยิ่งกว่า!” แล้วขบเขี้ยวเคี้ยวฟันกล่าวว่า “นี่ก็เรียกได้ว่าตาต่อตา ฟันต่อฟัน ข้าฟังที่ไล่ฉินเหนียงเล่าว่าเว่ยจีท่านปู่ในตระกูลข้าผู้นั้นมีความสามารถเพียงระดับกลางๆ แต่กลับมีบุตรจากอนุที่มีความสามารถและหน้าตาเป็นเลิศจนน่าตื่นตะลึงเช่นท่านอาหกของข้า ส่วนบุตรหลานของเว่ยฉีเมื่อนำมารวมเข้าด้วยกันแล้วก็ยังไม่อาจเทียบกับท่านอาหกของข้าได้! เมื่อเป็นดังนี้ต่อไป ท่านอาหกของข้าจะต้องสามารถลงมือแก้แค้นด้วยตนเองได้ในอีกไม่ช้าก็เร็ว”

“เมื่อดูจากแผนการของเขา กลับไม่เหมือนว่าเพียงพุ่งเป้าไปที่จิ่งเฉิงโหวพ่อลูกเท่านั้น” เสิ่นจั้งเฟิงกลับเอ่ยออกมาดังนี้ “ข้าดูจากสิ่งต่างๆ ที่เขาทำมาในหลายปีนี้ เขาเก็บงำความแค้นไว้ลึกล้ำนัก ลำพังแค่จิ่งเฉิงโหวพ่อลูก เกรงว่าคงไม่พอให้เขาได้ระบายความแค้นเสียแล้ว”

ดีชั่วเว่ยฉางอิ๋งก็มิได้มีความรู้สึกดีอันใดต่อจือเปิ่นถังอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำจึงพยักหน้าบอกว่า “หากเขามีความสามารถพอจะกำจัดจือเปิ่นถังไปเสียก็มิใช่เรื่องร้ายอันใด”

เสิ่นจั้งเฟิงยิ้มออกมาและมิได้ถกข้อสนทนานี้อีก บอกว่า “สายแร่หยกนั้นอยู่ที่ใด นางไล่บอกไว้หรือไม่?”

“หากมิใช่เพราะพวกเขายังคงเสียเวลามากมายในการค้นหาสายแร่นี่ ครานี้พวกเราก็คงจะไม่รู้เรื่องแล้ว … ก่อนหน้านี้ครึ่งปีผู้อาวุโสกู่ซึ่งเป็นท่านลุงแท้ๆ ของท่านอาหกของข้าผู้นั้นก็ล้มป่วยและตายไปแล้ว แม้เขาจะทิ้งแผนที่ซึ่งเป็นภาพวาดจากความทรงจำเอาไว้ แต่ไล่ฉินเหนียงบอกว่ากองโจรเขาเหมิงซานของพวกเขาลาดตระเวนไปแถบอำเภอเถาฮวามาสิบกว่าปี กลับไม่เคยพบเห็นพื้นที่ที่มีลักษณะคล้ายกับในภาพเลย เวลานี้รู้เพียงว่าเป็นเขาเหมิงซานส่วนที่อยู่ในอำเภอเถาฮวา ทว่าอยู่ที่ใดกันแน่นั้นกลับไม่รู้เลยจริงๆ” เว่ยฉางอิ๋งเอ็ดไปเบาๆ คำหนึ่ง พลันรู้สึกหวาดหวั่นน้อยๆ ขึ้นมาในใจ แต่ใบหน้าก็ยังคงสงบนิ่งเป็นปกติ นางยิ้มน้อยๆ พลางว่า “มิเช่นนั้น หากพวกเขาหาที่แห่งนั้นพบ แล้ววางแผนขุดเหมืองหยก ป่านนี้ก็คงจะไปที่ศาลาว่าการแล้วซื้อเขาที่มีสายแร่ทั้งลูกไปแล้ว เมื่อมีชื่อเป็นเจ้าของดังนี้แล้ว ผู้ใดก็ไม่อาจยื่นมือมาสอดได้อีก”

จะว่าไปแล้วก็เป็นเพราะตระกูลเว่ยมิได้มีอิทธิพลใดๆ ในกว้านโจว และเวลานี้ ตระกูลเสิ่นยังก็มีเรื่องที่ทำให้ตำหนักตะวันออกเปลี่ยนตัวเจ้าของมาขวางเอาไว้ ฮ่องเต้ถูกตระกูลสูงศักดิ์บีบให้ถอดถอนเซินสวิน ในใจพระองค์กำลังเต็มไปด้วยไฟโทสะ หากตระกูลเสิ่นยังยื่นมือมาสอดในพื้นที่ที่อยู่นอกซีเหลียงอีก ก็เกรงว่าจะทำให้ฮ่องเต้กริ้ว หากฮ่องเต้ลงมือหนักและจัดการตระกูลเสิ่นเสีย …ด้วยเหตุผลนานาดังที่ว่ามาจึงทำการต่างๆ ได้ลำบากเช่นนี้

หากสายแร่นี้อยู่ในเฟิ่งโจวหรือซีเหลียง แล้วตระกูลเว่ยหรือตระกูลเสิ่นจะต้องไปลำบากเช่นนั้นทำสิ่งใด? เพียงแค่เอาภูเขาช่วงนั้นมาเป็นสมบัติของตระกูลเสียเลยเท่านั้นเป็นพอแล้ว!

แต่เป็นเพราะกว้านโจวล้วนไม่ได้อยู่ในเขตอิทธิพลของทั้งสองตระกูล จึงทำได้เพียงอาศัยทางการเท่านั้น

แล้วเขาเหมิงซานก็กว้างใหญ่ออกเพียงนั้นเสียอีก หากยกเอาทั้งกว้านโจวหรือต่อให้เอาอำเภอเถาฮวาทั้งอำเภอมาจริงๆ ต่อให้คิดตามราคาที่ต่ำที่สุด ก็ยังเป็นเงินทองจำนวนมหาศาลอยู่ดี

สมมติว่าเพียงแค่ต้องการเขาเหมิงซานตอนนี้มาสร้างเรือนพักตากอากาศก็มิเป็นไร หากแต่ประเด็นสำคัญคือเพื่อสายแร่หยก หากอาศัยอำนาจบารมีมาช่วยทำให้ได้ราคาที่ต่ำมากๆ อย่างไม่สมเหตุสมผลและเอามาครอบครองเสีย แล้ววันหน้าหากมีคนรู้ว่าข้างในนั้นมีสายแร่หยก พอมีคนอิจฉามากๆ เข้า ก็จะต้องขุดคุ้ยออกมาพูดนั่นพูดนี่ เพื่อจะได้ขอมีส่วนแบ่งด้วยสักน้อย หากไม่ใช้วิธีให้ได้ราคาต่ำๆ แล้วใช้ราคาปกติ เช่นนั้นคนแซ่กู่ผู้นั้นก็ไม่รู้เช่นกันว่าสายแร่นี้ใหญ่โตเท่าใด และคุณภาพของมันเป็นเช่นใดกันแน่?