ตอนที่ 182 เสี่ยวไป๋หยางผู้เป็นลูกชาย

เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零]

“พวกเธอพอเถอะ เอาแต่พูดว่าจ้าวเหวินเทาไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ได้ทั้งวัน เขาได้เข้าไปอยู่บ้านใหม่แล้วนะ มีรถคันเล็กให้ขับ ลูกชายก็คลอดออกมาแล้ว ได้กินหรูอยู่สบาย พวกเธอล่ะ? เอาแต่บ่นฉอด ๆ อยู่นั่นแหละ ไม่มีประโยชน์สักคน!” ภรรยาเหล่าหวังสามเบ้ปาก อีกฝ่ายชีวิตเจริญขึ้นเรื่อย ๆ ไม่มีตาเอาเสียเลย ยังมาพูดถึงคนอื่นแบบนี้อีก?

ทุกคนเงียบงันไปครู่หนึ่ง แต่เพียงไม่นานก็มีคนคัดค้าน

“ชีวิตยังอีกนานนะ จะมองแค่นี้ได้เหรอ?”

“นั่นสิ เขาสร้างบ้านแล้ว แต่พอสร้างก็ขาดแคลนเงินทอง ถ้าจะให้ฉันขาดแคลนเงินทองก็สร้างได้เหมือนกันนั่นแหละ!”

“พวกเราต้องมองการณ์ไกลสิ รออีกสองปี ไม่สิ ถึงสิ้นปีนี้ พวกเธอคอยดูแล้วกัน ว่าชีวิตของเขาจะเป็นยังไง?”

พวกเขาพูดคนนี้หนึ่งคำคนนั้นหนึ่งคำ ราวกับเห็นฉากที่มีเจ้าหนี้ของจ้าวเหวินเทามาล้อมประตูบ้าน

พูดแบบนี้ ดูเหมือนว่าการทำงานจะกระฉับกระเฉงขึ้น ไม่ได้เหนื่อยขนาดนั้นแล้ว

มีหลายคนที่เอาแต่พูดแบบนี้ ให้ความสุขกับตัวเองด้วยการดูหมิ่นคนอื่น ส่วนจะเป็นการหลอกตัวเองหรือเปล่านั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ

เกี่ยวกับความคิดและการมองเหล่านี้ของคนในหมู่บ้าน จ้าวเหวินเทาไม่ได้สนใจสักนิด และไม่ได้เก็บมาใส่ใจด้วย

ในบรรดาคนเหล่านี้ ยังมีคนที่คิดจะมาหาเขาเพื่อให้ช่วยเอากระต่ายกลับมาให้ แต่พอหันหลังให้ก็มาพูดถึงเขาเสีย ๆ หาย ๆ แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจ

คุณสมบัติทางจิตใจของเขาแข็งแกร่งตั้งแต่อายุสามขวบ

ไม่ว่าจะเป็นลมตะวันออกเฉียงใต้ในฤดูร้อนหรือลมตะวันตกเฉียงเหนือในฤดูหนาวที่รุนแรง เขาก็สามารถต้านทานได้และยังคงแข็งแกร่ง เขายืนหยัดที่จะเป็นตัวของตัวเอง เดินบนเส้นทางของตัวเอง ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วคนเหล่านี้ก็จะยืนอยู่ด้านหลังห่างไกลจากเขา

เมื่อมาถึงริมแม่น้ำ จ้าวเหวินเทาทำการกดลูกลิงลงไปอาบน้ำในน้ำหนึ่งรอบ จากนั้นก็บอกให้มันไปตากขนให้แห้งบนต้นไม้ ส่วนตัวเองก็ไปอาบน้ำ

ตอนนี้เป็นช่วงที่ผลไม้กำลังสุกงอมได้ที่ ลูกลิงเห็นสวนผลไม้จากไกล ๆ มันจะยอมนั่งอาบแดดอยู่นิ่ง ๆ ได้อย่างไรกัน เมื่อเห็นว่าจ้าวเหวินเทาถอดเสื้อลงน้ำ ดวงตาเล็ก ๆ ของมันก็กลอกกลิ้งไปรอบหนึ่ง ก่อนที่จะหายไปไม่เห็นแม้แต่เงา

จ้าวเหวินเทายังคงพูดอยู่ตรงนั้น “ไฉไฉ แกนั่งรออยู่บนต้นไม้อย่างเชื่อฟังนะ เดี๋ยวขนแห้งแล้วค่อยลงมา ไม่งั้นถ้าตัวสกปรกฉันคงต้องอาบน้ำให้แกใหม่อีกรอบ ถ้าแกไม่อาบน้ำให้สะอาด แม่ของฉันไม่ให้แกเข้าบ้านแน่ แกก็จะไม่ได้เห็นเสี่ยวไป๋หยางของพวกเราด้วย”

เสี่ยวไป๋หยาง(ต้นป็อปลาร์น้อย) นี่คือชื่อเล่นที่ภรรยาของเขาตั้งให้ลูกชาย เธออยากให้ลูกชายเติบโตเหมือนกับต้นป็อปลาร์ สูงและหล่อเหลา เมื่อโตขึ้นก็จะกลายเป็นเสาหลักให้กับครอบครัว!

พูดมาครึ่งค่อนวันแต่ก็ยังไม่ได้ยินเสียงตอบกลับมา จ้าวเหวินเทาเงยหน้ามอง กลับไม่พบเงาของลูกลิงแล้ว

“ลิงน้อยตัวนี้วิ่งไปไหนแล้วเนี่ย”

จ้าวเหวินเทาตะโกนเรียกไฉไฉอยู่หลายครั้ง แต่ก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงา เขามองไปที่สวนผลไม้ทางฝั่งนั้น เขาก็เข้าใจได้ในทันทีว่ามันไปทำอะไร

จ้าวเหวินเทาไม่ลังเล เขาสวมเสื้อผ้าเสร็จก็เดินไปที่สวนผลไม้ ระหว่างที่เดินก็ตะโกนเรียกไฉไฉไปด้วย เพียงไม่นานก็ได้ยินเสียงคนด่าด้วยความโกรธจากสวนผลไม้ “ไอ้ลิงบ้าเอ๊ย แกทำผลไม้ฉันเสียหายหมดแล้ว!”

“เจี๊ยก ๆ!”

เสียงกระทบดังขึ้นหนึ่งเสียง

จ้าวเหวินเทาได้ยิน ก็รีบวิ่งไปตามเสียง ฉากตรงหน้าทำให้เขาพูดไม่ออก

เขาพบว่าลูกลิงกำลังนั่งเด็ดผลไม้จากบนต้นไม้ ส่วนคนที่อยู่ที่พื้นใช้ไม้หนึ่งแท่งกระทุ้งไปที่ลูกลิง แต่น่าเสียดายที่กระทุ้งไม่ถึง จึงทำได้เพียงแค่ด่าด้วยความร้อนใจ

ลูกลิงเห็นจ้าวเหวินเทามาถึง มันก็กระโดดม้วนตัวจากบนต้นไม้มาที่บนไหล่ของจ้าวเหวินเทา ส่งเสียงร้องเจี๊ยก ๆ สองสามครั้ง จากนั้นก็นำแอปเปิ้ลในมือส่งมาที่ปากของจ้าวเหวินเทา ความหมายของมันคือจะให้เขากิน

คนที่กระทุ้งลูกลิงคือคนในหมู่บ้าน ชื่อเมิ่งต้า เขามาที่นี่พร้อมกับแม่ที่แต่งงานใหม่ เด็กแบบนี้ในชนบทเรียกว่าลูกติด อายุยี่สิบกว่าปี รูปร่างผอมมาก ทั้งยังเป็นคนค่อนข้างเก็บตัวด้วย

ตอนนั้นที่เขาติดตามแม่ย้ายมาอยู่ที่นี่ก็อายุ 13-14 ปีแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและพ่อเลี้ยงไม่ได้ดีเลย ภายหลังพ่อเลี้ยงก็พาเขามาดูงานที่สวนผลไม้ เขาจึงถูกสั่งให้มาดูแลสวน หลังจากแบ่งที่ดินทำงานเองแล้ว พ่อเลี้ยงของเขาจึงเหมาสวนผลไม้ เขาแทบจะกินและอยู่ภายในสวนผลไม้แห่งนี้ น้อยครั้งมากที่จะออกไปพบปะคนในหมู่บ้าน

“ลิงของนายเหรอ?” เมิ่งต้าเห็นว่าลูกลิงนั่งยอง ๆ อยู่บนบ่าของจ้าวเหวินเทาด้วยท่าทางสนิทสนม จึงเอ่ยถาม

“ลิงของฉันเอง มันกินไม่เยอะหรอก นายอย่าไปตีมันเลย กินเสร็จมันก็ไปแล้ว ยิ่งนายตีมันมันก็ยิ่งดื้อ” จ้าวเหวินเทาอธิบาย จากนั้นก็ยื่นมือไปตีลูกลิงเบา ๆ เพื่อปลอบประโลมมัน

ลูกลิงแยกเขี้ยวใส่เมิ่งต้า

เมิ่งต้ากลับพูดด้วยความโมโห “นายพูดแบบนี้หมายความว่าไง มันกินไม่เยอะ แต่มันทำลายผลไม้ฉันนะ นายดูสิ นี่คือผลไม้ที่มันโยนลงมา ของพวกนี้เอาไปขายทำเงินได้ทั้งนั้นเลย! อีกอย่าง มันก็มาหลายครั้งแล้วด้วย ก่อนหน้านี้มันพาลิงตัวอื่นมาทำลายผลไม้ของฉันตั้งหลายตัว ฉันตีมันไปกี่ครั้งก็ไม่มีประโยชน์ ฉันคิดว่ามันเป็นลิงป่าบนเขา คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นลิงที่นายเลี้ยง วันนี้นายต้องสะสางกับฉันให้ชัดเจน!”

จ้าวเหวินเทาประหลาดใจ “มันมาหลายครั้งแล้ว? นายเข้าใจผิดแล้วมั้ง มันแทบไม่เคยออกจากบ้านเลยนะ”

“ฉันไม่ได้เข้าใจผิด ที่ตูดของมันไม่มีขนสักเส้น แต่ตัวอื่นมีขนทั้งหมด!” เมิ่งต้าพูดอย่างกล้าหาญ

จ้าวเหวินเทาไม่ได้สังเกตเรื่องพวกนี้ เขาจึงยกตัวลิงขึ้นมาดู ก็พบว่าไม่มีขนสักเส้นจริง ๆ เพราะบริเวณนั้นมีแผลเป็นอยู่ เจ้าของคนก่อนของลูกลิงไม่รู้ว่าใช้อะไรทำให้เป็นแบบนี้

“เจี๊ยก ๆ!”

ลูกลิงไม่พอใจที่จ้าวเหวินเทามาดูก้นมัน จึงพยายามสะบัดตัวให้หลุดออกจากมือของเขา ก่อนจะปีนขึ้นต้นไม้ไปจนไม่เห็นเงา

“ไฉไฉ แกขึ้นไปทำอะไร จะไม่กลับบ้านแล้วใช่ไหม?” จ้าวเหวินเทาตะโกนเสียงสูง ลูกลิงก็ยังไม่กลับมา

เมิ่งต้าเห็นท่าทางแบบนั้นของจ้าวเหวินเทา ก็อดไม่ได้ที่จะพูด “ทำไมนายถึงเลี้ยงลิงล่ะ?”

จ้าวเหวินเทาถอนหายใจ “ก็เลี้ยงไปงั้น ๆ แหละ งั้นก็ขอโทษนายด้วยนะ ฉันไม่รู้ว่ามันจะวิ่งออกมาเอง ฉันคิดมาตลอดว่ามันอยู่ในบ้านอย่างเชื่อฟัง”

เป็นเพราะภูมิหลังของเมิ่งต้า ทำให้เขารู้สึกด้อยค่าและกลัวจะเกิดเรื่อง ไม่เช่นนั้นหากลิงมาทำให้ผลไม้ของเขาเสียหายหลายครั้ง เขาคงไปแจ้งทีมนานแล้ว เมื่อครู่เขาโมโหจึงพูดออกไป กว่าจะพูดได้ไม่รู้ว่าต้องรวบรวมความกล้าขนาดไหน

“ไม่เป็นไร ลิงตัวนี้ไม่ได้สร้างความเสียหายมากมายอะไร แต่ถ้ามันพาลิงพวกนั้นมาด้วยก็ไม่ได้เป็นแบบนี้แล้ว พวกมันทั้งกินทั้งเอากลับไป วิ่งก็เร็วมาก ฉันตามมันไม่ทันเลย” เมิ่งต้าอธิบาย “เลขาบอกว่า ลิงที่อยู่บนเขาไปยุ่งไม่ได้ ถ้าไปยุ่งจะผิดกฎหมาย ก่อนหน้านี้พวกมันก็ไม่เคยออกมา”

จ้าวเหวินเทาพอจะฟังออก เป็นเพราะลิงของเขาพาลิงที่อยู่บนเขาออกมา

“มันฟังภาษาคนเข้าใจเป็นอย่างดี กลับไปฉันจะอบรมมันเอง จะไม่ให้มันมาแล้ว” จ้าวเหวินเทากล่าว

มันวิ่งไปไม่กลับมา สั่งสอนไปจะไปมีประโยชน์เหรอ?

เมิ่งต้าคิดเช่นนี้ แต่จ้าวเหวินเทาพูดด้วยความจริงใจอย่างมาก จึงไม่ได้พูดอะไรอีก จากนั้นก็หมุนตัวเดินไปเก็บผลไม้ที่ลิงโยนลงมา

จ้าวเหวินเทาคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ช่วยเก็บด้วย ฉากนี้ให้ความรู้สึกเหมือนกับพ่อมาเก็บกวาดวีรกรรมให้ลูกจริง ๆ

ระหว่างที่เก็บผลไม้เขาก็ถามเมิ่งต้าไปพลางว่าผลไม้ขายเป็นอย่างไรบ้าง

“ใช้รถเล็กขนไปที่ตลาดในเมือง ชั่งละ 2-3 เฟิน” เมิ่งต้ากล่าว

“ราคาแค่ 2-3 เฟินต่อหนึ่งชั่งเองเหรอ นี่มันถูกเกินไปหน่อยมั้ง?” จ้าวเหวินเทาเอ่ยอย่างรู้สึกเหนือความคาดหมาย

คนในชนบทต่างก็ไม่ซื้อผลไม้ เพราะโดยพื้นฐานในบ้านก็มีต้นไม้ผลอยู่แล้ว ปลูกอะไรก็กินอันนั้น ฤดูหนาวก็จะซื้อลูกสาลี่ลูกพลับแช่แข็งอะไรพวกนั้นนิดหน่อย จ้าวเหวินเทาจึงไม่ได้สนใจราคาผลไม้

……………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ไฉไฉอย่าทำพ่อซวยสิลูก

แต่เป็นเหวินเทาแล้วเรื่องที่เหมือนจะซวยอาจจะมีโชคดีตามหลังก็ได้นะ

ไหหม่า(海馬)