“นี่ก็ขายไม่ออกแล้ว” เมิ่งต้าแอบรู้สึกหดหู่

พ่อเลี้ยงของเขาได้เหมาสวนผลไม้นี้ให้เขาแล้ว ทั้งยังบอกอีกว่า ค่าใช้จ่ายในการเหมาที่แห่งนี้เขาต้องรับผิดชอบเอง แน่นอนว่ากำไรก็เป็นของเขาเองด้วย แต่มีเงื่อนไขเดียวคือ ทางครอบครัวจะไม่ออกเงินสร้างเรือนหอให้เขาแม้แต่เฟินเดียว จะเกิดแก่เจ็บตายอย่างไรก็ไม่เกี่ยวข้องกับที่บ้าน

เมิ่งต้าเข้าใจดี ถึงอย่างไรพ่อเลี้ยงก็คือพ่อเลี้ยง ไม่สามารถคาดหวังอะไรได้ เขาจึงทำได้เพียงแค่พึ่งพาตัวเอง อีกอย่างสวนผลไม้แห่งนี้ก็เป็นทางรอดเดียวของเขา เพราะเขามีที่ดินที่เป็นของเขาคนเดียว ส่วนที่ดินของแม่ตกเป็นของพ่อเลี้ยง

ที่ดินส่วนบุคคลแปดหมู่มันจะไปทำอะไรได้? ดังนั้นเขาจึงฝากความหวังไว้ที่สวนผลไม้ น่าเสียดายที่ผลไม้ขายไม่ได้ราคา ไม่เพียงแต่ไม่ได้ราคา แต่ยังถูกลิงมาสร้างความเสียหายอีก

จ้าวเหวินเทาเป็นคนช่างเจรจา หลังจากช่วยเมิ่งต้าเก็บผลไม้เสร็จแล้ว เขาก็เดินมายังที่พักของเมิ่งต้าที่ดูเหมือนกับเพิงพักอาศัย

ด้านนอกมีเสาไม้สามสี่ต้น ด้านบนคลุมด้วยเสื่อน้ำมัน ส่วนด้านล่างมีตะกร้าหวายขาดรุ่งริ่งวางซ้อนอยู่เป็นกอง ในนั้นมีผลไม้อย่างสาลี่ ท้อ แอปเปิ้ล และซานติง(1)

มีทั้งที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ และที่อยู่ในสภาพเนื้อเละ นอกจากนี้ยังมีที่ร่วงจากต้นทั้ง ๆ ที่ยังไม่สุกด้วย

จ้าวเหวินเทามองดูถังน้ำที่มีฝาปิดอยู่ข้าง ๆ เขาตักน้ำขึ้นมาล้างผลไม้สองสามอย่างเพื่อลองรับประทาน รสชาติไม่เลวเลย ทั้งเนื้อฉ่ำกรุบกรอบ รสชาติเปรี้ยว ๆ หวาน ๆ

“ผลไม้นี่พันธุ์ไม่เลวเลยนะ” จ้าวเหวินเทากล่าวชม

เมิ่งต้าถูกชมย่อมรู้สึกมีความสุข เขากล่าว “ฝั่งนี้น้ำดี ฤดูร้อนฉันตั้งใจไปขุดดินบนเขาเพื่อนำมาทำเป็นปุ๋ยเป็นพิเศษเลย”

“นายดูแลไม้ผลเก่งมากเลยนะ” จ้าวเหวินเทาได้ยินจึงเอ่ยปากกล่าว

“อื้อ พ่อของฉันปลูกไม้ผล แถมยังติดตาต่อกิ่งเป็นด้วยนะ” เมิ่งต้าพูดตามจิตใต้สำนึก กล่าวจบก็เงียบขรึมไป

จ้าวเหวินเทาจำได้ว่าเคยได้ยินพ่อกับแม่พูดถึงพ่อแท้ ๆ ของเมิ่งต้าว่าเสียชีวิตเพราะป่วยเป็นโรค แม่ของเมิ่งต้าไม่มีทางเลือกอื่นจึงต้องพาเมิ่งต้าย้ายมาอยู่ในหมู่บ้านนี้ด้วย เมิ่งต้าเองก็เปลี่ยนมาใช้แซ่ของพ่อเลี้ยงแล้ว หากเป็นเด็กจำความไม่ได้ก็ยังดี แต่เขาโตขนาดนั้นย่อมรู้เรื่องทุกอย่าง ภายในใจต้องไม่เห็นด้วยแน่นอน

“แล้วนายจะทำยังไง ผลไม้นี้เก็บไว้ไม่ได้หรอกนะ” จ้าวเหวินเทาเปลี่ยนหัวข้อสนทนา

เมิ่งต้าส่ายหน้า เขาเองก็ไม่รู้ เขาไปได้ไกลที่สุดก็ตลาดในตำบล ที่นั่นขายได้ไม่ดี เขาเองก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร

“เอาแบบนี้ ในเมื่อลิงของฉันสร้างความเสียหายให้นาย ฉันจะช่วยขายผลไม้ให้ ถือว่าเป็นการชดเชยจากฉันก็แล้วกันนะ?” จ้าวเหวินเทาพูดจบก็โยนแกนผลไม้ที่กินเสร็จแล้วออกไป พลางกล่าว

เมิ่งต้าชะงัก “ช่วยขายผลไม้ ช่วยยังไงเหรอ?”

จ้าวเหวินเทากล่าว “มีอยู่สองทาง ทางแรกคือฉันซื้อผลไม้ของนาย ส่วนอีกทางก็คือ ฉันจะพานายไปขายในเมือง ฉันจะช่วยนายขายออกไปในราคาที่แพงที่สุดอย่างสุดความสามารถ จากนั้นฉันค่อยเอาส่วนแบ่งจากนาย 10 เปอร์เซ็นต์”

ต่อให้ลิงของเขาสร้างความเสียหาย และเขาต้องชดใช้ แต่ก็ไม่ได้ชดใช้ให้ฟรี ๆ ยังมีค่าน้ำมัน ค่าสึกหรอของรถ ค่าเสียเวลา พวกนี้เป็นต้นทุนทั้งนั้นเลย

อีกอย่างหนึ่ง เวลาที่จ้าวเหวินเทาทำเรื่องต่าง ๆ เขาก็ไม่เคยมีความคิดที่จะทำดีกับคนอื่นจนเกินไป แค่ให้อยู่ในระดับที่พอใช้ได้ก็พอแล้ว

เมิ่งต้ากลับรู้สึกตื่นเต้น ไม่ว่าจะเลือกทางไหนก็ดีกับเขาทั้งหมด

ตอนที่กำลังจะอ้าปากพูด จ้าวเหวินเทาก็พูดอีกว่า “ฉันแนะนำให้นายไปขายกับฉัน แบบนี้นายก็จะได้ประสบการณ์จากโลกภายนอกด้วย ฝึกฝนสักหน่อย ถึงยังไงการช่วยเหลือของฉันก็มีขีดจำกัด หลังจากนี้นายต้องพึ่งพาตัวเอง ถ้านายขายผลไม้ออกไปด้วยตัวเองได้ แบบนั้นก็สุดยอดเลย นายว่าจริงไหม?”

เมิ่งต้าหน้าแดง เขาหายใจหอบถี่ “ฉัน…ฉันจะทำได้เหรอ?”

“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ? นายก็มีแขนมีขา ไม่ได้เป็นคนโง่สักหน่อย มีอะไรที่ทำไม่ได้ อีกอย่าง ฉันก็บอกไปแล้วไง ครั้งนี้ฉันช่วยนายขาย นายก็ดูว่าฉันขายยังไง ครั้งหน้าก็ทำเป็นแล้ว จริงไหม?” จ้าวเหวินเทากล่าว

การออกไปข้างนอก การได้เดินออกไป นี่เป็นสิ่งล่อใจที่คนหนุ่มสาวทุกคนไม่สามารถต้านทานได้ เมิ่งต้าก็เช่นเดียวกัน

“ตกลง ฉัน ฉันควรทำอะไรสักหน่อยไหม?” เมิ่งต้าตื่นเต้นจนไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไร

“นายก็เตรียมผลไม้ที่จะขายให้พร้อม ใส่บรรจุให้ดี ของดี ๆ ก็แยกไว้ ถึงเวลานั้นพวกเราจะได้ขายออกไปในราคาที่แตกต่างกัน” จ้าวเหวินเทากล่าว

“ผลไม้คุณภาพไม่ดีก็ขายได้เหรอ?” เมิ่งต้ามองผลไม้ที่อยู่ในสภาพไม่สมบูรณ์ครึ่งหนึ่งเหล่านั้น

จ้าวเหวินเทายิ้มในแบบที่เหมือนกับพวกพ่อค้าหน้าเลือด “ทำไมผลไม้คุณภาพไม่ดีจะขายไม่ได้? ผลไม้คุณภาพต่ำก็ขายในแบบของผลไม้คุณภาพต่ำสิ เอาล่ะ นายลงมือทำเถอะ ฉันจะไปหาลิงแล้ว!”

จ้าวเหวินเทาเดินไปครู่หนึ่ง เมิ่งต้าก็เพิ่งจะได้สติกลับมา จากนั้นก็ไปเตรียมตัวด้วยเหงื่อที่ท่วมไปทั้งตัว

จ้าวเหวินเทาเดินหารอบหนึ่งก็ยังไม่เจอลูกลิง เขาตะโกนจนเสียงแหบแห้งก็ยังไม่มีเสียงตอบรับ จึงกลับมาที่บ้าน

“กลับมาแล้วเหรอ ไฉไฉล่ะ?” เย่ฉูฉู่ไม่เห็นลูกลิงจึงเอ่ยถาม

จ้าวเหวินเทาจึงเล่าเรื่องที่ลูกลิงไปสร้างความเสียหายในสวนผลไม้ให้ภรรยาฟังหนึ่งรอบ

เย่ฉูฉู่กล่าว “รอมันกลับมาฉันจะคุยกับมันเอง คุณขอโทษเขาหรือยัง? ได้ให้ค่าชดเชยความเสียหายไหมคะ”

จ้าวเหวินเทากล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่ได้ชดเชย แต่ผมได้ยินว่าผลไม้ของเขาขายไม่ดี ก็เลยว่าจะพาเขาออกไปขาย”

เย่ฉูฉู่ทราบดีว่าเขามีแผนในใจจึงไม่ได้พูดอะไร

ตอนนี้เสี่ยวไป๋หยางตื่นแล้ว เขากำลังเล่นขณะที่จ้องมองตาแป๋ว

ดวงตาของเขาดูคล้ายกับเย่ฉูฉู่ ทั้งใหญ่และเป็นประกาย สีดำขลับด้วย

จ้าวเหวินเทาเอียงตัวมาหยอกล้อข้าง ๆ ลูกชาย จากนั้นก็พูดกับเย่ฉูฉู่ด้วยรอยยิ้มว่า “ภรรยา คุณว่าในอนาคตจะให้ลูกชายของพวกเราทำอะไรดี?”

เย่ฉูฉู่กล่าว “รอให้เขาโตก็ค่อยดูว่าเขาสนใจอะไรแล้วกันค่ะ เขาอยากทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น”

จ้าวเหวินเทากล่าว “หลังจากเสี่ยวไป๋หยางของพวกเราโตแล้ว ส่งให้เขาไปเป็นทหารสิ?”

เย่ฉูฉู่หัวเราะ “ตอนนี้ยังเร็วเกินไป นั่นเป็นเรื่องอีกสิบปียี่สิบปีข้างหน้าเลยนะคะ”

เพียงไม่นานลูกลิงก็กลับมาด้วยตัวเอง มันเกาะอยู่บนเตียงอย่างเงียบ ๆ เฝ้าดูเย่ฉูฉู่และเสี่ยวไป๋หยาง

เย่ฉูฉู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ได้ยินเหวินเทาบอกว่าแกไปเก็บผลไม้กินเหรอ?”

“เจี๊ยก ๆ” ลูกลิงร้องอย่างแอบกังวลว่านายหญิงของมันจะด่า

“ผลไม้พวกนั้นเป็นของที่คนอื่นเขาปลูกไว้ เขาต้องพึ่งพาผลไม้เหล่านั้นเพื่อหาเงิน พวกเราจะไปเด็ดผลไม้ของคนอื่นตามอำเภอใจไม่ได้ ครั้งหน้าถ้าแกอยากไป ก็หยิบเงินจากในนี้ไปด้วยนะ” เย่ฉูฉู่ให้ถุงเงินใบเล็ก ๆ กับมัน ในนั้นมีเหรียญอยู่นิดหน่อย

“เจี๊ยก ๆ” ลูกลิงรับไป

“ฉันว่าไฉไฉฟังรู้เรื่องอยู่นะคะ” เย่ฉูฉู่หัวเราะ

ลูกลิงผูกถุงไว้กับตัว เห็นได้ชัดว่ามันมีความสุข ครั้งหน้าถ้าไปกินผลไม้ มันจะต้องให้เงินด้วย จากนั้นมันก็ฟุบลงบนเตียงเพื่อเฝ้าเสี่ยวไป๋หยาง

เช้าวันรุ่งขึ้นคุณแม่เย่ก็เดินทางมา

ในบ้านปกติดีทุกอย่าง ไม่มีอะไรต้องกังวล ดังนั้นคุณแม่เย่จึงนำไข่ไก่มาให้ลูกสาวระหว่างอยู่ไฟอีกครั้ง

การอยู่ไฟหลังคลอดลูกสำหรับผู้หญิงเป็นเรื่องที่สำคัญเป็นพิเศษ ไม่สามารถทำแบบขอไปทีได้ แม้คุณแม่จ้าวในฐานะของแม่สามีจะไร้ที่ติ แต่คุณแม่เย่ก็ยังรู้สึกว่าตัวเองมาอยู่เป็นเพื่อนน่าจะดียิ่งกว่า

แม่ยายมาแล้ว แม่ของเขาก็มาช่วยเหลือด้วยอีกคน จ้าวเหวินเทาจึงไม่ต้องเป็นห่วงภรรยาเลย

ดังนั้นวันนี้เขาจึงขับรถไปรับเมิ่งต้าและนำผลไม้เข้าเมือง จากนั้นก็ไปที่ห้างสรรพสินค้า เพื่อตรงไปที่ร้านรับขายของท้องถิ่นที่มาถามครั้งก่อน

ที่สำคัญก็คือ จ้าวเหวินเทาสนิทกับพนักงานขายหญิงที่ชื่อหลี่ชุ่ยแล้ว

พนักงานขายหญิงหลี่ชุ่ยเคยได้รับกระต่ายจากจ้าวเหวินเทา หล่อนจึงต้อนรับจ้าวเหวินเทาอย่างมีความสุขมาก

“สหายหลี่ ฉันมาแล้ว ครั้งนี้ฉันพาของท้องถิ่นจากบ้านเกิดของฉันมาด้วยนะ เป็นผลไม้ พวกเธอรับหรือเปล่า?” จ้าวเหวินเทากล่าวด้วยรอยยิ้ม

…………………………………………………………………………………………………………………………

(1) ผลไม้ตระกูลแอปเปิล แต่มีลูกเล็กขนาดเชอร์รี่ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Malus baccata (L.) Borkh. (ภาพจาก https://baike.sogou.com/v835335.htm)

สารจากผู้แปล

ดีลสำเร็จ ได้ผลไม้มาขายอีกอย่าง เหวินเทานี่หัวการค้าสุดๆ ไปเลย

ไหหม่า(海馬)