บทที่ 372 เอาแต่ใจ
บทที่ 372 เอาแต่ใจ
“ทำไมฉันถึงจะอยู่ที่นี่ไม่ได้ล่ะ?”
จืออี้กอดแขนของตัวเองไว้เหนือหน้าอกของเธออย่างอบอุ่น “ชายที่แข็งแกร่งอย่างท่านเซียวมีเสน่ห์ดึงดูดใจผู้หญิงอย่างเรา มันจะแปลกตรงไหนที่จะมีผู้หญิงแบบฉันอยู่ข้าง ๆ เขา? คุณหัวหน้ากิลด์เฉียงเหว่ย คุณตั้งใจที่จะครอบครองท่านเซียวไว้คนเดียวหรือเปล่า? เพราะหากเป็นเช่นนั้น คุณจะมีศัตรูมากมายเลยล่ะ!”
สายตาของหลิวเฉียงเหว่ยหยุดนิ่ง เพราะเธอนึกถึงปัญหามากมายที่เธอเคยมองข้ามไปก่อนหน้านี้
เพราะในอดีตความสัมพันธ์ของเธอกับเซียวเฟิงค่อนข้างคล้ายกับความสัมพันธ์เชิงธุรกรรม เซียวเฟิงเป็นเจ้าหนี้ของเธอ และเธอแทบไม่มีอิสระในการใช้ชีวิตเลย ไม่ว่าเซียวเฟิงอยากจะทำอะไรเธอก็ไม่สามารถต้านทานได้และเธอก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะอ้างสิทธิ์ใด ๆ กับเซียวเฟิงได้
ดังนั้น หลังจากที่เธอรู้ว่าเฉียนโตวโตวและซือเยี่ยจิ๋งต่างก็มีความประทับใจดี ๆ ต่อเซียวเฟิง เธอก็ไม่มีความรู้สึกพิเศษใด ๆ เพราะเธอก็ถูกดึงดูดด้วยเสน่ห์ของเซียวเฟิงเช่นกัน นอกจากนี้ เธอยังรู้ว่าเป็นเรื่องปกติที่ผู้หญิงคนอื่น ๆ จะมีความประทับใจที่ดีต่อเซียวเฟิง
ทว่าตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมแล้ว เธอกับเซียวเฟิงจะแต่งงานกัน กล่าวอีกนัยหนึ่ง เธอมีสถานะและตำแหน่งโดยชอบธรรม ด้วยวิธีนี้ เธอจึงมีคุณสมบัติที่จะผูกขาดเซียวเฟิงได้ และเมื่อเป็นเช่นนี้เธอจะสามารถทนผู้หญิงคนอื่นที่อยู่รอบ ๆ ตัวเซียวเฟิงได้เหรอ?
หลิวเฉียงเหว่ยเงียบไปครู่หนึ่ง พบว่าตัวเองไม่แน่ใจในเรื่องนี้ เพราะเธอพร้อมที่จะแบ่งปันเซียวเฟิงให้กับเฉียนโตวโตวและซือเยี่ยจิ๋งมาก่อน ถ้าจู่ ๆ ตอนนี้เธอจะบีบเฉียนโตวโตวและซือเยี่ยจิ๋งออกไป…
ไม่ต้องพูดถึงว่าเธอเตรียมใจแล้วหรือยัง เอาเพียงแค่จากมุมมองของเฉียนโตวโตวและท่าทีของซือเยี่ยจิ๋งต่อเซียวเฟิงมันก็เป็นไปไม่ได้ที่ทั้งคู่จะเห็นด้วยกับเธอ บางทีทั้งคู่อาจจะต่อต้านเธอด้วยซ้ำ
หลิวเฉียงเหว่ยส่ายหัว ไม่อยากที่จะคิดถึงปัญหานี้ เพราะเธอไม่สามารถแก้สถานการณ์ได้
“จริงเหรอ? เธอใจดีมากเลยนะที่ติดตามเขามาตลอดทาง ดูท่าเดินผิดธรรมชาติของเธอสิ เธอคงจะทรมานมาตลอดทางเลยสินะ”
อย่างไรก็ตามหลิวเฉียงเหว่ยมั่นใจว่าต่อให้เธอจะทนเฉียนโตวโตวและซือเยี่ยจิ๋งได้ แต่ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะยอมให้จืออี้อยู่ใกล้ ๆ เซียวเฟิง ดังนั้น เมื่อเห็นท่าทางการเดินผิดธรรมชาติของจืออี้ หลิวเฉียงเหว่ยก็กล่าวขึ้นอย่างแดกดัน
“คุณหัวหน้ากิลด์เฉียงเหว่ย ไม่รู้เหรอว่าท่านเซียวทรงพลังแค่ไหนบนเตียงน่ะ? นี่ไม่ใช่เพราะการเดินทางมันลำบาก แต่เป็นเพราะถูกท่านเซียวโยนลงบนเตียงต่างหาก” จืออี้หัวเราะ
“อะไรนะ?!” สายตาของหลิวเฉียงเหว่ยเปลี่ยนเป็นเฉียบคม
“ฉันบอกแล้ว คุณหัวหน้ากิลด์เฉียงเหว่ยไม่เคยนอนกับท่านเซียวเหรอ? คุณไม่รู้หรือว่าท่านเซียวแข็งแกร่งเกินไปในแง่ของความเป็นชาย?” จืออี้บ่นอยู่ภายนอก แต่แววตาของเธอเต็มไปด้วยความพึงพอใจ
“แน่นอน ฉันรู้! นี่คือสิ่งที่มักจะเกิดขึ้น!” หลิวเฉียงเหว่ยสงบลง แต่แก้มที่งดงามของเธอกลายเป็นสีแดง หัวข้อนี้ยังคงโจ่งแจ้งเกินไปสำหรับหลิวเฉียงเหว่ยผู้เยือกเย็นซึ่งอยู่คนละโลก
“โอ้? จริงเหรอ?” จืออี้ผู้ซึ่งไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้มากนัก ทันใดนั้นก็แสดงรอยยิ้มที่มีความหมายเมื่อเธอเห็นการตอบสนองเช่นนี้ ทำให้หลิวเฉียงเหว่ยไม่กล้ามองเธอ
“ดูเหมือนว่าท่านเซียวจะต้องการเวลาอยู่บ้าง งั้นฉันจะไปพักผ่อนก่อนสักหน่อย การเดินทางของฉันมันหนักหนาเอาการ ผิวของฉันไม่อยากอาบแดดไปมากกว่านี้แล้ว”
แต่จืออี้ไม่ได้ตั้งใจจะขุดคุ้ยความจริงอะไร เธอมองย้อนกลับไปที่เซียวเฟิงซึ่งยังคุยไม่เสร็จและเดินตรงเข้าไปในวิลล่า
เซียวเฟิงยังคุยไม่จบจริง ๆ เพราะมีบางอย่างเกิดขึ้น
“อะไรนะ? เธอจะไปแล้วเหรอ? เธอจะไม่อยู่ในฮัวเซียงั้นเหรอ?” เซียวเฟิงถามพลางขมวดคิ้วที่เอเรบัส เพราะเอเรบัสบอกเขาว่าเธอกำลังจะจากไป
“ฉันจะกลับไปทางตะวันตก ยังมีงานต้องทำ” เอเรบัสส่ายหัว “นอกจากคิงคองแล้ว สมาชิกทั้งหมดขององค์กรเฮลได้หยั่งรากในเกมแล้ว และฉันจะปล่อยพวกเขาให้นายดูแล พวกเขาอยู่ในโรงแรมด้านล่างสวนสาธารณะ ฉันซื้อโรงแรมนั้นแล้ว สาวน้ำแข็งกับสาวไฟรับผิดชอบอยู่ นายสามารถไปหาพวกเขาได้โดยตรง”
“โกสต์” เซียวเฟิงขมวดคิ้ว เขาจะไม่พูดอะไรมากหากเอเรบัสจะตัดสินใจกลับไปทางตะวันตก
แต่หลังจากการเดินทางไปยังฐานทัพ เขารู้ว่าโกสต์เป็นเพียงร่างโคลน และเธอไม่มีครอบครัวหรืออะไรเลย กล่าวอีกนัยหนึ่ง เธอไม่มีข้อกังวลและโซ่ตรวน เช่นนั้นเธอก็ไม่จำเป็นต้องกลับไปทางตะวันตก
“ดาร์ก ดูเหมือนว่านายจะรู้อยู่แล้ว” เอเรบัสไม่ใช่คนธรรมดา เมื่อนัยน์ตาสีเงินของเธอสบตาเซียวเฟิงเธอรู้ทุกอย่างในทันที
เซียวเฟิงไม่ได้พูดอะไรเพราะเขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไร แต่คราวนี้เอเรบัสพูดอีกครั้ง
“ฉันไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่สมบูรณ์ เพราะฉันเป็นแค่ร่างโคลน และเนื่องจากโครงการสร้างพระเจ้าได้ดึงยีนมากเกินไป ร่างกายของฉันจึงมีข้อบกพร่องมากมาย”
เอเรบัสยกมือขึ้น ในแสงแดด ฝ่ามือที่ขาวสะอาดของเธอมีแสงลอดผ่าน ราวกับว่ามันโปร่งใส กระดูกและเส้นประสาทภายในก็มองเห็นได้อย่างชัดเจน
“ร่างกายของเธอ…” เซียวเฟิงกล่าวด้วยความประหลาดใจ มองดูผิวใสของเอเรบัส!
“ฉันต้องกลับไปที่เฮล ซึ่งมีอุปกรณ์สำหรับรักษาสมรรถภาพทางกายของฉันอยู่” เอเรบัสยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ
“ถ้าอย่างนั้น…เดินทางระวังด้วย” เซียวเฟิงเงียบไปครู่หนึ่งและในที่สุดก็เปิดปากเพื่อเตือนเธอ ฐานของเฮฟเว่นถูกทำลายลง แล้วในขณะที่ฐานของเฮลก็ไม่มีใครอยู่ ถ้าเอเรบัสต้องการกลับไปก็ขวางเธอไม่ได้
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้เซียวเฟิงกังวลมากที่สุดคือสภาพร่างกายของเอเรบัส แม้ว่าเธอจะบอกว่าที่เฮลมีอุปกรณ์รักษาสมรรถภาพทางกายของเธอ แต่อุปกรณ์นั้นก็ต้องผลิตมาจากเฮฟเว่นด้วย
ทว่าฐานของเฮฟเว่นถูกเซียวเฟิงทำลายและจมลงในมหาสมุทรไปแล้ว ซึ่งหมายความว่าอุปกรณ์ดังกล่าวสร้างเพิ่มไม่ได้ ไม่ว่าอุปกรณ์จะเสียหายหรือหมดอายุการใช้งาน แม้กระทั่งวัสดุสิ้นเปลืองในอุปกรณ์ เช่น เซลล์เหลว ก็ไม่สามารถซ่อมแซมและเติมใหม่ได้
หากอุปกรณ์นั้นเป็นพื้นฐานของการมีอยู่ของเอเรบัส การสูญเสียอุปกรณ์นั้นหมายความว่าชีวิตของเอเรบัสสิ้นสุดลงแล้วหรือไม่?
เป็นครั้งแรกที่เซียวเฟิงรู้สึกเสียใจกับการทำลายฐานของเฮฟเว่น
“ลาก่อน” เอเรบัสยิ้มให้เซียวเฟิง พร้อมอำลาด้วยท่ายกชายชุดเดรสแบบยุคกลาง หรูหราและสง่างาม จากนั้นเธอก็หันหลังกลับและหายไปจากสายตาของเซียวเฟิงในไม่ช้า
“คิงคอง พาเหยซีไปที่โรงแรมรีสอร์ทด้านล่าง สาวน้ำแข็งและสาวไฟอยู่ที่นั่น ให้พวกเขาดูแลมัน” เมื่อมองไปยังทิศทางที่เอเรบัสหายตัวไป เซียวเฟิงก็เงียบไป สิบนาทีก่อนจะหันกลับไปหาคิงคอง เหยซีเป็นชื่อที่เซียวเฟิงตั้งให้กับนกสีดำ
วิลล่าบนยอดเขาสร้างขึ้นบนภูเขา และมีสวนสาธารณะอยู่ด้านหน้า ด้านล่างเป็นโรงแรมรีสอร์ต เซียวเฟิงรู้จักดีและมักจะเดินผ่านทางนั้นบ่อย ๆ
“ครับผม!”
คิงคองพยักหน้า ทักทายนกสีดำ และจากไปพร้อมกับมัน
เหลือเพียงเซียวเฟิงเพียงคนเดียวที่อยู่นอกวิลล่า เช่นเดียวกับรถสีดำที่ไม่มีป้ายทะเบียน
เซียวเฟิงไม่อยากทิ้งรถสีดำ แต่ขับมันเข้าไปในโรงรถ เพราะรถสีดำมีความสำคัญเป็นพิเศษและได้เป็นสักขีพยานการเกิดใหม่ของเฮล!
ใช่แล้ว เฮฟเว่นถูกทำลาย และสมาชิกทั้งหมดของเฮลก็ได้เกิดใหม่ รวมทั้งเซียวเฟิงด้วย แต่น่าเสียดายที่โกสต์ซึ่งเป็นนายแห่งสมาชิกเฮลคนอื่น ๆ ได้จากไปแล้ว
เซียวเฟิงมองไปยังโรงแรมรีสอร์ตล่างภูเขา ซึ่งจะเป็นสถานที่แห่งใหม่สำหรับกลุ่มเฮล
สักวันหนึ่ง เครื่องจักรสังหารที่ไร้ความปราณีเหล่านั้นจะค่อย ๆ ฟื้นคืนความเป็นมนุษย์และฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ก่อนจะถึงตอนนั้น เขาต้องยืมพลังของพวกเขาและใช้งานมัน กิลด์มิดซัมเมอร์ต้องการกลุ่มผู้เล่นระดับสูงเช่นนี้
เซียวเฟิงละสายตาของเขาแล้วหันหลังเพื่อกลับไปที่วิลล่าอย่างเป็นทางการ ซึ่งเขาถือว่ามันเป็นบ้านไปแล้ว
“ทำไมไม่เข้าไปล่ะ?” แต่เมื่อเซียวเฟิงหันหลังกลับและกำลังจะเข้าไปในวิลล่า ก็พบว่าหลิวเฉียงเหว่ยยังคงยืนอยู่ที่ประตูวิลล่ารอเขาอยู่
“คุณพาผู้หญิงคนนั้นกลับมาทำไม?” หลิวเฉียงเหว่ยก้าวเข้ามา ร่างกายที่สมบูรณ์แบบของเธอขวางอยู่หน้าเซียวเฟิงซึ่งกำลังเตรียมจะเข้าประตู
“เธอดึงดันจะตามมา ฉันไม่มีทางเลือก” เซียวเฟิงส่ายหัวและก้าวไปทางขวา เตรียมจะเดินผ่านหลิวเฉียงเหว่ย
อย่างไรก็ตามหลิวเฉียงเหว่ยก็ขมวดคิ้วและขยับตามเขา จากนั้นก็ขวางเซียวเฟิงและทำเรื่องน่าตกใจ เธอตบหน้าเซียวเฟิง!
เพียะ!
เซียวเฟิงกันด้วยหลังมือของเขาพร้อมหน้าเสียเล็กน้อย เขาไม่ตอบสนองแล้วมองหลิวเฉียงเหว่ยอย่างสับสนก่อนจะถามว่า “เธอทำบ้าอะไรน่ะ?!”
“ขอถามหน่อย ที่บ้านไม่มีผู้หญิงหรือไง?” หลิวเฉียงเหว่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“แน่นอนว่ามีผู้หญิงอยู่สิ” เซียวเฟิงยิ่งสับสนมากขึ้น
เพียะ!
หลิวเฉียงเหว่ยตบเขาอีกครั้ง แต่ยังคงถูกเซียวเฟิงกันด้วยมือของเขา และยิ่งมึนงงมากขึ้นไปอีก
“อีกคำถาม ผู้หญิงที่บ้านไม่เต็มใจนอนกับนายเหรอ?” หลิวเฉียงเหว่ยถาม
“ดูเหมือนไม่” เซียวเฟิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง พวกเธอไม่ใช่แค่เต็มใจเท่านั้น แต่ยังอยากจะนอนกับเขาอย่างบ้าคลั่งด้วย
เพียะ!
แน่นอนว่าการตบครั้งนี้ก็ยังคงถูกเซียวเฟิงกันไว้
“ถ้างั้น ทำไมนายถึงพาผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้กลับบ้านมากัน?” หลิวเฉียงเหว่ยถาม
“หา? ใครให้สิทธิ์เธอพูดกับฉันแบบนี้ เธอไม่คิดว่าตัวเองจะเอาแต่ใจเกินไปหน่อยเหรอ? ฉันจะเอาผู้หญิงที่ไหนกลับมามันเกี่ยวอะไรกับเธอหรือไง?” ในที่สุดเซียวเฟิงก็ตอบสนองและมองไปที่หลิวเฉียงเหว่ยด้วยความโกรธ
ผ่านไปหนึ่งเดือน ผู้หญิงคนนี้ป่วยหนักถึงขนาดกล้าตบเขาเลยงั้นเหรอ?
“ฉัน…ฉันเป็นคู่หมั้นของนายนะ! แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องของฉัน!”
เมื่อเห็นเซียวเฟิงเบิกตากว้าง หลิวเฉียงเหว่ยก็อ่อนลงทันที มองไปที่เซียวเฟิงอย่างระมัดระวังและกล่าวอย่างประหม่า
“อะไรนะ? เธอบ้าหรือเปล่า?!” เซียวเฟิงเกือบจะหัวเราะด้วยความโกรธ ผู้หญิงคนนี้กลายเป็นบ้าไปแล้ว? น่าเสียดายรูปร่างหน้าตาของเธอเสียนี่กระไร!
“พี่!”
ทว่าในขณะนี้เอง จางเสี่ยวหยูก็ปรากฏตัวนอกวิลล่าพร้อมกับสาวใช้ผู้สวมหน้ากากและถือดาบ เธอเห็นเซียวเฟิงจากไกล ๆ และตะโกนอย่างมีความสุข
หลิวเฉียงเหว่ยรู้สึกโล่งใจในขณะนี้ ไม่จำเป็นต้องบอก เธอเป็นคนแจ้งจางเสี่ยวหยูเอง
“เธอ… รู้เรื่องทั้งหมดแล้ว”
เซียวเฟิงตะลึงในทันที หันกลับไปอย่างแข็งทื่อเล็กน้อย และมองไปที่จางเสี่ยวหยูที่เดินมาทางวิลล่าด้วยรอยยิ้มบิดเบี้ยวที่ซับซ้อน
“พี่…พี่เก็บความลับได้เก่งมากเลยนะ ฉันต้องใช้เวลาตั้งห้าปีในการตามหาพี่”
จางเสี่ยวหยูที่สง่างามก้าวเข้ามาหาเซียวเฟิงทีละก้าว ทว่าหลังจากเดินมาได้ไม่กี่ก้าว น้ำตาก็ไหลออกจากดวงตาของเธอแล้ว ทันใดนั้นเธอก็เร่งฝีเท้าขึ้น วิ่งเข้าหาเซียวเฟิงและโยนตัวเองเข้าไปในอ้อมแขนของเซียวเฟิง
“พี่! ฉันคิดถึงพี่เหลือเกิน! ฉันทำงานอย่างหนักเพื่อตามหาพี่เลยนะ!”
“อย่าร้องไห้สิ เป็นสาวเป็นนางแล้วจะร้องไห้ได้ยังไง? ฉันกลับมาแล้ว และฉันจะไม่จากไปไหนอีกแล้ว” แววตาของเซียวเฟิงซับซ้อน เขากอดจางเสี่ยวหยูอย่างอ่อนโยน ตบหลังเธอแล้วพูดปลอบ
“จริง ๆ นะ?” จางเสี่ยวหยูเงยหน้าขึ้นด้วยน้ำตาที่เต็มใบหน้าของเธอแล้วถามเซียวเฟิง
“ใช่ ฉันไม่จากไปไหนอีกแล้ว” เซียวเฟิงพยักหน้า