เมื่อคุณแม่เย่ได้เข้ามาพักผ่อนภายในบ้าน และได้รับประทานอาหารค่ำที่คุณแม่จ้าวทำแล้ว นางจึงพูดกับลูกเขยว่า “เหวินเทา ช่วยพาแม่ไปส่งที่บ้านหน่อยเถอะ”

“แม่ นี่มันกี่โมงแล้ว อยู่ค้างที่นี่สักคืนเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าผมค่อยพาไปส่งก็ได้” จ้าวเหวินเทารีบพูด

“นั่นสิ น้องเย่ นี่ก็เพิ่งจะกลับมา เหนื่อยมาตลอดทางแล้ว คืนนี้พักผ่อนให้เต็มที่ พรุ่งนี้ค่อยกลับไปก็ได้ ที่นี่ก็มีห้องนอนตั้งหลายห้อง” คุณแม่จ้าวเอ่ยขึ้นทันที

เย่ฉูฉู่เองก็ย่อมอยากรั้งให้แม่ของเธออยู่ที่นี่อยู่แล้ว

หลายวันมานี้แม่ของเธอลำบากจริง ๆ การมีแม่อยู่ด้วยทำให้เธอรู้สึกสบายหายห่วงไปไม่น้อย

“ออกมาเจ็ดวันแล้ว แม่อยากจะกลับไปดูบ้านสักหน่อย”คุณแม่เย่ยิ้ม จากนั้นก็คุยกับคุณแม่จ้าวว่า “พวกเด็กหนุ่มสาวยังไม่ค่อยรู้เรื่องราว ยังไงก็รบกวนพี่ช่วยดูแลหน่อยนะคะ อีกสองวันเดี๋ยวฉันจะกลับมาใหม่”

“เธอไม่ต้องห่วง กลับไปพักผ่อนให้เต็มที่นะ” คุณแม่จ้าวพยักหน้า

“อยู่ไฟให้สบายใจนะลูก อีกสองวันเดี๋ยวแม่มาหาใหม่” คุณแม่เย่พูดกับลูกสาวด้วยรอยยิ้ม

ลูกเขยเห็นความสำคัญของลูกสาวนางมากกว่าตัวนางที่เป็นแม่เสียอีก คุณแม่จ้าวเองก็เป็นแม่สามีผู้มีเหตุผล คุณแม่เย่จึงไม่ต้องกังวลอะไร นางอยากจะกลับไปดูที่บ้าน และไปแจ้งข่าวดีสักหน่อย ผ่านไปอีกสองวันค่อยกลับมาใหม่

เย่ฉูฉู่จึงปล่อยให้แม่ของเธอกลับไป

จ้าวเหวินเทาขับรถไปส่งแม่ยาย หลังจากที่เขากลับมาก็พบว่าคุณพ่อจ้าวก็กลับไปแล้ว

ตอนนี้เหลือแค่คุณแม่จ้าวที่อยู่ช่วยดูแลลูกให้เย่ฉูฉู่

นางเตรียมใจไว้อย่างดีแล้ว ว่าคืนนี้คงไม่ได้นอนหลับเต็มอิ่ม

ถึงอย่างไรตอนที่นางช่วยดูแลลูกให้สะใภ้สี่ ตอนกลางคืนทุกๆ 2-3 ชั่วโมงเด็กก็จะร้องครั้งหนึ่ง ช่วงกลางดึกต้องลุกขึ้นมาหลายรอบ เป็นการทรมานคนจริง ๆ

แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าหลานชายคนนี้กลับว่านอนสอนง่าย

แน่นอนว่าตอนค่ำต้องร้องไห้งอแงอยู่แล้ว แต่สาเหตุก็เป็นเพราะหิว หรือไม่ก็ปวดอุจจาระกับปัสสาวะ แค่ป้อนนมให้อิ่ม เปลี่ยนผ้าอ้อมใหม่ก็เรียบร้อยแล้ว พื้นฐานไม่ต้องคอยกล่อม ไม่ต้องคอยอุ้ม แค่ตบ ๆ ก้นก็หลับปุ๋ยแล้ว

“เด็กคนนี้ทำไมถึงเลี้ยงง่ายแบบนี้นะ?” คุณแม่จ้าวประหลาดใจ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะแอบเป็นกังวล คงไม่ใช่ว่ามีอะไรผิดปกติหรอกใช่ไหม?

แน่นอนว่านางไม่กล้าพูดกับลูกสะใภ้ตรง ๆ ตอนเช้าวันรุ่งขึ้นนางจึงกระซิบถามลูกชาย

จ้าวเหวินเทายิ้ม “แม่ ผมถามหมอแล้ว หมอบอกว่าโภชนาการเพียงพอ โดยทั่วไปแล้วเด็กก็จะไม่ร้องไห้งอแง ถ้าร้องไห้ก็เป็นเพราะร่างกายขาดอะไรบางอย่าง”

ไม่เช่นนั้นทำไมเขาถึงต้องส่งภรรยาไปคลอดลูกที่โรงพยาบาลในจังหวัดล่ะ หมอที่นั่นคนละเรื่องกับหมอที่ทำงานแบบขอไปทีภายในอำเภอเลย

“มีแบบนี้ด้วยเหรอ?” คุณแม่จ้าวแอบเป็นกังวล โดยปกติแล้วเด็กที่งอแงเก่งจะไม่มีปัญหาอะไร

“แม่ ที่โรงพยาบาลตรวจดูแล้ว ไม่เป็นไรครับ ลูกร่างกายแข็งแรงมาก” จ้าวเหวินเทาเน้นย้ำ

ตอนค่ำลูกไม่งอแง ตอนเช้าก็ไม่งอแง โดยพื้นฐานแล้วก็จะนอนหลับ ตื่นก็เพราะหิวนมหรือไม่ก็รู้สึกไม่สบายตัวเพราะขับถ่าย ส่วนเวลาอื่นก็ไม่ได้ร้องไห้โวยวาย

เย่ฉูฉู่ไม่ได้กังวลแม้แต่น้อย ลูกนอนหลับเธอเองก็หลับด้วย ทั้งแม่และลูกได้นอนหลับกันแบบสบายใจ

นี่เป็นครั้งแรกที่คุณแม่จ้าวได้เห็นคนที่อยู่ไฟเป็นแบบนี้ หมดห่วงเลยจริง ๆ!

เมื่อลิงน้อยไฉไฉเห็นว่าเย่ฉูฉู่กลับมา มันก็ไม่เต็มใจที่จะกลับไปนอนในรังของตัวเอง แต่กลับมานอนที่นี่

คุณแม่จ้าวย่อมไม่เห็นด้วย จึงไล่มันออกไป แต่เมื่อคุณแม่จ้าวเผลอมันก็วิ่งกลับมา ทั้งยังนอนข้าง ๆ เย่ฉูฉู่และดูแลทารกน้อยให้ด้วย

“เหวินเทา เด็กยังตัวเล็กแบบนี้ ฉูฉู่เองก็กำลังอยู่ไฟ ลิงตัวนี้สกปรกจะตาย อย่าให้มันมาอยู่ในบ้านสิ!” คุณแม่จ้าวพูดด้วยความโกรธ

จ้าวเหวินเทาเองก็จนปัญญา แต่ไฉไฉไม่ฟังเขา ฟังแค่ภรรยาของเขาเท่านั้น

ทว่าภรรยาบอกว่าไฉไฉช่วยเธอดูแลลูก มันก็ดูฉลาดมาก ไม่ได้เข้ามาแตะลูกของเขา เพียงแต่ดูเท่านั้น

แต่เห็นได้ชัดว่าแม่ของเขาไม่เต็มใจ จ้าวเหวินเทาจึงทำได้เพียงแค่พูดว่า “ผมจะพามันไปอาบน้ำ อาบให้สะอาดก็ไม่เป็นไรแล้ว”

“ไม่เป็นไรอะไร บนตัวลิงมีเหาด้วยนะ!” คุณแม่จ้าวกล่าว “เธอดูพวกเธอสิ เลี้ยงหมาก็ได้ ดันมาเลี้ยงลิง ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ว่าคิดอะไรกันอยู่!”

นางเองก็ทราบดีว่าฉูฉู่ยอมจำนนต่อลิงน้อย อย่างอื่นของลูกสะใภ้ไม่มีอะไรต้องพูด แต่มีแค่เรื่องนี้ที่คุณแม่จ้าวไม่เข้าใจเลยจริง ๆ

จ้าวเหวินเทายิ้ม “ไฉไฉ ไป ไปอาบน้ำ!”

ลิงน้อยชอบอาบน้ำมาก ที่สำคัญคือชอบเล่นน้ำ นอกจากนี้สถานที่อาบน้ำยังมีสวนผลไม้ มีผลไม้ให้มันกินด้วย

ลิงน้อยส่งเสียงร้องเจี๊ยก ๆ อย่างมีความสุขก่อนจะตามจ้าวเหวินเทาไป

ตอนนี้ทุกคนต่างก็ยุ่งอยู่กับการนวดข้าวและถั่ว นอกจากนี้ยังยุ่งกับการเก็บข้าวฟ่างด้วย

ดอกทานตะวันสุกช้าจึงต้องใช้เวลาอีกสามสี่วันถึงจะเก็บเกี่ยวได้ ส่วนข้าวโพดเก็บเกี่ยวหลังสุด จ้าวเหวินเทาปลูกดอกทานตะวันและข้าวโพดเพียงแค่สองอย่างนี้เท่านั้น

ดังนั้นตอนนี้จึงเป็นช่วงที่ว่างที่สุด ตอนที่เขาแบกลิงและถืออุปกรณ์อาบน้ำ ก็ได้เดินผ่านลานนวดข้าวที่ผู้คนกำลังพลุ่งพล่าน เขาดูสว่างไสวเมื่อเทียบกับทุกคนที่กำลังทำงานยุ่งกันอย่างกระตือรือร้น

“เจ้าหกจ้าว นายกลับมาตอนไหนเนี่ย? ภรรยาคลอดแล้วเหรอ?” หลี่เฟินถาม

“กลับมาถึงบ้านเมื่อคืน คลอดแล้ว” จ้าวเหวินเทาพยักหน้า

เหล่าหวังสามที่กำลังเกี่ยวข้าวอยู่ที่ข้างลานข้าว เห็นจ้าวเหวินเทาก็พูดเสียงดังว่า “นายไม่อยู่ดูแลลูกเมียที่บ้าน แต่กลับพาลิงไปอาบน้ำเนี่ยนะ?”

จ้าวเหวินเทากล่าว “ใช่ ต้องอาบน้ำลิงให้สะอาด อาบสะอาดแล้วจะได้ให้มันช่วยเลี้ยงลูก”

ทุกคนถึงกับหัวเราะ จ้าวเสี่ยวลิ่วคนนี้นี่จริง ๆ เลย ขนาดลูกก็ยังให้ลิงเลี้ยงให้ เขาไม่กังวลเลยว่าลูกจะถูกลิงข่วน

“ภรรยาของนายได้ลูกเพศอะไรล่ะ?” ภรรยาของเหล่าหวังสามเห็นว่าทุกคนคุยกันนานแต่ก็ไม่ได้เข้าประเด็น จึงรีบถาม

คุณพ่อจ้าวและคุณแม่จ้าวทราบจากตอนที่โทรมาตั้งแต่แรกแล้ว แต่ก็ไม่ได้บอกคนอื่น เมื่อคืนก็เพิ่งจะกลับมา ทุกคนจึงยังไม่ทราบว่าเย่ฉูฉู่ได้ลูกสาวหรือลูกชาย

“ลูกชาย” จ้าวเหวินเทาโบกมือพลางกล่าว

“นี่เป็นความสำเร็จของนายเลยนะ เจ้าหกจ้าว ยินดีด้วย!” สามีของหลี่เฟินกล่าว

“ฉันจะจัดงานเลี้ยงครบเดือน ถึงเวลานั้นก็มาดื่มฉลองกันนะ” จ้าวเหวินเทากล่าวด้วยรอยยิ้ม “ทุกคนต้องมานะ”

โดยปกติแล้วเด็กที่คลอดใหม่จะมีการกินเลี้ยงฉลองครบสามวัน เจ็ดวัน ภรรยาของเขาอยู่ที่โรงพยาบาลถึงเจ็ดวันกว่าจะกลับมา จึงไม่มีเวลาจัดงานเลี้ยงมงคล จึงทำได้เพียงแค่รอให้ครบหนึ่งเดือน

จ้าวเหวินเทาพูดจบก็พาลิงไปอาบน้ำ

ขณะที่ลานนวดข้าวก็เริ่มมีผู้คนถกประเด็นพูดคุยกัน

“ดวงของเจ้าหกจ้าวคนนี้ดีจริง ๆ คนแรกก็ได้ลูกชายแล้ว ขณะที่เจ้าสี่จ้าวคนนั้นคลอดคนที่สาม ก็ยังได้ลูกสาว!” สะใภ้ใหญ่คนหนึ่งกล่าว

“นี่มันอยู่ที่ดวงแล้วล่ะ!” ภรรยาของเหล่าหวังสามพูดต่อ

“เธอดูหมอนี่สิ อะไรก็ไม่ทำสักอย่าง พวกเราทำงานยุ่งแทบตายแล้ว แต่เขากลับมีเวลาว่างพาลิงไปอาบน้ำ!” เหล่าหวังสามถอนหายใจ

“เขาปลูกอะไรไว้ล่ะ?” สามีของหลี่เฟินถาม

“หมอนั่นปลูกดอกทานตะวันกับข้าวโพด มีความสามารถเนอะ?” เหล่าหวังสามส่ายหน้า

“มีความสามารถสิ ไม่มีใครเทียบได้จริง ๆ!” สามีของหลี่เฟินส่ายหน้า แน่นอนว่านี่เป็นแค่คำพูดขบขัน ของแบบนั้นเอาไปทำอะไรได้?

“เป็นคนฟุ่มเฟือยชะมัด ลูกชายไปเกิดในบ้านเขาคงทุกข์ทรมาน” หญิงสาวคนหนึ่งที่ไม่ต่างอะไรกับพี่สะใภ้จ้าวสี่ที่คลอดลูกสาวติดกันสี่คนอิจฉาจนเต็มท้องพูดด้วยความอิจฉาริษยา

สวรรค์มีตาแต่ไม่มีแววเลยจริง ๆ ถึงได้ส่งลูกชายไปที่บ้านจ้าวเหวินเทา

“นั่นสิ ไม่มีพืชผลอะไรให้เก็บ กลับไปช่วยภรรยาเลี้ยงลูกก็ได้ แต่กลับไปอาบน้ำให้ลิง นี่มันอะไรกัน เสียดายลูกสาวของตระกูลเย่ชะมัดเลย!” หญิงสาวอีกคนที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลจ้าวก็พูด

“ตระกูลเย่นี่ก็ตาถั่วจริง ๆ ถึงได้ให้ลูกสาวมาแต่งงานกับคนแบบนี้!” มีคนขุดเรื่องเดิมมาพูดซ้ำ ๆ ซาก ๆ อีกครั้ง

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ที่พูดๆ ค่อนแคะกันอยู่นี่เป็นเพราะตัวเองไม่มีความสามารถได้ลูกชายตั้งแต่ท้องแรกล่ะสิดูออก อย่าให้เห็นว่ามีผีหิวโหยในงานฉลองลูกอายุครบหนึ่งเดือนของเหวินเทานะ

ไหหม่า(海馬)